ตอนที่ 2778 ร่างมานาที่เสร็จไปครึ่งหนึ่ง
เมืองอุกกาบาต โรงแรมซิลเวอร์ :
หลังจากซือเฟิงได้รับคริสตัลเวทย์มนต์สี่ล้านห้าแสนชิ้นมาจากสกายแฟร์แล้ว เขาก็ได้กลับไปที่โรงแรมซิลเวอร์พร้อมกับยู่หลัว สำหรับงานประมูลเล็กๆที่เขาวางแผนจะจัดขึ้นในตอนแรกนั้น ไลอ้อนฮาร์ทได้ออกมาช่วยประกาศต่อสาธารณชนแล้วว่าสกายแฟร์จะผูกขาดไอเทมทั้งสองอย่างนี้ไว้ทั้งหมด และนี่มันก็ทำให้ความวุ่นวายของเรื่องนี้จบลงอย่างรวดเร็ว
ไม่มีผู้มีอำนาจกลุ่มใดในเมืองอุกกาบาตที่กล้าแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการผูกขาดของสกายแฟร์ เพราะท้ายที่สุดแล้วสกายแฟร์เป็นกองกำลังเดียวที่มีผู้เล่นขั้นสี่สองคน ….
ก่อนหน้านี้ผู้มีอำนาจกลุ่มอื่นๆนั้นยังคงกล้าที่จะยืนหยัดต่อสู้กับสกายแฟร์ เพราะว่าไลอ้อนฮาร์ทนั้นไม่สามารถจะฆ่านักสู้ขั้นสี่คนอื่นๆด้วยตัวเองได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตามตอนนี้วินเชเซอร์ของสกายแฟร์ก็ได้กลายเป็นแอสซาซินที่มีอาชีพลับเป็นไนท์วอร์คเกอร์ขั้นสี่แล้ว ดังนั้นมันจึงจะเป็นเรื่องง่ายเลยสำหรับสกายแฟร์ที่จะฆ่านักสู้ขั้นสี่คนใดคนหนึ่งที่พวกเขาเล็งเป้า นี่มันจึงทำให้แม้แต่กองกำลังของผู้เล่นสองจากสามอันดับแรกที่เหลือก็ยังตัดสินใจจะทนต่อสถานการณ์นี้
นี่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าคริสตัลแห่งวิญญาณนั้นสามารถจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับวิญญาณของผู้ใช้มันได้เล็กน้อยด้วย ซึ่งความช่วยเหลือนี้มันจะช่วยผู้เล่นได้มากอย่างแท้จริง เมื่อพวกเขาไปทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ และแม้ว่าทีมนักผจญภัยสกายแฟร์จะได้รับคริสตัลแห่งวิญญาณไปแค่ห้าชิ้นตามจำนวนที่ซือเฟิงจะตั้งใจนำออกมาประมูลแบบเดิม แต่มันก็ยังจะทำให้พวกเขามีผู้เล่นขั้นสี่เพิ่มขึ้นมาจากสองเป็นสามคนแน่นอน
ในขณะเดียวกัน เมื่อซือเฟิงกลับมาถึงห้องของเขา เขาก็ได้นำคริสตัลเวทย์มนต์เจ็ดหมื่นห้าพันชิ้นออกมาแจกจ่ายให้กับไลฟ์เลสธอร์น โซริทารี่ไนน์ หยานย่า คลีนซิ่งวิสเซิล และยู่หลัว
“โอ้ใช่แล้ว แล้วก็พวกคุณจะได้รับน้ำวิญญาณไปคนละหนึ่งหยดเช่นกัน ….” ซือเฟิงกล่าว ขณะที่เขาหยิบน้ำวิญญาณห้าหยดออกมาแจกจ่าย “เมื่อพวกคุณรวบรวมเศษชิ้นส่วนมรดกเสร็จสิ้นแล้วให้รีบดื่มมันทันที แม้ว่ามันจะไม่ได้ให้ผลเท่ากับคริสตัลแห่งวิญญาณ แต่มันก็ยังสามารถจะช่วยทำให้จิตใจของพวกคุณปลอดโปร่ง มีสมาธิ ซึ่งจะช่วยให้พวกคุณมีช่วงเวลาที่ง่ายขึ้นในการเรียนรู้สกิลมรดก”
ไลฟ์เลสธอร์น และสมาชิกทีมอาชูร่าคนอื่นๆพยักหน้าตอบสนอง ก่อนจะรับน้ำวิญญาณมาทันที
อย่างไรก็ตามยู่หลัวนั้นรู้สึกลังเล เธอไม่รู้ว่าเธอควรจะรับน้ำวิญญาณซึ่งมีราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์สามหมื่นชิ้นต่อหยดมาดีรึปล่าว
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม น้ำวิญญาณนั้นมีค่ามากเกินไป แค่คุณยอมจ่ายให้ฉันได้ทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ ฉันก็เป็นหนี้บุญคุณ คุณมากแล้ว ฉันไม่สามารถจะรับน้ำวิญญาณมาเพิ่มได้จริงๆ” ยู่หลัวกล่าวปฎิเสธน้ำวิญญาณจากซือเฟิง หลังจากที่เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ฮีฟเว่นเบลดนั้นได้ร่วมมือกับสภาสิบแปดปีกมาครั้งเดียวเท่านั้น และทั้งสองฝ่ายก็ไม่สามารถจะถือว่าเป็นพันธมิตรกันได้เลย หากเธอรับน้ำวิญญาณมา เธอจะเป็นหนี้บุญคุณซือเฟิงอีกมาก และตัวเธอเองก็จะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการจะอธิบายให้ซีเว่ยฟัง เมื่อเธอกลับไป
อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ตอบสนองต่อคำปฎิเสธของยู่หลัวด้วยการส่ายหัว และกล่าวว่า “มิสยู่หลัว คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้ให้น้ำวิญญาณนี้กับคุณฟรีๆ ฉันต้องการให้คุณช่วยฉันในเรื่องบางอย่างในอนาคต เพราะหากคุณไปถึงขั้นสี่ได้ มันจะมีโอกาสสูงมากขึ้นที่เราจะประสบความสำเร็จในเรื่องนี้”
“ช่วยคุณในเรื่องบางอย่าง ?” ยู่หลัวรู้สึกงุนงงเล็กน้อย
“ถูกต้อง ฉันวางแผนที่จะโจมตีมังกรเด็กขั้นสี่ อย่างไรก็ตามผู้เล่นขั้นสามจะไม่มีประโยชน์มากนักต่อหน้ามังกรเด็กขั้นสี่ มันมีเพียงผู้เล่นขั้นสี่เท่านั้นที่จะสามารถช่วยฉันได้มากในเรื่องนี้ ขณะเดียวกันนอกเหนือจากเรื่องนี้ตัวคุณเองก็ได้มาถึงขอบเขตอนันต์ และการควบคุมมานาของคุณก็จัดว่ายอดเยี่ยมมาก ซึ่งคุณเหลืออีกเพียงก้าวเดียวก็จะก้าวเข้าสู่มาตราฐานขั้นสี่ได้ ซึ่งด้วยความช่วยเหลือจากน้ำวิญญาณ มันจะทำให้คุณมีโอกาสมากขึ้นอีกมากในการจะทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้สำเร็จ” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า “ดังนั้นน้ำวิญญาณหยดนี้คือสิ่งที่ฉันเลือกจะลงทุนในตัวคุณ ฉันไม่ได้ให้คุณฟรีๆ ไม่ต้องคิดมากเกินไป”
การโจมตีมังกรเด็กขั้นสี่ที่กำลังจะมาถึงนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นขั้นสามจะสามารถทำอะไรได้มากนัก และมันมีเพียงแค่ผู้เล่นขั้นสี่เท่านั้นที่จะจัดว่ามีประโยชน์ในเรื่องนี้จริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮีลเลอร์ขั้นสี่ที่จะมีประโยชน์มากๆ เนื่องจากซือเฟิงไม่แน่ใจว่าหยานย่าจะสามารถทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้สำเร็จ ดังนั้นเขาจึงได้เลือกจะทำแบบนี้ และนี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่เขามีน้ำวิญญาณอยู่มากกว่าสองพันหยด ซึ่งเขาสามารถจะยอมรับความเสี่ยงในการลงทุนเล็กน้อยแบบนี้ได้สบายๆ
“ฉันเข้าใจแล้ว ถ้าครั้งนี้ฉันไม่สามารถทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ และกลายเป็นขั้นสี่ได้สำเร็จ ฉันจะหาทางตอบแทนคุณสำหรับน้ำวิญญาณหยดนี้ในภายหลัง” ยู่หลัวกล่าว เมื่อเธอได้ยินคำพูดล่าสุดของซือเฟิง มันก็ทำให้เธอรู้สึกเบาใจลงมาก
ความจริงแล้วมันคงจะเป็นการโกหก ถ้าเธอบอกว่าเธอไม่ต้องการน้ำวิญญาณ
ท้ายที่สุดเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่นั้นมันไม่ได้ง่ายเหมือนกับการไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ บรรดาผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของเมืองอุกกาบาตได้แสดงให้เธอเห็นถึงเรื่องนี้มาแล้ว และในบรรดาผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดที่เลือกจะท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ มันก็มีน้อยกว่าสิบเปอเซ็นต์ที่สามารถทำได้สำเร็จ อย่างไรก็ตามหากเธอมีน้ำวิญญาณแบบนี้ มันก็น่าจะช่วยเธอในเรื่องนี้ได้มากทีเดียว
ยู่หลัวนั้นรับน้ำวิญญาณมาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
นั่นเป็นเพราะน้ำวิญญาณนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความหวัง แต่มันยังเป็นภาระอีกด้วย หากเธอทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้สำเร็จ เธอก็จะสามารถตอบแทนบุญคุณทั้งหมดที่เธอเป็นหนี้ได้ทันที เพราะท้ายที่สุดเครอลิคขั้นสี่นั้นนับว่าหายากอย่าวไม่น่าเชื่อใน God domain ยุคโบราณ ไม่ต้องพูดถึงยุคปัจจุบันเลย
“พวกคุณไปกันได้แล้ว ตอนนี้พวกคุณจะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่ไหม มันก็ขึ้นอยู่กับตัวพวกคุณเองแล้ว” ซือเฟิงกล่าว หลังจากยู่หลัวยอมรับน้ำวิญญาณจากเขาไป ก่อนที่เขาจะกล่าวกับทุกคนว่า “จำไว้ว่าให้ประเมินความแข็งแกร่งของตัวเองให้ดี และยอมรับความแข็งแกร่งของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้สกิลที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ให้เรียนรู้สกิลที่คิดว่าตัวเองเชี่ยวชาญที่สุด”
เขาไม่สงสัยในความสามารถของทั้งห้าคนในเรื่องการรวบรวมเศษชิ้นส่วนมรดกให้ครบตามจำนวน สิ่งที่เขากังวลคือเรื่องความสามารถในการเรียนรู้สกิลมรดกขั้นสี่ให้ได้ในระยะเวลาที่กำหนด
หลังจากนั้นภายใต้การนำของยู่หลัว ไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆก็ได้ออกเดินทางไปพบกับผู้ฝึกสอนขั้นสี่ของเมืองอุกกาบาต
ตอนนี้มีเพียงแต่ซือเฟิงเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในห้องของโรงแรม
หวังว่าพวกเขาสักสองถึงสามคนจะสามารถทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้สำเร็จนะ …. เพราะหากเป็นแบบนี้ เราจะมีช่วงเวลาที่ง่ายขึ้นมากในการจะจัดการกับมังกรเด็กขั้นสี่ ซือเฟิงภาวนาในใจ ขณะที่เขามองไปยังกลุ่มห้าคนที่เดินหายไป หลังจากนั้นซือ
เฟิงก็ได้เลือกจะออกไปล่าเพื่อทำความคุ้นเคยกับร่างมานาที่ปลดล๊อคใหม่ของเขา เพราะหากเขาไม่คุ้นเคยกับมัน การโจมตีมังกรเด็กขั้นสี่อาจจะล้มเหลวได้
การลองโจมตีไลอ้อนฮาร์ทนั้นไม่ได้นับเป็นการต่อสู้ ตอนนี้เขาจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำความคุ้นเคยกับร่างมานาระดับอีปิคของเขาที่ปลดล๊อคศักยภาพได้หนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์แล้ว ซึ่งนี่เป็นเพราะทุกๆเปอเซ็นต์หลังทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ของร่างมานานั้นล้วนนำไปสู่การปรับปรุงที่ละเอียดอ่อน โดยเขาจำเป็นที่จะต้องรู้ทุกเรื่องทั้งหมดของร่างมานาของเขาหลังจากการปรับปรุงนี้ ….
และนอกเหนือจากจะต้องรู้ทุกเรื่องทั้งหมดของร่างมานาของเขาหลังจากการปรับปรุงแล้ว ซือเฟิงก็ยังจำเป็นจะต้องทำความคุ้นเคย และเรียนรู้กับมันด้วยเพื่อที่เขาจะได้สามารถแสดงพลังและศักยภาพที่ได้รับการพัฒนาของเขาออกมาได้อย่างเต็มที่
ในตอนนี้ร่างมานาของเขามันถือว่าเสร็จไปแล้วครึ่งหนึ่งเท่านั้น ตอนนี้เขาจะต้องทำการตรวจสอบ และวิเคราะห์ร่างมานาของเขาอย่างละเอียดเพื่อที่จะใช้มันให้เกิดประโยชน์ได้สูงสุด
หลังจากนั้นซือเฟิงก็ดื่มน้ำวิญญาณเข้าไปหนึ่งหยดเพื่อฟื้นฟูค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจบางส่วนที่เขาเสียไปในตอนใช้ โฮลี่ดีวอร์ จากนั้นเขาก็สวมเสื้อคลุมสีดำของเขา และออกไปจากเมืองอุกกาบาตอย่างเงียบๆ
หลังจากเช็คแผนที่จากระบบแล้ว ซือเฟิงก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อมุ่งหน้าไปยังภูเขาไฟต้านเวทย์มนต์ ซึ่งเป็นแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยสามสิบห้าที่ตั้งอยู่ห่างจากเมืองอุกกาบาตพอสมควร และตั้งแต่เริ่มออกเดินทางจนไปถึง มันก็ไม่มีใครในเมืองอุกกาบาตที่รู้ถึงการหายตัวไปจากเมืองของเขาเลย ….