ตอนที่ 2783 ยุคแห่งการแย่งชิงความเป็นเจ้าโลก
Upper Zone หน้าทางเข้า :
ขณะที่เหลียงจิงและเหล่ยเปากำลังรู้สึกประหลาดใจอย่างมากกับฉากที่ได้เห็นตรงหน้า ซือเฟิงก็ได้ค่อยๆเดินเข้ามาหาพวกเขา
“เป็นไง ? Upper Zone นั้นแตกต่างจากที่จินตนาการเอาไว้ไหม ?” ซือเฟิงมองไปที่ทั้งสองคน และยิ้มบางๆ
การแสดงออกของทั้งสองคนนั้นมันเหมือนกับเขาในตอนที่พึ่งจะมาที่นี่ครั้งแรกเลย เพียงแต่ว่า หลังจากนั้นเขาก็ได้รู้ว่า Upper Zone นั้นไม่ได้ถูกล้อมรอบอยู่ภายใต้กำแพงเหล็ก แต่อยู่ใต้ดิน
“หัวหน้ากิล ใน Upper Zone นั้นเป็นยังไงบ้าง ?” เหลียงจิงกล่าวถามซือเฟิง “มันเหมือนกับในข่าวลือไหม ?”
มันมีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับ Upper Zone ในโลกภายนอก อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้ว มันก็ไม่มีใครที่อยู่ในโลกภายนอกจะเข้าใจ และรู้เรื่องราวเกี่ยวกับ Upper Zone เท่ากับผู้ที่อยู่อาศัยภายใน ซึ่งพวกผู้อยู่อาศัยภายในก็มักปิดเรื่องราวส่วนใหญ่ของ Upper Zone เป็นความลับด้วย
ขณะเดียวกันก็ต้องบอกเลยว่าข่าวเกี่ยวกับ Upper Zone ในโลกภายนอกส่วนใหญ่นั้นล้วนเป็นแค่ข่าวลือทั้งหมด
หลังจากได้ยินคำถามของเหลียงจิง เหล่ยเปาก็หันมามองซือเฟิงด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน
สำหรับเขาสถานที่แบบ Upper Zone นี้เป็นสถานที่ที่เขาไม่เคยคิดฝันเลยว่าจะได้เข้ามาอยู่ เพราะแม้แต่แชมป์โลกการต่อสู้ในโลกภายนอกก็ยังไม่ได้รับสิทให้เข้ามาอยู่ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดคนอย่างเขาเลย ….
“มันน่าทึ่งมากๆ !!!” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “มันน่าทึ่งยิ่งกว่าในข่าวลือซะอีก !! แม้ว่าคนข้างในจะไม่ได้ออกกำลังและฝึกฝนมากนัก แต่ร่างกายของพวกเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นเสมอ !!!”
“แล้วข่าวลือที่ว่า แม้แต่แชมป์โลกการต่อสู้ในโลกภายนอกก็ยังจัดถูกจัดให้อยู่ในระดับล่างๆในด้านความสามารถการต่อสู้ เมื่อเข้าไปใน Upper Zone นั่นมันจริงไหม ?” เหล่ยเปาอดไม่ได้ที่จะถามซือเฟิงขึ้น เมื่อได้ยินดังนี้
สถานที่ที่สามารถจะช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายได้อย่างต่อเนื่อง … นี่มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อสุดๆ และมันก็ได้ทำลายมุมมองรวมทั้งความเชื่อของเขาส่วนใหญ่ที่เกี่ยวกับการออกกำลังกายไป
“ข่าวลือมันก็ออกจะเกินจริงไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้แตกต่างจากข่าวลือมากนักหรอก …” ซือเฟิงกล่าวโดยไม่คิดจะปิดบัง “แม้ว่าจะไม่ได้ออกกำลังและฝึกฝนใดๆ แต่ในที่สุดคุณภาพร่างกายทางกายภาพก็จะขึ้นไปเทียบได้กับปรมาจารย์เหิงเหลียน แต่หากผ่านการฝึกเรื่อยๆภายในนั้นรวมทั้งใช้โพชั่นและยาบางอย่างช่วย คุณภาพร่างกายทางกายภาพก็จะยิ่งน่าทึ่งยิ่งขึ้นไปอีก”
“มันน่าทึ่งขนาดนั้นเลยงั้นหรอ ?” เหล่ยเปารู้สึกตกตะลึง เมื่อได้ยิคำอธิบายของซือเฟิง
เขามาถึงจุดที่เขาเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้อย่างยากลำบาก แต่เขากับสามารถจะเข้าถึงมันได้ง่ายๆโดยไม่ต้องออกกำลังและฝึกฝนใดๆใน Upper Zone หากข่าวเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ใครกันจะเชื่อ ?
แต่เขาก็รู้ดีว่าซือเฟิงนั้นไม่ได้โกหกเขา ทุกอย่างใน Upper Zone มันจะต้องเป็นไปตามที่ซือเฟิงบอกแน่นอน
ชั่วขณะหนึ่งเหล่ยเปารู้สึกว่าชีวิตของเขาไร้ค่าไปเลย และทุกสิ่งที่เขาพยายามทำมาจนถึงตอนนี้มันดูไร้ประโยชน์มากๆ
“ปรมาจารย์เหล่ยเปา คุณไม่ต้องท้อถอยไปหรอก ….” ซือเฟิงมองไปที่ท่าทีของเหล่ยเปาในปัจจุบัน ก่อนที่เขาจะกล่าวอย่างช้าๆ “กิลสภาสิบแปดปีกของเราจะเข้ามาพัฒนาใน Upper Zone แน่นอนในอนาคต และนอกเหนือจากฉัน ไป๋ฉิงเฉว (ชื่อในโลกจริงของเสวี่ยเหวินโหรว) อควาโรส ฉันก็จะเริ่มหาทางให้คนของเราได้เข้ามาที่นี่มากขึ้น และเราก็จะทำเหมือนกับพวกมหาอำนาจที่แท้จริงหลายกลุ่มที่ถือว่าพื้นที่ Upper Zone นั้นเป็นสำนักงานใหญ่หลักของตัวเอง”
แม้ว่าซือเฟิงจะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และไม่ได้ดังมากนัก แต่เหล่ยเปาและเหลียงจิงก็อดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง
หากคนพูดเรื่องนี้ไม่ใช่ซือเฟิง พวกเขาจะมองว่ามันเป็นเรื่องตลก
แต่พวกเขารู้ดีว่าซือเฟิงนั้นเป็นคนที่คอยสร้างปาฎิหาริย์มาตลอดเวลา เขาสามารถพัฒนาสภาสิบแปดปีกมาถึงจุดปัจจุบันได้ด้วยตัวเอง ฉะนั้นมันก็ไม่มีอะไรที่จะเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาแน่นอน
และซือเฟิงก็เป็นพวกที่จะไม่พูดอะไรเลย ถ้าไม่มั่นใจว่าจะทำได้ ซึ่งเมื่อเขาพูดออกมาแบบนี้ มันย่อมแสดงให้เห็นว่าเขามีวิธีที่จะบรรลุเป้าหมายนี้
“กิลสภาสิบแปดปีกของเราจะเข้ามาพัฒนาใน Upper Zone ในอนาคตงั้นหรอ ?” เหลียงจิงมองไปที่กำแพงเหล็กพลางพึมพำด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
หากพวกเขาสามารถทำได้จริงๆ สภาสิบแปดปีกก็จะไปถึงจุดที่มหาอำนาจส่วนใหญ่ไม่สามารถจะทำอะไรกับกิลได้แล้วแน่นอน
ขณะเดียวกันตอนนี้เหล่ยเปาก็กำหมัดแน่นด้วยความคาดหวัง และความปราถนาที่เอ่อล้นในใจของเขา ตอนนี้เขารู้สึกว่าการเลือกเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกเป็นสิ่งที่ฉลาดที่สุดที่เขาเคยทำมาในชีวิตเลย
“นี่คือโพชั่นเพิ่มพลังสามขวด เหลียงจิง นำสองขวดไปให้ไฟเออร์แดนซ์ กับไวโอเล็ตคลาวด์” ซือเฟิงหยิบโพชั่นเพิ่มพลังสามขวดออกมา ก่อนจะออกคำสั่งและยื่นให้กับเหลียงจิงไปสองขวด จากนั้นเขาก็หันไปหาเหล่ยเปาและกล่าวว่า “ปรมาจารย์เหล่ยเปา คุณเอาขวดสุดท้ายนี่ไป ฉันเชื่อว่าด้วยโพชั่นนี้มันน่าจะทำให้คุณไปได้ไกลกว่านี้”
ไฟเออร์แดนซ์ และไวโอเล็ตคลาวด์นั้นมักจะออกกำลัง และฝึกฝนอย่างจริงจังเสมอๆ ซึ่งความสามารถและพรสวรรค์ของทั้งสองนั้นก็มีสูงมาก แต่น่าเสียดายที่เนื่องจากทรัพยากรของพวกเธอมีจำกัด ดังนั้นการพัฒนาของพวกเธอจึงเป็นไปอย่างเชื่องช้ากว่าที่ควรจะเป็น แต่ตอนนี้เมื่อได้รับโพชั่นเพิ่มพลังไปช่วย ซือเฟิงเชื่อว่าทั้งสองน่าจะสามารถทลายขีดจำกัดของร่างกายทางกายภาพของตัวเองไปได้อีกขั้น ….
สำหรับปรมาจารย์เหล่ยเปา เขามีความสามารถสูงอยู่แล้ว และซือเฟิงก็ตั้งความหวังไว้กับเขาสูงมาก แต่เขาเคยชินกับการต้องดิ้นรนและต่อสู้มาเพียงลำพังมาเกือบตลอดชีวิต และเขาก็พึ่งจะมาได้รับการอัดฉีดทรัพยากรให้จริงๆก็หลังจากเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีก ดังนั้นซือเฟิงจึงต้องเร่งพัฒนาของเขาหน่อย เพราะท้ายที่สุดแล้วการฝึกหนักเพียงอย่างเดียวมันไม่เพียงพออีกแล้วในโลกยุคปัจจุบัน
มันจำเป็นจะต้องมีความร่ำรวยเพื่อรับเอาทรัพยาการที่ช่วยในการฝึกฝนมาด้วย !!!
และหากคนๆหนึ่งต้องการจะบรรลุเป้าหมายบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่จริงๆ คนๆนั้นก็จะต้องการทรัพยากรจำนวนมาก
แม้ว่าซือเฟิงจะให้สารอาหารเหลวระดับ S กับเหล่ยเปาไปจำนวนหนึ่งก่อนหน้านี้ แต่มันก็เห็นได้ชัดเลยว่าสารอาหารเหลวระดับ S ที่ซือเฟิงให้ไปนั้นมันไม่เพียงพอที่จะตอบสนองต่อการทำงานหนักของเหล่ยเปาได้
ดังนั้นตราบใดที่มีโพชั่นเพิ่มพลัง เหล่ยเปาก็น่าจะทะลุเข้าถึงขอบเขตครึ่งก้าวก่อนเข้าสู่ระดับสุดยอดปรมาจารย์เหิงเหลียนได้ไม่ยาก
ซึ่งหากเขาประสบความสำเร็จในการไปถึงระดับนั้น สภาสิบแปดปีกก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีก
“ขอบคุณหัวหน้ากิล ฉันจะไม่ทำให้คุณต้องผิดหวังแน่นอน !!!” เหล่ยเปามองไปที่โพชั่นเพิ่มพลังด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ
เขาเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับโพชั่นเพิ่มพลังมาบ้าง สิ่งนี้มันเปรียบเสมือนกับยาแห่งสวรรค์ในโลกการต่อสู้ เพราะแค่ขวดเดียวมันก็สามารถจะช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางกายได้อย่างก้างกระโดด และมันมีข่าวลือว่ามันหายากยิ่งกว่าโพชั่นแห่งชีวิตด้วยซ้ำ ซึ่งแม้แต่พวกระดับปรมาจารย์ก็ยังยากจะได้รับมันมาสักขวด
พูดกันตามตรงจริงๆ แม้แต่ปรมาจารย์บางส่วนก็ยังต้องต่อสู้แย่งชิงกันเพื่อให้ได้มันมาสักขวด
แต่ตอนนี้ซือเฟิงกับหยิบโพชั่นนี้สามขวดออกมา และมอบหนึ่งขวดให้กับเขาโดยตรง ดังนั้นจะไม่ให้เขาตื่นเต้นได้อย่างไร ?
ด้วยโพชั่นเพิ่มพลังนี้ เขามั่นใจว่าเขาจะสามารถทะลุเข้าสู่ขอบเขตครึ่งก้าวก่อนเข้าสู่ระดับสุดยอดปรมาจารย์เหิงเหลียนได้แน่นอน และนี่มันก็จะทำให้เขาสามารถรับมือกับพวกระดับปรมาจารย์ที่มาก่อกวนสภาสิบแปดปีกอยู่เรื่อยๆตอนนี้ได้สบายๆ
“อย่างไรก็ตามหัวหน้ากิล ในปัจจุบันเนื่องจากมันมี NPC ปรากฎตัวขึ้นมามากขึ้นอีกระลอกใน God domain ดังนั้นมหาอำนาจต่างๆจึงเริ่มจะเล็งเป้ามาที่หอคอยแห่งพันธสัญญาลับกันแล้ว ตอนนี้มันมีการต่อสู้มากกว่าสิบครั้งเกิดขึ้นรอบเมืองสกายสปริง ยิ่งไปกว่านั้นพวกขั้นสามมากกว่าพันคนของฝ่ายเรายังถูกฆ่าหรือไม่ก็บาดเจ็บ” เหลียงจิงกล่าวขึ้นมาอย่างเป็นกังวล “แต่โชคดีที่รองหัวหน้ากิลอิลูซะรี่เวิร์ดแห่งจักรพรรดิคริมสัน และรองหัวหน้ากิลอันยีลดิ้งฮาร์ทแห่งอันยีลดิ้งโซลได้กลับมาถึงพร้อมกับกองกำลังผู้เล่นชั้นยอดจำนวนมาก ไม่งั้นผลที่ตามมามันอาจจะเป็นหายนะได้”
“ตอนนี้ทั้งสองรู้สึกว่าหากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเขาก็คงจะทนได้อีกไม่นานเช่นกัน โดยในตอนนี้เนื่องจากการเพิ่มจำนวนขึ้นมาของ NPC อีกระลอก มันก็ทำให้กิลเล็กๆบางแห่งถึงกับต้องยุบกิล สำหรับกิลขนาดใหญ่ต่างๆ แม้ว่าพวกเขาจะมีกองกำลังจำนวนมากประจำการอยู่ตามเมืองกิลต่างๆของตัวเอง แต่ตอนนี้พวกกองกำลัง NPC ก็เริ่มก่อปัญหามากขึ้นในแต่ละเมืองของพวกเขาแล้ว ซึ่งนี่มันทำให้พวกกิลขนาดใหญ่ต่างๆปวดหัวอย่างมาก”
“ดังนั้นตอนนี้กิลขนาดใหญ่หลายแห่ง รวมไปถึงมหาอำนาจต่างๆจึงเริ่มจะเล็งเป้ามาที่หอคอยแห่งพันธสัญญาลับที่จะไม่มี NPC มาคอยรบกวนใดๆในระหว่างการล่าและเก็บเลเวล และตอนนี้เมื่อกองกำลังของ NPC เริ่มส่งผลต่อสถานการ์โดยรวมมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันก็กลัวว่าวันหนึ่งกิลขนาดใหญ่หลายแห่งรวมไปถึงมหาอำนาจต่างๆพวกนี้จะไปถึงจุดที่บ้าคลั่งและพร้อมจะทำทุกอย่าง”
เมื่อเหลียงจิงรายงานสถานการณ์ล่าสุดของหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ และโลกยุคปัจจุบันของ God domain ให้เขาฟัง ซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย
ฉันไม่คิดเลยจริงๆว่าเหตุการณ์หลายอย่างมันจะเกิดขึ้นเร็วแบบนี้ …. ดูเหมือนว่ามันถึงเวลาที่จะต้องทำ … แล้วสินะ
เมื่อสถานการณ์พัฒนามาถึงจุดนี้ มันก็หมายความว่าโลก God domain ยุคปัจจุบันนั้นได้พัฒนาถึงยุคแห่งการแย่งชิงความเป็นเจ้าโลกแล้ว และหอคอยแห่งพันธสัญญาลับก็ถือว่าเป็นดินแดนศักสิทธิ์สำหรับการเก็บเลเวล อีกไม่นานหลายกลุ่มก็คงจะต้องพยายามเคลื่อนไหวแบบโจ่งแจ้ง และหาทางเข้าไปในหอคอยแห่งพันธสัญญาลับให้ได้แน่นอน
“ฉันเข้าใจแล้ว” ซือเฟิงครุ่นคิดอยู่ภายในใจครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะมองไปที่เหลียงจิง และพูดว่า “ในตอนนี้ เมื่อเธอกลับไป อย่าปล่อยให้สมาชิกของเราออกไปล่าหรือทำงานด้านนอกแบบมั่วๆ ให้เน้นไปที่การส่งพวกเขาเข้าสู่หอคอยแห่งพันธสัญญาลับเพื่อเก็บเลเวล และลดกิจกรรมรอบๆเมืองกิลทั้งหมดของเราลง ตอนนี้เราจำเป็นที่จะต้องลดช่องว่างเรากับ NPC ลงให้ไวที่สุด ไม่งั้นในอนาคตเราจะมีปัญหาแน่นอน ….”
ในตอนแรกเขาคิดว่ามันน่าจะต้องใช้เวลาราวสิบวันหรือมากกว่านั้นกว่าที่กองกำลัง NPC จะเริ่มดำเนินการอะไรแบบนี้ เขาไม่ได้คิดเลยจริงๆว่าเรื่องนี้มันจะเกิดขึ้นเร็วมาๆ
เมื่อเป็นแบบนี้นั้นสถานการณ์ทั้งหมดมันก็จะยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อผู้เล่นออกจากเมืองกิลไปล่า พวกเขาก็มีสิทจะถูกกองกำลัง NPC ดักโจมตีในทุกรูปแบบ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วนี่มันก็จะทำให้เหล่าผู้เล่นอ่อนแอลงเรื่อยๆจนไม่สามารถจะรักษา
เมืองกิลของตัวเองเอาไว้ได้ และในท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็จะต้องละทิ้งเมืองกิลนั้นๆของตัวเอง
“ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะรีบไปจัดการทุกอย่างตามสั่งทันที เมื่อฉันกลับไป …” เหลียง
จิงกล่าวพลางพยักหน้า
หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้พูดคุยเรื่องราวต่างๆกับเหลียงจิงอีกนิดหน่อย รวมทั้งเขายังสั่งให้เหลียงจิงเก็บรวบรวมวัสดุพื้นฐานที่จะใช้สร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กอย่างลับๆ ก่อนที่เขาจะนำไป๋ฉิงเฉว และอควาโรสมุ่งหน้าเข้าสู่ Upper Zone ท่ามกลางสายตาอิจฉาของเหล่ยเปา และเหลียงจิง
เมื่อซือเฟิงพาทั้งสองเข้ามาใน Upper Zone สภาพของทั้งสองก็ดูดีขึ้นกว่าตอนที่อยู่ในโลกภายนอกอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ทั้งสองไม่ได้ดูเย็นชา และให้ความรู้สึกแปลกแยกแบบก่อนหน้านี้ แถมตอนนี้ดูเหมือนปัญหาสภาพจิตใจของพวกเขาก็จะลดลงไปมากเช่นกัน
นอกจากนี้แล้วซือเฟิงก็ยังเลือกชุดอาหารสุดหรูที่มีราคาเป็นคะแนนการค้าสามร้อยแต้มให้กับทั้งสองได้กิน ซึ่งนี่ทำให้สภาพจิตใจของทั้งสองมีแนวโน้มกลับมามั่นคงขึ้น โดยพูดกันตามตรงอย่างน้อยตอนนี้ทั้งสองก็สามารถพูดคุยปกติได้บ้างแล้ว ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่ทั้งสองดูไม่สนใจโลกเลย
อย่างน้อยตอนนี้ Upper Zone มันก็ช่วยทั้งสองคนได้จริงๆ …. ซือเฟิงคิดและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“สภาพแวดล้อมที่นี่ดูเหมือนมันจะช่วยทั้งสองคนได้อย่างมากจริงๆ ขั้นตอนต่อไปฉันจะต้องหาวิธีการรักษาตำแหน่งยี่สิบอันดับแรกในการแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนสะสมไว้ให้” ซือเฟิงพึมพำ และครุ่นคิดขณะที่เขาเตรียมจะใช้ห้องเกมเคบินล๊อคอินกลับเข้าสู่ God domain พร้อมกับสองสาว โดยในตอนนี้ซือเฟิงก็เริ่มวางแผนที่จะทำการรวบรวมคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ใน God domain อย่างจริงจังด้วย
ซือเฟิงรู้ดีว่าการแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนสะสมในตอนนี้มันเป็นเพียงแค่การอุ่นเครื่อง และหากเขาต้องการจะติดอยู่ในยี่สิบอันดับแรกจริงๆ เขาก็จะต้องมีคะแนนสะสมอย่างน้อยสองแสนแต้ม ซึ่งนี่มันก็เท่ากับว่าเขาต้องการคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่อีกอย่างน้อย
หนึ่งหมื่นห้าพันชิ้น ….
โดยตัวเลขนี้มันนับว่าสูงมาก แม้แต่กับซุเปอร์กิลทั้งห้า ….
หลังจากนั้นซือเฟิงก็ทำการดื่มโพชั่นเพิ่มพลัง และโพชั่นแห่งชีวิตอย่างละขวด ก่อนจะล๊อคอินกลับเข้าสู่ God domain ทันที
ป.ล. คือในอนาคตสามารถจะขายคะแนนได้ แต่สถิติคะแนนสะสมที่เก็บรวบรวมมาจะยังอยู่ ดังนั้นซือเฟิงเลยยังตั้งเป้าที่จะไปติดยี่สิบอันดับแรกในการแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนสะสมของบริษัทกรีนก๊อดอยู่เหมือนเดิม ….