Reincarnation Of The Strongest Sword God – ตอนที่ 2819

ตอนที่ 2819 ความเปลี่ยนแปลงของอาณาจักรทวินทาวเวอร์

จักรวรรดิมังกรไฟ เมืองชายแแดน :

ในเวลานี้ทีมผู้เล่นขั้นสามจำนวนสามพันคนกำลังพักผ่อนอยู่ที่บาร์ของทั้งสองฝั่งถน และในเมืองนี้นั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่น หรือ NPC คนอื่นๆ พวกเขาต่างก็กลัวทีมๆนี้มาก

เนื่องจากเลเวลโดยเฉลี่ยของทีมๆนี้คือ เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบห้าหรือสูงกว่าทั้งหมด ซึ่งมันเป็นเลเวลที่มากกว่าเลเวลโดยเฉลี่ยของผู้เล่นขั้นสามทั่วไปหนึ่งถึงสองเลเวลเลย ขณะเดียวกันผู้นำของทีมๆนี้ก็คือหญิงสาวผมยาวที่สวมใส่เสื้อผ้าสีขาว

เหล่าผู้เล่นที่เดินผ่านไปมาบริเวณนี้ เมื่อพวกเขาได้เห็นหญิงสาวคนนี้ พวกเขาก็ทั้งตกตะลึงและหวาดกลัว

เพราะผู้หญิงคนนี้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก โคลท์ชาโด้ว ผู้เล่นที่พึ่งจะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่ของไมโทโลจี้ และปัจจุบันเธอก็มีตำแหน่งเป็นหนึ่งในรองหัวหน้ากิลที่ทรงอิทธิพลที่สุดของไมโทโลจี้ โดยในปัจจุบันโคลท์ชาโด้วนั้นมีเลเวลหนึ่งร้อยสามสิบสาม ซึ่งมากกว่าเลเวลเฉลี่ยของผู้เล่นขั้นสามทั่วไปมากกว่าสิบเลเวลเลย ซึ่งในตอนนี้โคลท์ชาโด้วก็สามารถทำให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามตัวสั่นได้ แม้ว่าเธอจะอยู่ห่างออกไปหลายร้อยหลาก็ตาม

“รองหัวหน้ากิลโคลท์ชาโด้ว มันมีข่าวส่งมาจากอาณาจักรทวินทาวเวอร์” ไวท์เฟเธอร์ การ์เดี้ยนไนท์หญิงขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยสามสิบได้เดินเข้ามารายงาน ก่อนที่เธอจะพูดต่อว่า “สตาร์ลิ้งและพันธมิตรของพวกเขาพ่ายแพ้ โดยทั้งหมดได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงมากๆ เนื่องจากการปรากฎตัวขึ้นมาอย่างกระทันของแบล๊คเฟรม นอกเหนือจากหัวหน้ากิลลู่ชิงหลัวของสตาร์ลิ้งแล้ว มันก็ไม่มีผู้เล่นคนใดจากสตาร์ลิ้งและพันธมิตรของพวกเขาหลบหนีไปได้เลย ตอนนี้ผู้เล่นขั้นสามของพวกเขาเกือบสองหมื่นคนถูกจับขังคุกในเมืองสกายสปริงทั้งหมด และแต่ละคนก็จะถูกจับขังสิบวันหรือมากกว่านั้นกว่าจะได้ออกมา”

“ในที่สุดเขาก็ปรากฎตัวออกมา” โคลท์ชาโด้วซึ่งกำลังนั่งพักผ่อนอยู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม้ว่าแบล๊คเฟรมจะสร้างความเสียหายได้อย่างรุนแรงมากๆต่อสตาร์ลิ้งและพันธมิตรของพวกเขาในครั้งนี้ แต่เขาก็ได้ปล่อยให้ลู่ชิงหลัว ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของเรื่องนี้หนีไปได้ หลังจากนี้สภาสิบแปดปีกจะต้องเจอกับปัญหาที่ยากลำบากแน่นอน เพราะท้ายที่สุดผู้สนับสนุนลู่ชิงหลัวนั้นไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่ายๆเลย และเขาก็ต้องการจะเข้าครอบครองหอคอยแห่งพันธสัญญาลับให้ได้ด้วย”

“ตามรายงานจากข่าววงในที่เราได้รับมา ดูเหมือนว่าในครั้งนี้แบล๊คเฟรมจะได้ทำการฆ่าซี่หยวน หนึ่งในสามรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดของร้อยผีโดดเดี่ยวไปด้วย” ไวท์เฟเธอร์กล่าวรายงานเพิ่มเติม “พร้อมกันนั้นทั้งทีมของร้อยผีโดดเดี่ยวส่วนใหญ่ก็ถูกฆ่าภายใต้คำสั่งของซือเฟิงด้วย มีแค่ไม่ถึงสิบคนพร้อมกับรองผู้บัญชาการเฟยเย่เท่านั้นที่หนีออกมาได้”

เมื่อโคลท์ชาโด้วได้ยินเรื่องล่าสุดที่ไวท์เฟเธอร์รายงาน ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “นี่แบล๊คเฟรมบ้ารึปล่าว ? เขาฆ่าซี่หยวนคนนั้นจริงๆงั้นหรอ ? นี่เขาไม่รู้หรอว่าตัวตนของซี่หยวนนั้นไม่ธรรมดาเลย ? แม้แต่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างพวกเราก็ยังต้องให้ความเกรงใจกับเขา นี่แบล๊คเฟรมกล้าทำไปได้ยังไง ?”

ซี่หยวนนั้นเป็น รุ่นเยาว์อัจฉริยะที่กิลร้อยผีโดดเดี่ยวได้ทุ่มเทแทบทุกสิ่งที่มีเพื่อฝึก และเลี้ยงดูเขาขึ้นมา และเขาก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสมบัติล้ำค่าของกิลร้อยผีโดดเดี่ยวเลย ซึ่งแม้แต่เฟยเย่ อัจฉริยะขั้นสี่ก็ยังต้องมาติดตามเขา ดังนั้นนี่ก็น่าจะพอบอกถึงสถานะและตัวตนของซี่หยวนได้

ร้อยผีโดดเดี่ยวนั้นเป็นกิลที่แม้แต่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างพวกเขาก็ยังไม่กล้าจะยั่วยุในตอนนี้ เพราะกิลๆนี้นั้นจัดเป็นกลุ่มคนที่พิเศษเกินกว่าที่จะวัดได้ด้วยสามัญสำนึกในปัจจุบัน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องพยายามกันอย่างดีที่สุดที่จะไม่เป็นศัตรูกับกิลๆนี้ นี่คือสิ่งที่โอดินได้เตือนพวกเขามาอย่างชัดเจน โดยตอนนี้นั้นไมโทโลจี้ของพวกเขาก็ได้พยายามจะหลีกเลี่ยงที่จะมีปัญหากับร้อยผีโดดเดี่ยวให้ได้มากที่สุด

แต่ซือเฟิงกับกล้ากระทำการที่เรียกได้ว่าเด็ดขาดและโหดเหี้ยมมากๆ เขาไม่เพียงแต่จะฆ่าซี่หยวน แต่เขายังทำลายทีมของร้อยผีโดดเดี่ยวที่เดินทางไปพร้อมกับซี่หยวนลงแทบทั้งหมด นี่ถ้าพวกระดับสูงของร้อยผีโดดเดี่ยวรู้เรื่องนี้ พวกเขาได้ควันออกหูกันแน่ๆ ….

“คราวหน้าเราจะเข้าไปร่วมวงในเรื่องนี้ด้วยไหม ?” ไวท์เฟเธอร์อดไม่ได้ที่จะถาม

ไมโทโลจี้ของพวกเขาเองก็ต้องการที่จะทำลายสภาสิบแปดปีกอย่างมากเช่นกัน และตอนนี้เมื่อซือเฟิงได้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับสตาร์ลิ้ง และพันธมิตรของพวกเขา สตาร์ลิ้งกับพันธมิตรของพวกเขาก็จะไม่ยอมรามือจากเรื่องนี้แน่นอนจนกว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายไป ….

เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกเขาทั้งหมดได้สูญเสียผู้เล่นขั้นสามไปเป็นจำนวนมาก และหากพวกเขาไม่สามารถเข้าควบคุมหอคอยแห่งพันธสัญญาลับได้ พวกเขาก็จะต้องใช้เวลานานมากๆในการจะฟื้นฟูความเสียหายในเรื่องนี้

นอกจากนี้จากการกระทำของซือเฟิงนั้น ร้อยผีโดดเดี่ยวก็น่าจะเข้ามาร่วมวงมาจัดการกับสภาสิบแปดปีกด้วยแน่นอน

ซึ่งเมื่อเวลานั้นมาถึง การต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายนี้จะรุนแรงมากๆ ดังนั้นมันจึงจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาที่จะเคลื่อนไหว เพราะท้ายที่สุดแล้วเค้กชิ้นใหญ่อย่างสภาสิบแปดปีกนั้น แม้แต่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างพวกเขาก็ยังอยากจะได้ส่วนแบ่งมา

“ไม่ มันยังไม่ถึงเวลา …” โคลท์ชาโด้วกล่าวพลางส่ายหัว “เราพึ่งจะทำเควสระดับตำนานที่อ่อนแอเสร็จไป และพึ่งจะได้รับมรดกร่างมานาที่ค่อนข้างพิเศษมา …. ดังนั้นก่อนอื่นให้คนของเราไปดูดซับและเรียนรู้มรดกนี้เพื่อพัฒนาร่างมานาของตัวเองก่อน เราควรจะก้าวขึ้นไปอีกขั้นให้ได้ซะก่อน เพราะว่าในแง่ของร่างมานา และด้านพวกนี้ทั้งหมด แบล๊คเฟรมอาจจะไปไกลมากแล้วจนพวกเราตอนนี้นั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”

“ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะรีบไปจัดการตามคำสั่งทันที และหลังจากนั้นฉันก็จะให้พวกเขาไปที่ถ้ำเทพปีศาจเพื่อฝึกฝนและเตรียมตัว” ไวท์เฟเธอร์กล่าวพลางพยักหน้า

“เรายังไม่จำเป็นจะต้องเข้าไปที่ถ้ำเทพปีศาจหรอก ตอนนี้แค่เรียนรู้และดูดซับมรดกนี้ไปก่อน สำหรับการฝึกฝนและเตรียมตัวนั้นเราสามารถจะฝึกได้ทุกที่อยู่แล้ว” โคลท์ชาโด้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม เมื่อเธอได้รับรายงานล่าสุดมาจากลูกน้องอีกคนของเธอ “ตรงกันข้ามตอนนี้พวกเราจะออกเดินทางไปที่หอคอยแห่งพันธสัญญาลับทันที บางทีเราอาจจะใช้โอกาสนี้เรียนรู้ถึงความแข็งแกร่งของกิลร้อยผีโดดเดี่ยวได้”

“ร้อยผีโดดเดี่ยวจะเคลื่อนไหวเร็วๆนี้งั้นหรอ ?” ไวท์เฟเธอร์ที่ได้ฟังคำสั่งของโคลท์ชาโด้วอดไม่ได้ที่จะถามอย่างประหลาดใจ

ในปัจจุบันความแข็งแกร่งที่สภาสิบแปดปีกแสดงออกมานั้นมันจัดว่าน่ากลัวมากๆ นับประสาอะไรกับผู้เล่นขั้นสี่ห้าคน แค่องครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่ของพวกเขาสองคนมันก็จัดว่าน่ากลัวมากๆแล้ว พวกเขาไม่ใช่อะไรที่กองกำลังผู้เล่นจะสามารถรับมือได้ง่ายๆเลย และแม้แต่ไมโทโลจี้ของพวกเขาก็ยังจะต้องจ่ายในราคาแพงมากแน่นอน หากต้องการจะเอาชนะสภาสิบแปดปีกในตอนนี้

ขณะเดียวกัน การเข้าไปปะทะกับสภาสิบแปดปีกแบบตัวต่อตัวนั้น โอกาสที่จะเอาชนะได้ก็จะยิ่งน้อยลงไปอีก

ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการมากเลยว่าทำไมร้อยผีโดดเดี่ยวถึงได้ตัดสินใจที่จะตอบโต้สภาสิบแปดปีกอย่างรวดเร็วแบบนี้

“นั่นไม่ใช่ทั้งหมด …” โคลท์ชาโด้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม และดวงตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง “เดี๋ยวคุณจะรู้เอง เมื่อคุณไปถึง ถ้าครั้งนี้สภาสิบแปดปีกยังคงไม่ยอมแพ้เรื่องหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ พวกเขาก็มีสิทที่จะพินาศได้เลย !!!”

หลังจากได้ฟังคำพูดของโคลท์ชาโด้ว ไวท์เฟเธอร์ก็ได้ไปจัดการรวบรวมพวกระดับสูงจำนวนหนึ่งมาเพื่อออกเดินทางไปยังหอคอยแห่งพันธสัญญาลับพร้อมกับโคลท์ชาโด้ว

อาณาจักรทวินทาวเวอร์ เมืองสกายสปริง :

“หัวหน้ากิล เราได้เก็บรวบรวมไอเทมที่ดรอปทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว” ไฟเออร์แดนซ์เดินไปหาซือเฟิงที่กำลังนั่งพักผ่อนอยู่ด้วยความตื่นเต้น “ในสงครามครั้งนี้เราได้รับอาวุธและอุปกรณ์มาเกือบสองหมื่นชิ้น โดยแบ่งเป็นอาวุธและอุปกรณ์ระดับไฟน์โกล เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยสิบ มากกว่าหกพันชิ้น และก็มีอาวุธกับอุปกรณ์ระดับดาร์คโกล เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยสิบ มากกว่าสองพันชิ้น ขณะที่ที่เหลือล้วนเป็นอาวุธกับอุปกรณ์ระดับลึกลับขั้นเงิน เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยสิบทั้งหมด ซึ่งนี่มันเพียงพอที่จะเข้ามาเติมเต็มช่องว่างบางส่วนที่กิลของเราเสียไปก่อนหน้านี้ได้ในระดับหนึ่ง”

ปัจจุบันการดำเนินงานของสภาสิบแปดปีกส่วนใหญ่อยู่ในมือของเธอ ยู่หลาน และเมลานโครอิคสไมล์ โดยสภาสิบแปดปีกได้มุ่งเน้นการสนับสนุนด้านอาวุธและอุปกรณ์มาที่อาณาจักรทวินทาวเวอร์เป็นหลัก ซึ่งนี่มันได้ผลาญอาวุธและอุปกรณ์ที่สภาสิบแปดปีกได้เก็บรวบรวมไว้มานานไปเป็นจำนวนมาก

ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้เข้าใจเลยว่าอาวุธและอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับเลเวลเฉลี่ยของผู้เล่นในปัจจุบันนั้นสำคัญต่อกิลมากแค่ไหน อย่างไรก็ตามหลังจากต้องปะทะกับมหาอำนาจต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง เธอก็ได้เข้าใจแล้ว และเธอก็ได้เข้าใจแล้วด้วยว่ารากฐานที่แข็งแกร่ง และภูมิหลังของกิลนั้นมีไว้เพื่ออะไร ….

ก่อนหน้านี้เธอนั้นตัดสินความแข็งแกร่งของแต่ละกิลผ่านจำนวนผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น แต่เมื่อเธอได้มาเจอกับการต่อสู้ในสงครามล้างผลาญแบบจริงจัง เธอก็ได้เข้าใจแล้วว่าปริมาณ และคุณภาพของอาวุธกับอุปกรณ์นั้นก็มีความสำคัญมากเช่นกัน

หากพวกเขามีอาวุธและอุปกรณ์ไม่มากเพียงพอที่จะใช้จ่ายในสงครามล้างผลาญแบบนี้ สมาชิกกิลของพวกเขาก็คงจะยอมแพ้ และทยอยถอนตัวออกจากกิลไปทีละคนๆแน่นอน ซึ่งการที่พวกเขายืนหยัดมาได้ถึงขนาดนี้นั้น โดยที่อาวุธและอุปกรณ์ในคลังกิลของพวกเขายังไม่หมดไป ส่วนหนึ่งมันก็ต้องขอบคุณบริษัทการค้าแสงเทียนด้วยที่พยายามให้การสนับสนุนพวกเขาอย่างถึงที่สุด

“มอบอาวุธกับอุปกรณ์ครึ่งหนึ่งที่เราได้รับมาให้อิลูซะรี่เวิร์ดกับอันยีลดิ้งฮาร์ทไปด้วย” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันคิดว่า “ฉันคิดว่าตอนนี้พวกเขาเองก็คงไม่ได้มีช่วงเวลาที่ดีนัก และอาวุธกับอุปกรณ์ครึ่งหนึ่งที่เรามอบให้นั้นก็จะน่าจะช่วยให้พวกเขาจัดการตัวเองจนผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้”

เขานั้นสามารถพูดได้ว่าตัวเองเข้าใจสงครามแบบนี้เป็นอย่างดี ดังนั้นเขาจึงเข้าใจสภาพของกิลชั้นยอดทั้งสองดี พวกเขาอาจพอทนรับกับสถานการณ์ที่อาวุธกับอุปกรณ์ชั้นยอดของตัวเองแทบหมดไปได้ แต่สำหรับกิลชั้นยอดทั้งสองนั้นไม่ เพราะท้ายที่สุดแล้วหากสมาชิกของกิลชั้นยอดทั้งสองได้เห็นภาพที่อาวุธและอุปกรณ์ชั้นยอดในคลังกิลของพวกเขาแทบหมด พวกเขาก็มีสิทสูงมากที่จะหมดในศรัทธาในกิลตัวเองและถอนตัวออกไป

อย่างไรก็ตามไฟเออร์แดนซ์ยังไม่ทันได้ไปปฎิบัติตามคำสั่งของซือเฟิง อิลูซะรี่เวิร์ดก็ได้เดินเข้ามาหาเขาด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมมากๆ

“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม มันมีบางสิ่งเกิดขึ้นที่เมืองป่าทะเลทรายที่อยู่ไม่ไกลจากหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ !!!” อิลูซะรี่เวิร์ดนั้นสูญเสียความสงบที่เธอมักจะเคยมีไปอย่างสิ้นเชิง ก่อนที่เธอจะรีบกล่าวต่อกับซือเฟิงอย่างกังวลว่า “ตามข่าวที่เราได้รับมา ตอนนี้มันมีพวกมอนสเตอร์ Faux Saint จำนวนมากปรากฎตัวขึ้นอย่างกระทันหันบริเวณนั้น โดยจากการประมาณแล้วพวกมอนสเตอร์ Faux Saint ที่ปรากฎตัวขึ้นนั้นก็มีจำนวนมากกว่าหนึ่งล้านตัว โดยส่วนใหญ่ก็เป็นพวกมอนสเตอร์ Faux Saint ระดับลอร์ดบอสหรือสูงกว่า อย่างไรก็ตามกองทัพนี้มันถูกนำมาโดยมอนสเตอร์ Faux Saint Devourer ขั้นสี่ที่มีเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบหรือมากกว่าประมาณพันตัวด้วย และตอนนี้พวกมันก็กำลังหลั่งไหลเข้าสู่บริเวณหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ”

“Faux Saint Devourer ประมาณพันตัว ?!”

เมื่ออิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวจบ ไฟเออร์แดนซ์ที่ยังคงยืนอยู่ข้างๆซือเฟิง และได้ยินเรื่องนี้ด้วยก็อดไม่ได้ที่จะผงะ

แม้ว่าผู้เล่นจะกลายเป็นขั้นสี่แล้ว แต่มันก็ยังคงเป็นเรื่องยากมากๆที่จะเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายที่มีเลเวลมากกว่าตัวเองพร้อมกันสามถึงสี่ตัว ขณะเดียวกันพูดกันตามตรงแล้วมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายที่มีเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบหรือมากกว่าประมาณพันตัวนี้ มันมากพอจะใช้ทำลายเมืองกิลทั่วไปได้สองถึงสามเมืองเลย นี่ไม่ต้องพูดถึงมอนสเตอร์ที่อ่อนแอลงมาที่มีจำนวนมากกว่านั้นอีกมาก

“ประมาณหนึ่งพันงั้นหรอ ?” ซือเฟิงเองก็รู้สึกประหลาดใจกับเรื่องนี้เช่นกัน

เขาไม่เคยเห็นกองทัพมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายที่มีเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบหรือสูงกว่าจำนวนมากขนาดนี้มาก่อนเลยเช่นกัน ….

“ใช่แล้วประมาณหนึ่งพัน …” อิลูซะรี่เวิร์ดพยักหน้ายืนยันด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว “วัดจากความเร็วในการเคลื่อนที่ของกองทัพพวกมัน พวกมันน่าจะใช้เวลามากกว่าสิบชั่วโมงนิดหน่อยในการจะเดินทางไปให้ถึงหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ เราควรจะสั่งอพยพคนของเราออกจากหอคอยเลยไหม ?”

หากมีเมืองคอยช่วยเป็นแนวป้องกันมันก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่นี่พวกเขาไม่มีเมืองอยู่เลยบริเวณหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ ดังนั้นทางเลือกเดียวของพวกเขาคือต้องหนีอย่างแน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้ว การถูกมอนสเตอร์ Faux Saint พวกนี้ฆ่า ผู้เล่นจะได้รับโทษจากการตายหนักกว่าปกติมากๆ

“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมลู่ชิงหลัวถึงพูดอย่างมั่นใจมาก ก่อนที่เขาจะหนีไป …. ดูเหมือนว่านี่จะเป็นทางเลือกสุดท้ายของเขาแล้วสินะ …” ซือเฟิงรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยกับเรื่องนี้ และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ดูเหมือนว่าคราวนี้เขากำลังต่อสู้เพื่อชีวิตของเขาเอง”
การที่กองทัพมอนสเตอร์นับล้านเข้ามาเคลื่อนไหวในอาณาจักรแบบนี้ พวกกองทัพมอนสเตอร์นั้นก็จะต้องแข่งขันกับเวลา เพราะท้ายที่สุดแล้วนี่ไม่ใช่แผนที่เป็นกลาง พวก NPC ของอาณาจักรจะส่งกองทัพเข้ามาช่วยผู้เล่นกำจัดกองทัพมอนสเตอร์แน่นอน ซึ่งหากพวก NPC ของอาณาจักรส่งกองทัพเข้ามาช่วยทัน ทุกอย่างมันก็จะจบสิ้นเลยสำหรับกองทัพมอนสเตอร์

การที่ลู่ชิงหลัวทำแบบนี้ และจัดการระดมทัพแบบนี้มาได้ มันก็ชัดเจนว่าเขามีความสัมพันธ์กับมือแห่งนักบุญเป็นอย่างดีแน่นอน และอีกอย่างหนึ่งที่มันชัดเจนเลยก็คือความแค้นที่ลู่ชิงหลัวและมือแห่งนักบุญมีต่อซือเฟิงกับสภาสิบแปดปีกนั้นมันมากมายมหาศาลมากๆ พวกเขาจึงได้ลงทุนเสี่ยงทำแบบนี้กัน

ไฟเออร์แดนซ์เองก็กล่าวถามย้ำอย่างกังวลว่า “หัวหน้ากิล เราจะสั่งให้คนของเราถอยออกจากหอคอยแห่งพันธสัญญาลับไหม ?”

“ไม่ !! ออกคำสั่งให้พวกเขารวมพลกันภายในหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ แล้วเตรียมตัว !!!” ซือเฟิงส่ายหัวพร้อมกับความบ้าคลั่งที่ปรากฎขึ้นมาในดวงตาของเขา “เนื่องจากพวกเขาเลือกจะต่อสู้แบบสิ้นหวังแล้ว งั้นเราก็จะสนุกกับพวกเขาสักหน่อย !!!”

เมื่อไฟเออร์แดนซ์ และอิลูซะรี่เวิร์ดได้ยินคำสั่งของซือเฟิง พวกเธอก็อดคิดไม่ได้จริงๆว่าซือเฟิงบ้าไปแล้ว นี่เขาคิดจะเผชิญหน้ากับกองทัพมอนสเตอร์จำนวนนับล้านแบบนี้ โดยปราศจากการป้องกันของเมืองคอยช่วยจริงๆงั้นหรอ ?

“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ….” แต่ทันใดนั้นอิลูซะรี่เวิร์ดก็นึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ และดวงตาของเธอก็ปรากฎร่องรอยแห่งความตกตะลึงออกมา “คุณสร้างมันเสร็จแล้วงั้นหรอ ?”

“ใช่แล้ว ….” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า “อย่างไรก็ตามมันยังเหลือการทดสอบขั้นสุดท้ายนิดหน่อย แล้วก็ฉันขอรบกวนให้คุณกับอันยีลดิ้งฮาร์ทไปเรียกรวมพลทุกคนเข้าไปที่หอคอยแห่งพันธสัญญาลับให้เร็วที่สุดด้วย เดี๋ยวฉันจะไปรอที่นั่น !!!”

เมื่อพูดจบซือเฟิงก็อัญเชิญอินทรีสายฟ้าออกมา ก่อนที่เขาจะรีบกระโดดขึ้นหลังมันและบินตรงไปยังหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ

Reincarnation Of The Strongest Sword God

Reincarnation Of The Strongest Sword God

เริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง เขาได้เข้ามาสู่ “เกมแห่งมีชีวิต” นี้อีกครั้งเพื่อที่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเอง ครั้งนี้ , เขาจะไม่ถูกควบคุมจากคนอื่น ก่อนหน้านี้ราชาแห่งดาบเลเวล 200 , เขาได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต วิธีการที่จะได้รับเงิน! กลยุทธ์แห่งชัยชนะในดันเจี้ยน! เควสในตำนาน! สถานที่ดรอปอุปกรณ์! ทักษะที่ยังไม่ถูกค้นพบ! แม้แต่ความลับที่พวกผู้ทดสอบเบต้าไม่รู้ , เขารู้มันทั้งหมด สงครามอันยิ่งใหญ่ , ความก้าวหน้าในชีวิต , เข้าสู่ความเป็นพระเจ้า , บรรลุถึงจุดสูงสุดแห่งดาบ ตำนานของชายผู้ที่จะกลายเป็นเทพแห่งดาบได้เริ่มขึ้นแล้ว Starting over once more, he has entered this “living game” again in order to control his own fate. This time, he will not be controlled by others. Previously the Level 200 Sword King, he will rise to a higher peak in this life. Methods to earn money! Dungeon conquering strategies! Legendary Quests! Equipment drop locations! Undiscovered battle techniques! Even the secrets Beta Testers were unknowledgeable of, he knows of them all. Massive wars, life advancement, entering Godhood, sword reaching to the peak; a legend of a man becoming a Sword God has begun.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset