ตอนที่ 2826 เวลาแห่งการสังหาร
“แผนที่ถูกปิดผนึก ?”
ลู่ชิงหลัวมองไปที่ฉากตรงหน้าของเขาที่ดูเริ่มพร่ามัวด้วยใบหน้ามืดมน
ในเวลานี้ป้อมปราการเคลื่อนที่นั้นคือสิ่งที่ไม่สามารถจะสั่นคลอนได้เลย และหากพวกเขาไม่สามารถจะออกไปจากที่นี่ได้ สิ่งที่พวกเขาทำได้ก็คือรอความตายเท่านั้น
“แบล๊คเฟรมนี้โหดเหี้ยมมากจริงๆ เขากระทั่งคิดจะจัดการพวกเราทั้งหมดที่นี่ !!!” จักรพรรดิอสูรกล่าวด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย เมื่อเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น “แต่อย่างไรก็ตามด้วยพื้นที่ที่ใหญ่แบบนี้ การจะใช้วงเวทย์ปิดผนึกพื้นที่และไม่ให้เราหนีออกไปได้นั้นมันเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น !!!”
ยิ่งวงเวทย์ปิดผนึกพื้นที่ใน God domain สามารถปิดผนึกพื้นที่ได้กว้างมากเท่าไหร่ บาเรียที่ทำหน้าที่ปิดผนึกพื้นที่ก็จะยิ่งเปราะบางมากขึ้นเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่ามันจะดูเหมือนว่าสภาสิบแปดปีกสามารถจะปิดผนึกทั้งแผนที่ได้ แต่บาเรียเวทย์มนต์จากวงเวทย์แบบนี้มันก็จะไม่สามารถหยุดไม่ให้มอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ระดับเทพนิยายจำนวนมากหลายพันตัวถอยได้แน่นอน
เมื่อพูดจบจักรพรรดิอสูรก็ได้ออกคำสั่งให้พวกมอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ระดับเทพนิยายบางส่วนที่ได้รับบาดเจ็บน้อยพุ่งเข้าโจมตีบาเรียตรงหน้าทันที
ขณะเดียวกันพวกร้อยผีโดดเดี่ยวที่อยู่ไกลออกไปนั้นก็มีความคิดเดียวกัน และพวกเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวเหมือนกับจักรพรรดิอสูรในการจัดการกับเรื่องนี้
คฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการ :
ไฟเออร์แดนซ์ที่เห็นท่าทีของจักรพรรดิอสูรและร้อยผีโดดเดี่ยวอดไม่ได้ที่จะหันมากล่าวถามกับซือเฟิงว่า “หัวหน้ากิล รีบไล่ตามพวกนั้นไปกันเถอะ หากเราปล่อยให้พวกนั้นเคลื่อนที่ออกไปสุดขอบและทำลายวงเวทย์ได้ มันก็คงจะยากที่จัดการกับพวกนั้นทั้งหมดที่นี่”
วงเวทย์ปิดผนึกพื้นที่แบบนี้นั้นไม่น่าจะมีความทนทานเท่ากับวงเวทย์ป้องกันของป้อมปราการ และมันก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่มันจะถูกทำลายลงได้จากการระดมโจมตีของมอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายหลายพันตัวแค่ไม่กี่ครั้ง
ซือเฟิงยิ้มก่อนที่เขาจะส่ายหัว และพูดว่า “ไม่ต้องหรอก ปล่อยให้พวกนั้นวิ่งหนีไปสักพัก ตอนนี้เรามาจัดการฆ่าพวกมอนสเตอร์ Faux Saint ใกล้ๆกันก่อนดีกว่า เรียกอันยีลดิ้งฮาร์ทกับอิลูซะรี่เวิร์ดให้มาเข้าร่วมกับเราได้ ในขณะเดียวกันก็ให้ปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์ขนาดใหญ่ทั้งหมดเฝ้าระวังการเคลื่อนไหวของกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint อย่างใกล้ชิด หากมันคิดจะหันกลับมาโจมตีเราก็ให้เริ่มยิงอีกครั้งได้เลย !!!”
คนอื่นอาจไม่รู้ถึงเอฟเฟคของกระจกแห่งโลก แต่เขารู้ดี
แม้ว่าตอนนี้กระจกแห่งโลกจะยังไม่สมบูรณ์ และมีเอฟเฟคมากมายที่ขาดหายไป แต่มันก็แข็งแกร่งมากพอที่จะใช้ปิดผนึกทั้งแผนที่ได้ โดยที่กองทัพของจักรพรรดิอสูร และกองกำลังของร้อยผีโดดเดี่ยวไม่สามารถจะทำลายมัน และหนีออกไปได้ในเวลาอันสั้นแน่นอน
เพราะท้ายที่สุดแล้วการปิดผนึกพื้นที่แบบนี้นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำลาย แม้กระทั่งกับสิ่งมีชีวิตขั้นห้าก็ตาม และแม้ว่ากองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint จะมีมากมาย แต่คุณภาพของพวกมันก็ค่อนข้างต่ำ ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำลายการปิดผนึกพื้นที่นี้ให้ได้ก่อนหนึ่งชั่วโมง
ซึ่งหนึ่งชั่วโมง เวลาแค่นี้มันก็เพียงพอแล้วสำหรับพวกเขาที่จะทำสิ่งต่างๆมากมาย
และแม้ว่าหนึ่งชั่วโมงนี้จะไม่เพียงพอ แต่เขาก็ยังจะสามารถอัดคริสตัลเวทย์มนต์สามพันชิ้นเข้าไปเพื่อเปิดใช้งานกระจกแห่งโลกได้อีกครั้ง เพราะท้ายที่สุดแล้วมันแตกต่างจากเวทย์ปิดผนึกพื้นที่โดยทั่วไป มันไม่มีคูลดาวน์ และมันสามารถเติมพลังงานเข้าไปใช้ได้เรื่อยๆ
อย่างไรก็ตามประเด็นที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาก็คือตอนนี้เขาได้ใช้จ่ายไปอย่างมหาศาลทั้งเรื่องการสร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ และการรับมือกับกองทัพของจักรพรรดิอสูร กับกองกำลังของร้อยผีโดดเดี่ยว ดังนั้นหากเขาไม่ถอนทุนคืนกลับมา ต่อให้เขาชนะในสงครามครั้งนี้ แต่มันก็จะยังเป็นการจ่ายมากเกินไปอยู่ดี ….
โดยนี่มันก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ซือเฟิงสั่งระดมพลออกไปไล่ล่ากองทัพที่ด้านนอก เนื่องจากหากเขาใช้อาวุธสงครามทำลายกองทัพด้านนอกหมด เขาและคนของเขาทั้งหมดก็จะไม่ได้รับค่า EXP ใดๆเลย อย่างมากก็จะได้แค่ไอเทมที่ดรอปออกมาเท่านั้น
หลังจากออกคำสั่งเรียบร้อย ซือเฟิงก็ได้บินออกจากคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการ และออกจากป้อมปราการเคลื่อนที่ไปเพื่อไล่ตามอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ที่กำลังหลบหนีอยู่กลางอากาศ
ภายใต้การปิดผนึกพื้นที่ของกระจกแห่งโลกนั้น แม้ว่าเอฟเฟคของมันจะยังไม่สมบูรณ์ แต่มันก็ช่วยปราบปรามศัตรูที่อยู่ในพื้นที่ปิดผนึกนี้ลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความเร็วในการบินกลางอากาศนั้น ฝ่ายที่เป็นศัตรูจะมีความเร็วลดลงไปราวหกสิบเปอเซ็นต์เลย
นอกจากนี้นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่มอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งมันก็ช่วยลดความเร็วในการบินของมันลงไปอีก
สำหรับไฟเออร์แดนซ์ ไวโอเล็ตคลาวด์ ไลฟ์เลสธอร์น และโซริทารี่ไนน์ พวกเขาทั้งหมดก็ล้วนรีบติดตามซือเฟิงไปทันที
เพราะท้ายที่สุดแล้วมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายนั้นมันหายากมากๆโดยเฉพาะในโลกภายนอก นี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกที่มีเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบหรือมากกว่าเลย จำนวนของพวกมันนั้นมีไม่พอสำหรับผู้เล่นขั้นสี่ด้วยซ้ำ
และพูดกันตามตรงพวกมอนสเตอร์ Faux Saint บินได้หลายพันตัวตรงหน้าของพวกเขาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสกันก็เหมือนกับเด็กอ่อน ดังนั้นการจะให้ปล่อยพวกมันไปก็น่าเสียดาย
ภายในเวลาไม่ถึงสิบวินาที ซือเฟิงและคนอื่นๆก็ได้มาถึงตรงหน้าของมอนสเตอร์ Faux Saint ที่ตกเป็นเป้าหมายของพวกเขา และเริ่มการฆ่าอย่างเมามัน โดยเฉพาะอย่างกับซือเฟิงที่เขาใช้เวลาเพียงเจ็ดวินาทีเท่านั้นในการฆ่ามอนสเตอร์ Faux Saint บินได้หลายสิบตัว …..
จากนั้นซือเฟิงก็สังเกตเห็นว่าแถบค่า EXP ของเขานั้นมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยอัตราการเพิ่มขึ้นนั้นมันก็รวดเร็วมากๆซะจนเขาสามารถทะลุไปถึงเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบสองได้ในระยะเวลาอันสั้น !!!
หลังจากนั้นซือเฟิงก็เริ่มทำการล่าต่อไปเรื่อยๆ โดยเขาก็ได้ใช้คะแนนสกิลมรดกที่เหลือหนึ่งร้อยสิบแต้มของเขาเรียนรู้สกิลมรดกขั้นสี่ ดาบเงาล่องหนด้วย
ต่อมาในอีกไม่กี่นาทีเลเวลของซือเฟิงก็เพิ่มขึ้นจากหนึ่งร้อยสี่สิบสองไปเป็นหนึ่งร้อยสี่สิบสาม ….
อย่างไรก็ตามในขณะที่ทำการฆ่ามอนสเตอร์ Faux Saint พวกนี้ไปเรื่อยๆ หมอกสีเทาก็พวยพุ่งจากตัวพวกมันเข้าสู่จิตใจของซือเฟิงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแต่ละครั้งนั้นมันก็ช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ของซือเฟิงกับองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ และมานาขึ้นอย่างมาก
“พลังแห่งความรู้แจ้ง !!! แม้ว่านี่มันจะเหมือนกับการฆ่าพวกมอนสเตอร์ Faux Saint ครั้งที่แล้ว เพราะผู้ที่ฆ่าพวกมันจะเจอตราประทับวิญญาณล๊อคเป้าไว้ แต่ผลของพลังที่มันให้แก่ผู้เล่นตอนนี้นั้นมันก็มีประโยชน์กว่าตอนนั้นมากๆ !!!” ซือเฟิงที่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวเองกล่าวอย่างประหลาดใจ
เมื่อเทียบกับการไปเก็บเลเวลอย่างบ้าคลั่งนั้น การได้รับอะไรแบบนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆมันจะช่วยให้พวกเขาทรงพลังขึ้นมากกว่ามาก
และในเวลานี้มันก็ไม่ใช่แค่ซือเฟิงเท่านั้นที่รู้สึกได้ถึงเรื่องนี้ คนอื่นๆที่ไล่ฆ่าพวกมอน
สเตอร์ Faux Saint บินได้อยู่ก็รู้สึกเช่นกัน
“แม้ว่ามอนสเตอร์ Faux Saint พวกนี้จะไม่ได้ดรอปไอเทมใดๆมากนัก แต่พวกมันก็นับเป็นสมบัติอย่างแท้จริง นี่ถ้าผู้เชี่ยวชาญขั้นสามได้รับพลังนี้ไป ความยากในการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ของพวกเขาก็จะลดลงอย่างมากเลย” อันยีลดิ้งฮาร์ทกล่าวอย่างประหลาดใจกับเรื่องนี้เช่นกัน
เมื่อได้ยินคำพูดของอันยีลดิ้งฮาร์ท อิลูซะรี่เวิร์ดก็กล่าวเสริมว่า “แต่ฉันว่ามอนสเตอร์พวกนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้เล่นขั้นสี่อย่างเรามากกว่านะ พวกมันช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ขององค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์กับมานาของตัวเราขึ้นมากๆ ซึ่งผลจากเรื่องนี้มันก็จะทำให้เราสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานา หรือใช้ศักยภาพร่างมานาได้มากขึ้นด้วย”
หลังจากมาถึงขั้นสี่แล้วสิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องความสัมพันธ์ของตัวเองกับองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์และมานา เพราะเรื่องนี้มันจะช่วยเพิ่มพลังการต่อสู้ให้กับผู้เล่นได้อย่างมาก ดังนั้นตอนนี้การที่ฆ่ามอนสเตอร์ Faux Saint บินได้แล้วให้ผลแบบนี้ มันจึงเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่สำหรับผู้เล่นขั้นสี่อย่างพวกเขาเลย
เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ทั้งสองก็เร่งความเร็วในการไล่ล่าและฆ่าเหล่ามอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ขึ้นไปอีกเพื่อให้ตัวเองไปได้ไกลขึ้นในเรื่องนี้
ครู่หนึ่งจักรพรรดิอสูรที่พยายามจะหนีไปยังขอบของพื้นที่ปิดผนึกได้แต่เฝ้ามองซือเฟิงและคนอื่นๆไล่ฆ่ามอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ของเขาอย่างสนุกสนาน ซึ่งมันก็ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะกัดฟันด้วยความแค้น
มอนสเตอร์ Faux Saint บินได้เหล่านี้จัดเป็นหนึ่งในไพ่ที่ทรงพลังที่สุดของพวกเขา แต่ตอนนี้มอนสเตอร์พวกนี้กับกลายเป็นกระสอบทรายให้ซือเฟิงและคนอื่นๆไล่ฆ่า ไล่ฟันเพื่อเก็บเลเวลกันอย่างสนุกสนาน แถมตอนนี้เขาก็สูญเสียมอนสเตอร์ Faux Saint ระดับนี้ไปมากกว่าสามร้อยตัวแล้ว หากเขาไม่ได้กลัวการโจมตีโต้ตอบจากป้อมปราการเคลื่อนที่ เขาคงจะสั่งให้มอนสเตอร์ Faux Saint บินได้เหล่านี้หันกลับไปล้อมกรอบฆ่าซือเฟิงและคนอื่นๆแล้ว
“แบล๊คเฟรม ไม่ช้าก็เร็วฉันจะทำให้คุณต้องจ่ายสำหรับเรื่องในวันนี้ !!!” จักรพรรดิอสูรมองไปยังซือเฟิงที่อยู่ห่างออกไปหลายหมื่นหลาด้วยดวงตาที่เย็นชา
สำหรับลู่ชิงหลัวที่อยู่ด้านข้างของจักรพรรดิอสูรเขาก็ได้ตัดสินใจแล้วเช่นกันว่า หลังจากจบเรื่องนี้ ในอนาคตไม่ว่าจะเป็นใน God domain หรือโลกแห่งความจริง เขาก็จะทำให้ซือเฟิงต้องจ่ายอย่างหนักแน่นอน !!!
ทันใดนั้นเองจักรพรรดิอสูรก็ได้มาถึงบริเวณขอบมาบาเรียแล้ว และเขาก็มองไปยังขอบบาเรียตรงหน้าของเขา ก่อนจะออกคำสั่งกับมอนสเตอร์ Faux Saint บินได้หลายร้อยตัวที่ตามเขามาว่า “ไปเร็ว !!! รีบไปทำลายบาเรียเวรนี่ให้ฉันเดี๋ยวนี้ !!!”