ตอนที่ 2833 อัพเกรดเป็นเมืองหลัก
เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนนี้ของระบบ ซือเฟิงก็เลือกจะอัพเกรดเมืองสภาสิบแปดปีกให้กลายเป็นเมืองหลักทันทีโดยไม่ลังเล
ระบบ : มันจะต้องใช้เงินห้าแสนเหรียญทอง และคริสตัลเวทย์มนต์สองแสนชิ้นเพื่ออัพเกรดเมืองสภาสิบแปดปีกเป็นเมืองหลัก คุณเลือกที่จะจ่ายเลยไหม ?
“จ่าย !!”
ซือเฟิงไม่ได้แปลกใจกับเรื่องนี้ เขาได้เตรียมเหรียญทองและคริสตัลเวทย์มนต์ที่จำเป็นต่อการอัพเกรดครั้งนี้ไว้ในกระเป๋าของเขาแล้ว
ช่วงเวลาที่ซือเฟิงเลือกจะจ่าย เงินห้าแสนเหรียญทอง และคริสตัลเวทย์มนต์สองแสนชิ้นก็หายออกไปจากกระเป๋าของเขา และหลังจากนั้นเสียงแจ้งเตือนของระบบหลายชุดก็ดังขึ้นมาที่หูของซือเฟิง
ระบบ : หลังจากชำระค่าใช้จ่ายเสร็จสิ้นแล้ว ผู้เล่นทุกคนในเมืองสภาสิบแปดปีกจะถูกเทเลพอร์ตออกจากเมืองภายในสามนาที เวลาอัพเกรดโดยประมาณคือสองชั่วโมง
ประกาศจากระบบภูมิภาคเมืองสภาสิบแปดปีก : เมืองสภาสิบแปดปีกจะได้รับการอัพเกรดเป็นเมืองหลัก ภายในสามนาทีนี้ผู้เล่นทุกคนในเมืองสภาสิบแปดปีกจะถูกเทเลพอร์ตออกจากเมือง ขอให้ผู้เล่นในเมืองทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเทเลพอร์ต
ซึ่งนี่มันก็ทำให้ภายในเมืองสภาสิบแปดปีกที่เหลือประชากรผู้เล่นไม่ถึงหนึ่งล้านคน ส่งเสียงอุทานด้วยความไม่อยากจะเชื่อกันออกมา
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร ?! อัพเกรดเป็นเมืองหลัก ?!”
“เมืองสภาสิบแปดปีกยังไม่ใช่เมืองกิลขนาดใหญ่ขั้นสูงสักหน่อย แล้วทำไมเมืองสภาสิบแปดปีกถึงสามารถจะอัพเกรดเป็นเมืองหลักได้ ?!”
“นี่สภาสิบแปดปีกทำอะไรไปกันแน่ ? ทำไมเมืองสภาสิบแปดปีกถึงจะได้รับการอัพเกรดเป็นเมืองหลัก ?!”
ผู้เล่นและกองกำลังต่างๆที่เลือกจะใช้เมืองสภาสิบแปดปีกเป็นฐานปฎิบัติการหลักของพวกเขาตกตะลึงไปชั่วครู่หนึ่งกับเรื่องนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมาชิกของกองกำลังขนาดใหญ่ต่างๆที่ล้วนรู้สึกว่าระบบกำลังล้อเล่นกับพวกเขา
ผู้เล่นทั่วไปอาจไม่ได้รู้ถึงเงื่อนไขเกี่ยวกับการอัพเกรดเมืองในขั้นต่างๆ แต่พวกเขานั้นล้วนรู้ดี แถมช่วงหลังมานี้ หลังจากสภาสิบแปดปีกใช้นโยบายปิดเมืองและเพิ่มค่าเข้าเมือง ประชากรของเมือง รวมไปถึงความเจริญในทุกๆด้านของเมืองนั้นก็ลดลงอย่างมาก
อย่างไรก็ตามอยู่ๆมันกับมีเสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นมาว่า เมืองสภาสิบแปดปีกกำลังจะถูกอัพเกรดเป็นเมืองหลัก ซึ่งจะให้พวกเขาทำใจเชื่อเรื่องนี้ได้อย่างไร ?
อย่างไรก็ตามแม้ว่าผู้เล่นในเมืองสภาสิบแปดปีกจะไม่อาจทำใจเชื่อเรื่องนี้ได้ แต่นาฬิกานับถอยหลังของระบบนั้นก็ยังคงรับถอยหลังเรื่อยๆ จนกระทั่งมันผ่านไปครบสามนาที ทุกคนก็ถูกบังคับเทเลพอร์ตออกจากเมืองสภาสิบแปดปีก และหลังจากถูกเทเลพอร์ตออกมา ทุกคนก็ได้แต่ยืนนิ่งอย่างตกตะลึง ในขณะที่สมองของพวกเขากำลังพยายามประมวลผลว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทุกเรื่องนี้มันเป็นเรื่องจริง
และในไม่ช้าข่าวเรื่องนี้ก็ไปถึงหูพวกผู้บริหารระดับสูงของสภาสิบแปดปีก รวมไปถึงมหาอำนาจต่างๆอย่างรวดเร็ว ซึ่งนี่มันก็ทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
สภาสิบแปดปีกนั้นมีเมืองหลักแล้ว ในขณะที่มหาอำนาจต่างๆยังไม่มีแม้แต่เมืองขนาดใหญ่ขั้นกลางด้วยซ้ำ นี่มันน่าเหลือเชื่อมากๆ !!!
“หัวหน้ากิล หัวหน้าทำอะไรไปกัน ?” เมื่อเหลียงจิงที่อยู่ในเมืองปีกสีเงินได้รับข่าวนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะรีบติดต่อมาถามซือเฟิง “ทำไมเมืองสภาสิบแปดปีกถึงได้รับการอัพเกรดเป็นเมืองหลัก ?”
ปัจจุบันเมืองปีกสีเงินซึ่งได้รับความนิยมมากๆของกิลนั้นใกล้ที่จะสามารถอัพเกรดเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นสูงได้แล้ว ดังนั้นมันจึงยากที่จะจินตนาการว่าทำไมเมืองสภาสิบแปดปีกตอนนี้ที่ไม่ได้รับความนิยมากนักจึงได้รับการอัพเกรดแบบก้าวกระโดดให้กลายเป็นเมืองหลักของกิลก่อน
ในปัจจุบันนั้นสภาสิบแปดปีกไม่เพียงแต่ขาดแคลนอาวุธกับอุปกรณ์เท่านั้น แต่รายได้จากเมืองกิลต่างๆของกิลยังลดลงอย่างมากด้วยไม่เว้นแม้แต่เมืองปีกสีเงิน อันเนื่องมาจากการกดดันทางเศรษฐกิจของมหาอำนาจต่างๆที่ทำให้แม้แต่ทีมนักผจญภัยที่มีชื่อเสียงบางทีมก็ยังไม่กล้าจะเดินทางเข้ามาในเมืองกิลของสภาสิบแปดปีก
หากพวกเขาไม่ได้รับเหรียญทองจำนวนมากมาก่อนหน้านี้จากจักรพรรดิคริมสัน และอันยีลดิ้งโซล กิลก็แทบจะไม่สามารถรักษาการดำเนินงานตามปกติได้ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงการรักษา และดูแลการดำเนินงานประจำวันของเมืองต่างๆเลย
แม้ว่าตอนนี้ หลังจากที่สภาสิบแปดปีกชนะสงครามครั้งใหญ่ที่หอคอยแห่งพันธสัญญาลับแล้ว มันจะทำให้มหาอำนาจต่างๆเริ่มยกเลิกการกดดันทางเศรษฐกิจต่อสภาสิบแปดปีก แต่พวกเขาก็ยังคงแอบปฎิบัติการบางส่วนอยู่อย่างลับๆเหมือนเดิม และแม้ว่าตอนนี้สภาสิบแปดปีกจะสามารถเข้าครอบครองหอคอยแห่งพันธสัญญาลับได้อย่างเบ็ดเสร็จ แต่มันก็ต้องใช้เวลาอีกประมาณหนึ่งเลยกว่าที่กิลจะมีกิลกำลังคนมากเพียงพอที่แผ่อิทธิพลจำนวนมาก แบบไม่ต้องสนใครได้อีกครั้ง
ในสายตาของมหาอำนาจนั้น แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะแข็งแกร่งจนเหนือกว่ากิลชั้นยอดบางกิลแล้วในตอนนี้ แต่พวกเขาก็ยังคงไม่ได้กลัวสภาสิบแปดปีกมากนัก อันเนื่องมาจากสภาสิบแปดปีกไม่มีผู้สนับสนุนใดๆ และเรื่องนี้มันก็เป็นสาเหตุหลักด้วยที่ทำให้พวกเขากล้าจะทำการกดดันทางเศรษฐกิจต่อสภาสิบแปดปีก
อย่างไรก็ตามเมื่อสภาสิบแปดปีกมีเมืองหลักแล้ว สถานการณ์ทั้งหมดมันก็จะเปลี่ยนไปแน่นอน
เพราะเมืองหลักนั้นมันแตกต่างจากเมืองกิลขนาดใหญ่อย่างมาก นอกเหนือจากขนาดที่ใหญ่กว่าแล้ว มันก็ยังจะมีสิ่งก่อสร้างขั้นสูงหรือเหนือกว่าที่จะมีแค่เฉพาะในเมืองหลักปรากฎขึ้นมาด้วย และที่สำคัญมันยังไม่ใช่แค่นี้ ตราบใดที่เมืองกิลเมืองหนึ่งสามารถไปถึงระดับของเมืองหลักได้ มันก็แทบจะถูกการันตีว่าปลอดภัยอย่างแท้จริง และแค่จำนวนทหาร NPC ที่เมืองสามารถรับสมัครเข้าประจำการได้มันก็มีถึงสามหมื่นคนแล้ว นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่เมืองจะสามารถใช้โดเมนได้อีก
แถมเมื่อมีเมืองหลักนั้น กิลก็จะสามารถส่งทหาร NPC ออกไปต่อสู้นอกเมืองได้ด้วย ซึ่งนี่มันก็หมายความว่าในแผนที่ที่เมืองหลักของกิลๆนั้นตั้งอยู่นั้น กิลๆนั้นก็จะสามารถควบคุมแผนที่นั้นได้อย่างเบ็ดเสร็จเลย
กล่าวได้อีกอย่างหนึ่งคือ เมื่อเป็นแบบนี้นั้นสภาสิบแปดปีกก็จะสามารถเปิดเมืองสภาสิบแปดปีกให้ NPC ต่างๆเข้ามาได้ โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าพวกเขาจะเข้ามาก่อปัญหาแล้ว การพัฒนาของเมืองสภาสิบแปดปีกจะกลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง ….
“ความลับน่ะ …” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อย่างไรก็ตามคุณเองก็ควรเตรียมตัวเช่นกัน เพราะหลังจากการอัพเกรดเรียบร้อย ฉันจะเปิดเมืองสภาสิบแปดปีกให้สาธารณชนเข้ามาอย่างเต็มที่ แถมฉันก็จะสร้างห้องเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อเมืองสกายสปริงกับเมืองสภาสิบแปดปีกเข้าด้วยกันด้วย …. เมื่อเวลานั้นมาถึง คุณจะต้องเข้ามาจัดการเมืองสภาสิบแปดปีก ส่วนการจัดการเมืองปีกสีเงินก็จะเป็นหน้าที่ของเมลาน
โครอิคสไมล์”
“หัวหน้ากิลจะให้ฉันจัดการเมืองสภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ?” เหลียงจิงกล่าวอย่างประหลาดใจ “อย่างไรก็ตามเมลานโครอิคสไมล์นั้นอยู่ในเมืองไวท์ริเวอร์มาตลอด มันจะไม่สะดวกกว่าหรอถ้าจะส่งเธอไปจัดการเมืองสภาสิบแปดปีก ?”
ซือเฟิงส่ายหัว และพูดอย่างช้าๆว่า “ไม่ หลังจากเมืองสภาสิบแปดปีกถูกอัพเกรดเสร็จสิ้น ฉันวางแผนจะย้ายเมืองไปยังแผนที่เป็นกลางซึ่งอยู่ห่างจากอาณาจักรสตาร์มูน ดังนั้นเมลานโครอิคสไมล์ที่ต้องทำหน้าที่เป็นผู้จัดการบริษัทการค้าแสงเทียนด้วยจึงไม่สามารถจะรับงานในเรื่องนี้ได้ เพราะมันจะทำให้เธอยุ่งยากเกินไป และที่เหลือมันก็เพียงคุณแล้วที่เหมาะสมที่สุด”
เมลานโครอิคสไมล์นั้นมีงานในด้านต่างๆรัดตัวมากแล้ว และการดูแลเมืองหลักของกิลนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มันจะมีสิ่งที่แตกต่างออกไปอย่างมากจากการดูแลเมืองกิลขนาดใหญ่ และบางสิ่งมันก็เป็นสิ่งที่จะต้องทุกวันด้วย หากเขามอบหน้าที่นี้ให้กับเมลานโครอิคสไมล์ เธอจะไม่มีแม้แต่เวลานอนแน่นอน
ในฐานะอดีตหัวหน้ากิลชั้นรอง เขารู้ดีว่าการจัดการเมืองกิลมันเหนื่อยแค่ไหน
ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา ส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาไม่สามารถจะทำเควสเลื่อนขั้น เป็นขั้นสี่ได้สำเร็จ มันก็เป็นเพราะเขามัวแต่ยุ่งอยู่กับการจัดการกิจการของกิล จนไม่มีเวลาพัฒนาตัวเองนี่แหละ ดังนั้นในชีวิตนี้เขาจึงจะต้องไม่ผิดพลาดแบบเดิม และเขาก็จะต้องแจกจ่ายงานอย่างเหมาะสมที่สุดเพื่อให้คนของเขามีเวลาพอจะพัฒนาตัวเองร่วมไปกับการทำงานให้กับกิลด้วย
“หัวหน้ากิลจะย้ายเมืองสภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ?” เหลียงจิงที่ได้ยินการตัดสินใจของซือเฟิงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
แค่เมืองสภาสิบแปดปีกกลายเป็นเมืองหลักมันก็น่าทึ่งมากแล้ว หากพวกเขาสามารถเคลื่อนย้ายเมืองสภาสิบแปดปีกไปยังแผนที่เป็นกลางได้จริงๆ เมืองนี้จะสร้างโชคลาภให้กับพวกเขาอย่างมหาศาลแน่นอน
“อืมม … ดังนั้นฉันจึงบอกให้คุณเตรียมตัวไง เพราะหลังจากนี้คุณจะยุ่งมากๆเลยทีเดียว …” ซือเฟิงพยักหน้าด้วยดวงตาที่แน่วแน่
ปัจจุบันสภาสิบแปดปีกนั้นมีเมืองกิลอยู่สามเมืองได้แก่เมืองป่าหิน เมืองปีกสีเงิน และเมืองสภาสิบแปดปีก
โดยที่ตำแหน่งของเมืองปีกสีเงิน และเมืองป่าหินนั้นมันอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ ดังนั้นมันจึงไม่สามารถที่จะเคลื่อนย้ายได้ ดังนั้นเมืองเดียวที่เหลือที่สามารถจะเคลื่อนย้ายได้ก็คือเมืองสภาสิบแปดปีก ซึ่งตั้งอยู่ในอาณาจักรสตาร์มูนที่มูลค่าของมันตอนนี้ได้เริ่มลดลงไปตามกาลเวลา อันเนื่องมาจากเหล่าผู้เล่นนั้นเริ่มมีเลเวลสูงกันจนเกินกว่าเลเวลของแผนที่ที่เมืองตั้งอยู่แล้ว
หลังจากนั้นในอีกสองชั่วโมงต่อมา เมืองสภาสิบแปดปีกโฉมใหม่กได้ปรากฎขึ้นต่อสายตาของทุกคน
อย่างไรก็ตามก่อนที่ทุกคนจะทันได้คิดหรือพูดอะไรนั้น ซือเฟิงก็ได้มาถึงที่คฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองเมืองสภาสิบแปดปีก และจัดการจ่ายคริสตัลเวทย์มนต์ห้าพันชิ้นให้กับกระจกแห่งโลกเพื่อย้ายเมืองสภาสิบแปดปีกยังแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบทันที ซึ่งนี่มันทำให้ผู้เล่นที่เฝ้าดูอยู่นั้นตกตะลึงมากๆ เพราะเมืองนั้นอยู่ๆก็หายไปต่อหน้าต่อตาของพวกเขาเลย