ตอนที่ 2837 ดินแดนศักสิทธิ์โฉมใหม่
เมืองสภาสิบแปดปีก ห้องเทเลพอร์ต :
เมื่อมีผู้คนนับร้อยปรากฎตัวขึ้นที่วงเวทย์เทเลพอร์ตของห้องเทเลพอร์ตพร้อมกัน มันก็ทำให้วงเวทย์เทเลพอร์ตซึ่งแต่เดิมมีขนาดเท่ากับสนามบาสเก็ตบอลนั้นดูแออัดไปทันที
แต่อย่างไรก็ตามความแออัดแบบนี้นั้นก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนที่เข้ามาส่งเสียงบ่นใดๆ ตรงกันข้ามพวกเขากับยืนนิ่งเป็นหินแทน
“เป็นไปได้ยังไงกัน ?!”
“ทำไมที่นี่ถึงมีมานาที่หนาแน่นมากขนาดนี้ ?!”
คลีนซิ่งเฟรมที่อยู่ในฝูงชนนั้นสัมผัสได้ถึงความมหัศจรรย์ของสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างรวดเร็ว และนี่มันก็ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
ในเวลานี้เธอรู้สึกราวกับว่าเธอได้เดินเข้ามาในทะเลมานาเลย ….
ขณะเดียวกันสิ่งที่เธอรู้สึกได้จากที่นี่นั้นมันก็แตกต่างจากที่เมืองกิลทั่วไปมาก ที่นี่นั้นมีสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมานาที่หนาแน่นมากๆ แถมเธอยังสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่า ในสภาพแวดล้อมแบบนี้มันจะช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ของเธอกับองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ และมานาขึ้นอย่างมาก ซึ่งนี่มันแตกต่างจากเมืองกิลทั่วไปราวกับสวรรค์และโลกเลย
“ถ้าได้มาฝึกฝนที่นี่ ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ คนๆหนึ่งจะสามารถเรียนรู้สกิล และเวทย์ได้ง่ายๆเลย แถมยังจะสามารถปรับปรุงสกิลกับเวทย์ของตัวเองได้เร็วกว่าเมืองกิลอื่นๆมากกว่าสองเท่าแน่นอน” คลีนซิ่งเฟรมกล่าวบ่นพึมพำ
แม้มันจะมีไอเทมมากมายใน God domain ที่สามารถจะทำให้สมองของผ้เล่นปลอดโปร่งและมีสมาธิ แต่ทุกสิ่งมันก็ดูไร้ค่าไปเลย หากเปรียบเทียบกับมานาในเมืองสภาสิบแปดปีก
“มากกว่าสองเท่า ? คุณดูถูกสถานที่แห่งนี้เกินไปนะ สถานที่แห่งนี้ไม่เพียงแต่จะมีมานาที่หนาแน่นและแข็งแกร่งมากๆ ….” รองผู้บัญชาการของฮีฟเว่นเบลด ดีไวน์ชาโด้วกล่าวด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “ฉันรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า เมื่อตัวเองมาอยู่ที่นี่นั้นความสัมพันธ์ขององค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ และมานาของฉันมันสูงขึ้นกว่าในโลกภายนอกสองถึงสามเท่า ซึ่งหากได้ฝึกที่นี่นั้นมันจะให้ผลที่ดีกว่าในโลกภายนอกมากกว่าสี่เท่าแน่นอน ซึ่งมันจะช่วยในเรื่องการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้อย่างมาก”
แม้ว่าการค้นหาดินแดนมรดกขั้นสี่จะเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่สิ่งที่ยากกว่าและสำคัญกว่าก็คือการเรียนรู้สกิลหรือเวทย์มรดกขั้นสี่ให้ทันตามเวลา และข้อกำหนด ซึ่งความสัมพันธ์ขององค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ กับมานานั้นมีส่วนสำคัญในเรื่องนี้มากๆ
มันมีอัจฉริยะเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถทำอะไรแบบนี้ได้ง่ายๆ ในขณะที่คนอื่นๆส่วนใหญ่นั้นจำเป็นจะต้องฝึกฝนอย่างหนักกว่าที่จะสามารถบรรลุข้อกำหนดขั้นต่ำ และกลายเป็นขั้นสี่ได้
หากให้เทียบมันก็เหมือนกับคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญภาษาในโปรแกรมใหม่แล้ว ซึ่งคุณอาจจะรู้จักภาษานี้แทบทุกซอกทุกมุม แต่ตอนนี้คุณจำเป็นจะต้องมาสร้างเกมเนื้อเรื่องยาวด้วยภาษานี้ในเวลาที่กำหนด ดังนั้นคุณน่าจะสามารถจินตนาการถึงความยากได้เลย
มันอาจกล่าวได้ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถทำได้
สิ่งเดียวที่ผู้เล่นทำได้คือการปรับปรุงตัวเองไปอย่างต่อเนื่อง และค่อยๆทำความคุ้นเคยกับองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ และมานาเท่านั้น ผู้เล่นไม่สามารถจะเร่งรีบหรือรัดกระบวนการได้ง่ายๆในเรื่องนี้
อย่างไรก็ตามตอนนี้มันเป็นไปได้ในเมืองสภาสิบแปดปีก ….
เมื่อได้ยินคำพูดของดีไวน์ชาโด้ว คลีนซิ่งเฟรมก็ได้ลองตรวจสอบเรื่องที่เขาพูด ซึ่งมันก็ทำให้เธอเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ เพราะเธอนั้นค้นพบอย่างรวดเร็วว่าเรื่องที่ดีไวน์ชาโด้วพูดมันเป็นเรื่องจริงทั้งหมด
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมถึงกล้าจะเรียกเก็บคริสตัลเวทย์มนต์จำนวนมากเป็นค่าเข้าเมืองโดยที่เขาไม่กังวลเลยว่าจะไม่มีใครเข้ามาที่เมืองนี้ แถมเขายังกล้าจะประกาศว่านี่เป็นสวัสดิการของกิล และไม่ต้องการให้บุคคลภายนอกได้เข้ามาอีก …” ดีไวน์ชาโด้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ด้วยผลประโยชน์ทั้งหมดนี้ที่เมืองมอบให้ เมื่อผู้เล่นขั้นสามทุกคนรู้เข้า พวกเขาจะแย่งกันเข้าสู่เมืองอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนค่าใช้จ่ายแน่นอน ….”
ความพิเศษทั้งหมดนี้ของเมืองสภาสิบแปดปีกนั้น มันเป็นสิ่งที่เมืองอื่นๆไม่สามารถจะให้ได้เลย ซึ่งในเวลานี้นั้นดีไวน์ชาโด้วก็ไม่ใช่คนเดียวที่คิดแบบนี้ แต่ทุกคนที่อยู่ในวงเวทย์เทเลพอร์ตก็คิดเช่นกัน
“แข็งแกร่ง !! แข็งแกร่งมากๆ !!!นี่ถ้าฉันสามารถอยู่ฝึกที่นี่ได้เป็นเวลานาน ไม่เพียงแต่พลังการต่อสู้ของฉันจะเพิ่มขึ้นสูงมากเท่านั้น แต่ฉันน่าจะสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ในระยะเวลาอันสั้นเลย” ดวงตาของซัมมอนเนอร์หนุ่มขั้นสามเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น
แม้ว่าเขาจะกลายเป็นขั้นสามมานานแล้ว แต่การจะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาให้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์นั้นมันก็ยังคงยากมากอยู่ดี ซึ่งร่างมานาที่ปลดล๊อคศักยภาพได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ กับยังไม่สามารถปลดล๊อคศักยภาพได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์นั้นมันแตกต่างกันมากๆ และมันก็ส่งผลกระทบไปถึงพลังการต่อสู้ของผู้เล่นด้วย
ก่อนหน้านี้เขารู้สึกหมดหวังมากๆในเรื่องการจะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาไปให้ถึงหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ อย่างไรก็ตามตอนนี้เขากับมามองเห็นความหวังอีกครั้ง และเขาก็คิดว่าอัตราที่เขาจะทำได้สำเร็จนั้นมันค่อนข้างสูงมาก
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมสภาสิบแปดปีกถึงไม่กลัวที่จะเป็นศัตรูกับมหาอำนาจต่างๆ แถมพวกเขายังเลือกจะปฎิเสธความร่วมมือกับมหาอำนาจต่างๆด้วย ด้วยเมืองสภาสิบแปดปีกนี้ อนาคตของสภาสิบแปดปีกจะไร้ขีดจำกัดแน่นอน” เจียนโม่วโฉวเองก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกันในเวลานี้
ในตอนแรกนั้นเธอคิดว่าเธอจะเข้ามาที่นี่แค่เพื่อค้นหาดินแดนมรดกขั้นสี่เท่านั้น และหากเธอเจอดินแดนมรดกขั้นสี่ แต่เธอยังไม่มั่นใจว่าเธอจะสามารถทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้สำเร็จ เธอก็สามารถที่จะมอบมันให้กับกิล เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นคะแนนกิลจำนวนมาก และนำไปแลกไอเทมระดับอีปิคที่เธอต้องการได้
แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันได้เปลี่ยนไปแล้ว ….
ตอนนี้ไม่เพียงแต่เธอจะมีสิทที่จะค้นหาดินแดนมรดกขั้นสี่ได้ แต่เธอยังสามารถจะปรับปรุงตัวเองในเมืองสภาสิบแปดปีกได้ ซึ่งนี่มันทำให้เธอมีความหวังที่จะทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้สำเร็จเพิ่มขึ้นมาก
หลังจากยืนนื่งเป็นหิน และทำอะไรไม่ถูกไปชั่วครู่หนึ่งที่บริเวณวงเวทย์เทเลพอร์ต ผู้เล่นหลายร้อยคนที่เริ่มจะประมวลผลและรับสิ่งต่างๆได้แล้วก็ล้วนรีบวิ่งออกจากห้องเทเลพอร์ตไปทันที โดยที่พวกเขาทั้งหมดนั้นต้องการจะไปดูว่าภายในเมืองสภาสิบแปดปีกมันมีอะไรบ้าง ….
ซึ่งเมื่อทุกคนออกมาจากห้องเทเลพอร์ ทุกคนก็ต้องตกตะลึงกับฉากที่ได้เห็นตรงหน้า
เนื่องจากเมืองสภาสิบแปดปีกในเวลานี้นั้น มันดูดีกว่าเมืองหลักของ NPC ส่วนใหญ่ซะอีก โดยมันมีสิ่งก่อสร้างขั้นสูงหรือเหนือกว่านั้นตั้งเรียงรายอยู่มากมาย และที่สำคัญสภาพแวดล้อมที่พวกเขาสัมผัสได้ที่ภายนอกนี้มันก็เหมือนกับในห้องเทเลพอร์ตเลย นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่ามันมีอาคารขนาดยี่สิบชั้นที่ตั้งอยู่ที่ถนนสายหลักของเมืองสภาสิบแปดปีกด้วย
ซึ่งอาคารนี้มันก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากสนามประลอง !!
สถานที่ที่ผู้เล่นจะสามารถเพลิดเพลินไปกับการต่อสู้ และ PK ได้ ….
สนามประลองแบบดั้งเดิมนั้นมันไม่น่าดึงดูดสำหรับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามอีกแล้ว และเต็มที่พวกเขาก็จะใช้มันแค่ในการประมือกันกับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามคนอื่นๆเท่านั้น อย่างไรก็ตามสำหรับผู้เชี่ยวชาญขั้นสองนั้นมันแตกต่างออกไป พวกเขายังคงทยอยกันเข้ามาที่นี่ต่อสู้กัน และเรียนรู้จากกันและกัน
แต่ในเวลานี้สนามประลองของเมืองสภาสิบแปดปีกได้กลายเป็นสถานที่ที่ทุกคนต้องการจะเร่งรีบเข้าไปใช้ประโยชน์อย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากกลุ่มผู้เล่นจำนวนหนึ่งได้เข้าสู่เมืองสภาสิบแปดปีกไป ข่าวเรื่องเมืองสภาสิบแปดปีกก็ได้เริ่มแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วในช่องแชทของกิล และภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง มันก็ทำให้สมาชิกระดับสูงของสภาสิบแปดปีกหรือเหนือกว่าขึ้นไปนั้นล้วนเร่งรีบมารวมตัวกันที่เมืองสกายสปริงเพื่อจะเดินทางไปยังเมืองสภาสิบแปดปีกกันอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งนี่มันทำให้ห้องเทเลพอร์ตของเมืองสกายสปริงนั้นดูแออัดไปเลย
แม้แต่สมาชิกระดับสูงหลายคนของสภาสิบแปดปีกก็ยังต้องเข้าแถวรอเป็นเวลาหลายสิบนาทีกว่าที่จะถึงคิวของพวกเขาที่จะใช้บริการเทเลพอร์ตเพื่อเดินทางไปยังเมืองสภาสิบแปดปีก ….
เมื่อเหล่าสมาชิกระดับสูงหรือเหนือกว่าของสภาสิบแปดปีกแห่เดินทางกันไปที่เมืองสภาสิบแปดปีก ข่าวเรื่องเมืองสภาสิบแปดปีกก็แพร่กระจายไปถึงหูของกองกำลังต่างๆ และผู้เล่นอิสระอย่างรวดเร็ว โดยชั่วขณะหนึ่งสิ่งนี้มันก็ทำให้กองกำลังต่างๆนั้นอยากจะเข้าไปที่เมืองสภาสิบแปดปีกเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้มากๆ อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่สามารถจะทำได้ และตอนนี้พวกเขาก็ทำได้แค่ดูจากภายนอกเฉยๆเท่านั้น
“รีบติดต่อไปยังสภาสิบแปดปีกเร็ว !!! บอกไปว่ากิลนอร์ติก้าของเรายินดีที่จะร่วมมือเป็นพันธมิตรกับสภาสิบแปดปีก ตราบใดที่สภาสิบแปดปีกยอมเปิดเมืองสภาสิบแปดปีกให้เรา !!!”
“แจ้งไปยังสภาสิบแปดปีกว่าทีมนักผจญภัยมังกรภาษาของเรายินดีที่จะเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีก แต่สภาสิบแปดปีกต้องให้สมาชิกในทีมของพวกเราทุกคนเป็นสมาชิกระดับสูงทั้งหมด !!!”
ชั่วขณะหนึ่งหลายฝ่ายเริ่มติดต่อเข้ามาหาสภาสิบแปดปีก ไม่เว้นแม้แต่มหาอำนาจที่แท้จริงบางกลุ่มด้วย ….
“หัวหน้ากิลตอนนี้มีกิลชั้นสูงมากกว่าสี่สิบกิล ทีมนักผจญภัยที่มีชื่อเสียงมากกว่าสองร้อยกลุ่ม และมหาอำนาจที่แท้จริงห้ากลุ่มติดต่อมาขอร่วมมือ หรือไม่ก็เข้าร่วมกับเรา แต่เงื่อนไขคือเราต้องอนุญาติให้พวกเขาเข้าสู่เมืองสภาสิบแปดปีกได้ …” ไฟเออร์แดนซ์รายงายซือเฟิงอย่างตื่นเต้น “แม้แต่บางกิลก็เต็มใจที่จะจ่ายค่าเข้าสู่เมืองสภาสิบแปดปีกในราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์สิบชิ้นต่อคน ซึ่งบางกิลที่ว่านี้มีจำนวนราวห้าแสนคนเลย เราจะอนุญาติให้พวกเขาเข้ามาไหม ?”
คริสตัลเวทย์มนต์สิบชิ้นต่อคน ถ้ามีห้าแสนคนเข้าสู่เมืองสภาสิบแปดปีก มันก็จะคิดเป็นคริสตัลเวทย์มนต์ห้าล้านชิ้น
ซึ่งแม้แต่ซุเปอร์กิลก็ยังจะต้องอิจฉากับรายได้แบบนี้แน่นอน …. เพราะท้ายที่สุดตอนนี้ ซุเปอร์กิลต่างๆนั้นมีคริสตัลเวทย์มนต์เก็บอยู่ในคลังกิลของพวกเขาแค่หลายล้านชิ้นเท่านั้น
“ตอนนี้เรายังปล่อยให้พวกเขาเข้ามาไม่ได้ ….” ซือเฟิงส่ายหัว และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แต่เธอสามารถไปแจ้งพวกเขาได้ว่าสภาสิบแปดปีกสามารถที่จะแสดงความร่วมมือเบื้องต้นได้ด้วยการมอบโควต้าเข้าสู่เมืองสภาสิบแปดปีกทั้งหมดหนึ่งล้านคนให้กับผู้ที่ต้องการร่วมมือและเป็นพันธมิตรกับเรา”
“โควต้าแค่หนึ่งล้านคนเท่านั้นหรอ ?” ไฟเออร์แดนซ์รู้สึกงงงวยเมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง
เมืองสภาสิบแปดปีกนั้นกลายเป็นเมืองหลักแล้ว ไม่ต้องพูดถึงหนึ่งล้านคนเลย แม้แต่สิบล้านคนเมืองก็สามารถที่จะรองรับได้อย่างง่ายดาย และพูดกันตามตรงด้วยจำนวนที่บางกิลยอมจ่ายค่าเข้าเมืองเป็นคริสตัลเวทย์มนต์สิบชิ้นต่อคน นี่มันก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ตัดสินใจยากเลย
“กองกำลังใดก็ตามที่เซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ และพันธมิตรด้านทรัพยากรกับสภาสิบแปดปีกจะสามารถซื้อโควต้าเหล่านี้ได้” ซือเฟิงพยักหน้าและพูดอย่างช้าๆ “และมันก็จะมีการประมูลโควต้าเหล่านี้ด้วย โดยการประมูลจะถูกจัดขึ้นที่บริษัทการค้าแสงเทียน และราคาประมูลโควต้าหนึ่งช่องเพื่อเข้าสู่เมืองสภาสิบแปดปีกก็จะเริ่มที่คริสตัลเวทย์มนต์สิบชิ้นต่อหนึ่งช่อง ต่อคน ….”
“ประมูล ?” ดวงตาของไฟเออร์แดนซ์สว่างวาบขึ้นทันที เมื่อเธอได้ยินเรื่องนี้ “ฉันจะรีบไปแจ้งให้พวกเขาทราบทันที !!!”