ตอนที่ 2844 แบล๊คเฟรมแห่ง God domain
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงกล้าจะยืนหยัดขึ้นต่อต้านลู่เทียนตี้ ที่แท้เขาก็คือคนที่ทำให้ลู่ชิงหลัวต้องพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ และถูกปลดจากตำแหน่งทายาทของ
บริษัทสตาร์ไลน์นี่เอง และตอนนี้แม้แต่ลู่เทียนตี้ก็ยังจะต้องปฎิบัติกับเขาด้วยความระมัดระวัง”
“สุดยอด !! นี่มันสุดยอดมากจริงๆ !!! ที่แท้ผู้มาใหม่ที่ได้รับอำนาจเกรด 1 ใน Upper Zone ของเมืองหยวนเทียนนั้นก็คือจักรพรรดิดาบแบล๊คเฟรมจริงๆ !!!”
“นี่มันน่าสนใจมาก ดูเหมือนว่าตอนนี้ลู่เทียนตี้จะชนเข้ากับแผ่นเหล็กกล้าซะแล้ว !!!”
สำหรับแบล๊คเฟรมนั้น ผู้ที่เล่น God domain ตอนนี้มันแทบจะไม่มีใครที่ไม่รู้จักเขาเลย พวกเขาอาจไม่รู้มากนักเกี่ยวกับสถานการณ์ของแบล๊คเฟรมในโลกแห่งความจริง เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกเขามีหลายสิ่งที่ต้องทำ และในโลกแห่งความจริงนั้นมันก็มีหลายสิ่งผุดขึ้นทุกวัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้มีเวลาไปตรวจสอบคนๆเดียว
ซึ่งหากบางคนไม่ได้มีความสนใจในเรื่องราวของ God domain จริงๆ และจ่ายเงินเพื่อสืบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียด พวกเขาก็จะไม่ได้รู้เลยว่าใครเป็นใครในโลกแห่งความจริง ….
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนอย่างซือเฟิง ซึ่งเป็นบุคคลที่มักจะทำอะไรไม่ค่อยแคร์ใคร และไม่ค่อยเปิดเผยตัวตนของตัวเองต่อหน้าสาธารณชน ดังนั้นแล้วนอกเหนือจากมหาอำนาจต่างๆ กิลชั้นสูงบางกิลก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวตนจริงๆของแบล๊คเฟรมนั้นคือซือเฟิง ….
แต่อย่างไรก็ตามสำหรับชื่อของแบล๊คเฟรมนั้นมันแตกต่างออกไป ….
เนื่องจากชื่อนี้นั้นมันโด่งดังมากๆใน God domain ดังนั้นมันจึงมีการบันทึกวีดีโอการต่อสู้และการเคลื่อนไหวต่างๆที่ทำให้ทั่วทั้ง God domain ตกตะลึงครั้งแล้วครั้งเล่าของคนๆนี้ เอาไว้โพสพูดคุย หรือแลกเปลี่ยน กับขายข้อมูลในฟอรั่มทางการของประเทศต่างๆใน God domain เสมอ และวีดีโอการต่อสู้ของแบล๊คเฟรมนั้นก็ถูกถือว่าเป็นโมเดลสำหรับนักดาบขั้นสูงแทบทุกคน
อาจกล่าวได้ว่าในทวีปด้านตะวันออกของ God domain นั้น ตราบใดที่ผู้เล่นได้เข้ามาเล่นที่นี่ พวกเขาก็จะต้องรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงพวกผู้เล่นระดับผู้เชี่ยวชาญที่อาศัยอยู่ใน Upper Zone เลย
แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะไม่มีภูมิหลัง และผู้สนับสนุนใดๆ แต่กิลก็พัฒนาตัวเองขึ้นมาจนกลายเป็นกิลชั้นยอดที่ทรงพลังที่ได้รับการยอมรับจากสาธารณชน ซึ่งสิ่งนี้มันมีอิทธิพลมากกว่ามหาอำนาจต่างๆที่พัฒนาตัวเองขึ้นมาภายใต้การสนับสนุน และภูมิหลังที่มี …. แถมสิ่งนี้มันยังส่งผลให้หลายคนเริ่มคิดว่าสภาสิบแปดปีกอาจจะสามารถไล่ตามอิทธิพลของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดได้ทันในอนาคต
หรือจะให้พูดง่ายๆก็คือ ตอนนี้สภาสิบแปดปีกได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ของ God domain แล้วนั่นเอง
ด้วยเหตุนี้จี้ลั่วหรงจึงได้แต่รู้สึกราวกับว่าเธอกำลังฝัน ขณะที่เธอมองไปยังซือเฟิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
และในระหว่างที่ทุกคนกำลังกระซิบพูดคุยกันในเรื่องนี้เบาๆนั้น ลู่เทียนตี้ซึ่งยืนเงียบอยู่นานก็ได้เดินเข้ามาหาซือเฟิงอย่างช้าๆ
“ต้องขอโทษเรื่องที่ทำตัวไม่สุภาพด้วยจริงๆ ที่แท้คุณก็คือหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีก แบล๊คเฟรม ผู้ที่เอาชนะลู่ชิงหลัวได้นี่เอง …” ลู่เทียนตี้กล่าวพลางมองไปยังซือ
เฟิงด้วยรอยยิ้มบางๆ และดูจากท่าทีแล้วเขาก็ไม่ได้แสดงออกถึงอาการโกรธเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าซือเฟิงจะทำให้พ่อบ้านของเขาอย่างอี้กุ้ยบาดเจ็บสาหัสก็ตาม ก่อนที่ลู่เทียนตี้จะกล่าวต่ออีกว่า “แล้วก็สวัสดี ฉันคือลู่เทียนตี้ ทายาทคนปัจจุบันของ
บริษัทสตาร์ไลน์ และหัวหน้ากิลคนปัจจุบันของสตาร์ลิ้ง ฉันต้องขอขอบคุณ คุณอย่างมากจริงๆหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมที่คุณทำให้ลู่ชิงหลัวนั้นพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ ไม่งั้นฉันคงต้องใช้ความพยายามอีกราวปีครึ่งหรือมากกว่านั้นเลยกว่าที่ฉันจะขึ้นไปแทนที่เขาได้”
“ไม่จำเป็นต้องมาขอบคุณฉันเรื่องนั้นหรอก ฉันก็แค่ทำเพราะสตาร์ลิ้งกับสภาสิบแปดปีกเป็นศัตรูกัน …” ซือเฟิงกล่าวอย่างสบายๆ
คนอื่นอาจไม่รู้จักลู่เทียนตี้มากนัก แต่เขารู้จักชายคนนี้เป็นอย่างดี
เพราะลู่เทียนตี้นั้นเป็นหนึ่งในผู้เล่นขั้นหกที่เป็นที่รู้จักกันดีของ God domain ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา โดยในเวลานั้นชายคนนี้ไม่ได้เข้าร่วมกับกิลใดๆ แต่เขามีทีมนักผจญภัยเป็นของตัวเอง โดยทีมนักผจญภัยของเขานั้นอยู่ภายใต้สตาร์ลิ้ง
หากมองแค่ผิวเผินนั้นลู่เทียนตี้ก็จะดูเป็นคนใจดีและไม่มีอะไร แต่อย่างไรก็ตามความเป็นจริงจิตใจของเขานั้นมันยากจะหยั่งถึงมากๆ ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิงเขาเคยหลอกใช้มหาอำนาจจำนวนหนึ่งจนเปื่อย และกว่าที่มหาอำนาจพวกนั้นจะรู้ตัวลู่เทียนตี้ก็ได้รับผลประโยชน์ไปอย่างมหาศาลแล้ว ด้วยเหตุผลนี้มหาอำนาจต่างๆตอนนั้นจึงเกลียดชังลู่เทียนตี้มากๆ
แต่อย่างไรก็ตามมันเป็นเพราะความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาของลู่เทียนตี้ และทีมนักผจญภัย Tremorous Clown ของเขาที่ติดอันดับหนึ่งในเจ็ดทีมนักผจญภัยสายมืดที่แข็งแกร่งที่สุด มันจึงทำให้มหาอำนาจต่างๆนั้นไม่กล้าแตะต้องเขาเลย
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมอย่าพูดแบบนั้นสิ ลู่ชิงหลัวก็คือลู่ชิงหลัว และฉันก็คือฉัน มันมีหลายคนกลุ่มบริษัทสตาร์ไลน์ที่ไม่พอใจกับความหยิ่งผยองของลู่ชิงหลัวเช่นกัน แต่ท้ายที่สุดแล้วลู่ชิงหลัวนั้นก็เป็นลูกผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน ดังนั้นมันจึงไม่มีใครกล้าทำอะไรเขา อย่างไรก็ตามตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว และสตาร์ลิ้งภายใต้การนำของฉันมันก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว พวกเราไม่ต้องการจะเป็นศัตรูกับคุณอีก หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม และถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากจะขอเป็นตัวแทนของสตาร์ลิ้งทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับสภาสิบแปดปีกด้วยซ้ำ ….” ลู่เทียนตี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม “และเนื่องจากมิสจี้ลั่วหรงเป็นเพื่อนของหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ดังนั้นฉันก็จะเลิกที่จะเชิญเธอให้มาเข้าร่วมกับฉัน และก็อย่างที่ฉันพูดไปข้างต้น ฉันอยากจะขอเป็นพันธมิตรกับสภาสิบแปดปีกจริงๆ สำหรับการพิสูจน์ความจริงใจในเรื่องนี้ ฉันยินดีจะชดใช้ค่าเสียหายสำหรับความหยาบคายที่ฉันทำกับคุณคุณและมิสจี้ลั่วหรงในเรื่องนี้ด้วยเจ้านี่เลย …”
เมื่อพูดจบลู่เทียนตี้ก็ได้ทำการส่งข้อมูลของโพชั่นแฟนธ่อมจำนวนหนึ่งที่เขาต้องการจะขายให้ซือเฟิงในราคาทุนด้วยรอยยิ้ม ซึ่งนี่มันก็ทำให้ทุกคนที่เฝ้าดูอยู่นั้นอดจะอิจฉาไม่ได้ ไม่เว้นแม้แต่จี้ลั่วหรง ….
เพราะท้ายที่สุดแล้วตอนนี้เธอนั้นเป็นผู้มีอำนาจเกรด 2 ใน Upper Zone ของเมืองไห่เทียน และหากเธอได้รับโพชั่นจำนวนนี้มามันก็จะทำให้เธอสามารถทะลวงจิตและเข้าไปสู่ขอบเขตที่แข็งแกร่งขึ้นได้แน่นอน ซึ่งเมื่อเป็นแบบนั้นเธอก็จะได้รับอำนาจเกรด 1 ซึ่งผู้มีอำนาจเกรด 1 ใน Upper Zone ของเมืองไห่เทียนนั้นมีไม่ถึงสามร้อยคนเลย และทุกคนก็ล้วนเป็นเป้าหมายของบริษัทกรีนก๊อด
และแม้ว่ากองกำลังใน Upper Zone จะต้องการกำหนดเป้าหมายมาที่เธอ แต่ความยากในการจะจัดการเธอมันก็จะสูงขึ้นมาก สำหรับเรื่องทรัพยากรเธอก็จะไม่ต้องเครียดด้วย เพราะผู้มีอำนาจเกรด 1 นั้นสามารถรับงานที่มีรางวัลเป็นทรัพยากรดีๆจากบริษัทกรีนก๊อดได้
“ขอบคุณสำหรับความกรุณาของคุณ หัวหน้ากิลลู่เทียนตี้ แต่อย่างไรก็ตามฉันมีคน และกิลที่ฉันต้องการจะทำงานด้วยอยู่ข้างกายแล้ว และฉันไม่ต้องการคนอื่นๆหรือกิลอื่นๆเพิ่มเติมอีก” ซือเฟิงกล่าวปฎิเสธอย่างรวดเร็ว “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พวกเราขอตัว”
“เป็นอย่างนั้นงั้นหรอ … น่าเสียดายจริงๆ …” ลู่เทียนตี้กล่าวพลางถอนหายใจ “แต่ถ้าหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมคิดจะเปลี่ยนใจ คุณสามารถติดต่อฉันมาได้ทุกเมื่อเลยนะ ….”
ซือเฟิงพยักหน้าและยิ้มอย่างเงียบๆ ก่อนที่เขาจะพามู่ฉินและจี้ลั่วหรงเดินออกจากบริเวณห้องฝึกจิตไปท่ามกลางสายตาที่เฝ้าดูอยู่ของลู่เทียนตี้ และอี้กุ้ย …
หลังจากนั้นเมื่อเหตุการณ์สงบ และทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว อี้กุ้ยก็ได้ดื่มโพชั่นแห่งชีวิตเข้าไปหนึ่งขวด ซึ่งมันช่วยให้ร่างกายของเขาฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็ว
ซึ่งในขณะนี้เอง อี้กุ้ยก็อดไม่ได้ที่จะกระซิบกับลู่เทียนตี้ว่า “นายน้อย แบล๊คเฟรมคนนี้หยิ่งผยองมากเกินไป แม้ว่าคุณจะขอร่วมมือกับเขาอย่างจริงใจ แต่เขาก็เลือกจะปฎิเสธโดยไม่คิดเลย แถมจากสายตาของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะมองว่าพวกเราเป็นแค่ขวากหนามด้วย เราควรจะมอบบทเรียนให้กับเขาสักหน่อยนะ …”
แม้ว่าอี้กุ้ยจะพ่ายแพ้ให้ซือเฟิง แต่เขาก็เห็นอย่างชัดเจนว่าหลังจากที่ซือเฟิงใช้การโจมตีที่สามารถเอาชนะเขาได้เมื่อครู่ไป ซือเฟิงก็หน้าซีดและดูอ่อนแอไปเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงยังคงมั่นใจอยู่ในระดับหนึ่งว่า หากลู่เทียนตี้สนับสนุนอย่างเต็มที่ เขาก็น่าจะสอนบทเรียนให้กับซือเฟิงได้
“ฉันรู้น่า อย่างไรก็ตามเขาแข็งแกร่งมากๆ และสามารถใช้แม้กระทั่งเทคนิคจาก God domain ในโลกแห่งความจริงได้ ดังนั้นคุณคนเดียวรับมือเขาไม่ไหวแน่นอน เดี๋ยวฉันจะติดต่อให้พี่หวังมาร่วมมือกับคุณจัดการกับเขา …” ลู่เทียนกล่าวอย่างเรียบเฉย
“ให้มิสเตอร์หวังมาช่วยด้วยงั้นหรอ ?” อี้กุ้ยนั้นทั้งรู้สึกประหลาดใจและดีใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ “ถ้าเป็นอย่างนั้นแบล๊คเฟรมจะได้ตายแน่นอน !!!”
สำหรับมิสเตอร์หวังคนนี้นั้นเขาคือพี่ชายของลู่เทียนตี้ที่อยู่ห่างเพียงครึ่งก้าวจากการเป็นปรมาจารย์ทางจิต และเขาก็ยังอาศัยอยู่ในพื้นที่ชั้นกลางของ Upper Zone มาโดยตลอดด้วย
การที่ได้รับความช่วยเหลือจากคนแบบนี้ในการจัดการกับแบล๊คเฟรม ทุกอย่างมันจะง่ายขึ้นแน่นอน ….
“อย่างไรก็ตามตอนนี้เมื่อคุณกลับไปให้รีบแจ้งคนของเราทั้งหมดทันทีว่าให้รีบทำลายทีมนักผจญภัยของจี้ลั่วหรงโดยเร็วที่สุด” ลู่เทียนตี้กล่าวอย่างสบายๆ “เนื่องจากฉันไม่สามารถรับสมัครพวกเขาได้ ดังนั้นก็จะต้องไม่มีใครได้พวกเขาไปเช่นกัน !!!”
“ไม่ต้องกังวลนายน้อย ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่นายน้อยสั่งอย่างรวดเร็วแน่นอน !!!” อี้กุ้ยกล่าวพลางหัวเราะ
ลู่เทียนตี้พยักหน้ารับ ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในห้องฝึกจิต ….