ตอนที่ 2848 ผิดคาด
นอกเขตที่อยู่อาศัยของบ้านทั่วไปที่ซือเฟิงอยู่ บริเวณทางเข้าเขต :
“มันผ่านไปสิบนาทีแล้ว …” อี้กุ้ยมองไปยังเวลาของนาฬิกาควอนคัมในมือของเขาด้วยรอยยิ้ม “มิสเตอร์หวังน่าจะจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว …”
เขานั้นไม่เคยมีความสงสัยเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของหวังซวนหมิงเลย
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าหุ่นยนต์ต่อสู้ที่คอยรักษาความปลอดภัยนั้นมันน่ากลัวมากๆ เขาก็คงจะรีบวิ่งติดตามหวังซวนหมิงเข้าไปเพื่อดูสีหน้าหวาดกลัว และรู้สึกไร้พลังของซือเฟิงที่มองไปยังหวังซวนหมิงแล้ว
เพราะท้ายที่สุดแล้ว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังของหวังซวนหมิงนั้น ซือเฟิงที่เป็นสุดยอดปรมาจารย์ฮั่วจินจะไม่สามารถต่อต้านใดๆได้เลย และสิ่งที่เขาทำได้มันก็จะมีเพียงแต่การหลบหนีเท่านั้น
ซึ่งเมื่อจัดการกับซือเฟิงได้แล้ว การจัดการกับจี้ลั่วหรงก็จะทำได้ง่ายขึ้นมาก ….
ระหว่างที่อี้กุ้ยกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้นั้น มันก็มีเสียงดังขึ้นในเขต ….
“เรียบร้อยแล้วงั้นหรอ ?”
เมื่อได้ยินเสียงเหล่านี้นั้น อี้กุ้ยก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น และเขาก็ได้เลือกที่จะค่อยๆเดินเข้าไปดูในบริเวณบ้านของซือเฟิงที่เกิดเสียง เพราะเขาต้องการจะเห็นภาพทุกอย่างให้ชัดเจนที่สุด และเขาก็อยากรู้ว่าซือเฟิงจะทนต่อต้านหวังซวนหมิงได้สักกี่วินาที
สามวินาที ?
หรือสี่วินาที ?
ความแข็งแกร่งที่ซือเฟิงได้แสดงออกมาตอนต่อสู้กับเขานั้น มันนับว่าเหนือกว่าเขามากทีเดียว แต่ถ้าเขาต้องต่อสู้กับซือเฟิงในชีวิตจริง เขาก็มีโอกาสจะชนะได้เช่นกัน เพราะสุดยอดปรมาจารย์เหิงเหลียนอย่างเขานั้นมีร่างกายที่แข็งแกร่ง และยืดหยุ่นมากๆ และหากเขาเตรียมตัวมาดีพอ มันก็มีสิทที่เขาจะล้มซือเฟิงได้
พูดกันง่ายๆก็คือซือเฟิงจะมีข้อได้เปรียบเขาแค่เรื่องพลังทำลายล้าง และความเร็วเท่านั้น แต่ข้อได้เปรียบนี้ของซือเฟิงจะใช้ไม่ได้ผลเลยกับหวังซวนหมิง โดยบางทีซือเฟิงก็อาจจะตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่กว่าเขาได้เลย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหวังซวนหมิง
ซึ่งอี้กุ้ยนั้นก็ได้มาทันเห็นฉากที่หวังซวนหมิงพังประตูเข้าไปในบ้านของซือเฟิง ….
อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านไปราวสองวินาที หวังซวนหมิงนั้นก็ได้พยายามจะวิ่งกลับออกมาจากบ้านของซือเฟิงแล้ว ….
“เร็วมากๆ !!!”
อี้กุ้ยมองไปยังหวังซวนหมิงที่ปรากฎตัวขึ้นที่บริเวณประตูบ้านของซือเฟิงด้วยความตกใจไปครู่หนึ่ง
เขาไม่เคยคิดเลยว่าหวังซวนหมิงจะแข็งแกร่งมากขนาดถึงกับจบการต่อสู้ลงได้ภายในเวลาแค่ราวสองวินาทีเท่านั้น ความแข็งแกร่งของชายคนนี้มันอยู่เหนือกว่าสัตว์ประหลาดทั่วไปแล้วอย่างแท้จริง …..
แต่อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาต่อมาอี้กุ้ยก็พูดไม่ออก เมื่อเขาได้เห็นฉากตรงหน้า ….
เพราะมันมีหญิงสาวคนหนึ่งได้ปรากฎตัวขึ้นมาขวางทางหวังซวนหมิง และมันก็ดูเหมือนว่าหญิงสาวผู้นี้จะไปทำให้หวังซวนหมิงโกรธจนเขาเริ่มระดมโจมตีใส่เธออย่างบ้าคลั่ง
ซึ่งพลังที่น่ากลัวของหวังซวนหมิงนั้น แม้แต่อี้กุ้ยที่ยืนอยู่ห่างออกไปหลายร้อยหลาก็ยังสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน
บ้าแล้ว !!!
เธอตายแน่ๆ !!!
ภายใต้หมัดที่รวดเร็วและรุนแรงนี้ มันจะไม่มีใครสามารถรอดไปได้แน่นอน และคนที่ถูกเล็งเป้านั้นก็จะทำได้แค่รอความตายเท่านั้น
“นี่เขาบ้าไปแล้วงั้นหรอ ?” เรื่องนี้ทำให้อี้กุ้ยอดไม่ได้ที่จะตกใจ
หากหวังซวนหมิงจัดการซือเฟิงจนทำให้ซือเฟิงต้องไปนอนโรงพยาบาลสักสองถึงสามเดือน บริษัทกรีนก๊อดก็จะไม่ไปไกลมากนักแน่นอนกับเรื่องนี้ และอย่างมากบริษัทก็จะเสริมความปลอดภัยให้กับเขตนี้ และให้ค่าทำขวัญแก่ซือเฟิงเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตามเรื่องชีวิตมนุษย์นั้น มันคือเส้นที่บริษัทกรีนก๊อดขีดไว้อย่างชัดเจนว่าห้ามข้าม ซึ่งหากหวังซวนหมิงฆ่าคนไปสักคนใน Upper Zone เขาจะถูกบริษัทกรีน
ก๊อดตามล่าจนกว่าจะสามารถจับตัวได้แน่นอน และแม้แต่อาจารย์ของหวังซวนหมิงในชั้นกลางของ Upper Zone ก็จะไม่สามารถช่วยเขาได้
โดยในระหว่างที่อี้กุ้ยกำลังรู้สึกตกใจกับเรื่องนี้นั้น เขาก็ได้เห็นฉากที่มันน่าตกใจยิ่งกว่า เนื่องจากหญิงสาวคนที่ปรากฎตัวขึ้นมาขวางทางหวังซวนหมิงที่บริเวณประตูนั้นได้หลบการโจมตีของหวังซวนหมิงได้ทั้งหมด ก่อนที่เธอจะสามารถเข้าไปใกล้หวังซวนหมิง และใช้ฝ่ามือของเธอโจมตีบริเวณหัวใจของหวังซวนหมิงได้
ซึ่งการโจมตีจากหญิงสาวนั้นมันก็บังคับให้หวังซวนหมิงต้องถอยไปสองก้าว และกุมบริเวณหัวใจของตัวเอง โดยมันเห็นได้ชัดเลยว่าหวังซวนหมิงนั้นได้รับบาดเจ็บพอตัวจากการโจมตีเมื่อครู่ และมันก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าตอนนี้หวังซวนหมิงได้มองไปยังหญิงสาวตรงหน้าของเขาด้วยดวงตาที่หวาดกลัวมากๆ
“นี่เธอทรงพลังมากขนาดไหนกัน ?! ทำไมถึงมีสัตว์ประหลาดแบบนี้อยู่ในบ้านของซือเฟิง ?!”
อี้กุ้ยมองไปยังฉากตรงหน้าซึ่งอควาโรสเป็นผู้กระทำด้วยความไม่เชื่อ และตอนนี้เขาก็รู้สึกราวกับว่าเขากำลังเห็นผี
หวังซวนหมิงนั้นเป็นสุดยอดปรมาจารย์ horizontal refining (วิชาที่มันฝึก เดะจะมีชื่อนี้โผล่มาเพิ่มในตอนในอนาคตด้วย ใครพอนึกชื่อไทยมันออกก็ซิบมาบอกแอดทีนะ) ที่แข็งแกร่งมากๆ แต่ตอนนี้มันกับเห็นได้ชัดเลยว่าเขาดูเสียเปรียบผู้หญิงที่ดูอ่อนแอคนนี้มากๆ
ในระหว่างที่อี้กุ้ยกำลังรู้สึกไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้เห็นตรงหน้า มันก็มีหญิงสาวอีกคนหนึ่งออกมาโจมตีหวังซวนหมิงร่วมกับหญิงสาวคนแรก และเมื่อดูจากท่าทีของหวังซวน
หมิงที่พยายามต่อสู้ และตอบโต้อย่างบ้าคลั่ง พลางพยายามหลอกล่อให้หญิงสาวทั้งสองคนมาในที่แคบแล้วนั้น เขาก็สามารถจะบอกได้เลยว่าหญิงสาวอีกคนนี้นั้นก็เป็นสัตว์ประหลาดเช่นกัน ….
โดยสำหรับเรื่องนี้นั้นอี้กุ้ยก็เข้าใจในการกระทำของหวังซวนหมิง เพราะท้ายที่สุดการหลอกล่อให้หญิงสาวทั้งสองมาต่อสู้ในบริเวณที่แคบที่มีแค่หนทางการถอยหนีหรือเดินหน้านั้น มันจะช่วยลดความเสียเปรียบของหวังซวนหมิงลงไปได้มาก …. ซึ่งหากหวังซวนหมิงไม่ทำแบบนี้ และปล่อยให้หญิงสาวทั้งสองผลักดันการต่อสู้ออกมาในที่โล่ง เขาจะเสียเปรียบอย่างสิ้นเชิงแน่นอน
อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นแบบนี้นั้น แต่อควาโรสกับไป๋ฉิงเฉวก็ยังไม่ได้มีท่าทีกังวลใดๆเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับไป๋ฉิงเฉวที่เธอมองไปยังประตูบ้านที่ถูกหวังซนหมิงทำลายลงไปอย่างเสียดาย และมันก็ดูเหมือนว่าเธอจะให้ความสำคัญกับประตูนี้มากกว่าหวังซวนหมิงด้วยซ้ำ
ขณะเดียวกันการพยายามต่อสู้ และตอบโต้ของหวังซวนหมิงนั้นก็กลายเป็นเหมือนของเล่นเด็กสำหรับอควาโรส และไป๋ฉิงเฉว แถมพวกเธอทั้งสองยังดักโจมตีหวังซวนหมิงได้เรื่อยๆ และทำให้อาการบาดเจ็บของหวังซวนหมิงแย่ลงไปเรื่อยๆด้วย
ในอีกสี่วินาทีต่อมามันก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหวังซวนหมิงไม่สามารถจะใช้พลังเท่าเดิมต่อสู้ได้อีกต่อไป ….
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่หวังซวนหมิงกำลังจะพยายามดิ้นรนต่อนั้น หุ่นยนต์ต่อสู้ก็ได้มาถึงแล้ว
ซึ่งหลังจากหุ่นยนต์ต่อสู้มาถึงนั้น พวกมันก็ทำการกำราบและจับกุมหวังซวนหมิงได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับอี้กุ้ยที่ได้เห็นฉากทั้งหมด และได้เห็นหวังซวนหมิงถูกจับนั้น เมื่อได้เห็นไป๋ฉิงเฉวมองมายังทิศทางที่เขาอยู่ เขาก็รู้สึกขนลุก และตื่นตระหนกมากๆ ก่อนที่เขาจะรีบตัดสินใจที่จะถอยหนีออกไปจาก Upper Zone ของเมืองหยวนเทียนอย่างรวดเร็ว
ซึ่งเมื่อออกมาจาก Upper Zone ของเมืองหยวนเทียนได้แล้วนั้น อี้กุ้ยถึงหายจากอาการขนลุก และตื่นตระหนก ….
“นี่มันโครตจะน่ากลัวเลย !! มีสัตว์ประหลาดแบบนี้อยู่บนโลกได้ยังไง ?!” อี้กุ้ยรู้สึกขนลุก เมื่อนึกถึงการจ้องมองของไป๋ฉิงเฉว “ฉันจะต้องรีบกลับไปแจ้งเรื่องนี้ให้นายน้อยและพวกระดับสูงรู้ หญิงสาวระดับสัตว์ประหลาดทั้งสองคนนี้นั้นไม่ใช่อะไรที่พวกเราจะสามารถยั่วยุได้ง่ายๆเลย !!!”
ไม่นานหลังจากที่อี้กุ้ยหนีออกไปจาก Upper Zone ของเมืองหยวนเทียนได้ เซี่ยชิงหยาง ผู้จัดการชั้นพื้นฐาน และเหล่าหัวหน้างานหลายคนก็ได้เดินทางมายังบ้านที่ซือเฟิงพักอาศัยอยู่
“ฉันไม่คิดเลยจริงๆว่าจะมีคนที่กล้า และบ้ามากพอที่จะบุกเข้าโจมตีคนที่อยู่อาศัยในเขตบ้านทั่วไปของ Upper Zone แบบนี้” ลั่วหานปิงที่เป็นหัวหน้างานกล่าวพลางขมวดคิ้ว
การโจมตีแบบนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นมานานแล้ว และในครั้งล่าสุดที่มันเกิดขึ้น ซึ่งก็คือหลายปีก่อนนั้น ผู้ที่กล้าทำแบบนี้ถูกบริษัทกรีนก๊อดจับกุมและซ้อมอย่างสาหัส ก่อนที่จะถูกขับไล่ออกไปนอก Upper Zone แถมยังถูกจำคุกอีกสิบปีด้วย ดังนั้นนี่มันจึงทำให้หลายคนเห็นถึงความโกรธ และเส้นที่บริษัทกรีนก๊อดสั่งห้ามก้าวข้ามอย่างชัดเจนเลย
แต่ตอนนี้มันกับมีคนที่กล้าทำแบบนี้อีกแล้ว ดังนั้นพวกผู้บริหารระดับสูงของบริษัทกรีนก๊อดจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปแน่นอน
อย่างไรก็ตามเมื่อลั่วหานปิงได้เข้าไปในบ้านของซือเฟิง และได้เห็นคนที่หุ่นยนต์ต่อสู้จับกุมไว้นั้น ดวงตาของเขาก็แทบจะถลนออกจากเบ้า
หวังซวนหมิง !!
อัจฉริยะที่ยากจะหาใครเทียบใน Upper Zone ของเมืองไห่เทียน !!!
หากไปที่ Upper Zone ของเมืองไห่เทียน แม้แต่หัวหน้างานอย่างลั่วหานปิงก็ยังจะต้องปฎิบัติต่อคนผู้นี้อย่างสุภาพ และความแข็งแกร่งของคนผู้นี้นั้นก็สามารถจะติดสามอันดับแรกในชั้นพื้นฐานของ Upper Zone ที่ไหนๆก็ได้แบบสบายๆเลย นอกเหนือจากนี้เขายังมีอาจารย์ที่อยู่ในชั้นกลางของ Upper Zone เมืองไห่เทียนคอยสนับสนุนอีก และการที่เขาจะได้กลายเป็นใหญ่ในชั้นกลางเมื่อไหร่นั้น มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
ในเวลานี้ไม่ใช่แค่ลั่วหานปิงเท่านั้นที่รู้สึกตกใจกับเรื่องนี้ แม้แต่เซี่ยชิงหยาง ผู้จัดการชั้นพื้นฐานเองก็ยังมีท่าทีคล้ายๆกัน
ตอนแรกพวกเขาคิดว่าผู้ที่กล้าทำแบบนี้มันคงจะเป็นพวกที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำอย่างแน่นอน พวกเขาไม่นึกเลยว่ามันจะกลับกลายเป็นอัจฉริยะของ Upper Zone เมืองไห่เทียนแทน ….
ตอนนี้แม้แต่เซี่ยชิงหยางก็ยังอดที่จะอยากรู้ไม่ได้ว่าซือเฟิงจับหวังซวนหมิงได้อย่างไร
เธอนั้นพอจะรู้จักพลังของหวังซวนหมิงดี และแม้ตัวเธอเองจะสามารถต่อกรกับเขาได้สบายๆ แต่หากเขาคิดหนี เธอก็ไม่สามารถจะตรึงเขาไว้ได้จนหุ่นยนต์ต่อสู้มาจับเขาได้แบบนี้แน่นอน
เซี่ยชิงหยางมองไปที่ซือเฟิงที่นั่งอยู่ในห้องโถงและอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณนี่เป็นคนที่สร้างเรื่องประหลาดใจได้บ่อยจริงๆ ก่อนหน้านี้คุณก็ทำลายสถิติเส้นทางจิตของ Upper Zone เมืองหยวนเทียน พอมาตอนนี้คุณก็สามารถจะจับหวังซวนหมิง อัจฉริยะที่น่ากลัวของ Upper Zone เมืองไห่เทียนได้อีก”
“มันก็แค่อุบัติเหตุน่ะ และฉันก็ไม่นึกเลยว่าพวกคนระดับสูงจาก Upper Zone ของเมืองไห่เทียนจะมาโจมตีฉันแบบไม่คาดคิดอย่างนี้” ซือเฟิงกล่าวพลางยิ้มอย่างขมขื่น
ตั้งแต่ที่หวังซวนหมิงพังประตูเข้ามาจนเหตุการณ์ทุกอย่างจบลงนั้น เขาไม่ได้ทำอะไรเลย เขาเพียงเฝ้าดูจากด้านข้าง และปล่อยให้อควาโรส กับไป๋ฉิงเฉวจัดการเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ต้องการจะเปิดเผยความสามารถของสองสาว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เลือกจะแก้ความเข้าใจผิดของเซี่ยชิงหยาง ….
“โอเคๆ …” เมื่อเซี่ยชิงหยางเห็นว่าซือเฟิงไม่ได้คิดจะบอกอะไรเพิ่มเติม เธอก็ไม่ได้คิดจะซีกไซร้ต่อ “อย่างไรก็ตามนับจากนี้คุณจะต้องระวังให้มาก เพราะท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่าบริษัทกรีนก๊อดของเราจะทำการจับกุมหวังซวนหมิง และลงโทษเขาได้ แต่อาจารย์ที่อยู่เบื้องหลังเขาก็จะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้จบลงง่ายๆแน่นอน …”
ผู้ที่อาศัยอยู่ในชั้นกลาง และเป็นอาจารย์ของหวังซวนหมิงนั้นมีอำนาจมากพอจะทำให้ผู้จัดการชั้นพื้นฐานอย่างเธอปวดหัวได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงผู้มีอำนาจเกรด 1 อย่างซือเฟิงเลย
“ขอบคุณสำหรับคำเตือน …” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า
ไม่นานหลังจากที่เซี่ยชิงหยางทำการลากตัวหวังซวนหมิงออกไป ข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็เริ่มแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วราวกับไฟป่า ….