ตอนที่ 2849 การตัดสินใจของหงซินหยวน
Upper Zone เขตวิลล่าของเมืองหยวนเทียน :
“ลุงหงทำไมลุงถึงมาที่นี่กระทันหัน ? มีอะไรเกิดขึ้นงั้นหรอ ?” มู่ฉินกล่าวพลางมองไปที่หงซินหยวนที่ยืนเงียบอยู่บริเวณหน้าต่างแบบฝรั่งเศสด้วยความงุนงง
เธอกำลังจะเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าไปสำรวจในซากปรักหักพังโบราณแห่งต่อไป ซึ่งเธอก็ได้ระดมพลของกิลมาพร้อมแล้ว และเหลือแค่เตรียมของอีกนิดหน่อยเท่านั้น พวกเขาก็จะพร้อมเข้าไปสำรวจในซากปรักหักพังโบราณเป้าหมาย โดยหากเธอโชคดีมากพอ เธอก็อาจจะได้พบกับดินแดนมรดกขั้นสี่หรือไม่ก็พวกคริสตัลคำแนะนำมรดกซึ่งสิ่งเหล่านี้นั้นล้วนเป็นของสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับฟรอสต์ฮีฟเว่นในปัจจุบัน
การต่อสู้ที่เป็นสเกลระดับสงครามโลกนั้นกำลังจะเริ่มต้นขึ้น และจากข้อมูลต่างๆภายใน God domain ที่เธอสามารถรวบรวมมาได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ในตอนนี้นั้น มันก็ทำให้เธอพอจะคาดเดาได้ว่าสงครามโลกที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ มันจะมีเพียงแค่สองตัวเลือกสำหรับพวกเขาเท่านั้นคือชนะ และป้องกันโลกของตัวเองเอาไว้ กับแพ้ และถูกพิชิตไป มันไม่มีตัวเลือกที่สามให้พวกเขาได้เลือก ….
ดังนั้นตอนนี้การเตรียมการรับมือกับสถานการณ์ในเรื่องนี้นั้นจึงมีความสำคัญมากที่สุด และพูดกันตามตรงแล้วในการเตรียมการรับมือกับสถานการณ์นี้นั้น การเพิ่มจำนวนผู้เล่นขั้นสี่ในกิลขึ้นให้มากที่สุดนั้นนับว่ามีความสำคัญมากที่สุด
เครุยที่ยืนอยู่ด้านข้างของมู่ฉินนั้นก็รู้สึกงุนงงเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดแล้วเธอนั้นได้หลับไปแล้ว และก็ถูกปลุกขึ้นมา ซึ่งมันทำให้ตอนนี้นั้นเธอไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการได้กลับไปนอนที่เตียงเลย
“ดูด้วยตาพวกคุณเองดีกว่า …” หงซินหยวนกล่าวพลางส่งสำเนาข้อมูลบางอย่างให้กับเครุย และมู่ฉินทันที
ซึ่งสำเนาข้อมูลนี้ก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากสำเนาข้อมูลที่หวังซวนหมิงได้เข้าโจมตีบ้านที่อยู่อาศัยของซือเฟิง
“เป็นไปได้ยังไงกัน !!”
หลังจากที่มู่ฉินอ่านข้อมูลทุกอย่างเรียบร้อย เธอก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่มันเป็นเรื่องจริง ….
ตัวเธอเองนั้นก็เคยได้ยินชื่อของหวังซวนหมิงใน Upper Zone ของเมืองไห่เทียนเช่นกัน ซึ่งหากเขาย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ใน Upper Zone ของเมืองหยวนเทียนนั้น เขาน่าจะสามารถติดสองอันดับแรกของผู้ที่เก่งกาจที่สุดใน Upper Zone ชั้นพื้นฐานของเมืองหยวนเทียนได้สบายๆเลย
และหากคนๆนี้ต้องการจะลอบจัดการกับใครบางคนอย่างลับๆ แม้แต่บริษัทโบลเดอร์ของพวกเขาก็จะไม่สามารถทำอะไรได้แน่นอน นอกจากต้องซ่อนตัวอยู่ในเขตวิลล่านี้
แต่ตอนนี้หวังซวนหมิงกับลอบโจมตีซือเฟิงล้มเหลว แถมยังถูกจับด้วย จะให้พวกเขากล้าเชื่อเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน ?
“นี่เขาแข็งแกร่งขนาดนี้เลยงั้นหรอ ?!”
เครุยนั้นหายง่วงเป็นปลิดทิ้งทันที เมื่อได้อ่านข้อมูลนี้ และในตอนนี้นั้นดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อเช่นเดียวกับมู่ฉิน
“คุณได้เห็นข้อมูลทั้งหมดกันแล้วนะ …” หงซินหวนกล่าวพลางมองไปยังท่าทีที่ประหลาดใจของมู่ฉิน และเครุย ก่อนที่เขาจะกล่าวต่ออย่างช้าๆว่า “ฉันต้องยอมรับเลยว่าฉันประเมินซือเฟิงต่ำเกินไปมาก แม้แต่หวังซวนหมิงนั้นก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซือเฟิง ดูเหมือนว่าซือเฟิงนั้นจะมีความลับมากกว่าที่เราคิดไว้มาก”
เมื่อได้ยินคำพูดของหงซินหยวน มู่ฉินก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “ลุงหง ลุงหมายความว่าเราจะต้องร่วมมือและสร้างสัมพันธ์กับสภาสิบแปดปีกให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นใช่ไหม ?”
“ใช่แล้ว คุณก็รู้นี่หน่าว่าในอนาคตนั้นอะไรกำลังจะเกิดขึ้น และแม้แต่มหาอำนาจส่วนใหญ่ใน God domain ตอนนี้ก็ยังจะไม่สามารถปกป้องตัวเองได้เลย หากเราต้องการจะอยู่รอดให้ได้ การเพิ่มความร่วมมือ และเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับสภาสิบแปดปีกอย่างลึกซึ้งก็นับเป็นตัวเลือกที่ดี” หงซินหยวนกล่าวพลางพยักหน้า “ยิ่งไปกว่านั้น ฉันยังวางแผนที่จะให้บริษัทโบลเดอร์ของเราขายโพชั่นแฟนธ่อม และโพชั่นแห่งชีวิตที่เก็บสะสมไว้บางส่วนให้สภาสิบแปดปีกด้วย ฉันคิดว่าสิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นสิ่งที่สภาสิบแปดปีกขาดอยู่ในตอนนี้ ….”
“ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะรีบติดต่อสภาสิบแปดปีกทันที”
มู่ฉินพยักหน้า ก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป และปล่อยให้เครุยยืนงุนงงอยู่คนเดียวกับการตัดสินใจของหงซินหยวน
หลังจากเครุยประมวลผลเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาว่า “ลุงหง เราจำเป็นจะต้องทำขนาดนี้เลยงั้นหรอ ?”
เรื่องการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับสภาสิบแปดปีกนั้น เธอเห็นด้วย และยอมรับอย่างแน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้วความแข็งแกร่งและศักยภาพในปัจจุบันของสภาสิบแปดปีกนั้นเหนือกว่ามหาอำนาจทั่วไปมากแล้ว และพูดกันตามตรงอิทธิพลของกิลในอนาคตนั้นก็มีสิทจะไล่ตามห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดได้ด้วยซ้ำ ในปัจจุบันสภาสิบแปดปีกต้องการเพียงแค่เวลาเท่านั้นสำหรับทุกสิ่งนี้ ….
แต่อย่างไรก็ตามการขายโพชั่นแฟนธ่อม และโพชั่นแห่งชีวิตที่บริษัทโบลเดอร์สะสมไว้มาหลายปีให้กับสภาสิบแปดปีกนั้น มันค่อนข้างจะเป็นอะไรที่เกินไปสักหน่อย …. เพราะท้ายที่สุดแล้วของพวกนี้นับเป็นรากฐานของกองกำลังขนาดใหญ่ต่างๆใน Upper Zone เลย และแม้แต่ผู้ที่ได้รับการวางตัวให้เป็นทายาท และผู้บัญชาการของกองกำลังต่างๆก็ยังได้รับพวกมันน้อยมากๆ
“มันมีบางสิ่งที่คุณไม่รู้ หวังซวนหมิงนั้นไม่ใช่คนที่จะสามารถเอาชนะได้ง่ายๆเลย ซึ่งนี่มันหมายความว่าความลับที่ซือเฟิงปกปิดเอาไว้นั้นมันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย” หงซินหยวนส่ายหัว พลางพูดอย่างช้าๆว่า “ตอนนี้เรามีความสัมพันธ์อันดีกับเขา ดังนั้นเราก็ควรจะสานต่อเอาไว้ ….”
ในความเป็นจริงนอกเหนือจากการมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับศักยภาพของซือเฟิงแล้ว เซี่ยชิงหยางยังส่งข่าวที่น่าทึ่งมากๆมาให้กับเขาด้วย
ซึ่งนั่นก็คือซือเฟิงนั้นสามารถจะเอาชนะหวังซวนหมิงได้ภายในไม่กี่วินาที !!!
หวังซวนหมิงนั้นเป็นตัวตนระดับไหน ?
แม้แต่เซี่ยชิงหยางก็ยังทำได้แค่ต่อกรกับหวังซวนหมิงได้อย่างสูสีเท่านั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับเธอที่จะเอาชนะหวังซวนหมิงให้ได้ ไม่ต้องพูดถึงการเอาชนะให้ได้โดยใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาทีเลย
คนที่จะสามารถเอาชนะหวังซวนหมิงได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีนั้น มันก็จะมีแต่คนที่อยู่ในชั้นกลางของ Upper Zone เท่านั้น
ซึ่งหากคุณสามารถจะสร้างความสัมพันธ์กับคนแบบนี้ได้นั้น การพัฒนาในชั้นพื้นฐานของคุณก็จะไปได้เร็วกว่าพัฒนาไปอย่างเงียบๆมาก
ในขณะเดียวกัน ไกลออกไปที่บริเวณเขตวิลล่าของ Upper Zone เมืองไห่เทียน :
“นายน้อย ตอนนี้เราจะทำยังไงกันดี ? …” อี้กุ้ยมองไปที่ลู่เทียนตี้ที่พึ่งจะออกมาจากห้องเกมเคบิน และอดไม่ได้ที่จะพูดด้วยตัวที่สั่นเทาเล็กน้อย “ถ้าอาจารย์ของนายน้อยโทษพวกเราเรื่องที่หวังซวนหมิงถูกจับไปละก็ ….”
หวังซวนหมิงนั้นนับเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง และมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คนใหญ่คนโตในชั้นกลางของ Upper Zone จะได้พบกับศิษย์ที่มีความสามารถแบบนี้ ซึ่งหากหวังซวนหมิงต้องถูกขับออกจา Upper Zone และไม่ได้รับการสนับสนุนใดๆจาก Upper Zone อีก การพัฒนาของเขาก็จะหยุดชะงักลงไปแน่นอน และนี่มันก็จะส่งผลกระทบไปถึงผู้เป็นอาจารย์แน่ๆ ….
หลังจากได้ฟังรายงานจากอี้กุ้ย ลู่เทียนตี้ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องทำอะไร !!! แม้ว่านี่มันจะแตกต่างไปจากที่ฉันต้องการเล็กน้อย แต่ทุกอย่างมันก็ยังคงจัดว่าเป็นไปตามแผน ที่เหลือเราก็แค่เฝ้าดูอย่างเงียบๆก็เท่านั้น”
หวังซวนหมิงนั้นเป็นที่ชื่นชอบของอาจารย์ของเขามาโดยตลอด และอาจารย์ก็มักจะมอบทรัพยากรที่ดีที่สุดให้หวังซวนหมิง ดังนั้นสิ่งที่เขาได้รับมาจึงมีน้อยมาก ซึ่งถ้าไม่ใช่เพราะลู่ชิงหลัวถูกปลดออกจากตำแหน่งทายาท และเขาได้ขึ้นมาแทนที่ อาจารย์ของเขาก็คงจะไม่สนใจเขามากขนาดนี้แน่นอน
แผนเดิมของเขาคือการทำให้หวังซวนหมิงกับซือเฟิงเป็นศัตรูกัน เพราะท้ายที่สุดด้วยความสามารถและศักยภาพของซือเฟิงนั้น เขาไม่ได้คิดอยู่แล้วว่าหวังซวนหมิงจะสามารถเอาชนะซือเฟิงได้ ดังนั้นเขาจึงคิดไว้แค่ว่าให้หวังซวนหมิงช่วยสร้างปัญหาให้กับซือเฟิง และซือเฟิงก็สร้างปัญหาให้กับหวังซวนหมิงเป็นวัฎจักรวนเวียนกันไป
อย่างไรก็ตามตอนนี้ความสามารถของซือเฟิงนั้นมันอยู่เหนือความคาดหมายของเขาอย่างสิ้นเชิง แต่ถึงกระนั้นผลลัพธ์ของเรื่องทั้งหมดนี้มันก็คือสิ่งที่เขาต้องการเห็นมากที่สุด
หากหวังซวนหมิงถูกขับไล่ออกจาก Upper Zone ซือเฟิงก็จะต้องเผชิญหน้ากับความโกรธแค้นของอาจารย์ของเขาแน่นอน และเมื่อเวลานั้นมาถึง ไม่ต้องพูดถึงการหายตัวไปจาก Upper Zone เลย แม้แต่การหายตัวไปจากโลกก็ยังมีสิทจะเป็นไปได้สำหรับซือเฟิง และเมื่อเป็นแบบนั้น เขาก็จะได้เริ่มหาทางเข้ายึดครองสภาสิบแปดปีก
“เป็นไปตามแผนงั้นหรอ ?”
อี้กุ้ยมองไปที่รอยยิ้มที่ไม่แยแสบใบหน้าของลู่เทียนตี้แล้วก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น เขาไม่คิดเลยว่าแม้แต่หวังซวนหมิงก็ต้องกลายเป็นเครื่องมือ ลู่เทียนตี้นั้นโหดร้ายอย่างแท้จริง
ลู่เทียนตี้กล่าวอย่างเรียบเฉยต่อว่า “แล้วก็ฉันต้องการให้คุณไปจัดการกับจี้ลั่วหรงใน God domain เริ่มดำนินการได้แล้ว …”
“รับทราบ !!”
อี้กุ้ยที่ตัวสั่นนั้นตอบรับคำสั่งอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าผู้ที่กล้าตั้งตนเป็นศัตรูกับลู่เทียนตี้นั้นจะมีจุดจบไม่ดีทุกราย แต่เมื่อนึกภาพแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นจริงๆ
ในเวลาเดียวกันนั้น หลังจากที่การโจมตีของหวังซวนหมิงสิ้นสุดลง ซือเฟิงและคนอื่นๆก็ได้ย้ายไปอยู่ที่บ้านอีกหลังหนึ่งซึ่งอยู่ภายใต้การจัดการของเซี่ยชิงหยางโดยตรง และพวกเขาก็ได้รับมาแม้กระทั่งหุ่นยนต์ต่อสู้ที่คอยลาดตระเวนอยู่รอบตัวบ้านเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุแบบเดิมซ้ำสองด้วย ….
และเพื่อเป็นการชดเชยสหรับเรื่องนี้ บริษัทกรีนก๊อดยังได้มอบโพชั่นแฟนธ่อมสิบขวด และโพชั่นแห่งชีวิตสิบขวดให้กับซือเฟิงเป็นค่าทำขวัญ กับค่าชดเชยด้วย
อย่างไรก็ตามซือเฟิงไม่ได้มีความสุขกับเรื่องนี้เลย ตรงกันข้ามนี่มันกับทำให้เขารู้สึกกดดันอย่างมาก ….
“ตอนนี้เมื่อหวังซวนหมิงถูกจับแล้ว อาจารย์เขาในชั้นกลางจะไม่ปล่อยฉันไปแน่นอน และแม้ฉันจะได้รับการปกป้องจากหุ่นยนต์ต่อสู้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่นี่มันก็อาจจะยังไม่เพียงพอที่จะหยุดการแก้แค้นของคนๆนี้ก็ได้ …”
เมื่อซือเฟิงได้ดูข้อมูลของอาจารย์ของหวังซวนหมิงที่เซี่ยชิงหยางส่งมาให้นั้น เขาก็รู้สึกปวดหัวมากๆ
อาจารย์ของหวังซวนหมิงนั้นมีชื่อว่าฟู่จิ่วจง และเขานั้นก็ไม่ใช่คนธรรมดาเลย แม้แต่ในชั้นกลาง นอกเหนือจากความสามารถของเขาแล้ว เขาก็ยังมีอำนาจในมืออยู่ค่อนข้างมากเช่นกัน และแม้แต่ใน Upper Zone ของเมืองหยวนเทียนนั้น มันก็มีหลายกลุ่มที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าบริษัทโบลเดอร์ที่ต้องฟังคำสั่งของฟู่จิ่วจง
ซึ่งเรื่องนี้นั้นมันได้ผลักดันให้ซือเฟิงจำเป็นจะต้องรีบท้าทายการทดสอบของมังกรเงินศักสิทธิ์ในทันที
เพราะเมื่อเขาทำการทดสอบจากมังกรเงินศักสิทธิ์เสร็จเรียบร้อยนั้น เขาก็จะสามารถทำให้ออร์เบ็คที่เป็นมังกรเงินศักสิทธิ์เป็นเพื่อนแท้ของเขาได้ และนี่มันก็จะทำให้สภาสิบแปดปีกนั้นมีเสถียรภาพอย่างแท้จริงในทวีปด้านตะวันตก นอกเหนือจากนี้มันก็จะทำให้เขาสามารถใช้ประโยชน์อย่างแท้จริงจากป้อมปราการแสงดาวและรับเอาทรัพยากรจำนวนมากโดยเฉพาะคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่มาได้
เมื่อคิดได้ดังนี้นั้น ซือเฟิงก็ได้ดื่มโพชั่นแฟนธ่อม และโพชั่นแห่งชีวิตที่เขาได้รับมาเข้าไป อย่างละขวด ก่อนที่เขาจะเดินกลับเข้าสู่ห้องเกมเคบินเฟียเลส และล๊อคอิน
กลับเข้าสู่ God domain