Reincarnation Of The Strongest Sword God – ตอนที่ 2850

ตอนที่ 2850 การทดสอบของมังกรเงินศักสิทธิ์

เมืองสภาสิบแปดปีก สถานที่พักกิลสภาสิบแปดปีก :

หลังจากซือเฟิงกลับมาออนไลน์ เขาก็ได้จัดการส่งมอบงานส่วนที่เหลือของกิลให้กับยู่หลาน และเหลียงจิง ซึ่งนี่รวมไปถึงเซ็ทมานาขั้นสามที่เขาสร้างขึ้นด้วย

โดยเซ็ทมานาขั้นสามที่มีจำนวนมากกว่าสองร้อยเซ็ทนั้นถูกมอบไปให้กับยู่หลานเพื่อให้ยู่หลานไปรวบรวมเหล่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของสภาสิบแปดปีกมาสร้างกองกำลังที่สวมใส่เซ็ทนี้ขึ้นอย่างลับๆ เพื่อเพิ่มไพ่ให้สภาสิบแปดปีก

แม้ว่าเซ็ทมานาขั้นสามที่ถูกสร้างผ่านแบบจำลองนั้นจะไม่ได้ทรงพลังเท่ากับเซ็ทมานาขั้นสามที่ถูกสร้างผ่านแบบแปลนจริงๆ แต่โดยรวมคุณสมบัติทั้งหมดของมันก็ลดลงเพียงแค่สิบห้าเปอเซ็นต์เท่านั้น ซึ่งหากมันได้ถูกนำไปสวมใส่ให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามนั้น มันก็จะทำให้พวกเขามีพลังเทียบเคียงกับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายในเลเวลเดียวกันเลย

นอกจากนี้ซือเฟิงก็ยังได้มอบสมบัติแห่งไฟให้กับเมลานโครอิคสไมล์เพื่อให้เมลานโครอิคสไมล์ใช้สร้างเมล็ดพันธุ์แห่งเปลวไฟจำนวนมากมาให้เหล่าสมาชิกของบริษัทการค้าแสงเทียนดูดซับเพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จในการผลิตด้านต่างๆตามสายอาชีพ

ซึ่งสิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับบริษัทการค้าแสงเทียนเท่านั้น แต่มันยังจะช่วยดึงดูดเหล่าผู้เล่นสายอาชีพให้มาเข้าร่วมบริษัทการค้าแสงเทียนมากขึ้นด้วย

เพราะท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่ช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จในการผลิตให้กับผู้เล่นสายอาชีพได้นั้น มันเปรียบเสมือนกับสมบัติล้ำค่าเลยทีเดียว ….

และเรื่องนี้นั้นมันก็ทำให้เมลานโครอิคสไมล์รู้สึกตื่นเต้นมากๆ เนื่องจากการจะหาเปลวไฟที่ทรงพลังมาดูดซับและใช้งานนั้นมันทำได้ยากๆ แม้แต่ตัวเธอเองนั้นเธอก็ยังมีเพียงแค่เปลวไฟผิดปกติขั้นสอง หนึ่งชิ้น และเปลวไฟผิดปกติขั้นสาม สองชิ้นเท่านั้นอยู่ในครอบครอง …. ดังนั้นสิ่งนี้มันจะสามารถช่วยเธอและคนอื่นๆในบริษัทการค้าแสงเทียนได้อย่างมากแน่นอน

แถมเมื่อบริษัทการค้าแสงเทียนไม่ได้ขาดกำลังคนและผู้มีความสามารถอีกต่อไป พวกเขาก็จะสามารถเริ่มเร่งความเร็วสร้างเรือเหาะมังกรสีเลือด หุ่นกลผู้พิทักษ์ระดับทองแดง รวมไปถึงอาวุธสงครามที่ทรงพลังอีกจำนวนมากขึ้นมาได้

ในเวลาเดียวกัน เนื่องจากการกลับมาของอควาโรส และเสวี่ยเหวินโหรว มันจึงทำให้สภาสิบแปดปีกนั้นไม่ได้ขาดแคลนพลังต่อสู้ที่จะใช้ปกป้องกิลอีกต่อไป และซือเฟิงก็ยังขอให้ไฟเออร์แดนซ์เริ่มค้นหาเบาะแส พลางรวบรวมสมบัติทั้งเจ็ดอย่างลับๆช่วยเขาอีกแรงหนึ่งด้วย

สำหรับสมบัติทั้งเจ็ดนั้นที่ซือเฟิงต้องการจะรวบรวมมันให้ครบนอกเหนือจากเพื่อทำเควสให้เสร็จแล้ว …. เขายังต้องการจะนำมันมาใช้ช่วยกิลในหลายๆด้านด้วย เพราะสมบัติแต่ละชิ้นนั้นล้วนมีเอฟเฟคที่ท้าทายสวรรค์อย่างมาก

แถมตอนนี้เนื่องจากสภาสิบแปดปีกเริ่มมีผู้เล่นมาถึงขั้นสี่มากขึ้นแล้ว ดังนั้นมันจึงจะเป็นการเร็วกว่าถ้าเขาเริ่มให้คนอื่นๆช่วยด้วย ….

หลังจากพัฒนาตัวเองมาระยะหนึ่งนับตั้งแต่สงครามที่หอคอยแห่งพันธสัญญาลับ ตอนนี้สภาสิบแปดปีกก็มีจำนวนสมาชิกขั้นสามมากกว่าห้าหมื่นคนแล้ว ซึ่งจำนวนสมาชิกขั้นสามของสภาสิบแปดปีกนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่ามหาอำนาจที่แท้จริงต่างๆเลย ไม่ต้องพูดถึงจำนวนผู้เล่นขั้นสี่ ….

นอกจากนี้มันยังมีกองกำลังต่างๆเข้ามาร่วมมือกับสภาสิบแปดปีกมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้ามากระชับความสัมพันธ์เพิ่มเติมของฟรอสต์ฮีฟเว่นที่มันช่วยเพิ่มอิทธิพลของสภาสิบแปดปีกในทวีปด้านตะวันออกขึ้นอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันในทวีปด้านตะวันออกของ God domain นั้น นอกจากสภาสิบแปดปีกจะสามารถป้องกันตัวเองได้อย่างมั่นคงแล้ว พวกเขายังเริ่มมีความมั่นใจมากพอที่จะขยายอิทธิพลออกไปบีบมหาอำนาจอื่นๆแล้ว

ดังนั้นนี่จึงนับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะรวบรวมสมบัติทั้งเจ็ด เพราะหากรวบรวมมาได้ครบ มันจะทำให้สภาสิบแปดปีกแข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งแน่นอน ….

และหากสภาสิบแปดปีกรวบรวมสมบัติทั้งเจ็ดได้ครบเมื่อไหร่ พวกเขาก็ไม่จำเป็นจะต้องกลัวใดๆเลย แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดก็ตาม

หลังจากซือเฟิงจัดการงานทุกอย่าง และแจกจ่ายงานทุกอย่างในทวีปด้านตะวันออกเรียบร้อย เขาก็ได้เลือกจะเทเลพอร์ตไปยังป้อมปราการแสงดาวโดยตรงเพื่อไปท้าทายการทดสอบของมังกรเงินศักสิทธิ์ ซึ่งหากเขาสามารถทำมันได้สำเร็จนั้น เขาก็จะสามารถสถาปนาอิทธิพลของสภาสิบแปดปีกขึ้นในทวีปด้านตะวันตกได้อย่างสมบูรณ์ และเมื่อไปถึงจุดนั้น สภาสิบแปดปีกก็จะไม่จำเป็นต้องกลัวใดๆเลย แม้แต่การรุกรานจากโลกขนาดใหญ่อื่นๆก็ตาม

ทวีปด้านตะวันตก ป้อมปราการแสงดาว :

เมื่อวงเวทย์อัญเชิญที่อยู่ด้านบนสุดของหอคอยอัญเชิญสว่างขึ้น ซือเฟิงก็ได้มาปรา
กฎตัวขึ้นในห้องโถงของหอคอยอัญเชิญแล้ว ….

ซึ่งเมื่อซือเฟิงยืนอยู่บนนี้นั้น เขาก็สามารถจะมองเห็นสถานการณ์ทั้งหมดของป้อมปราการแสงดาวได้อย่างชัดเจน

ในเวลานี้ป้อมปราแสงดาวนั้นแตกต่างออกไปจากตอนที่เพิ่งเปิดอย่างมาก เพราะไม่เพียงแต่จำนวนผู้เล่นที่เดินทางเข้ามายังป้อมปราการแสงดาวจะมีจำนวนมากขึ้นเท่านั้น แต่แม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเป็นขั้นสามด้วย แถมจากการสังเกตคร่าวๆนั้น ซือเฟิงก็ยังพบผู้เล่นขั้นสี่มากกว่าสิบคนเดินอยู่ตามท้องถนนด้วย ซึ่งพูดกันตามตรงที่นี่นั้นมันดูเหนือกว่าที่เมืองสภาสิบแปดปีกด้วยซ้ำ ….

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าที่ป้อมปราการแสงดาวนั้นมีมังกรศักสิทธิ์ประจำการอยู่ เขาก็คงไม่สามารถจะปราบปรามผู้เล่น รวมไปถึง NPC ทั้งหมดนี้ให้อยู่ในกฎระเบียบได้ แม้ว่าเขาจะได้รับความช่วยเหลือจากเผ่าศักสิทธิ์ และจักรวรรดิโลกใต้พิภพก็ตาม

หลังจากซือเฟิงประเมินสภาพแวดล้อมอย่างคร่าวๆของป้อมปราการแสงดาวเรียบร้อยแล้ว เขาก็ได้เดินตรงไปยังบริเวณที่มังกรเงินศักสิทธิ์พักอยู่ทันที ….

สำหรับป้อมปราการแสงดาวนั้น หากเขาสามารถผ่านการทดสอบของมังกรเงินศักสิทธิ์ได้ มันก็จะไม่มีใครสามารถที่จะเขย่าป้อมปราการแสงดาวได้อีกต่อไป ตรงกันข้าม หากเขาล้มเหลว มันก็จะแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปกป้องป้อมปราการแสงดาวเอาไว้ให้ได้

เพราะท้ายที่สุดตอนนี้นั้นมันไม่ได้มีเพียงแค่กองกำลังของผู้เล่นเท่านั้นที่จ้องป้อมปราการแสงดาวอยู่ แต่มันยังมีกองกำลัง NPC ด้วย โดยกองกำลัง NPC บางกลุ่มนั้นมีแม้กระทั่ง NPC ขั้นห้า ซึ่งไม่ใช่ตัวตนที่ผู้เล่นในปัจจุบันจะสามารถต่อกรได้เลย และมีเพียงแต่มังกรเงินศักสิทธิ์ ออร์เบ็คเท่านั้นที่จะสามารถช่วยรับมือกับตัวตนระดับนี้ได้

หลังจากซือเฟิงเดินเข้ามาในห้องโถงอีกแห่งหนึ่ง เขาก็พบกับมังกรเงินศักสิทธิ์ที่มีความสูงมากกว่าสิบเมตรนอนหลับอยู่อย่างเงียบๆ

ในเวลานี้เลเวลของมังกรเงินศักสิทธิ์นั้นได้มาถึงหนึ่งร้อยหกสิบสี่แล้ว และได้สัมผัสถึงออร่าที่มันปล่อยออกมา ซือเฟิงก็สามารถบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่ามันแข็งแกร่งกว่ามังกรที่ซือเฟิงฆ่าในโลก God domain ยุคโบราณไปแล้ว

ในตอนนี้มังกรเงินศักสิทธิ์ตรงหน้าของซือเฟิงที่ยังคงอยู่ในขั้นสี่นี้มีพลังมากพอที่จะเอาชนะตัวตนขั้นห้าทั่วๆไปได้สบายๆแล้ว …. และต่อหน้ามังกรเงินศักสิทธิ์นั้น ตัวตนขั้นสี่ก็เป็นเพียงแค่มดเท่านั้น !!!

“ในที่สุดคุณก็มาแล้วสินะ …” ออร์เบ็คที่สัมผัสได้ถึงการมาของซือเฟิงลืมตาตื่นขึ้น พลางใช้ดวงตาสีทองของมังกรมองไปยังซือเฟิงด้วยความพึงพอใจ “ดูเหมือนว่าคุณจะพร้อมที่จะท้าทายการทดสอบแล้วสินะ ….”

“ใช่แล้ว …” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า

ในปัจจุบันเขามาถึงคอขวดแล้วทั้งเรื่องร่างมานา และค่าความแข็งแกร่งทางจิต และเขาก็คิดว่ามันน่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทะลวงผ่านคอขวดนี้ในระยะเวลาอันสั้น โดยนอกเหนือจากวิธีมาทำการท้าทายการทดสอบของมังกรเงินศักสิทธิ์แล้ว ซือเฟิงก็นึกออกเพียงวิธีเดียวที่จะทำให้เขาทะลวงผ่านคอขวดนี้ไปได้ ซึ่งนั่นก็คือการรวบรวมอาวุธและอุปกรณ์ระดับตำนานสำหรับตัวเขามาเพิ่มให้มากขึ้น อย่างไรก็ตามเรื่องนี้นั้นมันพูดง่ายกว่าทำ …..

“ดีมาก !!! ตอนนี้ในเมื่อคุณดูมีความมั่นใจมากขนาดนี้แล้ว ดังนั้นฉันก็จะตอบสนองต่อคำสัญญาก่อนหน้านี้ในทันที แต่ฉันต้องขอบอกคุณให้ชัดเจนอีกครั้งว่าคุณมีโอกาสเพียงสามครั้ง และหากคุณล้มเหลวทั้งสามครั้ง สัญญาระหว่างเราจะเป็นอันสิ้นสุดลงทันที” ออร์เบ็คกล่าวพลางลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ “สำหรับเรื่องการทดสอบของคุณนั้น มันก็คือการทดสอบที่ตระกูลมังกรของฉันได้รับตกทอดมา เดิมทีมันเป็นการทดสอบสำหรับมังกรอย่างฉัน …. แต่เนื่องจากคุณต้องการจะเป็นเพื่อนร่วมทางของฉัน ดังนั้นคุณจะต้องผ่านการทดสอบของมังกรหนุ่มขั้นสี่ให้ได้เป็นอย่างน้อย !!!”
“การทดสอบของมังกรหนุ่มขั้นสี่ ?!” ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย

แม้ว่าเขาจะคิดไว้อยู่แล้วว่าการทดสอบของมังกรเงินศักสิทธิ์จะไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน แต่เขาก็ไม่นึกเลยว่ามันจะยากถึงขนาดนี้ ….

มังกรหนุ่มขั้นสี่นั้นเป็นตัวตนที่สามารถจะต่อกรกับสิ่งมีชีวิตขั้นห้าได้อย่างสบายๆ แต่ตอนนี้เขากับต้องมาทำการทดสอบของมังกรหนุ่มขั้นสี่ให้ผ่านเนี่ยนะ ?!

“ฉันจะส่งคุณไปที่วิหารมังกร และจำไว้ให้ดีว่าคุณไม่สามารถจะใช้ไอเทมภายนอกใดๆช่วยได้ คุณจะต้องผ่านมันไปให้ได้ด้วยกำลังของคุณเองเท่านั้น และถ้าคุณตาย คุณก็จะถูกส่งกลับมาโดยธรรมชาติ”

หลังจากพูดจบมังกรเงินศักสิทธิ์ ออร์เบ็คก็ได้เริ่มร่ายคำสาปมังกรใส่ซือเฟิง ซึ่งมันทำให้มีอักษรรูนจำนวนมากปรากฎขึ้นบนร่างของซือเฟิง และหลังจากผ่านไปห้าวินาที ซือเฟิงก็ถูกเทเลพอร์ตหายออกไปจากห้องโถงบริเวณนี้ ก่อนที่มังกรเงินศักสิทธิ์ ออร์เบ็คจะกลับไปพักผ่อน และนอนหลับต่อ

โดยซือเฟิงนั้นได้ถูกเทเลพอร์ตมายังวิหารขนาดใหญ่ที่มีความสูงมากกว่าสิบกิโลเมตร ซึ่งที่นี่นั้นมันสามารถถูกมองว่าเป็นเทือกเขาขนาดใหญ้ได้เลย และแม้แต่มังกรก็ยังดูตัวเล็กไปเลย ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงมนุษย์ ….

หลังจากที่ซือเฟิงเดินเข้าประตูของวิหารมานั้น เสียงต่ำที่ฟังดูโบราณก็ดังขึ้นมาในหัวของซือเฟิง ….

“มนุษย์ ?”

“ไม่สิ คุณไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาสินะ …. เจ้าหนูน้อยออร์เบ็คส่งคุณมาเข้ารับการทดสอบใช่ไหม ?”

เมื่อเสียงนี้ดังขึ้นมาในหัวของซือเฟิงนั้น ผีมังกรยักษ์ซึ่งมีความสูงหลายพันเมตรก็ปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าของซือเฟิง ซึ่งนี่มันก็ทำให้ซือเฟิงรู้สึกหายใจไม่ออกไปชั่วขณะ

แม้เขาจะอยู่ในขั้นสี่แล้ว แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพวกขั้นหกนั้น ซือเฟิงก็ยังรู้สึกแบบเดิมๆเลย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ….

“ดูเหมือนว่าเจ้าหนูน้อยออร์เบ็คนั่นจะมองคุณในแง่ดีมากๆ เขาถึงได้ส่งคุณมาเข้ารับการทดสอบ ….” ผีมังกรจ้องมองไปที่ซือเฟิง และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตามสัญญาโบราณ เนื่องจากออร์เบ็คส่งคุณมาที่นี่ มันก็แปลว่าคุณพร้อมจะเข้ารับการทดสอบแล้ว และแม้ว่าคุณอาจจะไม่ผ่านทดสอบนี้ แต่จงจำไว้ว่าให้ใช้ทุกโอกาสให้คุ้มค่า เพราะมันจะช่วยคุณพัฒนาไปได้อย่างมากแน่นอน”

เมื่อผีมังกรพูดจบนั้น ซือเฟิงก็สังเกตเห็นว่าฉากตรงหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปทันที โดยตอนนี้เขาได้มายืนอยู่ที่บริเวณสะพานหักๆแห่งหนึ่งที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีเทา และตอนนี้เขาก็สามารถจะมองเห็นผืนดินที่อยู่ไกลออกไปได้อย่างชัดเจน ….

อย่างไรก็ตามตอนนี้สิ่งที่ทำให้ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจมากๆนั่นก็คือหมอกสีเทา เพราะเมื่อเขาได้สัมผัสกับมันเขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่านี่มันคือ สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยหมอกนิรันดร์ !!!

ในช่วงเวลาที่ร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีเทา ซือเฟิงก็รู้สึกได้ถึงความสดชื่น และมีสมาธิอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และเขาก็ยังรู้สึกได้ว่าสมองของเขานั้นสามารถทำงานได้ดีขึ้นจนน่าอัศจรรย์ด้วย

จากนั้นซือเฟิงก็ได้ยินเสียงผีมังกรดังขึ้นในหัวของเขาอีกครั้ง ….

“ให้ใช้มานาซ่อมแซมสะพานที่พักนี้ ซึ่งหากคุณซ่อมไปได้ถึงในสามนั้นมันก็จะถือว่าคุณผ่านการทดสอบ อย่างไรก็ตามคุณมีเวลาเพียงสามวันเท่านั้น และมีสิทจะได้รับเวลาพิเศษเพิ่มอีกหนึ่งวัน ซึ่งหากทั้งหมดนี้หมดลงแล้ว และคุณยังทำไม่สำเร็จ ฉันก็จะถือว่าคุณล้มเหลวในการทดสอบ !!!”

เมื่อผีมังกรกล่าวบอกซือเฟิงเรียบร้อยแล้ว ซือเฟิงก็สังเกตเห็นว่าบริเวณสะพานที่หักนั้นมันเริ่มจะพังทลายลงมาเรื่อยๆ ซึ่งในอัตรานี้มันเห็นได้ชัดเลยว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่รอดให้ได้ในช่วงเวลาสามวัน อย่างมากที่สุดเขาก็จะอยู่ได้แค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ก่อนที่สะพานทั้งหมดจะพังทลายไป และหากเขาไม่สามารถซ่อมแซมสะพานได้ เขาก็จะได้ตกลงไปยังความมืดที่ไร้ที่สิ้นสุดเบื้องล่างทันที ….

Reincarnation Of The Strongest Sword God

Reincarnation Of The Strongest Sword God

เริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง เขาได้เข้ามาสู่ “เกมแห่งมีชีวิต” นี้อีกครั้งเพื่อที่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเอง ครั้งนี้ , เขาจะไม่ถูกควบคุมจากคนอื่น ก่อนหน้านี้ราชาแห่งดาบเลเวล 200 , เขาได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต วิธีการที่จะได้รับเงิน! กลยุทธ์แห่งชัยชนะในดันเจี้ยน! เควสในตำนาน! สถานที่ดรอปอุปกรณ์! ทักษะที่ยังไม่ถูกค้นพบ! แม้แต่ความลับที่พวกผู้ทดสอบเบต้าไม่รู้ , เขารู้มันทั้งหมด สงครามอันยิ่งใหญ่ , ความก้าวหน้าในชีวิต , เข้าสู่ความเป็นพระเจ้า , บรรลุถึงจุดสูงสุดแห่งดาบ ตำนานของชายผู้ที่จะกลายเป็นเทพแห่งดาบได้เริ่มขึ้นแล้ว Starting over once more, he has entered this “living game” again in order to control his own fate. This time, he will not be controlled by others. Previously the Level 200 Sword King, he will rise to a higher peak in this life. Methods to earn money! Dungeon conquering strategies! Legendary Quests! Equipment drop locations! Undiscovered battle techniques! Even the secrets Beta Testers were unknowledgeable of, he knows of them all. Massive wars, life advancement, entering Godhood, sword reaching to the peak; a legend of a man becoming a Sword God has begun.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset