ตอนที่ 2851 ซ่อมแซมสะพาน
“นี่มันจะเล่นใหญ่ไปหน่อยไหมเนี่ย ?”
ซือเฟิงนั้นมองไปยังสะพานตรงหน้าที่เริ่มพังทลายด้วยความตกใจ
เนื่องจากสะพานหักนี้นั้นมันถูกสร้างขึ้นมาจากมานา และความเข้มข้นของมานาที่ใช้ในการสร้างสะพานนั้นมันก็เทียบเท่ากับของแข็งเลย
แม้ว่ามานาที่มีความเข้มข้นเทียบเท่ากับของแข็งจะแข็งแกร่ง แต่มันก็เป็นเหมือนอนุภาคทราย เหตุผลที่ทำให้เขาสามารถเดินบนสะพานนี้ได้มันเป็นเพราะองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ที่พิเศษที่ทำให้อนุภาคทรายเหล่านี้แข็งตัว
และสาเหตุที่สะพานเริ่มพังทลายลงมันก็เป็นเพราะองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ที่พิเศษนี้เริ่มหายไป
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ซือเฟิงก็ได้รีบเปิดใช้งานโดเมนมานาของเขาเพื่อเริ่มพยายามระดมมานามารักษาการทำงานขององค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ที่พิเศษของสะพานทันที
อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาที่ซือเฟิงเริ่มทำแบบนี้นั้น เขาก็ต้องเต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด ….
“นี่การระดมมานาเข้ามารักษาการทำงานขององค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ที่พิเศษมันยากขนาดนี้เลยงั้นหรอ ?!”
โดยปกตินั้นเขาควรจะสามารถระดมมานาจากหมอก และสภาพแวดล้อมที่อยู่โดยรอบได้ตามต้องการแบบง่ายๆ ….
แต่ตอนนี้นั้นซือเฟิงกับระดมมานาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะมานาจากหมอก รวมไปถึงจากสภาพแวดล้อมโดยรอบนั้นมันหนักมากๆ และหากเขาต้องการจะระดมมานาเพิ่มเติมมากกว่านี้นั้น เขาก็จะต้องใช้ความระมัดระวังและความพยายามอย่างมาก เนื่องจากถ้าเขาทำพลาด เขามีสิทจะร่างแหลกเละได้ทันทีแน่นอน ….
ในตอนนี้แค่การจะรักษาการทำงานขององค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ที่พิเศษไว้ให้ได้นั้นมันก็ยากมากแล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงการซ่อมแซมเลย ….
ตอนนี้เมื่อได้มองไปยังสะพานตรงหน้าที่พังทลายลงอย่างต่อเนื่อง ซือเฟิงก็เข้าใจแล้วว่าการทดสอบนี้มันยากมากขนาดไหน
ตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงการซ่อมแซมสะพานเลย แค่รักษาไม่ให้มันพังลงมาเพิ่มเติมมันก็ยากมากแล้วสำหรับเขา
กำหนดเวลาสามวันในการซ่อมแซมนี่มันบ้าอะไรกัน ?! แค่จะรักษาสะพานเดิมไว้ยังยากเลย …. ซือเฟิงนั้นอดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมา และเริ่มคิดหนัก ….
ในขณะเดียวกันตอนนี้นั้น ผีมังกรที่ลอยตัวมองดูซือเฟิงอยู่บนท้องฟ้าก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว ….
“การควบคุมมานาทั้งหมดของเขามันอ่อนแอเกินไป ตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงการซ่อมแซมสะพาน หรือรักษาการทำงานขององค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ไว้เพื่อให้สามารถยืนอยู่บนสะพานได้เป็นเวลาสามวันเลย ฉันคิดว่าแม้แต่สามชั่วโมงเขาก็จะอยู่ไม่ถึงด้วย ….” ผีมังกรบ่นออกมา ก่อนที่มันจะบินหายตัวเข้าไปในหมอกนา ….
หลังจากนั้นเวลาก็ค่อยๆผ่านไปทีละนิด และตอนนี้สะพานหักที่แต่เดิมมีความยาวมากกว่าห้าสิบเมตร ก็ลดลงไปเหลือน้อยกว่าห้าสิบเปอเซ็นต์จากเดิมแล้ว แถมยิ่งมันพังทลายลงไปมากเท่าไหร่ อัตราความเร็วในการพังทลายของมันก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นเท่านั้น
“หากเป็นแบบนี้ต่อไป สะพานทั้งหมดจะพังทลายลงไปในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแ่ … ดูเหมือนว่าฉันจะต้องหาวิธีทำให้ส่วนเล็กๆของสะพานที่ฉันยืนอยู่มันคงที่ซะก่อน …”
ซือเฟิงนั้นพึมพำอย่างกังวล ก่อนที่เขาจะเลือกที่จะเลิกพยายามที่จะควบคุมสะพานที่หักทั้งหมด และหันมาควบคุมในระยะสองเมตรรอบตัวเขาแทน
เพราะท้ายที่สุดแล้วระยะราวนี้มันนับเป็นขีดจำกัดของเขาในตอนนี้แล้ว และที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้เขาจะต้องเอาตัวรอดจากสถานการณ์ตรงหน้าให้ได้ก่อน แล้วค่อยมาเริ่มคิดหาวิธีการที่จะทำในขั้นต่อไปเพิ่มเติม ….
และสุดท้ายแล้วซือเฟิงก็สามารถทำมันได้สำเร็จ ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ … ภายในยี่สิบนาทีสะพานทั้งหมดก็พังทลายลงไป เหลือเพียงแต่ส่วนที่ซือเฟิงสามารถจะควบคุมได้อย่างแท้จริงราวสองเมตรเท่านั้น แต่มันก็ยังคงสลายตัวไปอย่างช้าๆเรื่อยๆอยู่ดี
เมื่อได้เห็นดังนี้นั้นซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา อย่างน้อยตอนนี้มันก็ทำให้เขาพอจะมีเวลาที่จะครุ่นคิดหาวิธีการจัดการกับเรื่องนี้ในขั้นต่อไปอยู่บ้าง ….
โดยในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยหมอกนิรันดร์นี้ มันทำให้สมองของซือเฟิงสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว และปลอดโปร่งในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งนี่มันก็ทำให้ซือเฟิงสามารถจะพิจารณาถึงมุมมองและความเป็นไปได้ที่หลากหลายได้อย่างสบายๆ ….
และในที่สุดซือเฟิงก็คิดออกตอนที่สะพานนั้นพังทลายลงมาจนเหลือพื้นที่แค่ราวหนึ่งเมตร ….
“ฉันเข้าใจแล้ว วิธีการที่ฉันใช้ในการระดมมานาก่อนหน้านี้นั้นมันผิดมาตั้งแต่แรกนี่เอง … ฉันไม่ควรจะทำการควบคุมและบังคับมันอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นมานาของฉันเอง หรือมานาในโลกภายก็ตาม ฉันควรจะแค่พยายามนำทางมันเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดแล้วแต่เดิมมานาพวกนี้นั้นมันก็มีกฎการใช้งานของตัวเองอย่างชัดเจน ซึ่งเมื่อฉันไปบังคับมันนั้น มันก็เป็นเหมือนกับการไปทำให้มันขัดแย้งกับกฎพวกนี้ …”
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้นั้น ซือเฟิงก็ได้เริ่มพยายามจะชี้นำทางมานาทั้งหมดทั้งในร่างของเขา และในสภาพแวดล้อมโดยรอบ แทนที่จะไปพยายามบังคับมัน
แต่อย่างไรก็ตามการจะทำแบบนี้ให้ได้นั้นมันก็ยากกว่าที่ซือเฟิงคิดเอาไว้มาก …
เนื่องจากองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์นั้นมันมีอยู่มากมายหลากหลายแบบทั้งในร่างกายของเขา และในโลกภายนอก ซึ่งแต่ละอย่างนั้นมันก็มีกฎและการทำงานที่แตกต่างกัน ดังนั้นการพยายามจะชี้นำให้พวกมันไปยังทิศทางเดียวกันนั้นจึงเป็นอะไรที่ซับซ้อนทำได้ยากมากๆ …..
อย่างไรก็ตามมันก็นับเป็นโชคดีสำหรับซือเฟิงที่เขาได้เรียนรู้มรดกนักบุญแห่งโลกน้ำแข็งมาแล้ว ซึ่งนี่มันทำให้เขามีความเข้าใจในเรื่องของธาตุน้ำแข็งสูงมาก และมันก็ทำให้เขาพอจะนำความรู้ที่ได้มาพวกนี้ไปปรับใช้กับธาตุอื่นๆได้ด้วย ….
“มรดกนักบุญแห่งโลกน้ำแข็งนั้นช่วยในเรื่องนี้ได้มากเลยทีเดียว หากปราศจากมัน ฉันคิดว่าฉันคงจะไม่มีวันที่จะผ่านการทดสอบนี้ไปได้แน่นอน ….” ซือเฟิงที่เริ่มทำการเรียนรู้กฎ และการทำงานของธาตุเวทย์มนต์ต่างๆพึมพำด้วยรอยยิ้ม
ธาตุไฟนั้นมีความรุนและแผดเผาทำให้ยากที่จะควบคุม ….
ธาตุน้ำแข็งนั้นเงียบสงบ และเย็นชาจนแทบไม่เคลื่อนไหว ….
ธาตุลมนั้นมีความเป็นอิสระ และสดชื่น ในขณะที่มันก็เคลื่อนไหวไปมารอบๆ ….
ธาตุเวทย์มนต์ทั้งหมดนั้นล้วนมีกฎ และการทำงานเป็นของตัวเอง และเท่าที่ซือเฟิงคิดนั้น มันก็เพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เขาสามารถทำการชี้นำพวกมันไปยังทิศทางเดียวกันได้ทั้งหมด ….
ซึ่งนั่นก็คือการสร้างวงเวทย์ที่มีองค์ประกอบธาตุเดียวกันทั้งหมดในตัวของมันเองขึ้นมาในร่างกายของเขา เพื่อให้มันทำหน้าที่เป็นชั้นกรองขององค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์อื่นๆให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ด้วยวิธีนี้นั้น เมื่อซือเฟิงทำการระดมมานาที่ประกอบไปด้วยธาตุเวทย์มนต์ต่างๆเข้ามา เขาก็จะไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไปว่า มันจะมีอะไรที่ผิดแปลก และไม่ไปในทิศทางเดียวกัน
แต่อย่างไรก็ตามงานการสร้างวงเวทย์แบบนี้นั้นมันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากๆ แม้กระทั่งสำหรับผู้เชี่ยวชาญครึ่งก้าวก่อนจะเข้าถึงขอบเขตสุดยอดปรมาจารย์วงเวทย์อย่างซือเฟิงก็ยังจะต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองวัน
แต่ตอนนี้เนื่องจากเอฟเฟคของหมอกนิรันดร์ที่คอยช่วยเหลือ มันจึงทำให้ซือเฟิงสามารถทำงานนี้ให้เสร็จได้ภายในเวลาสิบห้านาที
และตอนนี้องค์ประกอบธาตุเวทย์ทั้งหมดในร่างของซือเฟิงนั้นก็ได้ถูกรวบรวม และผ่านตัวกรองอย่างวงเวทย์นี้จนมันไม่มีความวุ่นวายอีกต่อไปแล้ว ….
“สุดยอด !!! นี่มันคือผลของการสร้างชั้นกรององค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ เพื่อกรอง และชี้นำให้มันเป็นไปในทิศทางเดียวกันงั้นหรอ ?!!!”
ตอนนี้ซือเฟิงนั้นรู้สึกได้ถึงความบริสุทธิ์มากๆของมานาและองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ภายในร่างกายของเขา ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าทั้งหมดได้รับการปรับปรุงเชิงคุณภาพ และนี่มันก็ทำให้ร่างมานาของเขานั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น และทำให้การจะระดมมานามาใช้งานทำได้ง่ายขึ้นด้วย
โดยตอนนี้แม้ว่าซือเฟิงจะต้องควบคุมสามวงเวทย์พร้อมกันในร่างมานาของเขา แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ซือเฟิงรู้สึกมีปัญหา หรือเจอกับอุปสรรคใดๆเลย ….
“ก่อนหน้านี้ แม้ว่าค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของฉันจะมาถึงที่จุดสูงสุดของขั้นสี่แล้ว แถมการควบคุมองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ และมานาของฉันยังอยู่ในระดับที่สูงมาก แต่ฉันก็ยังไม่สามารถจะทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์ของร่างมานาได้ มันก็เป็นเพราะแบบนี้นี่เอง ….” ซือเฟิงครุ่นคิด ขณะที่มองไปยังการแจ้งเตือนของระบบด้วยความรู้สึกสุขใจ
ตอนนี้ศักยภาพร่างมานาของเขาถูกปลดล๊อคมาถึงหนึ่งร้อยยี่สิบเปอเซ็นต์แล้ว !!!
ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้นั้นซือเฟิงก็รู้สึกว่าร่างกายของเขามันดีขึ้นอย่างชัดเจน นี่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการรับรู้ถึงสิ่งแปลกปลอมในสภาพแวดล้อมโดยรอบที่ดีขึ้นในระดับหนึ่งเช่นกัน
และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือตอนนี้ปริมาณมานา และองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ทั้งหมดของซือเฟิงนั้นมันเพิ่มขึ้นจากเดิมมากกว่าเท่าตัวเลย
“ตอนนี้เมื่อทุกอย่างตรงนี้มันเรียบร้อยแล้ว มันก็ถึงเวลาที่ฉันจะเริ่มทำการทดสอบนี้อย่างเป็นทางการสักที !!!”
ดวงตาของซือเฟิงตอนนี้นั้นเปล่งประกาย และเต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างมาก ในขณะที่เขามองไปยังสะพานที่ตอนนี้เหลือน้อยกว่าครึ่งเมตรแล้วตรงหน้าเขา ….