Reincarnation Of The Strongest Sword God – ตอนที่ 2856

ตอนที่ 2856 ครึ่งก้าวขั้นห้า

“หื้ม ?” ฟิธาเลียผงะไปเมื่อได้ยินคำพูดของบรุท “หัวหน้าบรุท นี่คุณไม่ได้บ้าใช่ไหม ?”

ไม่ใช่ฟิธาเลียแค่คนเดียวที่คิดแบบนี้ ทุกคนในป้อมปราการนั้นก็ล้วนคิดแบบนี้เช่นกัน

แม้ว่าพันธมิตรเลือดจะแข็งแกร่งมากๆ และมีกองกำลัง NPC จำนวนมากที่เข้าร่วมกับพวกเขา แต่พวกเขาก็มีอำนาจอยู่แค่ในท้องทะเลเท่านั้น

ในทวีปด้านตะวันตกแห่งนี้ พันธมิตรเลือดนั้นไม่มีข้อได้เปรียบใดๆเลย แถมป้อมปราการแสงดาวนั้นก็ยังอยู่ห่างจากทะเลมากๆ ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่พันธมิตรเลือดจะส่งกองกำลังขนาดใหญ่เข้ามาที่นี่

นี่ยังไม่นับรวมการป้องกันของป้อมปราการของป้อมปราการแสงดางอีก ซึ่งแม้แต่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังยากที่จะทำอะไรได้ เพราะท้ายที่สุดป้อมปราการแสงดาวนั้นมีมังกรเงินศักสิทธิ์ขั้นสี่คอยคุ้มกันอยู่ และแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าก็ยังทำได้แค่มองดูเท่านั้น

นี่คือเหตุผลที่ป้อมปราการแสงดาวยังคงยืนหยัดอยู่มาได้จนถึงตอนนี้ ไม่งั้นกองกำลังของ NPC ขั้นห้าที่อยู่ใกล้ๆนี้ก็คงจะลงมือไปนานแล้ว ไม่ต้องพูดถึงกองกำลังของพันธมิตรเลือดหรอก

และพูดกันตามตรงสำหรับพันธมิตรเลือดนั้น แม้แต่การจะปิดล้อมแผนที่ที่ป้อมปราการแสงดาวตั้งอยู่ให้ได้ตามคำขู่ของบรุทนั้นมันก็ยังเป็นไปได้ยากเลย

“บ้า ?” บรุทยิ้ม และพูดว่า “ฉันไม่คิดอย่างนั้นนะ แม้ว่าป้อมปราการแสงดาวจะมีการป้องกันที่แข็งแกร่ง แถมยังมีมังกรศักสิทธิ์คอยคุ้มกันอยู่ แต่มันก็ไม่ใช่กองกำลังพันธมิตรเลือดของเราจะไม่สามารถเขย่ามันได้สักหน่อย ถ้าป้อมปราการแสงดาวต้องเผชิญกับการปิดล้อมแผนที่ และป้องกันไม่ให้ผู้เล่นเข้าสู่ป้อมปราการแสงดาวจาก NPC ขั้นสี่นับร้อย ฉันก็อยากจะรู้นักว่าป้อมจะสามารถทนได้นานแค่ไหนกัน ….”

“NPC ขั้นสี่นับร้อย ?”

เมื่อบรุทพูดจบ ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ
ในปัจจุบันเลเวลของ NPC โดยทั่วไปก็จะสูงกว่าผู้เล่น และพลังในการต่อสู้ของ NPC ในขั้นเดียวกันกับผู้เล่นก็จะมีมากกว่าด้วย อันเนื่องมาจาก NPC นั้นมีอาวุธ อุปกรณ์ สกิล และเวทย์ที่ดีกว่าและมากกว่าผู้เล่น

NPC ขั้นสี่นับร้อย !!

จำนวน NPC ขั้นสี่ขนาดนี้นั้นเผลอๆมันมีมากกว่าในอาณาจักรเล็กๆทั่วไปด้วยซ้ำ

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือพันธมิตรเลือดสามารถจะส่งกองกำลัง NPC แบบนี้มาเพื่อปิดล้อมแผนที่ได้ ซึ่งกองกำลัง NPC แบบนี้ก็มีพลังที่น่ากลัวมากๆด้วย !!!

“และฉันก็ได้ยินมาว่าในตอนนี้นั้นทวีปด้านตะวันออกเต็มไปด้วยสงคราม และมันก็มีมหาอำนาจมากมายที่ถูกทำลายไปแล้ว แม้แต่เมืองหลักของสภาสิบแปดปีกอย่างเมืองสภาสิบแปดปีกก็ยังแทบจะไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ ซึ่งนี่มันทำให้สถานการณ์ของสภาสิบแปดปีกตกอยู่ในสภาวะที่ล่อแหลมมากๆ และก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงทรัพยากรเลย แค่สภาสิบแปดปีกจะออกไปล่าอย่างสบายๆตอนนี้มันก็ยังเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ ….” บรุทกล่าวอย่างช้าๆ “และถ้าสภาสิบแปดปีกไม่มีทรัพยากรจากป้อมปราการแสงดาวคอยสนับสนุน ฉันก็เชื่อว่ากิลคงจะไม่สามารถป้องกันตัวเองได้แน่นอน คุณอยากจะให้มันเป็นแบบนั้นงั้นหรอ ?”

“ดังนั้นตอนนี้เราจึงจะเชิญสภาสิบแปดปีกให้มาเข้าร่วมกับพันธมิตรเลือดของเรา ซึ่งนี่ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ป้อมปราการแสงดาวพัฒนาไปได้ดีขึ้นเท่านั้น แต่พันธมิตรเลือดของเรายังจะสามารถช่วยสภาสิบแปดปีกต่อต้านผู้รุกรานจากโลกอื่นได้ด้วย ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ดีสำหรับเราทั้งสองฝ่ายไม่ใช่รึไง ?”

เมื่อได้ยินข้อเสนอและคำพูดของบรุท ทุกคนในปัจจุบันที่เฝ้าดูอยู่ไม่เว้นแม้แต่ฟิธาเลียก็ไม่สามารถที่จะหักล้างคำพูดใดๆของเขาได้

สถานการณ์การต่อสู้ในทวีปด้านตะวันออกนั้นมันไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไป

อาจกล่าวได้ว่าการที่ช่องทางเข้าสู่โลกอื่นขนาดใหญ่ถูกเปิดขึ้นนั้นนั้นได้สร้างความตกตะลึงไปทั่วทั้ง God domain ทั้งหมดเลยก็ว่าได้ ซึ่งนี่ก็ไม่เว้นแม้แต่กับมหาอำนาจต่างๆ

กลุ่มกองกำลังที่ไม่รู้ว่าจู่ๆก็โผล่มาจากไหนเยอะแยะนักได้เข้าทำลายเมืองกิลของกิลชั้นสูงไปจำนวนมาก และแม้แต่เมืองกิลของกิลชั้นยอด ไปจนถึงเมืองกิลของซุเปอร์
กิลบางเมืองก็ยังโดนด้วย ….

แต่เดิมมหาอำนาจต่างๆนั้นต้องการที่จะตอบโต้สำหรับเรื่องนี้ แต่หลังจากที่เมืองกิลถูกโจมตีไปไม่นาน เมืองก็ได้ถูกยึดหรือถูกทำลายไปแล้ว แถมจากข้อมูลที่มหาอำนาจต่างๆได้รับมา กองกำลังของผู้รุกรานจากโลกอื่นนั้นมันยังประกอบไปด้วยพวกขั้นสี่จำนวนมาก นี่มันจึงทำให้มหาอำนาจส่วนใหญ่ถอดใจไป ….

สำหรับมหาอำนาจที่ยังคงยืนหยัดจะต่อต้านนั้น ผลที่ได้มันก็คือการถูกทำลายล้างลงอย่างสิ้นเชิง

โดยเรื่องนี้นั้นมันได้สร้างความตกตะลึงไปทั่วทวีปหลักของ God domain ในปัจจุบันอย่างมาก ….

และจากการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน มหาอำนาจต่างๆในทวีปหลักของ God domain ก็พบว่าคนเหล่านี้นั้นมาจากโลกอื่น แต่ไม่ใช่โลกอื่นในแบบที่พวกเขาเคยรู้จัก เพราะมันเป็นโลกอื่นที่มีขนาดแทบจะเทียบเท่าโลกทวีปหลักของ God domain นี้เลย และจำนวนประชากรของโลกนั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าทวีปหลักของ God domain ที่พวกเขาอยู่มากนัก แต่ผู้รุกรานจากโลกอื่นเหล่านี้นั้นแข็งแกร่งกว่าเมื่อพูดถึงในแง่ของมาตราฐานการต่อสู้

โดยภายในเวลาไม่ถึงห้าวันหลังจากการรุนรานเริ่มขึ้นนั้น มันก็ได้มีมหาอำนาจจำนวนหนึ่งถูกทำลายลงไปอย่างสิ้นเชิง นอกเหนือจากนี้มันยังมีอาณาจักรหกถึงเจ็ดแห่งที่ถูกทำลายลงไปด้วย และอาณาจักรที่ถูกทำลายไปเหล่านี้ก็ได้กลายเป็นสวรรค์สำหรับกองกำลังต่างๆซึ่งเข้าไปเก็บเกี่ยวหาโอกาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกองกำลังผู้รุกรานที่เมื่อได้ทรัพยากรจากแต่ละพื้นที่ พวกเขาก็เริ่มขยายตัวกันออกไปเรื่อยๆ ….

เมื่อสถานการณ์เป็นดังนี้นั้น อาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆในทวีปหลักของ God domain ที่ยังรอดอยู่นั้นก็เริ่มประกาศการระดมพลกองกำลังผสมทั้ง NPC และผู้เล่นเพื่อไปต่อต้านผู้รุกรานจากโลกอื่น โดยการต่อสู้ครั้งนี้ถือเป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ God domain เพราะมันมีอาณาจักรและจักรวรรดิมากกว่าสิบแห่งเข้าร่วม ซึ่งนี่มันทำให้เกิดการต่อสู้ขึ้นในหลายสมรภูมิในทวีปด้านตะวันออก โดยที่มันมีทั้งขนาดใหญ่และเล็ก ก่อนที่ท้ายที่สุดแล้วกองกำลังผสมนี้จะทำการปิดกั้นกองกำลังผู้รุกรานจากโลกอื่นไว้ในที่ด้านหนึ่งได้
อย่างไรก็ตามเกือบหนึ่งในสามของพื้นที่ในทวีปหลักถูกจ่ายไปเพื่อการนี้ ….

เพราะท้ายที่สุดแล้วกองกำลังผสมทำได้แค่ปิดล้อมกองกำลังจากผู้รุกรานจากโลกอื่นเท่านั้น แต่ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านั้น ดังนั้นกองกำลังผู้รุกรานจากโลกอื่นจึงยังคงสามารถเคลื่อนไหว และเก็บเกี่ยวทรัพยากรได้อย่างอิสระภายในพื้นทีที่ถูกปิดล้อม

อย่างไรก็ตามกองกำลังของผู้รุกรานนั้นก็ยังคงมีกำลังเสริมเข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนี่มันทำให้หลายฝ่ายเริ่มมองว่าทวีปด้านตะวันออกอาจจะต้านไว้ได้อีกไม่นานแน่นอน และจนถึงตอนนี้นั้นบางส่วนมันก็เริ่มลามมาที่ทวีปด้านตะวันตก และท้องทะเลแล้ว

หากตอนนี้แผนที่ที่ป้อมปราการแสงดาวอยู่ถูกปิดล้อม และป้อมปราการแสงดาวถูกป้องกันให้ไม่ให้คนภายนอกสามารถเข้ามาได้ มันก็จะส่งผลกระทบต่อสภาสิบแปดปีกอย่างมากมายแน่นอน เพราะท้ายที่สุดตอนนี้สถานการณ์ในทวีปด้านตะวันออกนั้นมันไม่มีความเสถียรเลย และทรัพยากรเกือบหนึ่งในสามก็ถูกยึดครองไปโดยกองกำลังผู้รุกรานแล้ว โดยนี่มันก็ทำให้ราคาของทรัพยากรต่างๆเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าตัว ซึ่งนี่มันก็แสดงถึงความตึงเครียดในด้านนี้ได้อย่างชัดเจน

หากสภาสิบแปดปีกไม่มีทรัพยากรจากป้อมปราการแสงดาว กิลก็ไม่น่าจะสามารถปกป้องเมืองกิลของตัวเองเอาไว้ได้แน่นอน

ดังนั้นนี่มันต้องบอกเลยว่าพันธมิตรเลือดนั้นจับจุดอ่อน และสร้างแรงกดดันให้กับสภาสิบแปดปีกได้อย่างถูกจุดมากๆ

อย่างไรก็ตามฟิธาเลียไม่มีอำนาจใดๆเรื่องนี้ และแม้ว่าเธอจะระดมกองกำลังดีไวน์ไฮม์ทั้งหมดของเธอออกมาช่วยสภาสิบแปดปีก แต่พวกเขาก็จะไม่สามารถทำอะไรกับ NPC ขั้นสี่นับร้อยได้แน่นอน

หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ฟิธาเลียก็พูดออกมาว่า “เอาล่ะ เดี๋ยวฉันจะช่วยคุณติดต่อไปยังสภาสิบแปดปีกแล้วกัน ….”

“นั่นยอดเยี่ยม !!” บรุทพยักหน้า และพูดอย่างเฉยเมยว่า “แต่เราก็มีความอดทนจำกัด บอกสภาสิบแปดปีกไปว่าพวกเขามีเวลาคิดแค่วันเดียว หากพวกเขาไม่ตอบกลับ เราจะเริ่มการปิดล้อมแผนที่ทันที !!!”

“หนึ่งวัน ?” ฟิธาเลียขมวดคิ้วเล็กน้อยให้กับเรื่องนี้

เวลามันสั้นเกินไป และมันเป็นไปได้ยากมากๆที่จะหาบทสรุปเรื่องนี้กับสภาสิบแปดปีกให้ได้ด้วยเวลาน้อยแค่นี้ หรือพูดกันตามตรงอีกอย่างก็คือกว่าจะส่งข้อความติดต่อกันเพื่อให้สภาสิบแปดปีกหาบทสรุป มันก็แทบจะหมดเวลาแล้ว ….

“ใช่แล้วหนึ่งวัน !! มันจะเป็นการดีที่สุดที่สภาสิบแปดปีกจะต้องตัดสินใจให้ได้อย่างรวดเร็ว เพราะยิ่งเวลายืดเยื้อออกไปเท่าไหร่มันก็ยิ่งไม่ดีต่อทั้งพันธมิตรเลือด และสภาสิบแปดปีกด้วย !!!” บรุทกล่าวอย่างมั่นใจ “คุณสามารถบอกสภาสิบแปดปีกไปได้เลยว่าถ้าพวกเขาปฎิเสธ พวกเขาก็จะต้องมีศัตรูเพิ่มขึ้นมา ซึ่งนั่นก็คือพันธมิตรเลือดของเรา และฉันก็รับประกันได้เลยว่าพันธมิตรเลือดของเราจะทำให้พวกเขาเจอปัญหาหนักกว่าเรานับร้อยเท่าแน่นอน !!!”

หลังจากบรุทพูดจบ พวกขั้นสี่ทั้งหมดทั้ง NPC และผู้เล่นก็แผ่ออร่าที่น่ากลัวของตัวเองออกมา

ซึ่งนี่มันก็ทำให้ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ฟิธาเลียรู้สึกกดดันมากๆ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าความจริงที่ว่าเธอมีป้อมปราการแสงดาวคอยสนับสนุน เธออาจจะตัดสินใจถอยทันทีที่สัมผัสได้ถึงออร่าพวกนี้แล้ว ….

อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ฟิธาเลียกำลังจะพูดนั้นอยู่ๆมันก็มีเสียงทุ้มต่ำเสียงหนึ่งดังมาเข้าหูของทุกคน

“ความร่วมมือนี้มันไม่จำเป็น และสภาสิบแปดปีกก็ไม่ต้องการพันธมิตรแบบพวกคุณ !!!”

เสียงปฎิเสธนี้ทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหาต้นตอของเสียง เนื่องจากพวกเขานั้นอยากรู้อยากเห็นมากๆว่าใครกันที่กล้าจะปฎิเสธเรื่องนี้ให้กับสภาสิบแปดปีก

“ใครเป็นคนพูดกัน ?! ออกมาเผชิญหน้ากับฉันสิ !!!”

บรุทนั้นเผยแววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ และไม่พอใจออกมา เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าใครกันที่กล้าจะปฎิเสธ และทำการตบหน้าพันธมิตรเลือดแบบเปิดเผยแบบนี้

“แบล๊คเฟรม ?”
“หัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกอยู่ที่นี่แล้วงั้นหรอ ?”

ทุกคนทั่วบริเวณสังเกตเห็นชายในชุดเสื้อคลุมสีดำที่เป็นผู้พูดอย่างรวดเร็ว และเมื่อทุกคนสังเกตเห็นดาบสองเล่มที่ห้อยอยู่ที่เอวของชายคนนี้ พวกเขาก็จำอัตลักษณ์ของชายคนนี้ได้อย่างรวดเร็ว

“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ?”

ฟิธาเลียนั้นก็จ้องมองไปยังซืเฟิงที่ปรากฎตัวขึ้นอย่างตกตะลึงเช่นกัน

เนื่องจากซือเฟิงที่เธอเห็นในเวลานี้กับซือเฟิงที่เธอเจอครั้งสุดท้ายนั้นแทบจะเหมือนกับคนสองคนที่แตกต่างกันมากๆ ตอนนี้มานาที่แผ่ออกมาจากร่างกายของซือเฟิงนั้นมันน่ากลัวมาก และแม้แต่เธอก็ยังรู้สึกกลัว ขณะที่เมื่อจ้องมองไปยังซือเฟิงนั้น เธอก็สามารถสัมผัสได้ถึงคะแนนชนชั้นสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกันมากๆด้วย !!!

“ครึ่งก้าวขั้นห้า !!!”

NPC ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยหกสิบเจ็ด ซึ่งดูเหมือนจะเป็นผู้นำ NPC ของพันธมิตรเลือดอุทานออกมา

“ครึ่งก้าวขั้นห้า ?! เป็นไปได้ยังไง ?!”

เมื่อได้ยินคำพูดของ NPC ผู้นี้ ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังซือเฟิงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

ในปัจจุบันนั้นมันเริ่มมีผู้เล่นที่เข้าถึงขั้นสี่ได้มากขึ้นแล้ว ซึ่งนี่มันก็ทำให้หลายคนเริ่มได้รู้ว่าการจะก้าวจากขั้นสี่ไปเป็นขั้นห้านั้นยากแค่ไหน นี่ยังไม่ต้องพูดถึงช่องว่างระหว่างขั้นสี่และขั้นห้าที่มันมีขนาดใหญ่มากๆเลย

ครึ่งก้าวขั้นห้านั้นคือผู้ที่มาถึงจุดสูงสุดของขั้นสี่แล้ว ในแง่ของร่างมานา และการควบคุมมานา กับองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ และตัวตนระดับนี้ก็เหลือเพียงแค่การ
สร้างร่างมานาใหม่ขึ้นมาให้ได้เท่านั้น ซึ่งหากพวกเขาทำสำเร็จ มันก็จะทำให้พวกเขาสามารถจะก้าวไปถึงขั้นห้าได้ทันที และตัวตนระดับนี้นั้นก็เป็นหนึ่งในตัวตนที่ NPC ของอาณาจักร และจักรวรรดิต่างๆกลัวมากที่สุด

ในตอนนี้ผู้เล่นหลายคนยังคงพยายามดิ้นรนจะไปให้ถึงขั้นสี่กันอยู่เลย แต่ซือเฟิงกับมาถึงครึ่งก้าวขั้นห้าแล้ว นี่มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากๆ

แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่ามันจะไม่น่าเชื่อยังไง พวกเขาก็จำเป็นจะต้องทำใจเชื่อ เพราะพวกเขามั่นใจว่า NPC ขั้นสี่ของพันธมิตรเลือดนั้นไม่โกหกเรื่องนี้แน่นอน ….

“ฉันพูดไปชัดเจนแล้วนี่ หัวหน้าบรุทยังมีอะไรไม่เข้าใจอีกงั้นหรอ ?” ซือเฟิงมองไปที่บรุท พลางกล่าวถามอย่างสบายๆ ….

Reincarnation Of The Strongest Sword God

Reincarnation Of The Strongest Sword God

เริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง เขาได้เข้ามาสู่ “เกมแห่งมีชีวิต” นี้อีกครั้งเพื่อที่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเอง ครั้งนี้ , เขาจะไม่ถูกควบคุมจากคนอื่น ก่อนหน้านี้ราชาแห่งดาบเลเวล 200 , เขาได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต วิธีการที่จะได้รับเงิน! กลยุทธ์แห่งชัยชนะในดันเจี้ยน! เควสในตำนาน! สถานที่ดรอปอุปกรณ์! ทักษะที่ยังไม่ถูกค้นพบ! แม้แต่ความลับที่พวกผู้ทดสอบเบต้าไม่รู้ , เขารู้มันทั้งหมด สงครามอันยิ่งใหญ่ , ความก้าวหน้าในชีวิต , เข้าสู่ความเป็นพระเจ้า , บรรลุถึงจุดสูงสุดแห่งดาบ ตำนานของชายผู้ที่จะกลายเป็นเทพแห่งดาบได้เริ่มขึ้นแล้ว Starting over once more, he has entered this “living game” again in order to control his own fate. This time, he will not be controlled by others. Previously the Level 200 Sword King, he will rise to a higher peak in this life. Methods to earn money! Dungeon conquering strategies! Legendary Quests! Equipment drop locations! Undiscovered battle techniques! Even the secrets Beta Testers were unknowledgeable of, he knows of them all. Massive wars, life advancement, entering Godhood, sword reaching to the peak; a legend of a man becoming a Sword God has begun.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset