ตอนที่ 2857 ความเป็นไปได้ของแบล๊คเฟรมที่อยู่ในครึ่งก้าวขั้นห้า
“คุณคือแบล๊คเฟรมงั้นหรอ ?” บรุทมองไปที่ซือเฟิงที่ปรากฎตัวขึ้นด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสับสน
ครึ่งก้าวขั้นห้า !!
จนถึงตอนนี้มันก็ยังคงมีผู้เล่นขั้นสี่อยู่ไม่มากนักในมหาอำนาจต่างๆ ขณะที่พวกครึ่งก้าวขั้นห้านั้นยังไม่มีเลยแน่นอน ซึ่งตัวตนระดับนี้นั้นเป็นตัวตนที่ผู้เล่น และแม้แต่ NPC ของกองกำลังจากโลกอื่นก็ยังยากจะรับมือได้ พวกเขาเป็นการดำรงอยู่ที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นอมตะ
“ใช่แล้ว ฉันนี่แหละแบล๊คเฟรม” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า
“ที่แท้คุณก็คือหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมตัวจริงนี่เอง …. คือว่าทุกอย่างก่อนหน้านี้มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะปิดล้อมแผนที่และป้อมปราการแสงดาวจริงๆ …” บรุทกล่าวด้วยรอยยิ้ม “และเนื่องจากหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมไม่สนใจที่จะร่วมมือกับพันธมิตรเลือดของเรา ดังนั้นเราก็จะไม่บังคับ และหากไม่มีอะไรแล้ว พวกเราก็ขอตัวก่อน …”
เมื่อบรุทกล่าวจบ เขาก็ตั้งใจจะรีบนำคนของพันธมิตรเลือดทั้งหมดออกไปจากบริเวณนี้ในทันที
“เข้าใจผิด ?” เมื่อซือเฟิงได้ยินสิ่งนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “หัวหน้าบรุท คุณนำ NPC ขั้นสี่มากกว่าสิบคนมาที่นี่แล้วก็ประกาศว่าจะทำการปิดล้อมแผนที่และป้อมปราการแสงดาวอย่างชัดเจน แต่ตอนนี้คุณมาบอกฉันว่านี่มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดงั้นหรอ ?”
“เนื่องจากพวกคุณมาที่นี่กันแล้ว งั้นก็อยู่ต่อเลยแล้วกัน !!!”
เมื่อพูดจบซือเฟิงก็ได้เปิดใช้งานโดเมนมานาของเขา ซึ่งนี่มันทำให้เขาสามารถควบคุมพื้นที่ทั้งหมดภายในรัศมีสี่พันหลาของโดเมนได้ทันที
ซึ่งเมื่อซือเฟิงทำแบบนี้นั้น บรุท ผู้เล่น และ NPC คนอื่นๆจากพันธมิตรเลือดก็รู้สึกว่าร่างกายของพวกเขาหนักขึ้นมากๆ โดยตอนนี้มันก็ราวกับว่าร่างของพวกเขานั้นได้จมลึกลงไปในโคลนตม ซึ่งแม้การขยับตัวก็ยังทำได้อย่างยากลำบากเลย และแม้แต่ NPC ขั้นสี่ ที่มีเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยหกสิบฝั่งพวกเขาก็ยังไม่สามารถต้านทานโดเมนมานานี้ได้ นอกเหนือจากนี้พวกเขาทั้งหมดก็ยังไม่สามารถระดมมานาโดยรอบตัวเองมาใช้ได้เลยด้วย ….
ขณะเดียวกันฟิธาเลียและคนอื่นๆนั้นก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังซือเฟิงอย่างตกตะลึงมากเช่นกัน
พวกเขาไม่ได้คิดเลยว่าซือเฟิงจะลงมือกระทำเรื่องนี้โดยไม่ลังเล เพราะท้ายที่สุดแล้วฝ่ายของพันธมิตรเลือดนั้นมี NPC ขั้นสี่อยู่มากกว่าสิบคน และนี่ยังไม่นับรวมผู้เล่นขั้นสี่อีก พวกเขาอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซือเฟิงในการต่อสู้แบบตัวต่อตัว แต่ถ้าหากพวกเขารุมซือเฟิง สถานการณ์มันก็จะแตกต่างออกไปแน่นอน ….
“ไม่ดีแล้ว !! นี่มันการสร้างโลก !!!” NPC ขั้นสี่ที่เป็นผู้นำ NPC ของพันธมิตรเลือดกล่าวพลางมองไปยังซือเฟิงด้วยใบหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ
ครึ่งก้าวขั้นห้าทั่วไปนั้นก็จัดว่าน่ากลัวมากแล้ว แต่ตอนนี้ซือเฟิงกับเป็นครึ่งก้าวขั้นห้าที่สามารถใช้การสร้างโลกได้ด้วย ซึ่งต่อหน้าตัวตนแบบนี้ ต่อให้พวกเขามีจำนวนพวกขั้นสี่มากกว่า แต่มันก็จะไร้ประโยชน์แน่นอน !!!
เหตุผลที่อาชีพขั้นสี่นั้นทรงพลังมากก็เป็นเพราะพวกเขาสามารถจะใช้มานาของตัวเองเพื่อควบคุม และใช้มานาภายนอกเพื่อเพิ่มพลังให้กับสกิลและเวทย์ของพวกเขาได้อย่างมาก แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการสร้างโลก ซึ่งพูดง่ายๆก็คือมันเหมือนกับพวกเขาต้องมาอยู่ในโลกของคนๆหนึ่งที่กฎทุกอย่างของโลกล้วนขึ้นอยู่กับคนๆนั้น
ซึ่งหากฝั่งพันธมิตรเลือดไม่มีใครที่มีการสร้างโลกเหมือนกับซือเฟิงนั้น พวกเขาก็จะไม่สามารถควบคุม และใช้มานาภายนอกได้เลย พวกเขาจะสามารถต่อสู้ได้ด้วยมานาของตัวเองเท่านั้น โดยนี่มันก็จะทำให้ข้อได้เปรียบของขั้นสี่หายไปอย่างสิ้นเชิง
ในขณะเดียวกันเมื่อค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของซือเฟิงมาถึงขั้นห้าแบบนี้แล้ว เขาก็ไม่จำเป็นจะต้องโฟกัสสมาธิไปกับการสร้างโลกของเขามากนักเลย หรือพูดอีกนัยหนึ่งคือ เขาแทบจะสามารถต่อสู้ได้อย่างอิสระเท่าที่ต้องการในพื้นที่นี้ของเขา เพราะเขาคือผู้ปกครองมัน ….
“หนี !!” บรุทตะโกนอย่างรวดเร็ว
“นี่พวกคุณคิดว่าจะหนีไปได้งั้นหรอ ?” ซือเฟิงชัก Abyssal Blade ออกมาจากฝัก ก่อนที่เขาจะทำการใช้สกิลดาร์คเนสไบรน์ทันที
ซึ่งนี่มันก็ทำให้สมาชิกของพันธมิตรเลือดทั้งหมดถูกพันธนาการทันที และมันก็ทำให้พวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ รวมทั้งลดพลังป้องกันและค่าความต้านทานเวทย์มนต์ลงหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์เป็นเวลายี่สิบวินาที และแม้ว่าพวกเขาจะมีสกิลหรือเวทย์ที่ช่วยยกเลิกการพันธนาการได้ แต่ความคล่องตัวของพวกเขาก็ยังจะลดลงมากๆอยู่ดี
ในช่วงเวลาที่พวกขั้นสี่ในพันธมิตรเลือดทุกคนกำลังพยายามใช้สกิลช่วยยกเลิกการพันธนาการนี้ ซือเฟิงก็ได้ก้าวไปปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าของพวกเขา ก่อนที่เขาจะเริ่มกวัดแกว่งดาบแสงแห่งสองโลกทันที
สกิลมรดกขั้นสี่ โดเมนดาบ !!
วัฎสงสารแห่งดาบ !!!
ลำแสงดาบสิบสามเล่มที่ซือเฟิงสร้างขึ้นนั้นมันรวดเร็วมากๆจนทุกคนโดยรอบไม่สามารถจะตอบสนองกับมันได้เลย และการโจมตีนี้มันก็ได้พุ่งเข้าใส่บรุท กับสมาชิกคนอื่นๆของพันธมิตรเลือดโดยตรง
ในบรรดาผู้เล่นของพันธมิตรเลือดในปัจจุบัน บรุทซึ่งมีร่างมานาที่สามารถทลายขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ได้แล้วคือผู้ที่ตอบสนองและใช้เวทย์ป้องกันขั้นสี่เพื่อป้องกันการโจมตีที่เข้ามาได้ไวที่สุด แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเวทย์บาเรียขั้นสี่ของเขาปะทะเข้ากับการโจมตีนี้ของซือเฟิง มันก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆทันที
สำหรับผู้เล่นขั้นสี่คนอื่นๆของพันธมิตรเลือดนั้นพวกเขาไม่มีใครรอดเลย พวกเขาโดนการโจมตีของซือเฟิงในครั้งนี้เข้าไปโดยตรง และแม้แต่ชิลวอริเออร์ขั้นสี่ที่มีพลังป้องกัน และ HP ที่สูงมากๆก็ยังถูกฆ่าไปแทบจะทันทีโดยที่ไม่สามารถจะทำการตอบโต้อะไรได้เลย
ส่วนสถานการณ์ของ NPC ขั้นสี่ของพันธมิตรเลือดนั้น พวกเขาดูดีกว่าพวกผู้เล่นขั้นสี่อยู่นิดหนึ่ง …. เนื่องจากพวกเขามีอาวุธ อุปกรณ์ รวมไปถึงเลเวลที่เหนือกว่าผู้เล่น โดยการโจมตีนี้ของซือเฟิงนั้นไม่สามารถทำอะไรกับพวกเขาได้มากนัก เพราะสกิล เวทย์ และไอเทมช่วยชีวิตที่เหล่า NPC ขั้นสี่ใช้ออกมานั้นมันได้ช่วยพวกเขาไว้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามเมื่อ NPC เหล่านี้ใช้ทุกอย่างไปแล้วแบบนี้ พวกเขาก็จะไม่สามารถทำแบบเดิมได้อีกในช่วงระยะเวลาหนึ่งแน่นอน
แต่อย่างไรก็ตามหลังจากการโจมตีระลอกแรกผ่านไป ซือเฟิงก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้คนจากพันธมิตรเลือดได้หยุดพัก เขาเริ่มใช้ดาบจากโดเมนดาบของเขา กับเทคนิควัฎสงสารแห่งดาบโจมตีต่อทันที
โดยซือเฟิงได้เพิ่มพลังลงไปในดาบเวทย์มนต์ทั้งหมดของเขาจนทำให้ทุกเล่มนั้นมันมีพลังเท่ากับขั้นห้าทั้งหมด ซึ่งเมื่อโดนโจมตีระลอกนี้นั้น บรุท และ NPC ขั้นสี่คนอื่นๆที่เหลือรอดมาได้นั้นก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้เลย นอกจากต้องร่วมด้วยช่วยกันป้องกันตัวเองเท่านั้น และสำหรับคนที่เหลือไอเทมช่วยชีวิต พวกเขาก็ถูกบังคับให้ต้องใช้มันออกมาเรื่อยๆ
เสียงระเบิดและเสียงของพื้นดินที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆนั้นดังก้องไปทั่วป้อมปราการแสงดาวอย่างต่อเนื่อง
และหลังจากเสียงทั้งหมดนี้คงอยู่เป็นเวลาราวสามสิบวินาที บรุท และ NPC ขั้นสี่มากกว่าสิบคนทั้งหมดของพันธมิตรเลือดก็กลายเป็นขี้เถ้า ก่อนจะสลายหายไปในอากาศ
“สมาชิกพันธมิตรเลือดทั้งหมดตายแล้วงั้นหรอ ?”
“นี่คือความแข็งแกร่งของจักรพรรดิดาบแบล๊คเฟรมงั้นหรอ ?”
“นี่มันแข็งแกร่งเกินไปแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งมากขนาดนี้ ฉันคิดว่าคงจะมีแต่ NPC ขั้นห้าเท่านั้นแหละที่จะสามารถต่อกรกับเขาได้ !!!”
เหล่าผู้คนที่เฝ้าดูอยู่ทั้งหมดแทบไม่อยากจะเชื่อฉากที่พวกเขาได้เห็นตรงหน้าเลย สมาชิกของพันธมิตรเลือดทั้งหมดนั้นถูกสังหารหมู่ไปแล้วอย่างแท้จริง
กองกำลังของพันธมิตรเลือดที่เดินทางมาในครั้งนี้นั้นประกอบไปด้วย NPC ขั้นสี่มากกว่าสิบคน ผู้เล่นขั้นสี่ห้าคน และบรุทผู้นำพวกเขาก็ยังเป็นผู้เล่นขั้นสี่เช่นกัน แถมอยู่ในขอบเขตโดเมนด้วย ซึ่งกองกำลังแบบนี้นั้นน่าจะสามารถโจมตีมอนสเตอร์ขั้นห้าได้เลยด้วยซ้ำ แต่ต่อหน้าของซือเฟิงกองกำลังนี้นั้นไม่ต่างจากของเล่นเด็กเลย ซือเฟิงสามารถทำการสังหารหมู่พวกเขาทั้งหมดลงได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนี่มันทำให้แม้แต่ฟิธาเลียก็ยังตกตะลึงกับเรื่องนี้เช่นกัน
เธอไม่คิดเลยว่าหลังจากซือเฟิงไปถึงระดับครึ่งก้าวขั้นห้าเขาจะแข็งแกร่งจนถึงขนาดที่สามารถใช้การสร้างโลกได้ และเมื่อบวกกับพลังของเขาทั้งหมดตอนนี้แล้ว เธอคิดว่าเขาน่าจะสามารถต่อกรกับ NPC ขั้นห้าได้อย่างสูสีด้วยซ้ำ
หลังจากทำการสังหารหมู่สมาชิกของพันธมิตรเลือดทั้งหมดแล้ว ซือเฟิงก็ได้รีบตรงไปเก็บไอเทมที่สมาชิกของพันธมิตรเลือดทั้งหมดดรอปเอาไว้ด้วยความสุขใจ
ต้องบอกเลยว่าการฆ่า NPC นั้นมันสามารถเทียบได้กับการฆ่ามอนสเตอร์ในขั้นและเลเวลเดียวกันเลย ซึ่งการเก็บเกี่ยวในครั้งนี้นั้นมันก็จัดว่าน่าพึงพอใจมากๆ เพราะมันมีอาวุธและอุปกรณ์ระดับอีปิคมากกว่าสิบชิ้นดรอปออกมา แถมทั้งหมดยังสามารถใช้ได้จนถึงเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบด้วย
หลังจากเก็บไอเทมที่ดรอปออกมาทั้งหมดแล้ว ซือเฟิงก็ได้เดินเข้ามาหาฟิธาเลีย และคนอื่นๆพลางกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ “ขอบคุณพวกคุณมากจริงๆที่ช่วยดูแลและจัดการปัญหาในป้อมปราการแสงดาวให้มาโดยตลอด ถ้าไม่ได้พวกคุณ ป้อมปราการแสงดาวนั้นคงจะตกอยู่ในความโกลาหลไปแล้ว ….”
ดูจากท่าทีของพันธมิตรเลือด มันก็เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ามีกองกำลังจำนวนมากในทวีปด้านตะวันตกที่กำลังเล็งเป้ามาที่ป้อมปราการแสงดาว และแม้ว่าป้อมปราการแสงดาวจะมีมังกรเงินศักสิทธิ์คอยคุ้มกัน แต่มันก็ไม่เพียงพอแล้ว เพราะท้ายที่สุดสิ่งที่กองกำลังต่างๆยังสามารถจะทำได้ก็คือการปิดล้อมแผนที่ และยับยั้งการพัฒนาของป้อมปราการแสงดาว
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมก็กล่าวเกินไป …. แต่อย่างไรก็ตามหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม เมื่อคุณได้ฆ่าบรุท และคนอื่นๆ รวมไปถึง NPC จากพันธมิตรเลือดไปอีกมากกว่าสิบคนแบบนี้นั้น ฉันคิดว่าเรื่องนี้มันจะไม่จบง่ายๆแน่นอน” ฟิธาเลียอดไม่ได้ที่จะกล่าวเตือน เผ่าศักสิทธิ์ของเรานั้นได้ทำการตรวจสอบข้อมูลของพันธมิตรเลือดมาอย่างละเอียดแล้วเช่นกัน พันธมิตรเลือดนั้นไม่เพียงแต่จะมีมหาอำนาจกว่าสิบกลุ่มที่เข้าร่วม แต่มันยังรวมไปถึงกองกำลัง NPC ที่ทรงพลังอีกมากมายด้วย ซึ่งในหมู่พวกเขานั้นมันก็มีพวกขั้นห้าอยู่ด้วย ดังนั้นกองกำลังผู้รุกรานจากโลกอื่นจึงทำได้แค่ปราบปรามพันธมิตรเลือดเท่านั้น แต่พวกเขาไม่สามารถจะเอาชนะพันธมิตรเลือดได้อย่างเบ็ดเสร็จ”
ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของซือเฟิงนั้น เขาไม่จำเป็นจะต้องกลัวผู้เล่นขั้นสี่ หรือ NPC ขั้นสี่ทั่วไปอีกต่อไป อย่างไรก็ตามซือเฟิงนั้นก็ยังควรจะต้องระวังตัวเองไว้ให้มาก เพราะตอนนี้นั้นระบบของ God domain ไม่ได้จำกัด NPC แบบเมื่อก่อนแล้ว ดังนั้นหากพันธมิตรเลือดเสนอผลประโยชน์มากพอให้กับ NPC ขั้นห้าบางคน พวกเขาก็อาจจะยอมลงมือจัดการกับซือเฟิงได้
และหากเป็นแบบนั้น มันก็จะนับเป็นฝันร้ายสำหรับป้อมปราการแสงดาวด้วยแน่นอน ….
“ไม่ต้องห่วงน่า ต่อให้พวกขั้นห้ามาที่นี่ พวกเขาก็จะไม่ประสบความสำเร็จใดๆกลับไปแน่นอน …” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม และไม่ได้มีท่าทีสนใจใดๆ
ถ้าเขายังทำการทดสอบของมังกรเงินศักสิทธิ์ ออร์เบ็คไม่สำเร็จ เขาก็คงจะไม่กล้าท้าทายพันธมิตรเลือดเช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาทำได้สำเร็จแล้ว และสามารถจะอัญเชิญออร์เบ็คออกมาได้แทบจะทุกๆที่ที่เขาต้องการ ซึ่งตัวตนของมังกรเงินศักสิทธิ์อย่างออร์เบ็คนั้น มันไม่ใช่สิ่งที่พวกขั้นห้าทั่วไปจะสามารถต่อกรได้ด้วยซ้ำ
“ไม่ประสบความสำเร็จใดๆกลับไป ?” ฟิธาเลียนั้นอดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับความมั่นใจของซือเฟิง
ในยุคที่ไม่มีเทพนั้น ขั้นห้านับเป็นจุดสูงสุดของ God domain แล้ว และอาชีพขั้นห้าที่แท้จริงนั้นก็แทบจะสามารถรับประกันความปลอดภัยของกองกำลังหนึ่งได้สบายๆเลย เหมือนกับที่ออร์เบ็คสามารถรับประกันความปลอดภัยของป้อมปราการแสงดาวให้กับพวกเขาได้
ดังนั้นมันจึงยากที่จะจินตนาการมากว่าซือเฟิงนั้นมีทุนในการต่อสู้กับพวกขั้นห้าอยู่แล้ว แถมพวกขั้นห้าที่ว่านี้ยังเป็น NPC ขั้นห้า ซึ่งมีความแข็งแกร่งมากกว่าผู้เล่นขั้นห้าด้วย
“ว่าแต่ผู้บัญชาการฟิธาเลียช่วยรวบรวมวัสดุเหล่านี้ให้ฉันหน่อยได้ไหม ?” ซือเฟิงนั้นไม่ได้คิดจะอธิบายใดๆเพิ่มเติม ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนเรื่องโดยหยิบรายการวัสดุที่เขาต้องการออกมา และยื่นให้ฟิธาเลีย “ฉันยินดีจะจ่ายเป็นคริสตัลเวทย์มนต์ในราคาที่สูงกว่าตลาดสองเท่า”
ฟิธาเลียได้เหลือบมองไปยังรายการวัสดุที่ซือเฟิงยื่นมาให้ แม้ว่าวัสดุเหล่านี้จะมีมูลค่าไม่มากนัก แต่พวกมันก็หายากมาก อย่างไรก็ตามด้วยรากฐาน และภูมิหลังของเผ่าศักสิทธิ์นั้นการจะรวบรวมพวกมันมาให้ได้ครบตามที่ซือเฟิงต้องการก็ไม่ได้จัดว่ายากมากนัก
“การรวบรวมวัสดุทั้งหมดตามที่คุณต้องการนี้มันทำได้ไม่ยากนัก แต่ว่าหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ทำไมคุณจะต้องรับซื้อวัสดุพวกนี้ในราคาที่สูงด้วย ? ด้วยรากฐานของกิลคุณในตอนนี้ คุณน่าจะสามารถรวบรวมพวกมันทั้งหมดได้เช่นกัน และก็ไม่น่าจะจำเป็นต้องจ่ายในราคาแพงกว่าตลาดสองเท่าด้วย นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่าราคานี้จะถูกจ่ายเป็นคริสตัลเวทย์มนต์อีก …” ฟิธาเลียกล่าวพลางมองไปที่ซือเฟิงอย่างแปลกๆ
ถ้าซือเฟิงต้องการจะรวบรวมวัสดุเหล่านี้จริงๆ สิ่งที่เขาต้องทำก็แค่กลับไปที่สำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีกที่ทวีปด้านตะวันออกเท่านั้น เขาไม่จำเป็นจะต้องมาใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายแบบนี้เลย
เมื่อได้ยินคำพูดของฟิธาเลียนั้น ซือเฟิงก็ไม่ได้คิดจะปกปิดใดๆ “ทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะฉันต้องการวัสดุเหล่านี้ไปเพื่อเชื่อมต่อทวีปหลักทั้งสองด้านเข้าด้วยกัน และมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะพึ่งพาแค่วัสดุจากคลังของป้อมปราการแสงดาว ดังนั้นฉันจึงทำได้แค่ซื้อจากกิลคุณเท่านั้น”
ตอนนี้เมื่อเขามีมังกรเงินศักสิทธิ์เป็นคู่หูแล้ว เขาก็สามารถจะต่อสู้ได้ทุกที่ทุกเวลา และด้วยมีมังกรเงินศักสิทธิ์เป็นเครื่องรับประกัน มันก็ทำให้เขาสามารถเริ่มทำในสิ่งที่เขาไม่กล้าทำมาก่อน
“เชื่อมต่อทวีปหลักทั้งสองด้าน ?!” เมื่อฟิธาเลียได้ยินคำพูดของซือเฟิง เธอก็แทบไม่เชื่อหูของตัวเอง “เป็นไปได้ยังไงกัน ?!”
ทวีปหลักทั้งสองด้านนั้นถูกแยกออกจากกันไกลมากๆ และมันก็เป็นเพราะเหตุนี้แหละที่ทำให้มหาอำนาจต่างๆต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่งเพื่อแย่งชิงวงเวทย์เทเลพอร์ตข้ามทวีป แต่อย่างไรก็ตามหากพวกเขาสามารถเชื่อมต่อทวีปหลักทั้งสองด้านเข้าด้วยกันได้ ปัญหาเรื่องนี้มันก็จะหมดไป !!!
ซือเฟิงนั้นยิ้มให้กับท่าทีของฟิธาเลียโดยไม่ได้คิดจะอธิบายใดๆ
หากเป็นก่อนหน้านี้เขาจะไม่สามารถทำได้แน่นอน อย่างไรก็ตามตอนนี้ด้วยหอคอยอัญเชิญของป้อมปราการแสงดาว และการที่เขาอยู่ใกล้เคียงกับการกลายเป็นสุดยอดปรมาจารย์วงเวทย์แล้ว เรื่องนี้มันจึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ….