ตอนที่ 2866 มุ่งสู่ขั้นห้า
ปรากฎการณ์นี้มันไม่แพ้ตอนที่ช่องทางเข้าสู่โลกอื่นขนาดใหญ่ถูกเปิดขึ้นเลย แม้ตอนนี้สภาสิบแปดปีกจะไม่ต้องการกลายเป็นที่จับตามอง แต่ด้วยปรากฎการณ์นี้พวกเขาก็จะกลายเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจไปทั่วทวีปหลักของ God domain ทั้งหมดแน่นอน
และด้วยทรัพยากร กับอิทธิพลที่น่ากลัวแบบนี้ เมื่อเวลาผ่านไป แม้แต่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดรวมกันก็อาจไม่สามารถแข่งขันกับสภาสิบแปดปีกได้
อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่ามหาอำนาจต่างๆในทวีปหลัก รวมไปถึงมหาอำนาจต่างๆจากโลกอื่นนั้นจะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนี้แน่นอน ดังนั้นผลลัพธ์สุดท้ายของเรื่องนี้มันจึงถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ….
ทันทีที่ข่าวการเปิดเมืองสภาสิบแปดปีกแพร่กระจายออกไป ….
สภาสิบแปดปีกก็จะกลายเป็นศัตรูของกองกำลังต่างๆทั้งในทวีปหลัก และโลกอื่นของ God domain ทั้งหมด
แม้ว่าความแข็งแกร่งในปัจจุบันของสภาสิบแปดปีกจะดีขึ้นมาก แต่มันก็ยังมีบางกองกำลังในทวีปหลักที่กิลยังคงไม่สามารถเทียบได้ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงพวกกองกำลังจากโลกอื่นที่สามารถทำลายอาณาจักรไปได้หลายแห่งเลย
โดยในอาณาจักรนั้นมีพวกขั้นสี่อยู่มากกว่าสภาสิบแปดปีกด้วยซ้ำ ขณะเดียวกันในส่วนของการป้องกันเมืองหลวงของ NPC นั้น แม้จะอยู่เหนือเมืองหลักของกิล แต่สุดท้ายพวก NPC ก็ยังแพ้อยู่ดี
แน่นอนว่าสิ่งนี้ส่วนใหญ่มันเกิดขึ้นจากฝีมือของกองกำลังผู้เล่นจากโลกอื่น แต่ตอนนี้มันก็ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าเมื่อมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น กองกำลังผู้เล่นจากโลกอื่นจะไม่ร่วมมือกับกองกำลัง NPC จากโลกอื่นเพื่อจัดการกับสภาสิบแปดปีก
สำหรับตัวซือเฟิงนั้นเขาก็เข้าใจถึงข้อกังวลของเหลียงจิงดี โดยเขาได้กล่าวอย่างจริงจังว่า “ฉันเข้าใจทุกเรื่องดี แต่สภาสิบแปดปีกจะต้องเผชิญกับเรื่องนี้ไม่ช้าก็เร็ว การตีเหล็กต้องทำในขณะที่มันร้อนๆมันจะดีกว่า สภาสิบแปดปีกจำเป็นจะต้องพัฒนาแบบรวดเดียว และเติบโตขึ้นไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะเมื่อถึงเวลาที่เราจะต้องจัดการกับมหาอำนาจต่างๆในทวีปหลัก หรือกองกำลังผู้รุกรานจากโลกอื่น เราจะได้มีความมั่นใจกันมากขึ้น …”
ก่อนหน้านี้เขาได้รับข้อมูลสำคัญเรื่องของกองกำลังผู้รุกรานจากโลกอื่นมาจากซิคทีนคลาวด์ มันจึงทำให้เขารู้อย่างแน่ชัดแล้วว่าทำไมทวีปด้านตะวันออกถึงยังไม่ถูกทำลายลงไปทั้งหมด ซึ่งนี่มันก็เป็นเพราะมหาอำนาจจากโลกอื่น รวมไปถึงกองกำลัง NPC ที่เข้ามายังทวีปหลักนั้นยังมีไม่มากนัก
แต่เมื่อเวลาผ่านไป มันก็จะมีมหาอำนาจจากโลกอื่น รวมไปถึงกองกำลัง NPC เข้ามายังทวีปหลักมากขึ้นแน่นอน และนี่มันก็จะทำให้สภาสิบแปดปีกต้องต่อสู้กับกองกำลังเหล่านี้ในไม่ช้าก็เร็ว
หากต้องค่อยๆเก็บทรัพยากรทีละเล็กทีละน้อย และพัฒนาไปอย่างลับๆ มันก็จะเป็นการดีกว่ามากที่จะเร่งเก็บทรัพยากรจำนวนมากตั้งแต่ช่วงต้น และพัฒนาไปอย่างรวดเร็วในเวลาที่กองกำลังจากโลกอื่นยังคงเข้ามาไม่มากนัก
กล่าวอย่างตรงไปตรงมา สภาสิบแปดปีกในปัจจุบันนั้นไม่ได้แข่งขันกับกองกำลังต่างๆ แต่กำลังแข่งขันกับเวลาต่างหาก
แน่นอนว่ายิ่งกิลพัฒนาไปได้เร็วเท่าไหร่มันก็ยิ่งดีมากเท่านั้น ….
นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องการควานหาพันธมิตรเลย หากกิลคัดสรรและเลือกพันธมิตรดีๆรวมกันเป็นกองกำลังขนาดใหญ่ เพื่อจะต่อต้านมหาอำนาจต่างๆทั้งในทวีปหลัก และจากโลกอื่น มันก็จะมีความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จสูงมาก
“นี่ …” เหลียงจิงนั้นไม่รู้จะพูดอะไรต่อ หลังจากที่เธอได้ยินคำพูดล่าสุดของซือเฟิง
เนื่องจากการตัดสินใจครั้งนี้มันเป็นเรื่องที่บ้าคลั่งมากๆ แต่เธอก็ไม่สามารถจะหาข้อเสนอที่ดีกว่านี้มาพูดกับซือเฟิงได้เลย
“ไม่ต้องกังวล ฉันรู้อยู่แก่ใจดีว่า ฉันทำอะไรอยู่ ….” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่เขามองไปยังท่าทีของเหลียงจิง “เธอควรจะรีบมาที่เมืองสภาสิบแปดปีก และเตรียมตัวให้พร้อมนะ โอ๊ะ ! แล้วก็แจ้งไปยังเมลานโครอิคสไมล์กับยู่หลานด้วย นับจากนี้มันจะมีพวกเธอบางคนที่งานล้นมือเลยทีเดียวแหละ …”
เหลียงจิงนั้นไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอทำเพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น ….
ตั้งแต่ที่เธอได้รู้จักเขา ซือเฟิงนั้นเป็นพวกที่ทำอะไรบ้าคลั่งแบบนี้มาตลอด โดยหลังจากสร้างระลอกคลื่นใหญ่แล้ว ซือเฟิงก็จะเริ่มทำการมอบหมายหน้าที่ให้พวกเขาทั้งหมดดำเนินการให้มันออกมาดีที่สุด
ซึ่งนี่มันก็ทำให้บางครั้งเหลียงจิงนั้นอดไม่ได้ที่จะอยากด่าซือเฟิง แต่อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่เข้าใจเลยจริงๆเลยว่าทุกครั้งที่มันเป็นแบบนี้ทำไมในใจของเธอบางส่วนถึงรู้สึกมีความสุข และตื่นเต้นมากๆ
หลังจากนั้นซือเฟิงก็พูดคุยรายละเอียดปลีกย่อยกับเหลียงจิงอีกนิดหน่อย ก่อนที่เขาจะวางสายไป และเดินตรงไปยังห้องลับในชั้นใต้ดินของคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมือง
ในห้องลับชั้นใต้ดินของคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมืองที่มีรูปสลักสัตว์อสูรโบราณวางอยู่ :
ในเวลานี้นั้นมันไม่มีใครอยู่ในห้องลับนี้เลย พวกที่ซือเฟิงได้ให้เข้ามาฝึกในครั้งก่อนนั้นก็ถูกปิด และไม่อนุญาติให้เข้าถึงชั่วคราว สำหรับที่ประตูทางเข้าห้องลับนั้น ซือ
เฟิงก็ได้ให้องครักษ์ส่วนตัวระดับลึกลับขั้นเงิน ขั้นสี่สองคนยืนเฝ้าอยู่ ก่อนที่ตัวซือเฟิงนั้นจะเดินตรงเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้ารูปสลักสัตว์อสูรโบราณ
“ในตอนนี้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของฉันได้มาถึงขั้นห้าแล้ว แถมความเข้าใจ ความสัมพันธ์ รวมไปถึงการเรียนรู้เกี่ยวกับกฎการใช้งานมานา และองค์ประกอบธาตุก็ได้มาถึงขีดสุดเท่าที่จะทำได้แล้ว ดังนั้นตอนนี้มันก็ได้เวลาที่จะทะลวงเข้าสู่ขั้นห้ากันสักที …”
ซือเฟิงมองไปที่รูปสลักสัตว์อสูรโบราณตรงหน้าของเขา ก่อนที่เขาจะนั่งลง และเริ่มการสร้างร่างมานาของตัวเองขึ้นใหม่
**ป.ล. ไม่ต้องสงสัยใดๆ ตอนนี้แม่งสั้นมาก สั้นจนคนแปลยังงง แต่ตอนหน้ากลับมายาวเหมือนเดิมละ