ตอนที่ 2869 ไว้หน้า
สถานที่พักกิลสภาสิบแปดปีก ห้องรับรองชั้นบนสุด :
ในฐานะที่เป็นสถานที่พักกิลของสภาสิบแปดปีกในเมืองสภาสิบแปดปีกที่เป็นเมืองหลักของกิลนั้น สถานที่พักกิลแห่งนี้มันก็มีทั้งหมดสามสิบชั้น และมีความสูงเกือบสองร้อยเมตร ขณะเดียวกันเมื่อมองออกไปจากหน้าต่างของห้องรับรองชั้นบนสุดนั้น มันก็แทบจะสามารถมองเห็นวิวของเมืองสภาสิบแปดปีกได้แทบทั้งหมดเลย
แถมเมืองสภาสิบแปดปีกยังตั้งอยู่ในหุบเขาอาร์กติกแกรนดร์ที่มีทรัพยากรที่ค่อนข้างเฉพาะและเป็นเอกลักษณ์มากๆ ดังนั้นนี่มันจึงทำให้เมืองสภาสิบแปดปีกอยู่เหนือกว่าเมืองส่วนใหญ่ของ NPC แล้ว
ขณะเดียวกันภายใต้มุมมองที่สวยงามนี้มันก็มีคนมากกว่าสิบคนที่นั่งอยู่ในห้องรับรอง โดยที่ต่างฝ่ายต่างก็มองไปยังแต่ละฝ่ายอย่างวิเคราะห์ซึ่งกันและกัน
“การที่เมืองสภาสิบแปดปีกเปิดให้สาธารณชนทั่วไปเข้าชมแล้วนั้น มันได้ดึงดูดมหาอำนาจต่างๆจำนวนมากให้เข้ามาจริงๆ ….” หยวนเทียนซินกล่าวในขณะที่เขามองไปรอบๆด้วยความรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย “ผู้อาวุโสแห่งไมโทโลจี้ ซือถู ฉิงเทียน ผู้อาวุโสของจักรวรรดิโลกใต้พิภพ เรลอส และแม้แต่วิหารหยินหยาง ซึ่งไม่เคยสนใจการต่อสู้ในทวีปด้านตะวันออกเลยก็ยังส่งผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์อย่างซื่อหยาง เทียน
เหอมาที่นี่ ดูเหมือนว่าทุกกิลจะจริงจังกับเรื่องนี้มากๆทีเดียว ….”
ทั้งสามคนนี้นั้นเป็นตัวแทนจากสามในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งพวกเขาแต่ละคนนั้นก็มีอำนาจมากพอจะเขย่าทั้งทวีปด้านตะวันออกได้เลย และโดยปกตินั้นมันก็เป็นเรื่องยากมากๆที่จะได้พบกับพวกเขาคนใดคนหนึ่ง แต่ในเวลานี้ทั้งสามคนกลับมารวมตัวกันอยู่ที่เดียวกันจริงๆ ….
แต่อย่างไรก็ตามหยวนเทียนซินก็รู้สึกตกตะลึงแค่เล็กน้อยเท่านั้นกับเรื่องนี้ เพราะท้ายที่สุดแล้วด้วยการเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของสภาสิบแปดปีกนั้น มันจะไม่ใช่เรื่องแปลกเลยด้วยซ้ำถ้าห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดมารวมกันที่นี่ทั้งหมด
ในสถานการณ์ปกติวงเวทย์เทเลพอร์ตข้ามทวีปที่สามารถจะทำให้ผู้เล่นเทเลพอร์ตข้ามทวีปได้อย่างไม่จำกัด และไม่มีคูลดาวน์ที่ยาวนานมันก็จัดว่ามีค่ามากๆแล้ว แต่ตอนนี้พอมีเรื่องการรุกรานของผู้เล่นจากโลกอื่นขนาดใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย วงเวทย์แบบนี้มันจึงยิ่งมีค่ามากขึ้นอีกมหาศาล ….
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าหัวหน้ากิลของศาลาลับมีธุระที่เร่งด่วนมากๆ และไม่สามารถมาได้จริงๆ เผลอๆเขาก็คงมานั่งอยู่ตรงนี้ด้วยแล้วแน่นอน
“จักรวรรดิโลกใต้พิภพนั้นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจริงๆ …. เห็นได้ชัดว่าตอนนี้กิลกำลังมุ่งเน้นและเร่งพัฒนาในทวีปด้านตะวันตก แต่ตอนนี้กิลกับส่งผู้อาวุโสอย่างเร
ลอสมาที่นี่จริงๆ ….” แมตซ์ ซึ่งติดตามผู้อาวุโสซือถู ฉิงเทียนมากล่าวพลางมองไปยังชายชราหัวโล้นที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเงียบๆด้วยความประหลาดใจ “ฉันไม่ได้เจอกับผู้อาวุโสผู้นี้มาพักหนึ่งแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะพัฒนาขึ้นไปมากจริงๆ …. มานาที่เขาแผ่ออกมาจากร่างมานาของเขานั้นมันเห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งกว่าเดิมอย่างน้อยสองเท่าเลย แถมดูเหมือนว่าเขาจะยังเปลี่ยนอุปกรณ์ไปอีกสองชิ้นด้วย ….”
“มันก็เป็นเรื่องปกติน่ะแหละ ถ้าเขาไม่ได้พัฒนาตัวเองได้อย่างรวดเร็วแบบนี้ โอดินก็คงจะไม่อยากต่อสู้กับเขาอยู่ตลอดเวลาหรอก ….” ซือถู ฉิงเทียน ชายชราร่างกำยำผมสีขาวที่นั่งอยู่ด้านข้างแมตซ์กล่าวอย่างไม่สนใจ ก่อนที่เขาจะมองไปยังเด็กหนุ่มสวมหน้ากากที่ยืนอยู่ด้านหลังของเรลอส “เด็กหนุ่มนั่นแข็งแกร่งมากเลยทีเดียว วัดจากสายตาคร่าวๆดูเหมือนเขาจะแข็งแกร่งเท่าๆกับ Prosciutto ในปัจจุบันเลย …”
เมื่อได้ยินคำพูดของซือถู ฉิงเทียน แมตซ์ก็มองไปยังเด็กหนุ่มที่ซือถู ฉิงเทียนกล่าวถึงด้วยความประหลาดใจ ในขณะที่หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยไม่อยากจะเชื่อ “เขาแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยงั้นหรอ ?!”
ในตอนนี้ Prosciutto นั้นนับเป็นรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งของไมโทโลจี้ ซึ่งนี่ไม่จำเป็นต้องพูดถึงอาวุธกับอุปกรณ์เลย แค่ร่างมานาของ Prosciutto ในตอนนี้นั้นเขาก็สามารถปลดล๊อคศักยภาพไปได้มากกว่าหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์แล้ว โดยคนที่จะสามารถทำแบบ Prosciutto ได้นี้มันก็มีน้อยมากๆเลยทีเดียวใน God domain
ขณะเดียวกันโคลท์ชาโด้วที่นั่งอยู่ด้านข้างของซือถู ฉิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังเด็กหนุ่มผู้นี้ด้วยความประหลาดใจเช่นกัน
ผู้อาวุโสซือถู ฉิงเทียนนั้นได้สอนลูกศิษย์มาแล้วมากมายนับไม่ถ้วน และสายตาของเขาก็เฉียบแหลมกว่าพวกเขามาก และเนื่องจากเขาเป็นผู้เอ่ยปากและทำการประเมินความแข็งแกร่งของเด็กหนุ่มคนนี้เอง ดังนั้นมันก็ไม่น่าจะผิดแน่นอน
“ไม่เพียงแค่เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างเรลอสเท่านั้น เด็กหนุ่มอีกคนที่อยู่ข้างซื่อหยาง เทียนเหอก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเด็กหนุ่มข้างเรลอสเช่นกัน” ซือถู ฉิงเทียนกล่าวพลางชี้ไปยังเด็กหนุ่มอีกคนด้วยรอยยิ้ม “ฉันต้องบอกเลยว่าเวลามันได้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ กว่าฉันจะก้าวมาถึงตรงนี้ได้นั้น ฉันก็ได้เห็นผู้คนมากมาย แต่นี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่ฉันได้เห็นอะไรแบบนี้”
เมื่อซือถู ฉิงเทียนพูดจบ ดวงตาที่เย็นชาของเขาก็ฉายแววประหลาดใจออกมา …. เขาไม่นึกเลยจริงๆว่าทุกวันนี้อัจฉริยะของแต่ละกิลจะแข็งแกร่งมากขนาดนี้ !!!
ซือถู ฉิงเทียนนั้นพูดไม่ได้ดังมากนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงประโยคสุดท้าย อย่างไรก็ตามตอนนี้ทุกคนที่อยู่ที่นี่นั้นล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงได้ยินคำพูดของซือถู ฉิงเทียนอย่างชัดเจน
และเมื่อเป็นแบบนี้นั้น เหล่ารุ่นเยาว์ทั้งหมดของกิลต่างๆที่ติดตามพวกระดับสูงของกิลตัวเองมาก็ล้วนมองไปยังกันและกันด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
“ซือถู ฉิงเทียน คุณนี่ยังเหมือนเดิมจริงๆ พอไม่มีอะไรทำก็ชอบนินทาชาวบ้าน !!!” ซื่อหยาง เทียนเหอกล่าวพลางจ้องมองไปยังซือถู ฉิงเทียนด้วยความไม่พอใจ “ว่าแต่เด็กหญิงข้างๆคุณนี่ก็ดูใช้ได้เหมือนกันนะ ดูเหมือนเธอจะมีเศษชิ้นส่วนไอ
เทมระดับตำนานอยู่กับตัวราวสี่ชิ้นเลยแหะ ….”
หลังจากซื่อหยาง เทียนเหอพูดจบนั้น ทุกคนที่อยู่ในห้องก็มองไปยังโคลท์ชาโด้วด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาทันที
God domain ในปัจจุบันนั้นอาจมีอาวุธและอุปกรณ์ระดับอีปิคโผล่ขึ้นมามากขึ้น แต่สำหรับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานนั้นมันยังคงจัดว่าหายากมากๆแม้แต่ในหมู่ซุเปอร์กิล และมากกว่าเจ็ดสิบเปอเซ็นต์ของผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ภายในกิลของพวกเขานั้นไม่มีเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานใช้ด้วยซ้ำ
แม้ว่าจะเป็นผู้อาวุโสในกิล แต่มันก็จะจัดว่าดีมากแล้วหากพวกเขามีเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานหนึ่งถึงสองชิ้น แต่ตอนนี้โคลท์ชาโด้วกับมีเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานอยู่ราวสี่ชิ้น ดังนั้นเรื่องนี้จะไม่ทำให้ทุกคนอิจฉาเธอได้อย่างไร ?!
เศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานทุกชิ้นนั้นสามารถช่วยปรับปรุงพลังการต่อสู้ของผู้ถือครองได้อย่างมาก ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงพลังที่เศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานสี่ชิ้นจะมอบให้เลย ซึ่งมันจะไม่ธรรมดาแน่นอน
“ไอ้แก่ !!” โคลท์ชาโด้วกล่าวพลางมองไปยังซื่อหยาง เทียนเหอด้วยความโกรธเกรี้ยว
เรื่องพรสวรรค์และความสามารถที่ได้มาจากการพยายามนั้นมัน คนอื่นจะทำได้แค่เฝ้ามองอย่างอิจฉาเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามสำหรับอาวุธและอุปกรณ์นั้นมันเป็นเรื่องที่แตกต่างกันออกไป แม้ว่าตัวเธอเองจะมีความแข็งแกร่งค่อนข้างมาก แต่เธอก็ไม่มั่นใจอยู่ดีหากถูกดักซุ่มโจมตีโดยผู้เชี่ยวชาญหนึ่งในนี้ เพราะท้ายที่สุดแล้วทุกคนล้วนเป็นสัตว์ประหลาดกันทั้งหมด นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่าถ้าเธอถูกจัดทีมดักซุ่มโจมตีเลย
เมื่อได้ยินคำพูดของโคลท์ชาโด้ว ซื่อหยาง เทียนเหอก็กล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชาว่า “มีอะไรหรอสาวน้อย ? หรือเธออยากจะสู้ ?”
“ซื่อหยาง เทียนเหอ !!!” ซือถู ฉิงเทียนกล่าวพลางมองไปยังซื่อหยาง เทียนเหออย่างเย็นชา “คุณคิดว่าเราไม่กล้างั้นหรอ ?!”
ชั่วครู่หนึ่งบรรยากาศภายในห้องรับรองก็แปรเปลี่ยนเย็นชา และหนาวเหน็บสุดขั้ว ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายก็เริ่มเข้าสู่สถานะเตรียมต่อสู้แล้ว แม้ว่าจะยังไม่ได้ชักอาวุธออกมาก็ตาม ….
หากในเวลานี้ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ต่ำกว่าขั้นสี่เข้ามาที่นี่ พวกเขาจะได้เข่าอ่อน และไม่สามารถขยับได้แน่นอน ….
“นี่พวกเขาต้องการอะไรกันเนี่ย ?!”
หยวนเทียนซินมองไปยังสมาชิกของซุเปอร์กิลทั้งสองและก็อดไม่ได้ที่จะเหงื่อตก
หากการต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญระดับนี้เกิดขึ้นจริงๆนี่มันจะนับเป็นหายนะแน่นอน แถมเท่าที่ดูจากท่าทีของสมาชิกจักรวรรดิโลกใต้พิภพแล้ว พวกเขานั้นก็พร้อมจะเคลื่อนไหวทันทีเช่นกัน หากซุเปอร์กิลทั้งสองเริ่มการต่อสู้
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ภายในห้องรับรองกำลังจะถึงจุดแตกหักนั้น ไฟเออร์แดนซ์ซึ่งมีเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบห้าก็ได้เดินเข้ามา ….
ไฟเออร์แดนซ์ชำเลืองมองไปยังทั้งสองฝ่าย และอดไม่ได้ที่จะกล่าวเตือนว่า “ทุกคน ! ที่นี่มันคือสถานที่พักกิลของสภาสิบแปดปีก !! โปรดไว้หน้าสภาสิบแปดปีกเราบ้าง !!!”
“ไว้หน้าสภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ?” ซื่อหยาง เทียนเหอเหลือบมองไปยังไฟเออร์แดนซ์และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ก็ได้ ! ตราบใดที่คุณทำให้ไอ้ผู้อาวุโสซือถูนี่หุบปากได้ ฉันก็จะไว้หน้าคุณ !!!”
ขณะเดียวกันซือถู ฉิงเทียนนั้นก็มองไปยังไฟเออร์แดนซ์เช่นกันก่อนที่เขาจะกล่าวอะไรที่แทบไม่ต่างจากซื่อหยาง เทียนเหอเลย
เมื่อทั้งสองฝ่ายพูดจบ หยวนเทียนซินกับเพอเพิ้ลเจดก็พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
ไฟเออร์แดนซ์นั้นอาจจะแข็งแกร่งมากๆ แต่เมื่อเทียบกับทั้งสองคนนี้ เธอยังคงด้อยกว่าอยู่ในระดับหนึ่ง ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายสงบลง
และในเวลานี้หยวนเทียนซินกับเพอเพิ้ลเจดก็สามารถจะบอกได้เลยว่า แม้ว่าเรื่องนี้มันจะไม่เกี่ยวข้องกับสภาสิบแปดปีก แต่หากสภาสิบแปดปีกจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ดี สภาสิบแปดปีกจะกลายเป็นที่หัวเราะไปทั่วแน่นอน
อย่างไรก็ตามเมื่อได้ยินคำพูดของทั้งสองฝ่ายนั้น ไฟเออร์แดนซ์ก็มองไปยังทั้งสองฝ่ายอย่างสงบ ก่อนที่เธอจะกล่าวอย่างไม่ลังเลว่า “ถ้าพวกคุณยังไม่เลิกบ้ากันก็ออกจากเมืองสภาสิบแปดปีกของเราไป สภาสิบแปดปีกของเราไม่ต้อนรับแขกประเภทนี้ !!!”