Reincarnation Of The Strongest Sword God – ตอนที่ 2873

ตอนที่ 2873 รวมพล

จักรวรรดิออร์ค เมืองปีกสีเงิน :

ตอนนี้มันมีผู้คนจำนวนมากเดินไปมาตามถนนสายหลัก ซึ่งนอกเหนือจากผู้เล่นแล้วมากกว่าครึ่งหนึ่งยังเป็น NPC จากอาณาจักรและจักรวรรดิโดยรอบ

เนื่องจากช่องทางเข้าสู่โลกอื่นขนาดใหญ่ถูกเปิดขึ้น และมันก็มาพร้อมกับการที่มีกองกำลังผู้เล่น และ NPC จากโลกอื่นเข้ามารุกรานทวีปหลัก ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นหรือ NPC ท้องถิ่นในทวีปหลักจึงถูกจำกัดขอบเขตการปฎิบัติการลงไปอย่างมาก โดยส่วนใหญ่ในหมู่พวกเขานั้นก็ถูกบังคับให้ต้องหาเมืองที่เป็นที่หลบภัยที่ปลอดภัยที่สุด ซึ่งเมืองปีกสีเงินที่นับเป็นเมืองที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิออร์คนั้นก็นับเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะถ้าไม่ใช่พวกขั้นห้าหรือสูงกว่ามาด้วยตัวเองแล้ว มันก็ไม่มีทางที่จะมีใครสามารถทำลายการป้องกันของเมืองปีกสีเงินได้แน่นอน นี่จึงเป็นสาเหตุทำให้ NPC จำนวนมากจากอาณาจักรและจักรวรรดิโดยรอบมารวมตัวกันที่นี่

และหลังจากที่มีข่าวว่าซือเฟิงได้เลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าแล้ว จำนวนผู้เล่นหน้าใหม่ที่เข้ามาในเมืองปีกสีเงินมันก็ยิ่งเพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งนี่มันก็ทำให้เมืองปีกสีเงินเดิมที่มีประชากรแออัดอยู่แล้วยิ่งแออัดขึ้นไปอีก โดยนี่ก็ยังไม่นับรวมพวกที่ต้องการจะเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีก และพัฒนาที่เมืองปีกสีเงินในระยะยาวอีก

ขณะเดียวกันในตอนนี้นั้นมันก็มีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ที่แผ่ออร่าที่น่ากลัวจำนวนมากมารวมตัวกันที่บริเวณจตุรัสหน้าสถานที่พักกิลของสภาสิบแปดปีก โดยจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่พวกนี้ก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งสิ่งนี้ก็ส่งผลให้บริเวณนี้ที่แต่เดิมจะมีเสียงดังนั้นเงียบลงไปทันที และตอนนี้แม้แต่พวกหน้าใหม่ที่มาเข้าแถวรอรับการทดสอบกับสมัครเข้าร่วมกิลสภาสิบแปดปีกก็ยังอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

“เกิดอะไรขึ้นกับสภาสิบแปดปีกกัน ? ทำไมผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของกิลถึงมารวมตัวกันที่นี่ ?”

“เป็นเพราะมีคนต้องการจะสมัครเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกมากเกินไปรึปล่าว ? ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่พวกนี้ถึงต้องมาดูแลรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันปัญหา ….”

“สุดยอด !! นี่คือกิลสภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ?!! ตอนนี้มีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่มากกว่าห้าสิบคนของกิลมารวมตัวกันที่นี่ ซึ่งด้วยจำนวนที่มากขนาดนี้นั้น แม้แต่ซุเปอร์กิลก็ยังไม่อาจจะเทียบได้เลย !!!”

“ไม่ใช่แค่เรื่องนั้นนะ !! ลองดูอุปกรณ์บนร่างของพวกเขาสิ พวกเขาแต่ละคนมีอุปกรณ์ระดับอีปิคที่สามารถใช้ได้จนถึงเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบกันคนละสามถึงสี่ชิ้นเลย ขณะที่ตัวฉันยังนึกไม่ออกจริงๆว่าตัวเองจะมีแบบนี้เมื่อไหร่ !!”

….

ในตอนนี้พวกหน้าใหม่ที่รอสมัครเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกหลายคนนั้นล้วนมองตรงมายังผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของสภาสิบแปดปีกที่มารวมตัวกันที่จตุรัส

ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดเพียงว่าสภาสิบแปดปีกนั้นแข็งแกร่ง เพียงเพราะข้อได้เปรียบของเมืองสภาสิบแปดปีก และตำนานที่ไร้พ่ายของหัวหน้ากิลแห่งสภาสิบแปดปีก แบล๊คเฟรม ซึ่งได้ทำให้สภาสิบแปดปีกกลายเป็นหนึ่งในมหาอำนาจของ God domain ได้อย่างในปัจจุบัน

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าภูมิหลังของสภาสิบแปดปีกจะน่ากลัวกว่าที่พวกเขาคิดไว้มาก

ไม่เพียงแต่จำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของสภาสิบแปดปีกจะสูงกว่าซุเปอร์กิลอื่นๆเท่านั้น แต่อาวุธกับอุปกรณ์ของผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของพวกเขายังดีกว่าซุเปอร์กิลอื่นๆด้วย

และตอนนี้มันก็มีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่มากกว่าห้าสิบคนมารวมตัวกันที่จตุรัส โดยความงดงามและทรงพลังของฉากนี้นั้นมันทำให้ทุกคนในปัจจุบันที่เฝ้าดูอยู่รู้สึกตกตะลึง และหวาดกลัวมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกคนของกิลชั้นสูงหรือกิลที่อ่อนแอกว่านั้นที่มาเฝ้าดูสถานการณ์ทั้งหมด เพราะนี่มันเป็นเหมือนการมารวมตัวกันของมอนสเตอร์ระดับตำนานจำนวนมากเลย ….

“ตอนนี้มันมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่จำนวนมากมารวมตัวกัน นี่สภาสิบแปดปีกกำลังจะมีปฎิบัติการใหญ่งั้นหรอ ?”

“ก็คงงั้น ถ้าไม่ได้เป็นแบบนั้น กิลจะรวบรวมผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่จำนวนมากมาทำไมกัน ?”

เมื่อผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของสภาสิบแปดปีกมารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้เล่นที่เฝ้าดูอยู่ทั้งหมดก็เริ่มรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ แม้แต่สมาชิกกิลของสภาสิบแปดปีกบางคนก็ยังมองไปที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของกิลที่มารวมตัวกันที่จตุรัสด้วยความสงสัย

เมื่อจี้ลั่วหรงมาถึงจตุรัส เธอก็ได้ตรงเข้าไปหาไวโอเล็ตคลาวด์ที่พึ่งมาถึงเช่นกัน และถามอย่างสงสัยว่า “ไวโอเล็ต คุณรู้ไหมว่าทำไมหัวหน้ากิลถึงเรียกพวกเรามารวมตัวกันที่นี่ ?”

“ฉันเองก็ไม่รู้ จู่ๆพี่สาวไฟเออร์แดนซ์ก็ติดต่อฉันมาและขอให้ฉันมารวมตัวที่นี่ ….” ไวโอเล็ตคลาวด์ส่ายหัว ก่อนที่เธอจะมองไปยังจี้ลั่วหรงด้วยความประหลาดใจ และกล่าวว่า “ลั่วหรง คุณนี่สุดยอดจริงๆ !!! ดูเหมือนว่าคุณจะสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองไปได้ถึงหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์แล้วสินะ !!!”

จี้ลั่วหรงนั้นพึ่งจะเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกเมื่อไม่นานมานี้ และแม้ว่าเธอจะแข็งแกร่งมากๆ แต่ในตอนที่เธอเข้าร่วมสภาสิบแปดปีกแรกๆนั้นเธอก็สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองไปได้แค่หนึ่งร้อยห้าเปอเซ็นต์เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามหลังจากตัดสินใจเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกได้ไม่ถึงสิบวัน เธอก็สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาไปได้ราวหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์แล้ว ด้วยความสามารถแบบนี้นั้น เธอนับว่าเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแน่นอน

“ฮ่าๆ เรื่องนี้ต้องขอบคุณพี่สาวไฟเออร์แดนซ์ที่มอบคำแนะนำมรดกบางอย่างมาให้ฉันได้เรียนรู้ ไม่งั้นฉันก็คงไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าที่จะมาถึงจุดนี้ได้ ….” จี้ลั่วหรงกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ยังคงรู้สึกภูมิใจเล็กน้อยเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดแล้วในตอนนี้นั้น ผู้ที่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองมาได้ถึงหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์นั้นหายากมากๆใน God domain

อย่างไรก็ตามเมื่อจี้ลั่วหรงรู้สึกได้ถึงมานาที่หลั่งออกมาจากร่างกายของไวโอเล็ตคลาวด์นั้น ความภาคภูมิใจที่เธอรู้สึกก็หายไปทันที ….

เพราะในเวลานี้นั้นมานารอบๆไวโอเล็ตคลาวด์แทบจะกลั่นตัวเป็นของเหลวแล้ว แม้ว่ามันจะมีหยดเล็กมากๆ แต่อย่างน้อยนี่มันก็เห็นได้ชัดเจนเลยว่ามันทรงพลังกว่าเธอมาก

ซึ่งหากคนๆหนึ่งมีมานาแบบนี้นั้น มันก็แปลว่าพวกเขาสามารถจะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองไปได้ถึงหนึ่งร้อยสิบห้าเปอเซ็นต์หรืออาจมากกว่านั้นแล้ว ….
แต่หลังจากที่จี้ลั่วหรง และไวโอเล็ตคลาวด์ยืนพูดคุยกันอยู่ได้ไม่นานนั้น ชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมสีดำ และสวมหน้ากากก็ได้เดินเข้ามา โดยออร่า และมานาที่ชายคนนี้แผ่ออกมานั้นมันน่ากลัวมากๆ และมันสามารถเทียบได้กับมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายเลย ซึ่งชายคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ปีศาจสีเลือด อดีตรองผู้บัญชาการทีมนักผจญภัยเอเทอนอลกลอรี่ที่พึ่งจะเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกเช่นกัน

“ผู้บัญชาการไฟเออร์แดนซ์เรียกพวกเรามารวมตัวกันที่นี่ มันมีอะไรร้ายแรงรึปล่าว ?” เมื่อมองไปที่จี้ลั่วหรง ปีศาจสีเลือดก็ถามอย่างรู้สึกประหลาดใจ

“ฉันเองก็ไม่รู้ นอกจากคำสั่งเรียกรวมแล้ว พี่สาวไฟเออร์แดนซ์ก็ไม่ได้บอกอะไรอีก ..” จี้ลั่วหรงกล่าวพลางส่ายหัว ขณะที่เธอมองไปยังปีศาจสีเลือดอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์

ในตอนแรกปีศาจสีเลือดนั้นไม่เห็นด้วยกับเธอเลยที่จะนำทีมนักผจญภัยของพวกเขาเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีก เพราะเขารู้สึกว่าแม้เขาจะไม่เข้าร่วมกับกองกำลังของกิลใดๆ แต่เขาก็จะสามารถพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วอยู่ดีภายในทีมนักผจญภัย อย่างไรก็ตามหลังจากได้ลองประมือกับไฟเออร์แดนซ์มาหลายครั้ง และถูกทุบตีบวกกับสอนแบบรุนแรงทุกครั้ง มันก็ดูเหมือนว่าเขาจะเปลี่ยนไปมาก และตอนนี้เท่าที่เธอเห็นเขาก็ให้เกียรติไฟเออร์แดนซ์เหมือนกับพี่สาวใหญ่เลย ….

ซึ่งการที่ได้ต่อสู้และประมือกับไฟเออร์แดนซ์นั้นมันก็นับว่าเป็นโชคดี เพราะหากต้องไปต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดคนอื่นๆของสภาสิบแปดปีกนั้น ปีศาจสีเลือดคงจะดูน่าสังเวชมากๆเหมือนกับบางคนแน่นอน

โดยคนที่ว่านั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหยานเทียนซิงที่ชอบมาท้าทาย และขอประมือกับไวโอเล็ตคลาวด์ ซึ่งก็ไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้เลย เพราะไวโอเล็ตคลาวด์นั้นจัดการทุบตีชายผู้นี้จนอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชเป็นประจำ แต่ถึงกระนั้นแม้จะเป็นแบบนี้เขาก็ยังคงมีความสุข และไม่ยอมแพ้ แถมยังมาท้าทายไวโอเล็ตคลาวด์เรื่อยๆ และในตอนที่ไวโอเล็ตคลาวด์ไม่อยู่ เขาก็มักจะไปขอท้าทายรองหัวหน้ากิลอควาโรสด้วย ….

และมันก็แน่นอนว่าผลของการต่อสู้ทุกครั้งมันก็จบลงที่หยานเทียนซิงนั้นถูกบดขยี้ลงที่สนามประลองของเมืองป่าหินทุกๆวัน ….

ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของสภาสิบแปดปีกทุกคนกำลังสงสัยว่าทำไมไฟเออร์แดนซ์ถึงเรียกพวกเขามารวมตัวกันที่นี่ มันก็มีชายและหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาที่จตุรัส โดยทั้งสองนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากไฟเออร์แดนซ์ และซือเฟิง
ในขณะนี้แม้ว่าซือเฟิงจะเข้ามายืนอยู่บริเวณนี้เฉยๆ แต่พื้นที่ทั้งหมดโดยรอบเขานั้นมันก็ดูเหมือนจะบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย และนี่มันก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างที่กล้าเข้าใกล้เขาโดยที่เขาไม่อนุญาตินั้นจะต้องถูกทำลายลงแน่นอน

เมื่อได้เห็นตัวตนขั้นห้าต่อหน้าต่อตาจริงๆ ทุกคนทั่วบริเวณนั้นก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น และตกตะลึง

เพราะแม้ว่าซือเฟิงจะไม่ได้พุ่งเป้าแรงกดดันไปที่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่แรงกดดันที่เขาแผ่ออกมาตามธรรมชาตินั้นมันก็มากเพียงพอจะทำให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ทุกคนรู้สึกหนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูกแล้ว ซึ่งนี่มันราวกับว่าพวกเขาถูกตะกั่วถ่วงร่างกายเอาไว้ สำหรับพวกผู้เชี่ยวชาญขั้นสามนั้นพวกเขาล้วนรีบถอยหนีออกไปโดยสัญชาตญาณ และไม่กล้าเข้ามาใกล้ซือเฟิงเลย

“นี่คือหัวหน้ากิลแห่งสภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ?” เมื่อมองไปที่ซือเฟิงนั้น ใบหน้าของปีศาจสีเลือดก็ปรากฎร่องรอยแห่งความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด

หลังจากเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกมานั้น เขาก็ได้รู้ว่าซือเฟิงคือผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่งแห่งสภาสิบแปดปีก แต่อย่างไรก็ตามเขาก็เคยได้ยินเพียงแค่ชื่อ และเรื่องเล่าของชายผู้นี้เท่านั้น เขายังไม่เคยเห็นตัวจริง

ซึ่งจากมุมมองของเขานั้น เขาก็คิดว่าซือเฟิงน่าจะแข็งแกร่งกว่าไฟเออร์แดนซ์มากๆ แต่ตอนนี้พอได้มาเจอกับซือเฟิงตัวเป็นๆ เขาก็รู้แล้วว่าเขาคิดผิด เพราะซือเฟิงไม่เพียงแต่แข็งแกร่งกว่าไฟเออร์แดนซ์มากๆ แต่เขานั้นจัดว่าอยู่คนละระดับเลย

อันที่จริงตอนนี้มันก็ไม่ใช่แค่ปีศาจสีเลือดเท่านั้นที่คิดแบบนี้ ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่บางคนที่พึ่งจะเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกได้ไม่นาน และพึ่งจะได้เจอซือเฟิงตัวจริงเป็นครั้งแรกก็ล้วนคิดแบบเดียวกันกับเขา ….

ไฟเออร์แดนซ์มองไปยังผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ทั้งหมดที่มารวมตัวกัน ก่อนที่เธอจะหันกลับไปมองซือเฟิงและกล่าวว่า “หัวหน้ากิลตอนนี้นอกเหนือจากรองหัวหน้ากิลทั้งสองคนที่มีธุระสำคัญ และผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่อีกราวสิบคนหรือมากกว่านั้นนิดหน่อยที่กำลังอยู่ในช่วงฝึกเพื่อเข้าสู่ขอบเขตที่แท้จริง ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ทุกคนของเราได้มารวมตัวกันที่นี่แล้ว …”

“ไม่เลว !!” ซือเฟิงมองไปรอบๆพลางพยักหน้าเล็กน้อย
ตอนนี้เขามีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ที่พร้อมปฎิบัติการงานนี้อยู่ทั้งหมดหกสิบคน โดยคนที่มีเลเวลต่ำสุดนั้นก็มีเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบแปด ขณะที่คนที่มีเลเวลสูงสุดนั้นก็มีเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบหก ซึ่งคนที่มีเลเวลสูงสุดนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากไวโอเล็ตคลาวด์ สำหรับเรื่องร่างมานานั้นผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ที่มารวมตัวกันที่นี่ส่วนใหญ่ก็สามารถทะลวงหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์กันไปได้แล้ว แถมเกือบยี่สิบคนในหมู่พวกเขาก็ยังสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาไปได้มากกว่าหนึ่งร้อยห้าเปอเซ็นต์ด้วย และมันก็มีเจ็ดคนที่
สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาไปได้หนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์หรือมากกว่าแล้ว

โดยพวกเขาก็คือไฟเออร์แดนซ์ ไวโอเล็ตคลาวด์ จี้ลั่วหรง Alluring Summer อี้ลั่วเฟย ไซเร้นเบลด และหยานเทียนซิง ….

โคล่าที่มาถึงเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบแล้วมองไปที่ซือเฟิง และอดไม่ได้ที่จะถามอย่างตื่นเต้นว่า “หัวหน้ากิล ที่หัวหน้าเรียกเรามาที่นี่ก็เพราะหัวหน้าวางแผนจะเข้ายึดครองเมืองหลวงของจักรวรรดิออร์คใช่ไหม ?”

พื้นที่ใจกลางเมืองหลวงของจักรวรรดิออร์คนั้นมันเปรียบได้กับดินแดนลับพิเศษที่มีความยากเทียบเท่ากับดันเจี้ยนภูมิภาคโหมดพระเจ้าเลย และจนถึงตอนนี้นั้นก็ยังไม่มีมหาอำนาจใดๆที่สามารถโจมตีพื้นที่แห่งนี้ได้แบบเป็นทางการ เพราะพวกเขามีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่จำนวนไม่มากเพียงพอ อย่างไรก็ตามตอนนี้สภาสิบแปดปีกนั้นแตกต่างออกไป ….

พวกเขานั้นมีพร้อมแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องจำนวนของผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ และเมื่อเป็นดังนี้นั้นทุกคนทั้งหมดจึงอยากจะลองดู เพราะหากพวกเขาสามารถเข้าไปโจมตีและล่าที่นั่นซึ่งเป็นแผนที่ที่มีเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบหรือมากกว่าได้ พวกเขาก็จะพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วแน่นอน

“ไม่ใช่ !! ฉันไม่ได้เรียกทุกคนมาที่นี่เพื่อเมืองหลวงของจักรวรรรดิออร์ค แต่ฉันเรียกทุกคนมาที่นี่เพื่อเรื่องอื่น ….” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว

“เรื่องอื่น ?” โคล่าและคนอื่นๆงงงวยอยู่พักหนึ่ง ….

Reincarnation Of The Strongest Sword God

Reincarnation Of The Strongest Sword God

เริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง เขาได้เข้ามาสู่ “เกมแห่งมีชีวิต” นี้อีกครั้งเพื่อที่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเอง ครั้งนี้ , เขาจะไม่ถูกควบคุมจากคนอื่น ก่อนหน้านี้ราชาแห่งดาบเลเวล 200 , เขาได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต วิธีการที่จะได้รับเงิน! กลยุทธ์แห่งชัยชนะในดันเจี้ยน! เควสในตำนาน! สถานที่ดรอปอุปกรณ์! ทักษะที่ยังไม่ถูกค้นพบ! แม้แต่ความลับที่พวกผู้ทดสอบเบต้าไม่รู้ , เขารู้มันทั้งหมด สงครามอันยิ่งใหญ่ , ความก้าวหน้าในชีวิต , เข้าสู่ความเป็นพระเจ้า , บรรลุถึงจุดสูงสุดแห่งดาบ ตำนานของชายผู้ที่จะกลายเป็นเทพแห่งดาบได้เริ่มขึ้นแล้ว Starting over once more, he has entered this “living game” again in order to control his own fate. This time, he will not be controlled by others. Previously the Level 200 Sword King, he will rise to a higher peak in this life. Methods to earn money! Dungeon conquering strategies! Legendary Quests! Equipment drop locations! Undiscovered battle techniques! Even the secrets Beta Testers were unknowledgeable of, he knows of them all. Massive wars, life advancement, entering Godhood, sword reaching to the peak; a legend of a man becoming a Sword God has begun.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset