ตอนที่ 2878 ดินแดนลับใต้สถานที่พักกิล
จักรวรรดิมังกรไฟ เมืองมังกรไฟ สถานที่พักกิลของไมโทโลจี้ :
ในห้องประชุมที่เต็มไปด้วยพวกระดับสูงของไมโทโลจี้ มันก็ได้มีร่างที่รีบร้อนร่างหนึ่งวิ่งเข้ามา ซึ่งนี่มันทำให้ซือถู ฉิงเทียน และคนอื่นๆที่นั่งประชุมกันอยู่นั้นไม่พอใจอย่างมาก
ซือถู ฉิงเทียนมองไปยังแรนเจอร์ขั้นสามที่มีท่าทีตื่นตระหนก ด้วยความไม่พอใจอย่างมาก พลางกล่าวว่า “มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?”
“ข่าวล่าสุด ! ข่าวล่าสุดของสภาสิบแปดปีก !!!” แรนเจอร์ขั้นสามพูดอย่างรวดเร็ว “ตามคำสั่งของคุณ เราได้ส่งคนไปจับตาดูการเคลื่อนไหวของสภาสิบแปดปีกทุกฝีก้าว แต่ตอนนี้สภาสิบแปดปีก …. จัดการกับเมืองหินโบราณได้แล้ว !!!”
“เป็นไปได้ยังไง !! สภาสิบแปดปีกพึ่งเดินทางไปถึงเมืองหินโบราณได้ราวสิบนาทีเองนะ !!! แม้ว่าแบล๊คเฟรมจะเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นห้า แต่มันก็ไม่หน้าจะเป็นไปได้ที่เขาจะบุกเข้าไปในเมืองหินโบราณได้อย่างรวดเร็วนี่นา ….” โคลท์ชาโด้วกล่าวด้วยท่าทีไม่เชื่อ
เมืองหินโบราณนั้นเป็นรังเก่าแก่ของจักรพรรดิอสูร และมันได้รับการเสริมความแข็งแกร่งจากจักรพรรดิอสูรจนเป็นเหมือนป้อมปราการเหล็ก นอกจากนี้วิธีการที่จักรพรรดิอสูรใช้ทำหลายสิ่งนั้นมันก็ไม่ธรรมดา นอกเหนือจากนี้แล้วเขายังได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากวิหารเทพปีศาจซึ่งเป็นคู่แค้นของวิหารเทพสงคราม ดังนั้นเขาจึงไม่น่าจะมีปัญหาในการรับมือกับผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าเพียงคนเดียวอย่างซือเฟิงเลย
“ไม่ !! รองหัวหน้ากิล สภาสิบแปดปีกไม่ได้ทำลายเมืองหินโบราณแบบที่คุณเข้าใจ แต่สภาสิบแปดปีกทำลายล้างเมืองหินโบราณทั้งหมดในการโจมตีเดียว !!! ตอนนี้เมืองหินโบราณทั้งหมดเหลือเพียงแต่ซากปรักหักพังเท่านั้น !!!” แรนเจอร์ขั้นสามส่ายหัว ก่อนที่เขาจะนำภาพวีดีโอที่เขาบันทึกไว้ออกมาฉายบนโต๊ะประชุม “นี่คือการต่อสู้ทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่นั่น ….”
ชั่วครู่หนึ่งวีดีโอที่ถูกบันทึกไว้แสดงให้เห็นถึงมังกรที่มีขนาดใหญ่ และมีความยาวราวห้าร้อยเมตร ก่อนที่มังกรตัวนี้จะเปล่งเสียงคำรามและพ่นลำแสงออกมาจากปากของมัน ซึ่งเมื่อลำแสงหายไป เมืองหินโบราณก็กลายเป็นซากปรักหักพังอย่างสิ้นเชิง และไม่มีอะไรเหลืออีก ….
“มังกรศักสิทธิ์ขั้นสี่ !!!”
“ทำลายล้างเมืองหินโบราณทั้งหมดได้ในการโจมตีเดียว ?!!”
ทันใดนั้นทั่วทั้งห้องประชุมก็เงียบลง ในขณะที่ใบหน้าของพวกระดับสูงของไมโทโลจี้ที่อยู่ในห้องประชุมนั้นก็ดูมืดมน และตกตะลึงอย่างถึงขีดสุด โดยบางคนนั้นถึงกับพูดไม่ออกเป็นเวลานานด้วยซ้ำ
“ไม่น่าแปลกใจ …. ไม่น่าแปลกใจเลยจริงๆที่เขากล้าจะปฎิเสธความร่วมมือจากซุเปอร์กิลทั้งสองของเราโดยตรง นี่คือสาเหตุของความกล้าและความมั่นใจของเขาสินะ ….” โคลท์ชาโด้วกล่าวพลางจ้องมองไปยังมังกรศักสิทธิ์ขั้นสี่ที่ทำลายเมืองหินโบราณในการโจมตีเดียวด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน
หากก่อนหน้านี้ซือเฟิงเป็นตัวตนที่พิเศษที่มักจะใช้วิธีการที่คาดไม่ถึงในการป้องกัน และรับมือกับมหาอำนาจต่างๆในดินแดนของตัวเอง ในตอนนี้มันก็จะนับว่าเขาได้กลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่แท้จริงแล้ว และตอนนี้แม้แต่ไมโทโลจี้ของพวกเขาก็ยังยากจะยั่วยุชายคนนี้ได้
ขณะเดียวกันพวกระดับสูงของไมโทโลจี้ที่ประชุมกันอยู่ในห้องประชุมนั้นก็เงียบไปเช่นกัน เพราะแต่เดิมก่อนที่แรนเจอร์ขั้นสามจะเข้ามานั้น พวกเขากำลังประชุมหารือถึงวิธีการตอบโต้สภาสิบแปดปีกอย่างลับๆอยู่ แต่ตอนนี้ ….
“แบล๊คเฟรม !! ชายชราผู้นี้ดูถูกคุณเกินไปจริงๆ !!!” ซือถู ฉิงเทียนมองไปยังภาพวีดีโอที่ฉายอยู่ด้วยแววตาเย็นชา ก่อนที่เขาจะพยายามระงับความไม่เต็มใจในใจของเขา และพูดออกมาทีละคำว่า “เรื่องแผนที่จะใช้ในการจัดการสภาสิบแปดปีก ฉันขอให้พับเก็บไปก่อนตอนนี้ !!!”
ก่อนหน้านี้ในตอนที่เขาถูกซือเฟิงฆ่าในเมืองสภาสิบแปดปีกนั้น เขาก็ได้เสียหน้าอย่างมาก และมหาอำนาจต่างๆทั้งหมดใน God domain ก็ล้วนทราบข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้ว เขาจึงจำเป็นจะต้องแก้แค้น แต่ซือถู ฉิงเทียนรู้ดีว่าในตอนนี้ หากเขาเริ่มการแก้แค้นนั้น มันจะเป็นเพียงการแสวงหาความตายเท่านั้น
อาชีพขั้นห้า บวกกับมังกรศักสิทธิ์ขั้นสี่ ทั่วทั้งทวีป God domain นั้น นอกเหนือจากสถานที่ไม่กี่แห่งแล้ว มันไม่มีเมืองใดที่สภาสิบแปดปีกจะทำลายไม่ได้แน่นอน
“แม่ง !! นี่เราจะต้องปล่อยสภาสิบแปดปีกไปทั้งๆแบบนี้งั้นหรอ ?!!” พวกระดับสูง
ของกิลบางคนกล่าวขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
ซือถู ฉิงเทียนส่ายหัว พลางมองไปยังภาพของซือเฟิงที่ฉายอยู่ และกล่าวอย่างเย้ยหยันว่า “ไม่แน่นอน !!! อย่างไรก็ตามสิ่งเดียวที่เราทำได้ในตอนนี้คือรอ !!! รอจนกว่าสงครามโลกครั้งที่สองจะเริ่มขึ้น !!! เมื่อถึงเวลาแม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะมีแบล๊คเฟรม และมังกรศักสิทธิ์ขั้นสี่ แต่พวกเขาก็จะไม่สามารถต้านทานกองกำลังผู้รุกรานจากโลกอื่นได้ทั้งหมดแน่นอน !!!”
“นอกจากนี้ให้เริ่มการสืบสวนข้อมูลและวิธีการโดยละเอียดในการจะเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้า และฉันไม่สนใจเรื่องค่าใช้จ่าย !!! เพราะตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราจะต้องมีอาชีพขั้นห้าเป็นของตัวเองให้ได้ !!!”
แม้ว่าซือถู ฉิงเทียนจะไม่อยากยอมรับ แต่เขาก็ต้องบอกเลยว่ายุคของขั้นสี่นั้นมันได้ผ่านพ้นไปแล้ว และอนาคตต่อไปมันก็เป็นยุคของขั้นห้า ซึ่งหากไม่มีอาชีพขั้นห้าอยู่ในกิล แม้แต่ซุเปอร์กิลอย่างพวกเขาก็จะไม่อยู่ในสถานะที่ปลอดภัยแน่นอน
หลังจากที่ไมโทโลจี้ทำการออกคำสั่งแบบนี้นั้น มหาอำนาจอื่นๆก็ได้ประชุมจนมาถึงบทสรุปที่คล้ายคลึงกัน และพวกเขาก็ได้ออกคำสั่งที่คล้ายคลึงกับไมโทโลจี้ โดยพวกเขาก็ได้เริ่มดำเนินการทันทีเช่นกัน ในระหว่างที่พวกเขาเฝ้ารอสงครามโลกครั้งที่สองที่กำลังจะมาถึง ….
ในเมืองหินโบราณของจักรวรรดิออร์ค ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของสภาสิบแปดปีกเช่น ไฟเออร์แดนซ์ ไวโอเล็ตคลาวด์ และคนอื่นๆอีกมากมายได้ร่วมมือกันฆ่ามอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายชั้นยอด เลเวลหนึ่งร้อยหกสิบ สองตัวลงไปได้แล้ว ซึ่งนี่มันก็ทำให้ผู้มีส่วนร่วมในการฆ่าได้รับ EXP จำนวนมาก จนแต่ละคนต่างมีเลเวลเพิ่มขึ้นกันอย่างน้อยหนึ่งเลเวล ….
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับเรื่อง EXP ที่ได้รับนั้น ซือเฟิงค่อนข้างอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับหินแห่งความมืดสองก้อนที่มอนสเตอร์ทั้งสองตัวนี้ดรอปมากกว่า
ก่อนหน้านี้ในตอนที่ฆ่ามอนสเตอร์ Faux Saint Devourer ได้นั้น ผู้เล่นจะได้รับตราประทับวิญญาณสีเทาเข้มมา ซึ่งหากดูดซับมันเป็น มันก็จะช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ของตัวเองกับองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ได้อย่างมาก ….
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่เคลื่อนไหวเอง และเลือกจะปล่อยให้ไฟเออร์แดนซ์กับคนอื่นๆฆ่ามอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายที่ค่อนข้างพิเศษสองตัว
แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันกลับไม่เป็นอย่างที่เขาคิด และเขาก็ได้รับหินแห่งความมืดสองก้อนมาแทน
“มันเต็มไปด้วยพลังวิญญาณ !!!!”
ซือเฟิงมองไปยังหินแห่งความมืดทั้งสองก้อน และอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
ตั้งแต่ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาได้มาถึงขั้นห้า พลังวิญญาณของเขานั้นมันก็ได้รับการปรับปรุงไปอย่างมาก จากแต่เดิมที่มันอยู่ในสถานะก๊าซ มันได้เปลี่ยนสถานะมาเป็นของเหลวแล้ว แต่เมื่อเทียบกับพลังวิญญาณของหินที่อยู่ตรงหน้าแล้ว พลังวิญญาณของเขานั้นก็จัดว่าดูอ่อนแอไปเลย เพราะตรงหน้ามันคือพลังวิญญาณที่กลั่นตัวเป็นของแข็ง
“หัวหน้ากิล เจ้านี่มันใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง ?” โคล่าถามอย่างสงสัย ขณะที่เขามองไปยังหินสีดำในมือของซือเฟิง
“ใช้ประโยชน์อะไรได้งั้นหรอ ?” ซือเฟิงยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถาม ก่อนที่เขาจะมองไปยังสมาชิกสภาสิบแปดปีกทุกคน และพูดว่า “สิ่งนี้มันดีกว่าเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานซะอีก !!! พวกคุณคนไหนที่มีค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจมาถึงจุดสูงสุดของขั้นสี่แล้ว ?”
เมื่อได้ยินคำถามของซือเฟิง สมาชิกสภาสิบแปดปีกต่างมองไปยังกันและกัน และท้ายที่สุดแล้วมันก็มีเพียงแต่ไวโอเล็ตคลาวด์เท่านั้นที่ยืนขึ้น
“หัวหน้ากิล ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของฉันพึ่งจะมาถึงที่จุดสูงสุดของขั้น แต่รองหัวหน้ากิลทั้งสองนั้นก็น่าจะมาถึงแล้วด้วยเช่นกัน”
“โอเค !! ฉันจะให้หินวิญญาณนี้กับเธอ จากนี้เธอก็สามารถจะไปหาที่เงียบๆเพื่อกินมันโดยตรงได้ สิ่งนี้มันจะช่วยปรับปรุงค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเธอได้อย่างมาก ซึ่งหากเธอโชคดีมากพอ มันก็มีสิทที่ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเธอจะทะลุไปถึงขั้นห้าได้เลย !!!” เมื่อซือเฟิงพูดจบเขาก็ได้มอบหินแห่งความมืดหรือที่เรียกอีกชื่อว่าหินวิญญาณให้ไวโอเล็ตคลาวด์ จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับคนอื่นๆว่า “หากพวกคุณคนใดมีค่าความแข็งแกร่งที่มาถึงจุดสูงสุดของขั้นสี่แล้ว พวกคุณสามารถจะมารับหินอีกก้อนจากฉันไปได้เลย !!!”
สมาชิกสภาสิบแปดปีกทุกคนพยักหน้า พวกเขาไม่ได้มีข้อโต้แย้งใดๆเกี่ยวกับการแจกจ่ายไอเทมของซือเฟิง
อย่างไรก็ตามสำหรับจักรพรรดิอสูรในตอนนี้นั้น เขาได้จ้องมองไปยังซือเฟิงด้วยความเกรี้ยวกราดมากๆ และตอนนี้หากเป็นไปได้ เขาก็ต้องการจะสับซือเฟิงเป็นหมื่นๆชิ้นเลย สิ่งที่ซือเฟิงมอบให้ไวโอเล็ตคลาวด์ไปนั้นมันคือแกนจิตวิญญาณของมอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายชั้นยอด เลเวลหนึ่งร้อยหกสิบของเขา โดยมันมีค่ามากๆ เพราะมันถูกสร้างขึ้นมาได้ด้วยการดูดซับวิญญาณของผู้เล่นขั้นสามหลายหมื่นคน แต่ซือเฟิงกับมอบให้คนอื่นไปกินราวกับขนม ….
“แบล๊คเฟรม !! คุณจะต้องไม่ตายดี !!” จักรพรรดิอสูรจ้องมองไปยังซือเฟิงพลางคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว “แม้ว่าคุณจะจับฉันได้ แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อเะไร !!! เพราะท้ายที่สุดแล้ววิหารเทพปีศาจนั้นก็จะไม่ปล่อยคุณไปแน่นอน และเมื่อเวลามาถึง สมาชิกสภาสิบแปดปีกทุกคนจะต้องถูกกลืนกินโดยกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint !!! ….”
“แหมๆ ….” ซือเฟิงยิ้มอย่างล้อเลียนพลางมองไปยังจักรพรรดิอสูร ก่อนที่เขาจะชี้ไปยังบริเวณที่เคยเป็นสถานที่พักกิลของมือแห่งนักบุญที่อยู่ไกลออกไป “ดูเหมือนที่คุณพูดมานี่คุณจะหมายความว่าใต้ดินลึกลงไปในสถานที่พักกิลของคุณนั้นมีดินแดนลับอยู่ใช่ไหม ?”
“คุณ … คุณพูดอะไร …. ฉันไม่รู้เรื่อง ….” เมื่อจักรพรรดิอสูรได้ยินคำพูดของซือเฟิง เขาก็ตื่นตระหนกทันที
“ไม่ต้องมาเสแสร้งน่า และคุณก็คงไม่คิดว่าอาชีพขั้นห้าเป็นเพียงแค่ของประดับตกแต่งใช่ไหม ?” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม พลางมองไปยังจักรพรรดิอสูร
ในตอนที่เมืองหินโบราณได้รับการปกป้องจากวงเวทย์ป้องกันของเมืองนั้น ดินแดนลับมันจึงถูกซ่อนไว้เป็นอย่างดี และแม้แต่ซือเฟิงที่อยู่ในขั้นห้าก็ยังสัมผัสถึงมันไม่ได้ อย่างไรก็ตามหลังจากวงเวทย์ป้องกันของเมืองถูกทำลายไปพร้อมกับเมืองแล้วนั้น ซือเฟิงก็สามารถสัมผัสได้ถึงมันอย่างชัดเจน
นอกจากนี้แม้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากจักรพรรดิอสูร แต่การที่เมืองหินโบราณได้เติบโตไปถึงระดับนี้ได้นั้นมันก็น่าเหลือเชื่อมากๆ
ต้องรู้กันด้วยว่า แม้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากทรัพยากรมากมายนั้น เมืองปีกสีเงิน และเมืองป่าหินยังคงเป็นเพียงเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลาง ซึ่งอยู่ห่างจากการเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นสูงอยู่ในระดับหนึ่งเลย …. ส่วนเมืองหินโบราณนั้นมีอะไรบ้างที่เหมือนสองเมืองนี้ ? คำตอบคือไม่มี !!! ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องแปลกที่มันสามารถพัฒนานำหน้าทั้งสองเมืองนี้ได้
และถ้าบอกว่าเมืองนี้ไม่มีความลับใดๆ มันก็คงจะเชื่อยากมากๆ !!!
“แล้วยังไงล่ะแบล๊คเฟรม !!!” เมื่อจักรพรรดิอสูรได้ยินคำพูดของซือเฟิง เขาก็พูดอย่างเฉยเมยว่า “คุณค้นพบดินแดนของเทพปีศาจแล้วยังไงล่ะ ? คุณคิดว่าคุณจะสามารถเข้ายึดครอง และผูกขาดมันได้งั้นหรอ ? แม้ว่าคุณจะจับฉันไว้ แต่ฉันก็ยังจะปล่อยข่าวนี้ไปทั่ว God domain อยู่ดี และเมื่อถึงเวลานั้นมหาอำนาจต่างๆก็จะอิจฉาสิ่งที่คุณได้รับไปจนเริ่มเคลื่อนไหวต่อต้านคุณแน่นอน ซึ่งคุณคิดว่าคุณจะสามารถหยุดพวกเขาได้ทั้งหมดงั้นหรอ ?”
ดินแดนลับเทพปีศาจนั้นเดิมมันเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา และมันก็เป็นดินแดนลับที่เขาได้ลงทุนลงแรงไปจำนวนมากเพื่อใช้มันสร้าง และเสริมความแข็งแกร่งให้กับมือแห่งนักบุญ
และมันก็เป็นเพราะดินแดนลับนี้เองที่ทำให้เขามีความแข็งแกร่งมากพอจนมาถึงจุดที่อยู่ในปัจจุบันได้
แม้ว่าดินแดนลับเทพปีศาจแห่งนี้จะมุ่งเน้นไปที่การให้ความช่วยเหลือผู้ศรัทธาในเทพปีศาจเป็นหลัก แต่ผู้เล่นทั่วไปนั้นก็สามารถจะเข้าสู่ดินแดนแห่งนี้ และรับเอาความช่วยเหลือจำนวนมากได้เช่นกัน และนี่มันก็มากพอจะทำให้ทุกคนใน God domain เลือกจะทำสงครามแย่งชิงดินแดนนี้อย่างบ้าคลั่ง
“เราจะรู้ได้ยังไงล่ะ ? ถ้ายังไม่ได้ลองน่ะ …” ซือเฟิงกล่าวอย่างสบายๆ ก่อนที่เขาจะทำการโจมตีบลัดฟิสต์ที่ถูกจับอยู่ และฆ่าบลัดฟิสต์ไปในการโจมตีเดียวทันที โดยหลังจากที่บลัดฟิสต์กลายเป็นศพ เขาก็ได้ดรอปไอเทมจำนวนหนึ่งออกมา ….
โดยไอเทมที่เขาดรอปออกมานั้นมันก็มีอุปกรณ์ระดับอีปิคหนึ่งชิ้น และโทเค่นอีกหนึ่งชิ้น ….
“คุณ !!!” เมื่อจักรพรรดิอสูรเห็นโทเค่นนี้ ใบหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด
เนื่องจากโทเค่นนี้นั้นมันไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากโทเค่นลอร์ดผู้ปกครองเมืองของเมืองหินโบราณ ซึ่งตราบใดที่มีโทเค่นนี้นั้น มันก็จะทำให้สามารถควบคุมเมืองหินโบราณได้ทั้งหมด แต่สิ่งที่เขาไม่รู้และเข้าใจเลยจริงๆก็คือ ซือเฟิงนั้นรู้ว่าบลัดฟิสต์มีโทเค่นได้ยังไง ….
“โชคดีจริงๆเลย …” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แค่คนแรกก็ดรอปมาซะแล้ว ….”
เมื่อจักรพรรดิอสูรได้ยินคำพูดล่าสุดของซือเฟิงนั้น เขาก็แทบเป็นลม
จักรพรรดิอสูรนั้นไม่ได้รู้เลยว่า นอกเหนือจากตัวเขาเองแล้ว สำหรับซือเฟิงมันไม่มีใครมีค่าพอจะให้กักขัง การฆ่าพวกเขาและรับเอาสินสงครามจะให้ผลประโยชน์มากกว่า แถมซือเฟิงก็คิดไว้แล้วด้วยว่ามันจะต้องมีคนใดคนหนึ่งที่เก็บโทเค่นลอร์ดผู้ปกครองเมืองไว้แน่นอน …
แม้ว่าบลัดฟิสต์จะไม่ได้ดรอปโทเค่นออกมา แต่เขาก็จะฆ่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของมือแห่งนักบุญไปอย่างช้าๆจนกว่ามันจะดรอปออกมานั่นแหละ
ในขณะที่ซือเฟิงหยิบโทเค่นลอร์ดผู้ปกครองเมืองขึ้นมา เสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้นมาที่หูของเขา