ตอนที่ 2884 สถานการณ์ปัจจุบันในสำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีก
เมืองเฟิงหลิน สำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีก :
ซือเฟิงยืนอยู่ตรงประตูหน้าของสำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีก ซึ่งในเวลานี้สำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีกนั้นได้รับการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
ก่อนหน้านี้จตุรัสเล็กๆด้านหน้าอาคารยังคงค่อนข้างว่างเปล่ามากๆ แต่ตอนนี้มันกับแน่นขนัดไปหมด ในตอนนี้หากใครเข้ามาที่นี่ พวกเขาก็จะสามารถมองเห็นชาย และหญิงจำนวนมากที่เข้าแถวเพื่อรอเข้าทดสอบในส่วนต่างๆทั้งหมดทั่วบริเวณได้อย่างชัดเจน ซึ่งฉากนี้นั้นมันดูรุ่งเรือง และงดงามซะยิ่งกว่าฉากบริเวณสำนักงานใหญ่หลักของซุเปอร์กิลบางแห่งด้วยซ้ำ
ซือเฟิงนั้นเดินผ่านชายและหญิงมากหน้าหลายตาเข้ามาเรื่อยๆ โดยในทุกๆย่างก้าวนั้นเขาก็จะได้ยินชายและหญิงเหล่านี้พูดถึงเรื่องราวของสภาสิบแปดปีก เช่น การต่อสู้ที่ท้าทายสวรรค์ที่เมืองหินโบราณ สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการฝึกฝนอย่างมากในเมืองสภาสิบแปดปีก รวมไปถึงเรื่องที่ตอนนี้สภาสิบแปดปีกได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งในกิลที่ทรงอิทธิพลที่สุดของ God domain ด้วย ในขณะเดียวกันในระหว่างพูดนั้นสายตาของชายและหญิงเหล่านี้ก็เต็มไปด้วยความหวังในการจะได้เข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีก
อย่างไรก็ตามก่อนที่ซือเฟิงจะทันได้เดินเข้าไปถึงห้องโถงได้ มันก็ได้มีชายผมยาวในวัยสามสิบเดินเข้ามาหาเขา
ชายผมยาวมองไปยังซือเฟิง ก่อนที่เขาจะกล่าวขึ้นด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นว่า “น้องชาย คุณก็มาเข้าร่วมสภาสิบแปดปีกด้วยใช่ไหม ?!!”
“ฉัน ? เข้าร่วมสภาสิบแปดปีก ?” ซือเฟิงมองไปที่ชายผมยาวด้วยความงุนงง
แม้ว่าชายผมยาวตรงหน้าจะดูธรรมดามาก แต่ชายคนนี้ก็แผ่ออร่าที่แข็งแกร่งมากๆออกมา ซึ่งมันเทียบได้กับพวกปรมาจารย์หยินหยางเลย
อย่างไรก็ตามก่อนที่ซือเฟิงจะทันได้พูดอะไร ชายผมยาวก็เปิดเสื้อแจ็คเก็ตของเขา และแสดงให้เห็นตราสัญลักษณ์ของสภาสิบแปดปีกที่ติดอยู่บนเสื้อยืด โดยตรานี้มันก็แสดงให้เห็นว่าเขานั้นเป็นสมาชิกภายในของสภาสิบแปดปีก
“ฉันรู้นะว่าคุณน่ะแข็งแกร่งกว่าภายนอกมากๆน้องชาย …” ชายผมยาวกล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะชี้ไปยังแถวที่ต่อคิวกันยาว และกล่าวต่อว่า “คุณก็เห็นว่าแถวของผู้คนที่รอสมัครเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกนั้นยาวแค่ไหน หากคุณไปต่อแถวตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าคุณจะได้รับสิทให้เข้าทดสอบเมื่อไหร่ แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากฉันเป็นสมาชิกภายในของสภาสิบแปดปีก ฉันจึงมีโควต้าพิเศษอยู่ในมือ และฉันก็สามารถจะแนะนำให้คนๆหนึ่งผ่านการทดสอบแรกไปได้โดยตรง”
“คุณหมายความว่ายังไง ?” ซือเฟิงถามอย่างสงสัย
“ฉันคิดว่าคุณดูแข็งแกร่งกว่าภายนอกมากๆ ดังนั้นฉันจึงวางแผนที่จะแนะนำคุณ แต่หลังจากที่คุณกลายเป็นสมาชิกภายในของสภาสิบแปดปีกแล้ว คุณจะต้องมาเข้าร่วมกับทีมเรานะ โอเคไหม ?” ชายผมยาวมองไปที่ซือเฟิง และพูดอย่างจริงจังว่า “แม้ว่าทีมของเราจะพึ่งก่อตั้งมาได้ไม่นาน แต่ทีมของเราก็แข็งแกร่งพอตัว และตอนนี้ทีมของเราก็เป็นทีมขั้นสองแล้ว โดยอยู่ห่างจากการกลายเป็นทีมขั้นหนึ่งแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น และในอนาคตฉันก็เชื่อว่าทีมของเราจะเป็นหนึ่งในทีมหลักชั้นแนวหน้าของสภาสิบแปดปีกได้แน่นอน !!!”
“….”
เมื่อซือเฟิงได้ยินเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ….
เขาไม่คิดเลยว่าพวกทีมใหญ่ๆในสภาสิบแปดปีกจะเริ่มมาค้นหา และรับสมัครคนกันที่นี่แล้ว ….
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีก เขาก็คงจะโดนชายผมยาวผู้นี้หลอกล่อไปให้เข้าทีมของตัวเองแน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้วตอนนี้หากทีมขั้นสองของสภาสิบแปดปีกได้รับการพิจารณาว่ามีความแข็งแกร่งมากพอ หรือมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่เป็นผู้นำนั้น พวกเขาก็จะได้รับอนุญาติให้เข้าโจมตีดันเจี้ยนเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบ ขนาดหนึ่งร้อยคนได้ ….
“คุณไม่เชื่อฉันงั้นหรอ ?” ชายผมยาวมองไปยังซือเฟิงที่ยังคงนิ่งเงียบ ก่อนที่เขาจะกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “คุณรู้ไหมว่าหัวหน้าทีมของเราเป็นใคร ? ถ้าคุณรู้คุณจะต้องกลัวแน่นอน !!!”
ในระหว่างที่ซือเฟิงกำลังรู้สึกสงสัย และกำลังจะเอ่ยปากถามชายผมยาวว่าหัวหน้าทีมของเขาคือใครนั้น เขาก็ได้ยินเสียงการต่อสู้ดังออกมาจากในห้องโถง โดยมันเป็นเสียงโครมครามราวกับค้อนเหล็กขนาดใหญ่ของใครบางคนถูกขว้างลงบนพื้น
อย่างไรก็ตามสมาชิกของสภาสิบแปดปีกที่ฝึกฝน และทำงานอยู่บริเวณรอบๆ รวมไปถึงชายผมยาวผู้นี้นั้นก็ไม่ได้มีท่าทีสนใจใดๆเลย ซึ่งมันดูเหมือนกับว่าพวกเขาเคยชินกับมันแล้ว ในทางตรงกันข้ามผู้มาใหม่ที่พึ่งมาถึงนั้นกลับอยากรู้อยากเห็นมากๆ และทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะรีบไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“ไม่ต้องไปดูหรอก เพราะมันไม่มีอะไรน่าแปลกใจแม้แต่นิดเดียว ….” ชายผมยาวมองไปยังซือเฟิงที่มีท่าทีประหลาดใจกับเสียงที่เกิดขึ้น ก่อนจะกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “มันก็แค่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจอีกกลุ่มหนึ่งที่มาเพื่อยั่วยุสภาสิบแปดปีก และฉันคิดว่าตอนนี้ปรมาจารย์เหล่ยเปาก็คงจะจัดการไปเรียบร้อยแล้วแน่นอน …”
เมื่อซือเฟิงได้ยินแบบนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ช่วงนี้ที่สภาสิบแปดปีกมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆงั้นหรอ ?”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ แต่จริงๆ ถ้าจะบอกให้ชัดเจนก็คือมันเกิดขึ้นบ่อยมาตั้งแต่ก่อนที่ฉันจะเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกซะอีก” ชายผมยาวพยักหน้าแบบเจื่อนๆ “มหาอำนาจพวกนี้นั้นไม่สามารถจะทำอะไรกับสภาสิบแปดปีกใน God domain ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงได้เลือกที่จะเข้ามาที่สำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีกในโลกแห่งความจริงเพื่อสร้างปัญหาแทน โดยหลักๆที่พวกเขาเข้ามาสร้างปัญหาก็เพื่อจะบีบให้สภาสิบแปดปีกขายที่ดินบางส่วนในเมืองสภาสิบแปดปีกให้พวกเขา ซึ่งฉันได้ยินมาว่าวันนี้ก็มีมหาอำนาจห้าถึงหกกลุ่มมาที่นี่ แถมหนึ่งในนั้นยังเป็นไมโทโลจี้ หนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดด้วย คุณรู้จักไหม ?”
“โดยผู้ที่นำกลุ่มของไมโทโลจี้มาก็คือฟางฉีหาน ลูกสาวคนโตของตระกูลฟางนั่นแหละ ซึ่งฟางฉีหานผู้นี้แม้จะมีรูปลักษณ์ที่งดงาม แต่เธอก็เป็นคนที่แข็งแกร่ง และทรงพลังมากๆ โดยเธอสามารถจัดการปรมาจารย์บางคนได้ในการโจมตีเดียว ฉันคิดว่ามันคงจะมีแต่พี่สาวใหญ่ไฟเออร์แดนซ์ของเราเท่านั้นที่จะสามารถต่อกรกับเธอได้” (ป.ล. คนจีนบางคนเขาเลือกจะเรียกพี่สาวใหญ่ พี่ใหญ่ เพราะเคารพกันจากความสามารถไม่ใช่อายุนะครับ นี่จึงเป็นที่มาของการที่ไอ้คนนี้เรียกไฟเออร์แดนซ์ว่าพี่สาวใหญ่”
เมื่อพูดถึงฟางฉีหานนั้น ชายผมยาวก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าเขาหวาดกลัวฟางฉีหานมากๆ
อย่างไรก็ตามหลังจากชายผมยาวพูดคุยกับซือเฟิงได้สักพัก ประตูของล๊อบบี้ชั้นหนึ่งก็เปิดออก และทันใดนั้นมันก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมาด้วยความโกรธ โดยที่บางส่วนในหมู่พวกเขาที่อยู่ในระดับปรมาจารย์ และครึ่งก้าวสุดยอดปรมาจารย์นั้นก็มีสภาพที่น่าสังเวช และบาดเจ็บหนัก ในขณะเดียวกันนั้นเองไฟเออร์แดนซ์กับเหล่ยเปาก็เดินตามออกมาด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน
“สภาสิบแปดปีก พวกคุณรอก่อนเถอะ !!! อย่าคิดว่าเพราะไม่มีใครสามารถทำอะไรกับพวกคุณใน God domain ได้ แล้วในโลกแห่งความจริงมันจะเป็นเหมือนกัน !!!”
“หากไม่ยอมร่วมมือกับเรา !!! ฉันขอบอกเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะต้องเจอกับปัญหามากขึ้นแน่นอนในอนาคต !!!”
ตัวแทนของมหาอำนาจต่างๆได้พยายามตะโกนขู่ไฟเออร์แดนซ์กับเหล่ยเปา ….
ในตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญระดับปรมาจารย์นั้นไม่สามารถจะทำอะไรกับสภาสิบแปดปีกได้อีกแล้ว แต่อย่างไรก็ตามมันก็ยังคงมีมหาอำนาจบางส่วนที่สามารถจะเชิญสุดยอดปรมาจารย์มาช่วยได้ นี่ยังไม่นับรวมเรื่องกองกำลังขนาดใหญ่ใน Upper Zone อีก พวกเขาจะไม่ยอมปล่อยให้สภาสิบแปดปีกเติบโตขึ้นไปได้ง่ายๆแน่นอน
โดยตัวแทนเหล่านี้ได้ข่าวมาว่ามีหลายกลุ่มที่เริ่มทาบทามเหล่าสุดยอดปรมาจารย์ให้มาก่อปัญหาให้กับสภาสิบแปดปีกแล้ว ซึ่งเหล่าสุดยอดปรมาจารย์จะมาก่อปัญหาเมื่อไหร่นั้น มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น ….
สำหรับไฟเออร์แดนซ์ และเหล่ยเปา ใบหน้าของพวกเขาไม่ได้สู้ดีนักเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เพราะพวกเขาเองก็รู้เช่นกันว่า หลังจากการต่อสู้ที่เมืองหินโบราณนั้น มหาอำนาจต่างๆ และกองกำลังใน Upper Zone มากมายก็ได้เริ่มพุ่งเป้ามาที่พวกเขาแล้ว ซึ่งนี่ทำให้มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่สุดยอดปรมาจารย์บางส่วนจะเข้ามาก่อปัญหาให้พวกเขา
แม้ว่าพวกเขาสามารถจะแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยการไม่ยอมรับคำท้าของใครอีก แต่ผลที่ตามมาจากการทำแบบนี้ มันก็จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของสภาสิบแปดปีกเช่นกัน
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ตัวแทนของมหาอำนาจต่างๆเหล่านี้กำลังกล่าวคำขู่ไปเรื่อยเปื่อยนั้น ฟางฉีหานก็ได้ค่อยๆเดินเข้ามาบริเวณที่ชายผมยาวยืนอยู่
ซึ่งนี่มันทำให้ชายผมยาวอดไม่ได้ที่จะมองไปยังซือเฟิง และถามว่า “น้องชาย ก่อนหน้านี้คุณไปมีปัญหาอะไรกับเธอหรือปล่าว ? ฉันรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเธอกำลังเดินเข้ามาหาคุณ”
ขณะเดียวกันฝูงชนโดยรอบก็อดไม่ได้ที่จะกระซิบกระซาบเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะตอนนี้พวกเขานั้นสงสัยมากจริงๆว่าซือเฟิงนั้นเป็นใครกันถึงไปดึงดูดความสนใจของหญิงสาวผู้นี้ได้
“ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรมากกับเธอนะ …” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเขาเห็นฟางฉีหานเดินเข้ามา และหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็พูดขึ้นมาว่า “ฉันแค่ไปฆ่าผู้อาวุโสที่เป็นอาจารย์ของเธอต่อหน้าเธอ แล้วก็ปล่อยเธอไป นอกเหนือจากนั้นฉันก็ไม่ได้ทำอย่างอื่นอีก ….”
เมื่อซือเฟิงพูดจบ ชายผมยางนั้นก็รู้สึกพูดไม่ออกอย่างถึงที่สุด ….
เขาไม่คิดเลยว่าซือเฟิงจะกล้าและโหดเหี้ยมมากขนาดนี้ …. และถ้าซือเฟิงไปทำแบบนั้นจริงๆ มันก็น่าจะชัดเจนแล้วว่าฟางฉีหานได้ตรงเข้ามาเพื่อจะจัดการกับซือเฟิงแน่นอน
อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาต่อมาทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันก็ตรงกันข้ามกับที่ชายผมยาวคาดคิดไว้ เพราะเมื่อฟางฉีหานเดินตรงเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าของซือเฟิง เธอก็กล่าวว่า “เราไปหาที่เงียบๆคุยกันดีๆได้ไหม ?”
ในขณะนี้ไม่เพียงแต่ชายผมยาวเท่านั้นที่รู้สึกตกตะลึงกับเรื่องนี้ คนอื่นๆโดยรอบเองก็เช่นกัน ….
นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกัน ?