ตอนที่ 2888 โอกาสสุดท้าย
ฟางฉีหานมองไปยังซือเฟิงที่มีท่าทีงุนงง และเธอก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม และพูดออกมาอย่างสบายๆว่า “คุณไม่เข้าใจเงื่อนไขของฉันงั้นหรอ ปรมาจารย์ซือเฟิง ?”
“ก็บางส่วนนั่นแหละ …” ซือเฟิงพยักหน้า
เท่าที่ซือเฟิงดูพลังของตระกูลของฟางฉีหานนั้นจัดว่าแข็งแกร่งมากๆแน่นอน แถมเธอยังเป็นรองหัวหน้ากิลลำดับที่หนึ่งของไมโทโลจี้ด้วย ซึ่งไม่ว่าจะมองอย่างไร เธอก็ดูเหมือนจะมีอนาคตที่ไร้ขีดจำกัดมากๆ และเธอก็จัดเป็นตัวตนที่ไม่มีใครกล้าจะยั่วยุแน่นอน
แม้ว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์ทางจิต แต่สิ่งที่เขาสามารถจะนำมาให้ฟางฉีหานได้นั้นก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการทำธุรกรรมทรัพยากรในพื้นที่ชั้นกลางของ Upper Zone และนี่มันก็เป็นเหตุผลหลักๆเลยว่าทำไมมหาอำนาจต่างๆถึงต้องการจะร่วมมือกับปรมาจารย์ทางจิต ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการมากๆเลยว่าฟางฉีหานต้องการอะไรจากเขากันแน่
“ชายผู้ไร้เดียงสาที่ครอบครองแหวนหยกกลายเป็นอาชญากร ฉันคิดว่าปรมาจารย์ซือเฟิงน่าจะมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับประโยคที่ฉันได้กล่าวไปข้างต้น …” ฟางฉีหานถอนหายใจออกมา ก่อนที่เธอจะเริ่มกล่าวอย่างช้าๆว่า “เดิมทีตระกูลฟางของเรานั้นก็มีปรมาจารย์ทางจิตอยู่ แต่ด้วยการจากไปของปรมาจารย์ทางจิต มันจึงทำให้การอยู่อาศัยของตระกูลฟางของเราในพื้นที่ชั้นกลางนั้นยากขึ้นมากๆ และตอนนี้แม้แต่โควต้าพื้นที่ชั้นกลางของตระกูลฟางก็ยังเริ่มถูกจับจ้องจากกองกำลังต่างๆในพื้นที่ชั้นกลางแล้ว ดังนั้นฉันจึงหวังจะพึ่งคุณในการรับมือกับเรื่องราวเหล่านี้ ปรมา
จารย์ซือเฟิง ….”
“มันมีโควต้าในพื้นที่ชั้นกลางด้วยงั้นหรอ ?” ซือเฟิงรู้สึกตกตะลึงเมื่อได้ยิน
โควต้าของพื้นที่ชั้นพื้นฐานของ Upper Zone นั้นมันก็จัดว่ามีค่ามากๆอยู่แล้ว และผู้ที่มีมันนั้นก็ทำให้มหาอำนาจต่างๆในชั้นพื้นฐานด้วยกันอิจฉาอย่างมาก ดังนั้นนี่ก็จะไม่ต้องพูดถึงเรื่องโควต้าของพื้นที่ชั้นกลางเลย
และเมื่อได้ฟังจากคำพูดของฟางฉีหานนั้น ดูเหมือนโควต้าชั้นกลางนี้จะเป็นสิ่งที่ไม่ผูกมัดด้วย
ซึ่งโควต้าแบบนี้นั้นมันมีค่ามากกว่าโอกาสสามเดือนที่มหาอำนาจต่างๆในชั้นพื้นฐานแข่งขันกันเพื่อแย่งสิทซะอีก ….
“ปรมาจารย์ซือเฟิงยินดีจะร่วมมือกับฉันไหม ?” ฟางฉีหานนั้นอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามย้ำซือเฟิงด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล
แต่เดิมเธอนั้นยอมแพ้ในโควต้าเหล่านี้ไปแล้ว เพราะด้วยความแข็งแกร่งที่เธอมีในไมโทโลจี้ตอนนี้นั้น มันไม่มีทางเลยที่เธอจะสามารถรักษาโควต้านี้เอาไว้ได้
แต่ในเวลานี้เธอมีโอกาสอีกครั้ง ….
ถ้าเธอไปขอความร่วมมือจากปรมาจารย์ทางจิตทั่วไปในพื้นที่ชั้นกลางนั้น พวกมหาอำนาจต่างๆในพื้นที่ชั้นกลางก็จะไม่ได้หวาดกลัวเธอ และพวกเขาก็จะยังคงต้องการแย่งโควต้าของตระกูลเธอไปแน่นอน อย่างไรก็ตามสำหรับในกรณีของซือเฟิงนั้นมันแตกต่างออกไป เขาสามารถกลายเป็นปรมาจารย์ทางจิตได้ตั้งแต่อายุยังไม่ถึงยี่สิบห้า ดังนั้นเขาจึงจะได้รับความสนใจและการยกย่องอย่างสูงจากบริษัทกรีนก๊อดแน่นอน ซึ่งนี่มันก็จะทำให้เขามีสถานะเหนือกว่าปรมาจารย์ทางจิตทั่วไปมาก ดังนั้นตราบใดที่ซือเฟิงยินดีจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยเธอในเรื่องนี้ บางทีเธออาจจะช่วยตระกูลของเธอรักษาโควต้านี้เอาไว้ได้
ซือเฟิงคิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะพูดว่า “ฉันสามารถยอมรับเงื่อนไขของคุณได้ แต่นอกเหนือจากเงื่อนไขที่คุณเสนอมาให้ฉัน ฉันยังต้องการเพิ่มอีกหนึ่งข้อ”
“ปรมาจารย์ซือเฟิงกล่าวมาได้เลย …” ฟางฉีหานกล่าวอย่างไม่ลังเล
“ฉันต้องการคะแนนการค้าหนึ่งร้อยล้านแต้ม !!!” ซือเฟิงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “มิสฟางสามารถจะรับเงื่อนไขนี้ของฉันได้ไหม ?”
ปัจจุบันเขาไม่มีคะแนนการค้าอื่นใดเลยนอกจากคะแนนการค้าที่เขาได้รับมาจากการแลกคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่เป็นคะแนนสะสม ซึ่งเพื่อที่จะซื้อน้ำแห่งชีวิตแล้ว เขาก็ยังต้องการคะแนนการค้าอีกมาก และจริงๆจะพูดกันตามตรงนั้นเขาก็ยังต้องการคะแนนการค้าอีกเป็นจำนวนมากเพื่อใช้ในหลายๆด้านที่ Upper Zone โดยเฉพาะอย่างยิ่งคะแนนการค้าที่เขาจะต้องมอบให้กับไฟเออร์แดนซ์ และคนอื่นๆ หลังจากที่พวกเขาเข้ามาสู่ Upper Zone ….
ดังนั้นคะแนนการค้ามันจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ
“คะแนนการค้าหนึ่งร้อยล้านแต้ม ?” ฟางฉีหานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะกัดฟัน และตอบตกลง “ไม่มีปัญหา เดี๋ยวฉันจะโอนมันไปให้คุณเป็นการส่วนตัว !!”
เมื่อซือเฟิงเห็นว่าฟางฉีหานยอมตกลงตามที่เขาต้องการแล้ว เขาจึงได้พาฟางฉีหานกลับไปที่สำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีกเพื่อจัดการเซ็นสัญญากัน
และหลังจากที่เซ็นสัญญากันเรียบร้อยแล้วนั้น ฟางฉีหานก็ได้ออกจากสำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีกไปเพื่อกลับไปเตรียมการทุกอย่าง ซึ่งซือเฟิงต้องยอมรับเลยว่าเธอนั้นตัดสินใจทุกอย่างแบบเด็ดเดี่ยว และกล้าหาญมากจริงๆ
บนรถสุดหรูของฟางฉีหานที่บริเวณสนามบิน :
“รองหัวหน้ากิล คุณวางแผนที่จะติดตามซือเฟิงไปตลอดเลยงั้นหรอ ?” แมตซ์อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามฟางฉีหานที่ตอนนี้ดูเหมือนกำลังนั่งครุ่นคิดบางอย่างอยู่ “ถ้าคุณออกจากกิลแบบนี้นั้น กิลจะไม่มีวันปล่อยคุณไปแน่นอน และแม้ว่าซือเฟิงจะกลายเป็นปรมาจารย์ทางจิตตั้งแต่อายุยังน้อย แต่เขาก็ไม่น่าจะสามารถช่วยป้องกันเราจากกองกำลังต่างๆในพื้นที่ชั้นกลางได้ทั้งหมด เพราะท้ายที่สุดแล้วมันก็ยังคงมีช่องว่างระหว่างปรมาจารย์ทางจิตที่พึ่งมาถึงขอบเขตนี้กับผู้ที่มาถึงขอบเขตนี้นานแล้วอยู่ในระดับหนึ่ง ฉันกลัวว่านอกเหนือจากเราจะไม่สามารถรักษาโควต้าเอาไว้ได้แล้ว เราอาจจะถูกทางกิลตอบโต้สำหรับเรื่องนี้อย่างรุนแรงด้วย …”
ไมโทโลจี้กิลที่พวกเขาอยู่นั้นเป็นหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด และในฐานะหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดนั้น กองกำลังชั้นสูงที่พวกเขาสังกัดในตอนที่เข้าร่วมกับไมโทโลจี้นั้นก็ได้รับการสนับสนุนจาปรมาจารย์ทางจิตที่ทรงพลังและมีสถานะสูงมาก
ฟางฉีหานนั้นเป็นรองหัวหน้ากิลลำดับที่หนึ่งของไมโทโลจี้ หากเธอตัดสินใจจะออกจากกิล มันจะส่งผลกระทบอย่างมากแน่นอนต่อไมโทโลจี้ และไมโทโลจี้ก็จะต้องแก้แค้นในเรื่องนี้แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นใน Upper Zone หรือ ใน God domain
“ฉันไม่สน นี่มันเป็นโอกาสสุดท้ายของฉันแล้ว …” ฟางฉีหานยิ้มอย่างขมขื่น “ถ้าฉันรอจนกว่าไมโทโลจี้จะยอมช่วยฉัน โควต้าก็จะต้องถูกยึดไปแล้วแน่นอน และเมื่อถึงเวลาแม้ว่าปรมาจารย์ทางจิตที่ทรงพลังจะออกหน้ามาช่วย แต่ฉันก็กลัวว่าเราคงจะเอาโควต้าคืนมาไม่ได้ ตอนนี้ฉันจึงได้เลือกจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ซือเฟิง …”
มันเป็นเรื่องยากอย่างมากสำหรับปรมาจารย์ทางจิตที่จะได้รับโควต้าของพื้นที่ชั้นกลาง และมันก็อาจกล่าวได้ว่ามันเป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นที่ทำให้คนๆหนึ่งสามารถเข้าสู่พื้นที่ชั้นกลางได้โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ
หากเธอไม่สามารถรักษาโควต้านี้ไว้ได้ นอกเหนือจากตระกูลของเธอจะตกอยู่ในสภาพย่ำแย่แล้ว ตัวเธอเองก็จะตกอยู่ในสภาพย่ำแย่เช่นกัน เพราะความหวังที่เธอจะกลายเป็นปรมาจารย์ทางจิตจะยิ่งริบหรี่ลงไปมาก
เนื่องจากจนถึงตอนนี้ใน Upper Zone นั้น ผู้ที่สามารถกลายเป็นปรมาจารย์ทางจิต และก้าวเข้าสู่ชั้นกลางได้ด้วยสาเหตุนี้นั้นมีน้อยมากๆ และมันก็อาจกล่าวได้ว่ามากกว่าเก้าสิบเปอเซ็นต์ของปรมาจารย์ทางจิตทั้งหมดนั้น พวกเขากลายเป็นปรมาจารย์ทางจิตได้ก็หลังจากที่ก้าวเข้าสู่ชั้นกลางได้แล้วเท่านั้น
ในเวลาเดียวกันกับที่ฟางฉีหานกลับไปที่ Upper Zone ที่เธออาศัยอยู่ ข่าวเรื่องผู้อาวุโสฉี และคนอื่นๆที่ถูกส่งมาโจมตีซือเฟิงนั้นก็เริ่มแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วใน Upper Zone ของเมืองหยวนเทียน ซึ่งนี่มันก็ได้สร้างความตกตะลึงอย่างถึงที่สุดให้กับมหาอำนาจต่างๆใน Upper Zone ของเมืองหยวนเทียน
เนื่องจากไม่มีมหาอำนาจกลุ่มใดเลยที่คิดว่าซือเฟิงจะมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวมากขนาดนี้ และสิ่งนี้มันก็ทำให้มหาอำนาจบางส่วนที่คิดจะออกหน้าไปเอาใจอาจารย์ของหวังซวนหมิงถึงกับต้องถอยกลับ
“นายน้อย ตอนนี้เราควรจะทำยังไงกันดี ? ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นใน Upper Zone ของเมืองหยวนเทียน หรือไห่เทียนนั้นไม่มีใครกล้าจะไปหาเรื่องซือเฟิงอีกแล้ว” อี้กุ้ยติดต่อมาหาลู่เทียนตี้ และกล่าวอย่างเป็นกังวลว่า “แถมตอนนี้ชื่อเสียงและอำนาจของซือเฟิงใน Upper Zone นั้นมันก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ตอนนี้มันมีหลายกลุ่มที่ต้องการจะร่วมมือกับซือเฟิง และได้รับคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่จากสภาสิบแปดปีก ….”
“ฉันเข้าใจแล้ว ในตอนนี้ให้คุณรีบออกมาจาก Upper Zone ของเมืองหยวนเทียนโดยทันที” ลู่เทียนตี้กล่าวอย่างสบายๆ “ตอนนี้อาจารย์รู้เรื่องนี้แล้ว และมันมีโอกาสสูงมากที่เขาจะลงมือด้วยตัวเอง ดังนั้นตอนนี้สิ่งที่เราต้องทำก็แค่เฝ้าดูจากข้างสนามเท่านั้น”
“รับทราบ !!” เมื่อได้ยินคำพูด และคำสั่งล่าสุดของลู่เทียนตี้นั้นอี้กุ้ยก็คลายความกังวลไปอย่างรวดเร็ว
หากคนๆนั้นเป็นคนลงมือเอง ทุกอย่างมันก็จะง่ายขึ้นมากๆ และเมื่อซือเฟิงถูกจัดการไปแล้ว สตาร์ลิ้งของพวกเขาก็จะสามารถเอาชนะสภาสิบแปดปีกได้ง่ายขึ้นมาก
เมืองเฟิงหลิน สำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีก :
เมื่อซือเฟิงกลับมาทุกคนในสภาสิบแปดปีกก็ตื่นเต้นกันมากๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เชี่ยวชาญที่พึ่งจะเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกเมื่อไม่นานมานี้ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ซือเฟิงพึ่งจะมอบโพชั่นแห่งชีวิตจำนวนมากให้กับไฟเออร์แดนซ์ และผู้บริหารระดับสูงของสภาสิบแปดปีกคนอื่นๆ รวมไปถึงสมาชิกภายในที่มีทำผลงานได้ดีกับกิลด้วย
แถมซือเฟิงยังประกาศสิ่งที่ทำให้ทุกคนในสภาสิบแปดปีกตกตะลึงอย่างถึงที่สุดด้วย
ซึ่งนั่นก็คือในอนาคตสมาชิกภายในทุกคนที่ทำผลงานได้ดีกับกิลนั้นจะมีสิทได้รับรางวัลเป็นโพชั่นแห่งชีวิต รวมไปถึงสิทในการเข้าสู่ Upper Zone !!
โดยเมื่อซือเฟิงประกาศเรื่องนี้ออกไปนั้น ทั่วทั้งสำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีกก็เดือดพล่าน
Upper Zone นั้นเป็นสถานที่ที่ผู้คนนับไม่ถ้วนล้วนใฝ่ฝันจะได้เข้าไปสัมผัสสักครั้ง นี่ไม่ต้องพูดถึงการเข้าไปอยู่อาศัยเลย แต่โดยปกติแล้วหลายคนนั้นไม่กล้าแม้แต่จะคิดถึงเรื่องนี้ด้วยซ้ำ เพราะมันจะมีก็แต่พวกมหาอำนาจแค่ไม่กี่กลุ่มเท่านั้นที่มีสิทได้สัมผัสอะไรแบบนี้ และสำหรับพวกเขาที่เป็นเพียงสามัญชนนั้น โดยพื้นฐานแล้วมันจึงเป็นไปไม่ได้เลย
แต่ตอนนี้มันเป็นไปได้แล้ว !!
“หัวหน้ากิล ทำแบบนี้มันจะโอเคจริงๆงั้นหรอ ?” ไฟเออร์แดนซ์มองไปยังประกาศ และรายละเอียดการให้รางวัลของซือเฟิงด้วยความเป็นห่วง
โดยในรายละเอียดการให้รางวัลนั้นตราบใดที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของกิลสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาไปได้หนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์ พวกเขาก็จะได้รับโพชั่นแห่งชีวิตไปสามขวด และหลังจากนั้นเมื่อปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้เพิ่มขึ้นทุกๆหนึ่งเปอเซ็นต์ก็จะได้รับไปอีกเปอเซ็นต์ละขวด และพอทะลุหนึ่งร้อยสิบห้าเอเซ็นต์ได้แล้ว ทุกๆเปอเซ็นต์ต่อไปก็จะได้รับโพชั่นแห่งชีวิตไปสามขวด
นอกจากนี้มันยังมีรางวัลสำหรับค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจด้วย โดยตราบใดที่ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของผู้เล่นคนหนึ่งขึ้นไปถึงขั้นกลาง ของขั้นสี่ได้ ผู้เล่นคนนั้นก็จะได้รับโพชั่นแฟนธ่อมหนึ่งขวด และเมื่อค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจขึ้นไปอยู่ที่จุดสูงสุดของขั้นสี่นั้น ผู้เล่นก็จะได้รับโพชั่นแฟนธ่อมสามขวด และหากค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของผู้เล่นสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นห้าได้ ผู้เล่นก็จะได้รับโพชั่นแฟนธ่อมสิบขวด ….
ขณะเดียวกันมันก็มีรางวัลในส่วนของขอบเขตที่แท้จริงด้วยเช่นกัน โดยหากทะลวงเข้าสู่ขอบเขตที่แท้จริงได้ ผู้เล่นจะได้รับโพชั่นแห่งชีวิตไปหนึ่งขวด และหากทะลวงเข้าสู่ขอบเขตที่แท้จริงขั้นสูงได้ ผู้เล่นก็จะได้รับโพชั่นแห่งชีวิตไปอีกสามขวด
และสิ่งที่ดีที่สุดคือตราบใดที่คนๆหนึ่งสามารถเข้าสู่ขั้นห้าได้ พวกเขาก็จะได้รับสิทในการเข้าไปสู่ Upper Zone หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ !!!
ไม่ต้องพูดถึงสิทในการเข้าสู่ Upper Zone เลย เพราะรางวัลแต่ละรางวัลนอกเหนือจากรางวัลนี้ที่ซือเฟิงประกาศว่าจะให้นั้นมันก็จัดว่ามีค่ามากๆแล้ว ซึ่งไฟเออร์แดนซ์ที่ได้ยินข่าวคร่าวเรื่องของ Upper Zone มาจากซือเฟิงบ้างนั้นก็เข้าใจอย่างชัดเจนว่าโพชั่นพวกนี้มีค่ามากขนาดไหน
“ไม่ต้องกังวล มันไม่มีปัญหาอะไรหรอก …” ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ในทางตรงกันข้าม ฉันหวังว่าจะมีคนจำนวนมากได้รับรางวัลด้วยซ้ำ ….”
โพชั่นแห่งชีวิตนั้นมีประโยชน์มากในการปรับปรุงร่างกาย และสภาสิบแปดปีกก็กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็วในขณะนี้ ซึ่งการจะพึ่งแค่พลังของเขาอย่างเดียวมันไม่พอ อย่างน้อยกิลจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญระดับสุดยอดปรมาจารย์จำนวนหนึ่งคอยดู และป้องกันตัวเองจากมหาอำนาจอื่นๆด้วย ดังนั้นการตั้งรางวัล และเพิ่มรางวัลพวกนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ
และเมื่อเขาทำแบบนี้เขาก็ยังจะสามารถช่วยเพิ่มความกระตือรือร้นของสมาชิกสภาสิบแปดปีกในการทำเควสเลื่อนขั้นได้ด้วย นอกเหนือจากนี้แล้วนี่มันก็ช่วยให้กิลมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนเพิ่มมากขึ้นแน่นอน
และด้วยโพชั่นแห่งชีวิตที่เขาได้มอบให้ไป ในอีกไม่กี่วันไฟเออร์แดนซ์ กับเหล่ยเปาก็น่าจะสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตสุดยอดปรมาจารย์ได้แล้ว ….
หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้พูดคุยกับไฟเออร์แดนซ์ และผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆของสภาสิบแปดปีกเกี่ยวกับการพัฒนาที่รวดเร็วของกิล และพูดกันตามตรงมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเผชิญหน้ากับกองกำลังผู้รุกรานจากโลกอื่น ซึ่งถ้าเมืองปีกสีเงิน กับเมืองหินโบราณได้รับการจัดการไม่ดีนั้น พวกมันก็อาจถูกทำลายลงได้ง่ายๆเลย
ซึ่งกว่าจะพูดคุยกันเสร็จนั้น เวลาก็ได้ผ่านไปหนึ่งวันเต็มแล้ว ….
“ใกล้จะถึงเวลาแล้ว ตอนนี้ฉันคงจะต้องล๊อคอินกลับเข้าสู่ God domain ก่อน …”
ซือเฟิงพึมพำ ในขณะที่เขามองเวลาบนนาฬิกาควอนตัมของเขา ก่อนที่เขาจะดื่มโพชั่นแห่งชีวิตไปหนึ่งขวด และจัดการใช้ห้องเกมเคบินภายในห้องรับรองของสำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีกล๊อคอินกลับเข้าสู่ God domain