ตอนที่ 2904 ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
พื้นที่ชั้นพื้นฐานของ Upper Zone เมืองหยวนเทียน เขตวิลล่าขนาดใหญ่ :
“คุณซือเฟิง ในครั้งนี้ฉันต้องขอแสดงความยินดีกับคุณอย่างมากจริงๆ วิลล่าขนาดใหญ่แห่งนี้เป็นวิลล่าขนาดใหญ่หลังสุดท้ายบนชั้นพื้นฐานแล้ว ซึ่งหากคนอื่นๆต้องการจะซื้อมันในอนาคต มันก็จะเป็นไปไม่ได้แล้ว” หานอี้เฟิงกล่าวพลางมองไปยังซือเฟิงที่กำลังลงทะเบียนยืนยันตัวตนในฐานะเจ้าของวิลล่าขนาดใหญ่ ซึ่งมีพื้นที่มากกว่าครึ่งของสนามฟุตบอลด้วยความอิจฉา
วิลล่าขนาดใหญ่ทั้งสิบหลังไม่เพียงแต่จะเป็นสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีเท่านั้น แต่มันยังเป็นสัญลักษณ์ของสถานะอีกด้วย
แม้ว่าเขาจะเป็นทายาทของบริษัทไฟฟ์สเตท แต่เขาก็มีสิทแค่อาศัยอยู่ในวิลล่าขนาดใหญ่เท่านั้น ส่วนพวกลูกๆของผู้ถือหุ้นจากตระกูลอื่นนั้น พวกเขาก็จะมีสิทได้อาศัยอยู่ในวิลล่าขนาดใหญ่แบบนี้แค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น พวกเขาจะยังไม่มีสิทเข้าพำนักในระยะยาว
แต่ตอนนี้ตัวซือเฟิงนั้นกับสามารถจะเข้ามาเป็นเจ้าของวิลล่าขนาดใหญ่นี้ได้ โดยที่คนนอกไม่สามารถจะเข้ามาแตะต้องใดๆได้ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่แม้แต่ทายาทของบริษัทยักษ์ใหญ่ก็ยังจะต้องรู้สึกอิจฉาเขา
“หลังสุดท้าย ?” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ฉันจำได้ว่าล่าสุดมันมีวิลล่าขนาดใหญ่เหลืออยู่สองหลังนี่นา ? มีคนมาซื้อไปหลังหนึ่งก่อนหน้านี้งั้นหรอ ?”
“ใช่แล้ว เมื่อวานนี้เอง …” หานอี้เฟิงพยักหน้าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน “ยิ่งไปกว่านั้นคุณอาจจะรู้จักคนที่ซื้อวิลล่าด้วยนะ ….”
“หื้ม ?” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจมากขึ้น เมื่อได้ยินคำพูดของฟานอี้เฟิง
มันมีวิลล่าขนาดใหญ่อยู่เพียงสิบหลังเท่านั้นในพื้นที่ชั้นพื้นฐาน และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่องค์กรหรือมหาอำนาจทั่วไปจะสามารถซื้อได้เลย โดยแม้แต่บริษัทไฟฟ์สเตทก็ยังยากจะซื้อมันได้ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่ยากจะจินตนาการมากๆที่คนที่เขารู้จักจะสามารถซื้อวิลล่านี้ได้
“ในโลกแห่งความจริงคุณอาจจะไม่รู้จัก แต่ใน God domain คุณ ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดของเกมจะต้องเคยได้ยินชื่อเธอแน่นอน” หานอี้เฟิงยิ้ม และพูดว่า “เอนเลสสการ์ ชื่อนี้คุณเคยได้ยินไหม ? มิดไนท์ทีปาร์ตี้ที่เธอสังกัดอยู่นั้นเป็นเป้าหมายที่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดล้วนพยายามรับสมัครกันอย่างบ้าคลั่ง และฉันก็ได้ยินมาว่าเธอนั้นสามารถจะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองไปได้มากกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบเปอเซ็นต์แล้ว ซึ่งมันทำให้เธอพร้อมที่จะท้าทาย และเลื่อนขั้นไปเป็นขั้นห้าได้ทุกเมื่อ ….”
“เป็นเธองั้นหรอ ?!!” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เมื่อหานอี้เฟิงกล่าวถึงชื่อนี้
สำหรับตัวตนของเอนเลสสการ์นั้นเขามีข้อมูลอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งจากที่เขาคาดเดา เขาก็คิดว่าเอนเลสสการ์นั้นน่าจะเป็นลูกสาวของบริษัท หรือองค์กรขนาดใหญ่สักแห่ง แล้วก็อาศัยอยู่ใน Upper Zone แต่เขาไม่คิดเลยจริงๆว่าความแข็งแกร่งของเอนเลสสการ์นั้นจะมีมากขนาดที่สามารถซื้อวิลล่าขนาดใหญ่ในพื้นที่ชั้นพื้นฐานของ Upper Zone ได้โดยตรง
“ดูเหมือนว่าคุณจะรู้จักเธอจริงๆ …” หานอี้เฟิงมองไปที่ซือเฟิงด้วยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เธอนั้นไม่ง่ายเลย …. เธอทรงพลังมากจริงๆ และเหตุผลที่เธอสามารถซื้อวิลล่าขนาดใหญ่แบบนี้ได้นั้นมันก็ไม่ใช่เพราะตระกูลด้วย แต่เป็นเพราะพี่ชายของเธอที่ส่งมาให้ ….”
“ส่งมาให้ ?” ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะเดาะลิ้นเมื่อได้ยิน
เพื่อให้ได้มาซึ่งวิลล่าขนาดใหญ่แบบนี้นั้น เขาจำเป็นต้องจ่ายไปด้วยคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่เป็นจำนวนมาก โดยจำนวนมากที่ว่านี้มันก็ไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่เขาจะสามารถเก็บสะสมมาได้เท่าจำนวนนี้อีกครั้ง
และแม้แต่บริษัทไฟฟ์สเตทก็ยังไม่เต็มใจที่จะแลกเปลี่ยนวิลล่าขนาดใหญ่แบบนี้ง่ายๆ เพราะท้ายที่สุดเงื่อนไข และคะแนนการค้าที่ต้องใช้ในการซื้อมันนั้นสูงเกินไป ซึ่งมันก็เป็นอะไรที่พวกองค์กร และบริษัททั่วไปไม่สามารถจะจ่ายได้เลย
“นอกเหนือจากนี้แล้วพรสวรรค์ของเธอนั้นก็ยอดเยี่ยมมากจริงๆ เมื่อไม่นานมานี้เธอได้รับความโปรดปรานจากปรมาจารย์บางคนในชั้นกลาง โดยปรมาจารย์ผู้นี้นั้นก็ต้องการจะรับเธอเข้าเป็นศิษย์ และเขาถึงขนาดไปขอยืมโควต้าเข้าสู่ชั้นกลางมาให้เธอในราคาที่สูงลิ่วเลย ซึ่งเขาก็ตั้งใจจะให้เธอทะลวงเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์ทางจิตให้
ได้” หานอี้เฟิงกล่าวถึงเอนเลสสการ์ด้วยความอิจฉาอย่างมาก “แถมเธอยังได้รับการยอมรับว่าเป็นอัจฉริยะที่เก่งกาจที่สุดในรอบร้อยปีของ Upper Zone เมืองหยวนเทียนด้วย และจากการประมาณของปรมาจารย์ผู้ที่สนใจในตัวเธอนั้น หากเธอได้ก้าวเข้าสู่ชั้นกลางเมื่อไหร่ เธอจะสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์ทางจิตได้ภายในไม่กี่เดือนแน่นอน”
“ในตอนนี้เธอได้กลายเป็นไอดอล และเป้าหมายของเหล่ารุ่นเยาว์มากมายใน Upper Zone ของเมืองหยวนเทียนแล้ว นอกเหนือจากนี้เธอก็ยังมีพี่ชายคนโตของเธอคนหนึ่งที่ชื่อ ฉินไป่ยี่ ที่แข็งแกร่งมากๆ โดยชายคนนี้สามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์ทางจิตได้เมื่อสองปีก่อน และเขาก็เป็นที่รู้จักกันในฐานะปรมาจารย์ทางจิตที่อายุน้อยที่สุดใน Upper Zone ของเมืองหยวนเทียน ในรอบยี่สิบปี”
“เนื่องจากเอนเลสสการ์ ได้เลือกจะย้ายจาก Upper Zone ของเมืองเทียนซือมาที่นี่ ดังนั้นพี่ชายของเธอจึงได้เลือกจะซื้อวิลล่าขนาดใหญ่ไว้ให้เป็นที่พักชั่วคราวของเธอ เพื่อให้เธอสามารปรับตัวจนสามารถใช้ชีวิตใน Upper Zone ของเมืองหยวนเทียนได้”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้นั้น หานอี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเอนเลสสการ์ด้วยความหลงใหล เพราะท้ายที่สุดแล้วปรมาจารย์ทางจิตนั้นอาจจะนับว่าหายากมาก แต่ปรมาจารย์ทางจิตที่เป็นผู้หญิงที่งดงาม และมีสถานะที่ทรงอิทธิพลมากๆแบบนี้นั้นนับว่าหายากยิ่งกว่า
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่หานอี้เฟิงกำลังหลุดเข้าไปในโลกของตัวเองนั้น ซือเฟิงก็กล่าวขัดจังหวะเขาขึ้นว่า “นายน้อยหาน หากฉันต้องการจะให้บางคนเข้ามาอยู่อาศัยในวิลล่าขนาดใหญ่นี้ในระยะยาว มันจะต้องมีขั้นตอนอะไรรึปล่าว ?”
ฟางฉีหานนั้นพึ่งจะทำการส่งมอบช่องเข้าสู่ Upper Zone สิบช่องมาให้เขา ซึ่งเขาก็ได้ส่งมอบมันให้กับไฟเออร์แดนซ์ และคนอื่นๆที่เขาเลือกไปแล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อไฟเออร์แดนซ์ และคนอื่นมาถึงที่ Upper Zone นั้น พื้นที่ของบ้านทั่วไปมันก็จะไม่เพียงพอที่จะให้พวกเขาอยู่อาศัยแน่นอน
ใน Upper Zone สถานะของการมีที่อยู่อาศัย และไม่มีที่อยู่อาศัยนั้นจะมีผลประโยชน์ที่แตกต่างกันอยู่ค่อนข้างมาก โดยหากคนๆหนึ่งต้องการจะได้รับอาหารดีๆ และมีสภาพแวดล้อมดีๆในการฝึกฝนนั้น คนๆนั้นก็จำเป็นจะต้องมีสถานะมีที่อยู่อาศัย
“ก็มีบ้าง …” หานอี้เฟิงพยักหน้า และพูดอย่างช้าๆว่า “โดยคุณต้องไปที่อาคารของบริษัทกรีนก๊อดเพื่อลงทะเบียนยืนยันตัวตนของคุณ อย่างไรก็ตามถ้าคุณไม่มีคนรู้จักที่นั่นเลยก็ไปกับฉันก็ได้ ฉันก็จำเป็นจะต้องไปลงทะเบียนยืนยันตัวตนของตัวเองเพื่อรับบางคนเข้ามาในวิลล่าเช่นกัน”
สำหรับตัวตนของซือเฟิงในตอนนี้นั้น หานอี้เฟิงไม่กล้าที่จะดูถูกอีกต่อไป และเขาก็ยังให้ความสำคัญกับซือเฟิงมากด้วย
นี่ยังไม่ต้องพูดถึงข่าวลือที่ว่าซือเฟิงสามารถเอาชนะสุดยอดปรมาจารย์เหิงเหลียนหลายคนได้ในโลกภายนอกเลย แค่ตัวตนของเขาในฐานะหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีก แห่ง God domain เพียงอย่างเดียวมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้กองกำลังขนาดใหญ่ใน Upper Zone นั้นอยากจะสร้างความสัมพันธ์กับเขา เพราะท้ายที่สุดคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้รับมา แต่สภาสิบแปดปีกนั้นกับได้รับมันมาเป็นจำนวนมาก
ซือเฟิงนั้นไม่ได้ปฎิเสธความหวังดีของหานอี้เฟิง “ขอบคุณมากนายน้อยหาน งั้นฉันก็คงต้องขอรบกวนคุณหน่อย”
ตัวซือเฟิงนั้นวางแผนที่จะร่วมมือกับหานอี้เฟิง และบริษัทไฟฟ์สเตทในระยะยาว เพราะท้ายที่สุดแล้วจนถึงตอนนี้เขาก็ยังคงขาดแคลนหลายสิ่งที่เขาต้องการอยู่มาก ขณะที่หานอี้เฟิง และบริษัทไฟฟ์สเตทนั้นมีความแข็งแกร่ง และมีคอนเนคชั่นค่อนข้างมากใน Upper Zone ของเมืองหยวนเทียน โดยสิ่งที่พวกเขามีนั้นบริษัททั่วไปเทียบไม่ได้เลย ดังนั้นมันจึงมีหลายสิ่งที่ซือเฟิงคิดจะร่วมมือกับพวกเขาในอนาคต
จากนั้นหานอี้เฟิงก็ได้ทำการแนะนำสิ่งต่างๆภายในวิลล่าขนาดใหญ่อย่างคร่าวๆให้กับซือเฟิง ก่อนที่เขาจะนำซือเฟิงไปยังอาคารของบริษัทกรีนก๊อด
ล๊อบบี้ของอาคารของบริษัทกรีนก๊อดนั้นยังคงเหมือนกับการมาเยี่ยมชมครั้งล่าสุดของซือเฟิง โดยมันก็ยังเต็มไปด้วยเหล่ารุ่นเยาว์ และคนขององค์กร กับบริษัทต่างๆที่อยู่อาศัยใน Upper Zone หลายพันคนที่มาต่อแถวอยู่บริเวณเค้าเต้อร์แลกสิ่งของเพื่อรอแลกสิ่งที่พวกเขาต้องการ
ขณะเดียวกันเมื่อหานอี้เฟิงเดินเข้ามานั้น เด็กสาวคนหนึ่งที่สวมเสื้อยืด และกางยีนขาสั้นที่ดูสดใสก็ได้เดินเข้ามาทักทายเขา
หานอี้เฟิงมองไปที่เด็กสาวคนนี้ ก่อนที่จะกล่าวขึ้นว่า “นี่คือหานหรงหรง ลูกพี่ลูกน้องของฉัน เพราะความสามารถของเธอ ทางตระกูลจึงได้ตัดสินใจให้เธอเข้ามาอาศัยอยู่ในวิลล่าขนาดใหญ่”
ซือเฟิงมองไปที่เด็กสาวตรงหน้าเขาด้วยความรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะท้ายที่สุดสิ่งที่หานอี้เฟิงพูดนั้นมันเป็นความจริง เด็กสาวตรงหน้าเขานี่คือสัตว์ประหลาดชัดๆ !!
เท่าที่เขาสังเกตเห็นนั้นหานหรงหรงน่าจะมีอายุแค่ราวสิบหกถึงสิบเจ็ดปีเท่านั้น แต่เธอกับอยู่ในระดับครึ่งก้าวก่อนเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์เหิงเหลียนแล้ว
“สวัสดี ฉันชื่อหานหรงหรง ฉันได้ยินลูกพี่ลูกน้องของฉันพูดถึงคุณมามาก และฉันก็ได้ยินมาว่าคุณน่าทึ่งมากๆ ถ้ามีโอกาสเราน่าจะได้เรียนรู้จากกันและกันนะ !!!” หานหรงหรงมองไปที่ซือเฟิงด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น และจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
“หรงหรง เลิกวุ่นวายน่า !! คุณซือเฟิงนั้นสามารถจะเอาชนะได้แม้แต่สุดยอดปรมาจารย์เหิงเหลียน ดังนั้นยังไงซะเธอก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาหรอก !!!” หานอี้เฟิงกล่าวกับหานหรงหรงตรงๆ “เอาล่ะ พวกเราก็ไปลงทะเบียนยืนยันตัวตนกันดีกว่า !!”
อย่างไรก็ตามหานหรงหรงนั้นก็ไม่ได้สนใจคำพูดของหานอี้เฟิงเลย เธอยังคงเดินตามหานอี้เฟิง และซือเฟิงไปพลางสังเกตซือเฟิงอย่างเงียบๆ
หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็มาถึงล๊อบบี้ VIP บนชั้นยี่สิบสองของอาคาร ซึ่งที่นี่นั้นถูกออกแบบไว้เพื่อรองรับผู้ทรงอิทธิพลในหมู่ผู้ทรงอิทธิพลใน Upper Zone และมันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกทั่วไปใน Upper Zone จะเข้ามาที่นี่ได้ มีเพียงทายาทที่แท้จริงของบริษัทไฟฟ์สเตทแบบหานอี้เฟิงเท่านั้นที่มีคุณสมบัติจะเข้ามาที่นี่ได้
อย่างไรก็ตามล๊อบบี้ VIP นี้มันก็มีแค่เค้าเต้อร์ที่ไว้ดูแลเรื่องการลงทะเบียนใหม่ และยืนยันตัวตนเท่านั้น การแลกเปลี่ยนสิ่งของที่ต้องการนั้นยังคงต้องทำที่เดิมแบบคนอื่นๆอยู่ดี
อย่างไรก็ตามเมื่อก้าวเข้ามาในล๊อบบี้นี้นั้น แม้ว่ามันจะมีคนน้อยกว่าตรงที่ทั่วไปมาก แต่คนเหล่านี้นั้นก็ทรงพลังมากพอที่จะทำให้แม้แต่คนอย่างหานอี้เฟิงก็รู้สึกกดดันเล็กน้อยเลย
เพราะในบรรดาคนเหล่านี้นั้นนอกเหนือจากพวกสามอันดับแรกในรายการแข่งขันแล้ว มันก็ยังมีชายที่ดูไม่ธรรมดาในชุดสีขาวด้วย และที่ยืนอยู่ข้างชายผู้นี้นั้นก็คือหญิงสาวผู้งดงามในชุดเดรสสีน้ำเงินที่มีใบหน้าเย็นชา
โดยเธอนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก เอนเลสสการ์ที่หานอี้เฟิงหลงใหลนั่นเอง
ซึ่งในขณะที่ซือเฟิงกับคนอื่นๆกำลังจะเดินไปที่เค้าเต้อร์เพื่อทำธุระของตัวเองนั้น เอนเลสสการ์ก็กวาดตาผ่านมองมาเห็นพวกเขา และก่อนที่ซือเฟิง กับคนอื่นจะทันได้ตอบสนอง เอนเลสสการ์ก็ได้เดินตรงเข้ามาหาพวกเขา และนี่มันก็ทำให้หานอี้เฟิงรู้สึกประหลาดใจมากๆ
“ซือเฟิง !! ฉันมองไม่ผิดจริงด้วย !!! หรือจะให้เรียกนายว่าหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมดี ?” เอนเลสสการ์กล่าวพลางมองไปยังซือเฟิงที่ยังคงรู้สึกมึนงงเล็กน้อยด้วยรอยยิ้ม “ก่อนหน้านี้นายต้มฉันจนเปื่อยเลยนะ !!!”