Reincarnation Of The Strongest Sword God – ตอนที่ 2906

ตอนที่ 2906 การต่อสู้กับปรมาจารย์ทางจิต

ที่บริเวณด้านหน้าอาคารของบริษัทกรีนก๊อด คำพูดของซือเฟิงที่ดูสบายๆ และไม่สนใจโลกได้ทำให้เหล่าผู้ชมที่เฝ้าดูอยู่รวมไปถึงหานอี้เฟิง และคนอื่นๆเงียบลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหานอี้เฟิงที่ตอนนี้นอกเหนือจากเขาจะเงียบลงไปแล้ว ใบหน้าของเขายังมืดมนอย่างสุดจะพรรณนาด้วย

“นั่นคือปรมาจารย์หวู่หมิงเลยนะ …. เขาบ้าไปแล้วรึไงกัน ?”

หานอี้เฟิงนั้นมองไปยังท่าทีของซือเฟิงที่ดูเหมือนจะไม่ยอมถอยเลยด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

สำหรับตัวเขาซึ่งเป็นผู้ที่อยู่อาศัยอยู่ใน Upper Zone มาเป็นเวลานาน เขารู้ดีว่าปรมาจารย์ทางจิตนั้นเป็นตัวตนที่ไม่สามารถจะยั่วยุได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปรมาจารย์ทางจิตที่มีอำนาจระดับสองดาวนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะยั่วยุ และแม้แต่กองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในชั้นพื้นฐานของ Upper Zone ก็จะยังไม่กล้ายั่วยุตัวตนระดับนี้แน่นอน

และแม้ว่าปรมาจารย์ทางจิตที่มีอำนาจระดับสองดาวจะก่อเรื่องตามอำเภอใจใน Upper Zone อย่างการสั่นสอนคนที่เขาไม่พอใจ หรือหยิ่งผยองต่อหน้าเขานั้น แต่ท้ายที่สุดแล้วบริษัทกรีนก๊อดก็จะลงโทษเขาแค่การหักคะแนนการค้า และคะแนนสะสมบางส่วนเท่านั้น ซึ่งมันไม่ได้นับว่ามีอะไรมากนักเลยสำหรับปรมาจารย์ทางจิตระดับนี้

ขณะเดียวกันแม้ว่าคำพูดของซือเฟิงจะไม่ได้เป็นการหาเรื่องปรมาจารย์หวู่หมิงโดยชัดเจน แต่มันก็นับเป็นการตบหน้าเขาต่อหน้าสาธารณชนอยู่ดี

ซึ่งนี่มันก็ทำให้หานอี้เฟิง และฉินไป่ยี่นั้นมีใบหน้าที่มืดมนลงไปมากๆ พวกเขาไม่เข้าใจเลยเลยจริงๆว่าทำไมซือเฟิงถึงเลือกจะทำแบบนี้

อีกด้านหนึ่งแม้แต่หานหรงหรงที่ตอนแรกนั้นอยากจะลองประมือกับซือเฟิงมากๆก็ยังอดไม่ได้ที่จะยืนตัวสั่น และจ้องมองไปยังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความหวาดกลัว

เพราะในเวลานี้สิ่งที่แผ่ออกมาจากตัวของปรมาจารย์หวู่หมิงนั้นมันชัดเจนมากๆ

เจตนาฆ่าฟัน !!!

โดยเจตนาฆ่าแบบนี้นั้นสามารถจะกล่าวได้เลยว่าเป็นเจตนาฆ่าที่น่ากลัวอย่างถึงที่สุดในแบบที่หานหรงหรงไม่เคยพบมาก่อน

ชั่วขณะหนึ่งในตอนนี้นั้น แม้แต่ปรมาจารย์บางคนที่เฝ้าดูสถานการณ์อยู่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเข่าอ่อนเมื่อได้สัมผัสกับเจตนาฆ่านี้

“นี่คือพลังของปรมาจารย์ทางจิตที่มีอำนาจระดับสองดาวงั้นหรอ ?” เอนเลสสการ์จ้องมองไปยังปรมาจารย์หวู่หมิงด้วยดวงตาที่จริงจัง

ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ถึงพลังปรมาจารย์ทางจิตเลย เพราะท้ายที่สุดตัวเธอนั้นก็ได้ฝึกซ้อมต่อสู้กับฉินไป่ยี่อยู่บ่อยๆ ….

แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับฉินไป่ยี่นั้น นี่มันคนละชั้นกันเลย !!!

ปรมาจารย์ทางจิตอย่างฉินไป่ยี่นั้นมีความสามารถสูงกว่าเธอในเรื่องการรับรู้ทางจิต และการทำงานของสมอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการทำงานของสมองที่เขาจะสามารถประเมินผลได้เร็วกว่าเธอราวสิบเท่า ซึ่งมันอยู่ในระดับที่เหนือมนุษย์ไปแล้ว

แต่อย่างไรก็ตามปรมาจารย์หวู่หมิงในปัจจุบันนั้นไม่เพียงแต่จะมีความสามารถแบบเดียวกับฉินไป่ยี่ เขายังมีความสามารถที่จะสามารถมีอิทธิต่อจิตใจ และเจตจำนงของผู้อื่นได้ด้วย หรือจะให้พูดง่ายๆก็คือมันเหมือนกับว่าเขานั้นสามารถจะใช้การสะกดจิตขั้นสูงต่อเป้าหมายของเขาได้

ขณะเดียวกันความสามารถนี้ของปรมาจารย์หวู่หมิงนั้นก็ไม่ได้ถูกใช้พุ่งเป้ามาที่เธอโดยตรง แต่มันก็ยังทำให้เธอรู้สึกกดดันได้มากขนาดนี้ ดังนั้นเธอจึงจินตนาการถึงสภาพของผู้ที่ปรมาจารย์หวู่หมิงใช้ความสามารถนี้ด้วยโดยตรงไม่ออกเลย

สำหรับฉินไป่ยี่ แม้ว่าเขาจะมีสภาพที่ดีกว่าเอนเลสสการ์อย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ได้รับผลกระทบจากความสามารถนี้ของปรมาจารย์หวู่หมิงอยู่ดี

“มันจบแล้ว !!! หวู่หมิงได้ทำลวงไปถึงจุดนั้นแล้ว !!! และตอนนี้ด้วยพลังของเขาแบบนี้นั้น มันก็ไม่ใช่สิ่งที่สุดยอดปรมาจารย์ทั่วไป หรือแม้แต่ปรมาจารย์ทางจิตบางคนจะสามารถต้านทานได้เลย !!!” ฉินไป่ยี่พึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้ามืดมน ในขณะที่เขาจ้องมองไปยังซือเฟิงด้วยความสงสาร

ในความคิดของเขาซือเฟิงนั้นนับเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดีมากๆ นี่ยังไม่ต้องพูดการที่เขาสามารถกลายเป็นสุดยอดปรมาจารย์ฮั่วจินได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แค่การที่เขาสามารถเอาชนะสุดยอดปรมาจารย์นับสิบได้ด้วยตัวตนเดียว …. มันก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาแข็งแกร่งมากๆ และเขาก็น่าจะอยู่ห่างจากระดับของปรมาจารย์จิตเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น

ในตอนแรกเขาวางแผนที่จะกระชับความสัมพันธ์กับซือเฟิงให้มากขึ้น และจากนั้นเขาก็จะนำซือเฟิงไปแนะนำให้อาจารย์ของเขารู้จัก

แต่ตอนนี้แผนทุกอย่างของเขามันพังยับแล้ว !!!

การสะกดจิตขั้นสูงแบบนี้นั้นมันคือการบังคับปลดปล่อยความกลัวที่แท้จริงที่อยู่ในจิตใจของเป้าหมายออกมา ซึ่งนี่มันก็จะทำให้เป้าหมายนั้นถูกปราบปราม และถูกกดขี่อย่างหนัก และอาจจะไปถึงขั้นสูญเสียความสามารถในการพัฒนาทางจิตของตัวเองในอนาคตได้เลย

ซึ่งความสามารถแบบนี้นั้น แม้แต่ในพื้นที่ชั้นกลางของ Upper Zone มันก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถจะใช้ได้ และคนที่สามารถจะใช้ได้ส่วนใหญ่นั้นก็ล้วนเป็นปรมาจารย์ทางจิตที่มีอำนาจระดับสามดาวด้วย แต่ตอนนี้หวู่หมิงกับใช้มันได้จริงๆ ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าตอนนี้เขาได้พัฒนาตัวเองไปจนมีพลังใกล้เคียงกับปรมาจารย์ทางจิตที่มีอำนาจระดับสามดาวแล้ว

แต่อย่างไรก็ตามฉากที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นมันก็ทำให้ฉินไป่ยี่ตกตะลึงมากๆ

“เป็นไปได้ยังไงกัน ?!!”

เพราะซือเฟิงในเวลานี้นั้นแม้จะโดนการสะกดจิตขั้นสูงแบบนี้ แต่ใบหน้า และดวงตาของเขาก็ยังไม่ได้มีท่าทีจะแสดงความหวาดกลัวออกมาเลย ซึ่งมันก็เห็นได้ชัดว่าเขาสามารถจะรับมือกับความสามารถนี้ของหวู่หมิงได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

“ดี ! ยอดเยี่ยมมากๆ !!” หวู่หมิงจ้องมองไปยังซือเฟิงที่ดูจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆเลยจากพลังของเขา พลางหัวเราะ “เมื่อวันก่อนในตอนที่ฉันได้ข่าวมาว่าคุณได้กลายเป็นปรมาจารย์ทางจิตแล้วนั้น ฉันไม่เชื่อเลย แต่อย่างไรก็ตามพอได้มาเห็นคุณต่อหน้าจริงๆ ดูเหมือนว่าฉันจะต้องยอมรับแล้วว่าข่าวนั้นมันเป็นเรื่องจริง !!!”

เมื่อหวู่หมิงพูดจบ เหล่าผู้ชมก็ล้วนมองไปยังซือเฟิงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหานอี้เฟิง ….

“นี่เขาเป็นมนุษย์จริงๆงั้นหรอ ?”

ในตอนที่เขาได้พบกับซือเฟิงครั้งแรกนั้น แม้ว่าซือเฟิงจะเป็นหัวหน้ากิลขนาดใหญ่ที่สร้างมาปฎิหาริย์มามากมาย แต่ซือเฟิงก็แข็งแกร่งกว่าค่าเฉลี่ยของผู้คนใน Upper Zone ไม่มากนัก ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วแค่นี้มันก็ยังไม่คุ้มค่าที่จะให้เขาต้องสนใจมากนัก

แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ซือเฟิงเข้าสู่ Upper Zone มาได้ไม่นานนั้น เขากับสามารถจัดหาทรัพยากรจำนวนมากมายมหาศาลให้กับตัวเองได้อย่างรวดเร็ว แถมตอนนี้เขายังได้กลายเป็นปรมาจารย์จิต ซึ่งเป็นตัวตนที่กองกำลังในพื้นที่ชั้นพื้นฐานของ Upper Zone ส่วนใหญ่นั้นล้วนหวาดกลัวด้วย อัตราการเติบโตของซือเฟิงนั้นมันน่าเหลือเชื่อ และจัดว่าเหนือมนุษย์จนเกินไป !!!

ในเวลานี้ไม่เพียงแต่หานอี้เฟิงเท่านั้นที่มีท่าทีตกตะลึงอย่างถึงที่สุด แม้แต่ฉินไป่ยี่เองก็เช่นกัน และกว่าที่เขาจะสงบสติอารมณ์ลงได้นั้นมันก็ต้องใช้เวลาพักหนึ่งเลยทีเดียว

“นี่คุณกลายเป็นปรมาจารย์ทางจิตทั้งๆที่มีอายุน้อยกว่ายี่สิบห้าปีงั้นหรอ ?”

ก่อนหน้านี้ฉินไป่ยี่นั้นไม่แน่ใจในเรื่องนี้มากนัก อย่างไรก็ตามเมื่อตัวตนระดับหวู่หมิงกล่าวออกมาเองแบบนี้นั้น เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องทำใจและยอมรับว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องจริงหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์

ปรมาจารย์ทางจิตนั้นจัดเป็นตัวตนทีพิเศษมากๆใน Upper Zone และทุกคนที่อยู่ใน Upper Zone นั้นก็ล้วนตั้งเป้าที่จะไปให้ถึงขอบเขตนี้ให้ได้ และต่อให้คนๆหนึ่งจะไปถึงขอบเขตนี้ได้ตอนอายุหกสิบหรือเจ็ดสิบปี มันก็ยังคงจัดว่าเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจมากๆ

ในส่วนของตัวเขาที่สามารถจะกลายเป็นปรมาจารย์ทางจิตได้ตอนอายุราวสามสิบนั้นเขาก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นอัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยากมากๆใน Upper Zone ของเมืองหยวนเทียน แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับซือเฟิงในตอนนี้แล้ว ความสามารถของเขานั้นมันดูไร้ค่าไปเลย

ซือเฟิงนั้นตรงข้ามกับเขามากๆ เนื่องจากซือเฟิงนั้นยังอายุไม่ถึงยี่สิบห้าด้วยซ้ำ และความสามารถในการพัฒนาของซือเฟิงก็ยังคงจัดว่าอยู่ในจุดสูงสุด ดังนั้นเขาจึงยังคงมีเวลาที่จะสามารถพัฒนาตัวเองไปได้อีกไกล ซึ่งมันตรงกันข้ามกับเขา เพราะท้ายที่สุดแล้วความสามารถในการพัฒนาของคนๆหนึ่งจะเริ่มช้าลงหลังจากอายุก้าวเข้าสู่เลขสาม

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้นั้นฉินไป่ยี่ก็อดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และในตอนนี้เขาก็อยากจะแนะนำซือเฟิงให้กับอาจารย์ของเขามากๆ

แต่อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ฉินไป่ยี่กำลังตื่นเต้นกับเรื่องนี้นั้น หวู่หมิงก็กล่าวออกมาอย่างเย็นชาว่า “ฉันต้องยอมรับเลยว่าคุณนั้นมีความสามารถสูงมากๆ แต่อย่างไรก็ตามคุณคิดหรอว่าคุณที่พึ่งสามารถจะเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์ทางจิตได้จะสามารถเทียบกับฉันได้น่ะ ?”

เมื่อหวู่หมิงพูดจบ เขาก็ได้ปล่อยหมัดเข้าใส่ซือเฟิง

หมัดนี้นั้นแม้จะดูเป็นเหมือนหมัดธรรมดา แต่ในสายตาของทุกคนที่เฝ้าดูอยู่มันก็สามารถจะบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่าหมัดนี้มีพลังทำลายล้างที่สูงมาก และมันก็เป็นหมัดที่ไม่มีใครสามารถจะหยุดยั้งหรือเอาชนะได้แน่นอน ซึ่งความรู้สึกนี้ก็ได้แทรกซึมลงไปในจิตใจของทุกคน และทำให้ร่างกายของทุกคนนั้นสั่นด้วยความกลัวอย่างมาก

“ไม่ดีแล้ว !!!” เมื่อฉินไปยี่ได้เห็นฉากตรงหน้านี้ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงอย่างถึงที่สุด “นี่เขาบ้าไปแล้วงั้นหรอ ?!!”

ตอนนี้มันเห็นได้ชัดเลยว่าหลังจากที่หวู่หมิงได้เห็นศักยภาพที่แท้จริงของซือเฟิงแล้ว เขาก็ได้ตั้งใจจะกำจัดซือเฟิงเพื่อขจัดปัญหาในอนาคต !!!

ขณะเดียวกันด้านของซือเฟิงนั้นเขาก็เข้าใจถึงพลังของหมัดนี้เป็นอย่างดีเช่นกัน และเขาก็รู้ดีว่าหากเขาโดนเข้าไปเต็มๆนั้น เขาก็อาจจะถึงขั้นพิการได้เลย เพราะท้ายที่สุดด้วยพลังในปัจจุบันของเขานั้น เขาไม่สามารถจะต้านทานหมัดนี้ได้แน่นอน
“ไม่ !! ฉันมาไกลถึงขนาดนี้แล้ว ฉันจะไม่ยอมมาตายหรือพิการอยู่ตรงนี้หรอก !!!”

ซือเฟิงมองไปที่หมัดที่เข้ามาใกล้มากขึ้น พลางเริ่มใช้สมองของตัวเองคิดวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ทั้งหมดเพื่อหาวิธีการที่จะต่อต้านหมัดนี้

และเมื่อหมัดของหวู่หมิงใกล้เข้ามาจนเหลือระยะเพียงแค่ครึ่งเมตรก็จะโดนซือเฟิง ซือเฟิงก็คิดถึงความเป็นไปได้บางอย่างออก ก่อนหน้านี้มันเป็นเพราะสมรรถภาพทางกาย และปฎิกิริยาทางจิตของเขานั้นยังไม่รวดเร็วพอ เขาจึงไม่สามารถจะใช้มันในโลกแห่งความจริงได้

“มาลองดูกันหน่อย !!!”

ซือเฟิงตะโกนพลางเริ่มกวัดแกว่งฝ่ามือของเขาให้เหมือนกับเทคนิคดาบที่เขามักใช้ป้องกันตัวเองใน God domain ซึ่งเทคนิคนี้นั้นซือเฟิงก็เคยใช้มันมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

วัฎสงสารแห่งดาบ !!!

Reincarnation Of The Strongest Sword God

Reincarnation Of The Strongest Sword God

เริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง เขาได้เข้ามาสู่ “เกมแห่งมีชีวิต” นี้อีกครั้งเพื่อที่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเอง ครั้งนี้ , เขาจะไม่ถูกควบคุมจากคนอื่น ก่อนหน้านี้ราชาแห่งดาบเลเวล 200 , เขาได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต วิธีการที่จะได้รับเงิน! กลยุทธ์แห่งชัยชนะในดันเจี้ยน! เควสในตำนาน! สถานที่ดรอปอุปกรณ์! ทักษะที่ยังไม่ถูกค้นพบ! แม้แต่ความลับที่พวกผู้ทดสอบเบต้าไม่รู้ , เขารู้มันทั้งหมด สงครามอันยิ่งใหญ่ , ความก้าวหน้าในชีวิต , เข้าสู่ความเป็นพระเจ้า , บรรลุถึงจุดสูงสุดแห่งดาบ ตำนานของชายผู้ที่จะกลายเป็นเทพแห่งดาบได้เริ่มขึ้นแล้ว Starting over once more, he has entered this “living game” again in order to control his own fate. This time, he will not be controlled by others. Previously the Level 200 Sword King, he will rise to a higher peak in this life. Methods to earn money! Dungeon conquering strategies! Legendary Quests! Equipment drop locations! Undiscovered battle techniques! Even the secrets Beta Testers were unknowledgeable of, he knows of them all. Massive wars, life advancement, entering Godhood, sword reaching to the peak; a legend of a man becoming a Sword God has begun.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset