Reincarnation Of The Strongest Sword God – ตอนที่ 2907

ตอนที่ 2907 ปรมาจารย์ทางจิตระดับสามดาวที่ยากจะสั่นสะเทือน

ตู้ม !

เสียงระเบิดจากการปะทะกันดังขึ้นอย่างชัดเจน และคลื่นกระแทกที่เกิดจากการปะทะกันนั้นมันก็รู้สึกได้ชัดเจนมากๆ แม้แต่กับผู้คนที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบหลาก็ตาม

หมัดของหวู่หมิงนั้นได้ถูกผลักดันให้ต้องหยุดลงไปอย่างกระทันหัน ในขณะที่ตัวซือเฟิงนั้นก็ถูกบังคับให้ต้องถอยไปหลายก้าวกว่าที่จะทำให้ร่างกายของตัวเองคงที่ได้

ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมานี้มันก็ทำให้หานอี้เฟิง และคนอื่นๆอดไม่ได้ที่จะมองไปยังซือ
เฟิงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“ป้องกันได้ !!”

“เขาป้องกันมันได้ยังไงกัน ?!!”

พลังหมัดของหวู่หมิงนั้นมันรุนแรงมากๆ โดยมันรุนแรงมากซะจนทำให้พื้นใต้เท้าของหวู่หมิงผู้ที่ปล่อยหมัดนี้ออกมานั้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆเลย

ซึ่งพื้นใต้เท้าของหวู่หมิงนั้น สิ่งที่ใช้ปูบนพื้นนั้นมันมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับเหล็กกล้าเลย และแม้สุดยอดปรมาจารย์เหิงเหลียนจะใช้พลังของตัวเองอย่างเต็มที่ แต่มันก็จะทำให้สิ่งที่ใช้ปูพื้นที่อยู่ใต้เท้าของสุดยอดปรมาจารย์เหิงเหลียนแตกออกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรก็ตามพลังของหวู่หมิงกับทำให้สิ่งที่ใช้ปูพื้นนั้นมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆเลย

และเมื่อเผชิญหน้ากับหมัดที่มีพลังแบบนี้ของหวู่หมิงนั้น หากโดนเข้าไปเต็มๆคนหนึ่งก็จะกระเด็นไปไกลหลายสิบเมตรอย่างแน่นอน

“เขาทำมันได้ยังไงกัน ?!!”

ฉินไป่ยี่มองไปยังซือเฟิงที่ถูกบังคับให้ถอยออกมา แต่ยังคงปลอดภัยดีด้วยความรู้สึกอยากรู้อยากเห็น

เมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ ณ ที่นี้ ฉินไป่ยี่นั้นมั่นใจว่าเขารู้ดีที่สุดว่าหมัดของหวู่หมิงเมื่อครู่นั้นทรงพลังมากแค่ไหน และแม้แต่ตัวเขาเองหากต้องรับหมัดเมื่อครู่เข้าไปนั้นก็ยังจะต้องได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ดังนั้นการที่ผู้ที่พึ่งเข้าถึงขอบเขตปรมาจารย์ทางจิตสามารถรับหมัดนี้ได้โดยที่ไม่บาดเจ็บใดๆ มันจึงน่าเหลือเชื่อมากๆ

ซึ่งซือเฟิงก็สามารถทำมันได้จริงๆด้วยการอาศัยเทคนิคบางอย่างที่แปลกประหลาดของเขา โดยเทคนิคนี้นั้นมันก็รวดเร็วและน่าเหลือเชื่อมากๆ เพราะมันได้เบี่ยงเบนพลังหมัดของหวู่หมิงออกไปในชั่วพริบตา และทำให้ผู้ใช้สามารถแบกรับพลังส่วนที่เหลือไว้ได้โดยปลอดภัย

ในความเป็นจริงไม่ใช่แค่ฉินไป่ยี่เท่านั้นที่รู้สึกประหลาดใจกับเรื่องนี้ แต่ตัวซือเฟิงเองก็รู้สึกประหลาดใจ พร้อมทั้งมีความสุขมากๆเช่นกัน เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะทำมันได้สำเร็จจริงๆ และแม้ว่าเขาจะไม่สามารถใช้พลังของวัฎสงสารแห่งดาบในโลกแห่งความจริงได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ แต่ตอนนี้มันก็ดูเหมือนว่ามันจะมีพลังมากเพียงพอแล้วที่จะใช้ป้องกันตัวเองจากหวู่หมิงได้

แต่อย่างไรก็ตามการใช้เทคนิคแบบนี้มันก็เป็นภาระอย่างมากต่อทั้งจิต และร่างกายทางกายภาพของซือเฟิง เพราะเขาจำเป็นจะต้องผลักดันให้สมอง และร่างกายของเขาปลดปล่อยพลังออกมาถึงขีดสุด ….

“นี่คุณเบี่ยงเบนความแข็งแกร่งของร่างกายของฉันได้งั้นหรอ ?”

หวู่หมิงจ้องมองไปยังซือเฟิงด้วยความประหลาดใจ เพราะสิ่งที่เขาสัมผัสได้ก็คือเมื่อหมัดของเขาปะทะเข้ากับสองฝ่ามือของซือเฟิงนั้น มันก็ได้ถูกพลังประหลาดบางอย่างทำการเบี่ยงเบน และกระจายความรุนแรงออกไป ซึ่งนี่มันก็ทำให้หมัดของเขาสูญเสียพลังส่วนใหญ่ไปในทันที

และก็ด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้ซือเฟิงนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลย แม้จะถูกบังคับให้ต้องถอยไปหลายก้าวก็ตาม

โชคดีงั้นหรอ ?

โชคดีเนี่ยนะ ?

หวู่หมิงส่ายหัวให้กับความคิดนี้ ก่อนที่เขาจะรีบพุ่งตรงเข้าไปโจมตีซือเฟิงต่อทันที โดยเขาก็ได้ปล่อยหมัดแล้วหมัดเล่าราวกับพายุเข้าใส่ซือเฟิง และไม่เปิดช่องให้ซือเฟิงได้พักหายใจเลย

เดิมทีเขาได้มาที่นี่โดยตั้งใจจะมาสอนบทเรียนให้กับซือเฟิง รวมทั้งล้างแค้นให้กับศิษย์ของตัวเอง และบังคับให้ซือเฟิงต้องยอมมอบหุ้นส่วนใหญ่ของสภาสิบแปดปีกให้เขาก็เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้หลังจากได้เห็นศักยภาพของซือเฟิงนั้น เขาก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะต้องจัดการชายหนุ่มคนนี้ให้ได้ ไม่งั้นชายหนุ่มคนนี้จะกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเขาในอนาคตแน่นอน

และนี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่ซือเฟิงกล้าจะทำตัวหยิ่งผยองต่อหน้าเขาอีก ดังนั้นยังไงซะวันนี้เขาก็จะต้องจัดการซือเฟิงให้ได้ !!!

โดยถ้าเขาสามารถมอบความเสียหายที่รุนแรงในทางกายภาพ และมอบความหวาดกลัวทางจิตให้กับซือเฟิงอย่างหนักได้ มันก็จะทำให้ซือเฟิงมีปัญหาแน่นอนในการจะพัฒนาตัวเองบนเส้นทางจิตในอนาคต ซึ่งนี่มันก็จะทำให้บริษัทกรีนก๊อดนั้นหมดความสนใจในตัวของซือเฟิงไป และมันก็จะทำให้เขาไม่ต้องถูกลงโทษร้ายแรงนัก

แต่อย่างไรก็ตามเมื่อทำการระดมโจมตีและปล่อยหมัดราวกับพายุแบบนี้นั้น มันก็ไม่ใช่ทุกหมัดของหวู่หมิงที่จะมีความแข็งแกร่งเท่ากับหมัดแรกที่เขาปล่อยออกมาโจมตีซือเฟิง อย่างไรก็ตามทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ยังไม่ใช่สิ่งที่ปรมาจารย์ทางจิตทั่วไปจะสามารถต้านทานได้อยู่ดี

“นี่หมอนี่บ้าไปแล้วรึไงกัน ?” ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น และพึมพำออกมา …..

อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็รู้ดีว่าเขาไม่ได้มีทางเลือกมากนัก ดังนั้นเขาจึงได้เลือกจะปลดปล่อยศักยภาพของร่างกายทางภาย และทางจิตออกมาเพื่อใช้ต่อต้านการโจมตีเหล่านี้ทันที

วัฏสงสารแห่งดาบ !!

ตู้ม ! ตู้ม ! ตู้ม !

โดยการปะทะกันระหว่างหวู่หมิงกับซือเฟิงนั้น เหล่าผู้ชมที่เฝ้าดูส่วนใหญ่นั้นแทบจะมองไม่เห็นการเคลื่อนไหวของพวกเขาเลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพวกเขาก็ยังคงได้ยินเสียงระเบิด และได้รับรู้ถึงคลื่นกระแทกของการปะทะกันระหว่างทั้งสองอย่างชัดเจน

และหลังจากเวลาผ่านไปอีกราวสองถึงสามวินาที แม้ว่ามันจะเห็นได้ชัดว่าซือเฟิงสามารถป้องกันการโจมตีของหวู่หมิงได้ทั้งหมด แต่ทุกคนก็สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าซือเฟิงนั้นอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบ เพราะใบหน้าของเขานั้นซีดลงไปเรื่อยๆ ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าเทคนิคที่เขาใช้ป้องกันการโจมตีของหวู่หมิงนั้นมันเป็นภาระต่อเขามาก

“มาดูกันว่าคุณจะทนได้นานแค่ไหน !!!” หวู่หมิงกล่าวด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว

แม้ว่าการโจมตีแบบนี้นั้นมันจะทำให้ร่างกายของเขาซึ่งเป็นผู้ทำการโจมตีต้องแบกรับภาระหนักมากเช่นกัน แต่เต็มที่สิ่งที่เขาต้องทำเพื่อฟื้นฟูตัวเองมันก็แค่ดื่มโพชั่นแห่งชีวิตในปริมาณที่เหมาะสมเป็นเวลาหนึ่งเดือน แล้วร่างกายของเขาก็จะค่อยๆฟื้นฟูกลับมาเองตามธรรมชาติ ซึ่งตรงกันข้ามกับซือเฟิงที่หากโดนการโจมตีของเขาเข้าไปแม้แต่หมัดเดียวนั้น มันก็มีสิทที่จะส่งผลกระทบถึงอนาคตของตัวเองได้เลย

หลังจากนั้นเวลาแต่ละวินาทีก็ค่อยๆผ่านไป ซึ่งมันก็ทำให้ฉินไป่ยี่ที่เฝ้าดูอยู่จากด้านข้างนั้นเต็มไปด้วยความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ

“พี่ชาย พี่ทำอะไรไม่ได้เลยงั้นหรอ ?” ขณะเดียวกันเอสเลสสการ์ที่เฝ้าดูอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามขึ้น

ฉินไปยี่มองไปที่ทั้งสองคนที่กำลังต่อสู้กันอยู่ และกล่าวออกมาอย่างไม่สามารถจะทำอะไรได้ว่า “ฉันเองก็อยากจะเข้าไปแทรกแซงเช่นกัน แต่การต่อสู้ระหว่างพวกเขาทั้งสองในตอนนี้นั้นมันไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะสามารถเข้าไปยุ่งได้เลย แม้ว่าจะต้องการก็ตาม ฉันทำได้แค่รอให้อาจารย์ของฉันมาถึงเท่านั้น ….”

มันไม่ใช่ว่าเขาที่เป็นปรมาจารย์ทางจิตเช่นกันจะไม่ต้องการเข้าแทรกแซง เพียงแต่ว่าถ้าเขาเข้าไปแทรกแซงนั้น เขาก็มีสิทจะล้มลงไปด้วยในทันที …..

หลังจากเวลาผ่านไปอีกราวสิบวินาทีนั้น ผิวของหวู่หมิงก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ในขณะที่ผิวของซือเฟิงนั้นก็ซีดลงไปจนแทบจะไร้สีเลือด พร้อมกันนั้นดวงตาของเขาก็แสดงความอ่อนล้าออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าเขาจะทนได้อีกไม่กี่วินาทีแน่นอน

“ตายไปซะ !!!”

หวู่หมิงมองไปยังสภาพล่าสุดของซือเฟิงและตัดสินใจที่จะเร่งความเร็วในการโจมตีของตัวเองขึ้นทันที แม้ว่ามันจะทำให้ร่างกายของเขาต้องรับภาระหนักขึ้นก็ตาม

ชั่วขณะหนึ่งฉินไป่ยี่นั้นอดไม่ได้ที่จะหลับตาลง เพราะไม่สามารถทนดูภาพตรงหน้าได้ ในขณะที่เอนเลสสการ์นั้นก็มีใบหน้าที่มืดมนอย่างถึงที่สุด

อย่างไรก็ตามในระหว่างที่หมัดของหวู่หมิงกำลังจะเอาชนะการป้องกันของซือเฟิงได้นั้น มันก็มีเสียงหนึ่งดังก้องขึ้นมาในหูของทุกคน

“หยุดการกระทำนั่นซะ !!!”

แม้ว่าเสียงนี้จะไม่ได้ดังมากนัก แต่มันก็สร้างความหวาดกลัวให้กับทุกคนทั่วบริเวณที่เฝ้าดูอยู่อย่างมาก

ขณะเดียวกันเสียงนี้นั้นมันก็แผ่แรงกดดันทางจิตที่ยากจะพรรณนาออกมาจนทำให้หวู่หมิง นั้นต้องรีบผละออกจากซือเฟิง

ซึ่งฉากที่เกิดขึ้นนี้มันก็ทำให้ทุกคนที่เฝ้าดูอยู่ในปัจจุบันอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ และตอนนี้พวกเขาก็ล้วนสงสัยถึงตัวตนของผู้ที่ทำให้คนอย่างหวู่หมิงยอมถอยออกห่างจากซือเฟิงมากๆ

และเมื่อทุกคนหันไปมองยังที่มาของเสียงนั้น พวกเขาก็พบกับคนสองคนที่กำลังเดินเข้ามา โดยคนหนึ่งนั้นเป็นหญิงสาวที่งดงาม ขณะที่อีกคนหนึ่งนั้นเป็นชายชราในชุดสีขาว

ซึ่งหญิงสาวที่งดงามนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเซี่ยชิงหยาง ผู้จัดการชั้นพื้นฐาน ขณะเดียวกันในด้านของชายชราที่เดินเคียงข้างมากับเซี่ยชิงหยางนั้น เมื่อฉินไป่ยี่ได้เห็น ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว และความเคารพมากๆ

ในขณะเดียวกันนั้นหวู่หมิงก็มองไปยังชายชราคนนี้พลางกัดฟัน และพูดว่า “ผู้อาวุโสอู๋หยวน ฉันแค่ต้องการจะสอนเด็กหนุ่มที่หยิ่งผยองคนนี้ คุณคิดจะเข้ามาแทรกแซงงั้นหรอ ?”

เซี่ยอู๋หยวน !!

ผู้จัดการที่แท้จริงแห่งชั้นกลางของ Upper Zone เมืองหยวนเทียน และเขาก็ยังเป็นปรมาจารย์ทางจิตที่มีอำนาจระดับสามดาวที่แท้จริงด้วย และมันก็มีข่าวลือว่าจนถึงตรงนี้นั้นชายคนนี้อยู่ห่างจากการกลายเป็นปรมาจารย์ทางจิตขั้นสูงเพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น และเมื่อเขากลายเป็นปรมาจารย์ทางจิตขั้นสูงเมื่อไหร่ เขาก็จะมีสิทก้าวเข้าสู่พื้นที่ชั้นบนสุดของ Uppper Zone ของเมืองหยวนเทียนทันที

และเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหวู่หมิง ผู้ซึ่งพึ่งจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตปรมจารย์ทางจิตขั้นกลางนั้น ชายผู้นี้ก็จะสามารถบดขยี้หวู่หมิงได้ง่ายๆเลย

“หวู่หมิงที่นี่เป็นพื้นที่ Upper Zone ของเมืองหยวนเทียนนะ คุณคิดว่าคุณจะสามารถทำอะไรก็ได้ที่ต้องการที่นี่งั้นหรอ ?” เซี่ยอู๋หยวนมองไปที่หวู่หมิง และพูดอย่างช้าๆว่า “ขอให้เรื่องนี้มันจบลงที่นี่ !! ซือเฟิงนั้นผู้มีพรสวรรค์สูงที่มีค่าของเมืองหยวนเทียน หากคุณคิดจะยุ่งกับเขาอีกก็อย่ามาโทษฉันแล้วกัน !!!”

คำพูดของเซี่ยอู๋หยวนนั้นเปรียบเสมือนกับฟ้าผ่าลงที่ใจกลางหน้าของหวู่หมิง ซึ่งนี่มันก็ทำให้ใบหน้าของหวู่หมิงนั้นบิดเบี้ยวไปอย่างน่าเกลียดทันที ก่อนที่เขาจะหันไปมองซือเฟิง และพูดว่า “ชายหนุ่ม วันนี้คุณโชคดีมาก !!! แต่ครั้งหน้าที่เราอจกันคุณจะไม่โชคดีอย่างนี้แน่นอน !!!”

เมื่อหวู่หมิงกล่าวจบ เขาก็พาลู่เทียนตี้กลับขึ้นรถของตัวเองไปทันทีโดยไม่ได้คิดจะพูดคุยกัยเซี่ยอู๋หยวนต่อ

“อาจารย์ เราจะปล่อยซือเฟิงไปแบบนี้งั้นหรอ ?” ลู่เทียนตี้อดไม่ได้ที่จะถาม

ตอนนี้ศักยภาพที่ซือเฟิงแสดงออกมานั้นมันได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าอนาคตของซือเฟิงนั้นไร้ขีดจำกัด และตอนนี้พวกเขาก็ไปตั้งตัวเป็นศัตรูกับซือเฟิงแล้ว ดังนั้นหากพวกเขาปล่อยซือเฟิงไว้แบบนี้ ในอนาคตพวกเขาจะเจอกับปัญหาใหญ่แน่นอน

หวู่หมิงสูดหายใจเข้าลึกๆ พลางส่ายหัว ก่อนที่จะพูดว่า “เท่าที่ฉันรู้มาเซี่ยอู๋หยวนนั้นอยู่ห่างจากการเป็นปรมาจารย์ทางจิตขั้นสูงเพียงครึ่งก้าวแล้ว ซึ่งเขาไม่ใช่ตัวตนที่ฉันที่พึ่งจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์ทางจิตขั้นกลางจะสามารถต่อสู้ด้วยได้เลย แต่อย่างไรก็ตามครั้งหน้าที่เจอกัน ฉันจะทำให้แน่ใจว่าซือเฟิงนั่นจะไม่หลุดมือฉันไปแน่นอน หลังจากนี้ฉันจะไปสมัครคัดเลือกเพื่อรับเอาสิทขั้นสูงในการเข้าสู่พื้นที่บนสุดเพื่อไปฝึก ซึ่งเมื่อฉันได้ฝึกและจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้วนั้น ครั้งหน้าซือเฟิงก็จะไม่สามารถต้านทานฉันได้แน่นอน !!!”

ลู่เทียนตี้นั้นรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยิน

ถ้าอาจารย์ของเขาสามารถเข้าสู่พื้นที่ชั้นบนสุดเพื่อไปฝึกได้ อาจารย์ของเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นแน่นอน และการจะจัดการกับซือเฟิงมันก็จะง่ายกว่าตอนนี้มาก ขณะเดียวกันจุดที่สำคัญที่สุดก็คือหลังจากฝึกแล้ว อาจารย์ของเขาก็น่าจะได้รับอำนาจระดับสามดาว ซึ่งจะทำให้อาจารย์ของเขาทำสิ่งต่างๆได้ง่ายขึ้นมาก

ในขณะที่หวู่หมิง กับลู่เทียนตี้จากไปนั้น ซือเฟิงก็ได้เดินเข้าไปขอบคุณเซี่ยชิงหยาง กับเซี่ยอู๋หยวน โดยเฉพาะกับเซี่ยอู๋หยวนที่ถ้าไม่ได้เขาออกมารับหน้าให้ ซือเฟิงก็อาจจะถูกจัดการไปแล้วก็ได้

“ชายหนุ่ม คุณมีความสามารถที่น่าทึ่งมากจริงๆ !!” เซี่ยอู๋หยวนที่ทำการตรวจสอบซือเฟิงกล่าวด้วยความชื่นชม ก่อนที่เขาจะพูดต่ออย่างช้าๆว่า “ชิงหยางเคยบอกฉันถึงเรื่องของคุณแล้ว และเธอบอกกระทั่งว่าคุณมีพรสวรรค์สูงกว่าฉินไป่ยี่ด้วย แต่ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อ อย่างไรก็ตามโชคดีจริงๆที่ฉันมีธุระต้องมาทำที่นี่ในวันนี้ เพราะมันช่วยให้ฉันได้เห็นพลังของคุณได้อย่างชัดเจน และช่วยปกป้องคุณจากหวู่หมิงไว้ได้ทัน”

“ขอบคุณมากๆสำหรับคำชม และความช่วยเหลือของคุณ มิส กับมิสเตอร์เซี่ย …” ซือเฟิงกล่าวขอบคุณอีกครั้งอย่างจริงใจ

เซี่ยชิงหยางมองไปที่ซือเฟิงพลางพยักหน้าเล็กน้อย “คุณทำให้ฉันประหลาดใจ และตกตะลึงมากจริงๆ แม้ว่าฉันจะรู้อยู่แล้วว่าคุณคงใช้เวลาไม่นานแน่นอนในการจะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์ทางจิต แต่ฉันก็ไม่คิดเลยว่ามันจะเร็วขนาดนี้ และการที่ฉันเชิญปู่ของฉันมาในครั้งนี้มันก็นับว่าคุ้มค่าทีเดียว”

ซือเฟิงนั้นรู้สึกเขินอายอยู่เล็กน้อย และไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เพราะเอาจริงๆแล้วการที่เขาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนมาถึงจุดนี้ได้นั้น มันเป็นเรื่องที่แม้แต่เขาก็คาดไม่ถึงอย่างสิ้นเชิง

“เอาล่ะ พวกคุณสองคนหยุดคุยกันก่อน เดี๋ยวในอนาคตพวกคุณจะมีเวลาพูดคุยกันอีกมากแน่นอน ….” เซี่ยอู๋หยวนกล่าวพลางกระแอม ก่อนที่เขาจะมองไปยังซือเฟิง และพูดอย่างช้าๆว่า “ชายหนุ่ม ในเมื่อคุณกลายเป็นปรมาจารย์ทางจิตแล้วก็ตามฉันเข้าไปที่พื้นที่ชั้นกลางกันเลย !!!”

Reincarnation Of The Strongest Sword God

Reincarnation Of The Strongest Sword God

เริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง เขาได้เข้ามาสู่ “เกมแห่งมีชีวิต” นี้อีกครั้งเพื่อที่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเอง ครั้งนี้ , เขาจะไม่ถูกควบคุมจากคนอื่น ก่อนหน้านี้ราชาแห่งดาบเลเวล 200 , เขาได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต วิธีการที่จะได้รับเงิน! กลยุทธ์แห่งชัยชนะในดันเจี้ยน! เควสในตำนาน! สถานที่ดรอปอุปกรณ์! ทักษะที่ยังไม่ถูกค้นพบ! แม้แต่ความลับที่พวกผู้ทดสอบเบต้าไม่รู้ , เขารู้มันทั้งหมด สงครามอันยิ่งใหญ่ , ความก้าวหน้าในชีวิต , เข้าสู่ความเป็นพระเจ้า , บรรลุถึงจุดสูงสุดแห่งดาบ ตำนานของชายผู้ที่จะกลายเป็นเทพแห่งดาบได้เริ่มขึ้นแล้ว Starting over once more, he has entered this “living game” again in order to control his own fate. This time, he will not be controlled by others. Previously the Level 200 Sword King, he will rise to a higher peak in this life. Methods to earn money! Dungeon conquering strategies! Legendary Quests! Equipment drop locations! Undiscovered battle techniques! Even the secrets Beta Testers were unknowledgeable of, he knows of them all. Massive wars, life advancement, entering Godhood, sword reaching to the peak; a legend of a man becoming a Sword God has begun.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset