ตอนที่ 2908 พื้นที่ชั้นกลาง
“พื้นที่ชั้นกลางงั้นหรอ ?”
ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเขาได้ยินเรื่องนี้
เท่าที่เขารู้มา แม้ว่าคนๆหนึ่งจะสามารถเข้าไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ชั้นกลางได้ หลังจากกลายเป็นปรมาจารย์ทางจิต แต่คนผู้นั้นก็จำเป็นจะต้องผ่านการทดสอบภายใน และการประเมินจากบริษัทกรีนก๊อดก่อนจึงจะทำแบบนั้นได้ เพราะท้ายที่สุดพื้นที่ชั้นกลางนั้นนับเป็นสถานที่ที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับบริษัทกรีนก๊อด และแม้แต่ตัวตนระดับสูงในพื้นที่ชั้นกลางก็ยังต้องผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวดหลายอย่าง ก่อนที่จะสามารถเดินทางเข้าออกพื้นที่ชั้นกลางได้อย่างอิสระ
ขณะเดียวกันเมื่อฉินไป่ยี่ได้ฟังคำพูดของเซี่ยอู๋หยวนนั้นเขาก็รู้สึกพูดไม่ออกอย่างถึงที่สุด
เนื่องจากฉินไป่ยี่นั้นจำได้อย่างชัดเจนว่า เขาต้องเจอกับปัญหามากมายขนาดไหนกว่าจะผ่านการทดสอบ และการประเมินของบริษัทกรีนก๊อดเพื่อเข้าสู่พื้นที่ชั้นกลางได้ หลังจากที่เขาได้กลายเป็นปรมาจารย์ทางจิต …. แต่ตอนนี้ซือเฟิงที่ยังไม่ได้ผ่านการทดสอบ และการประเมินจากบริษัทกรีนก๊อดกับสามารถจะเข้าสู่พื้นที่ชั้นกลางได้โดยตรง ซึ่งถ้าเขาไปเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง มันก็คงจะไม่มีใครเชื่อเขาแน่นอน
แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ต้องยอมรับอยู่เรื่องหนึ่งนั่นก็คือ เซี่ยอู๋หยวนนั้นมีพลังที่จะทำแบบนี้ได้ เพราะท้ายที่สุดชายผู้นี้คือผู้จัดการพื้นที่ชั้นกลางซึ่งมีอำนาจแทบจะเบ็ดเสร็จในพื้นที่ชั้นกลางของ Upper Zone เมืองหยวนเทียน และแม้ว่าซือเฟิงจะไม่ใช่ปรมาจารย์ทางจิต แต่ชายผู้นี้ก็สามารถจะนำซือเฟิงไปกับเขา และมอบสถานะผู้อยู่อาศัยถาวรในพื้นที่ชั้นกลางให้ซือเฟิงได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ….
“แน่นอนว่าแม้ว่าคุณจะยังไม่ได้ผ่านการทดสอบ และการประเมินจากบริษัทกรีนก๊อด แต่คุณก็สามารถจะเข้าไปยังพื้นที่ชั้นกลางได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วการที่คุณสามารถต้านทานการโจมตีจากหวู่หมิงได้นานขนาดนี้ มันก็พิสูจน์ให้เห็นได้ชัดแล้วว่าคุณคือปรมาจารย์ทางจิตอย่างแท้จริง” เซี่ยอู๋หยวนพยักหน้าเล็กน้อย พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “และเนื่องจากเป็นแบบนี้นั้นคุณจึงสมควรจะเข้าไปลงทะเบียนยืนยันตัวตนเพื่อพักอาศัยในพื้นที่ชั้นกลาง หรือว่าคุณไม่ต้องการจะได้รับตัวตน ในฐานะผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่ชั้นกลางของ Upper Zone เมืองหยวนเทียนงั้นหรอ ?”
“ไม่อย่างแน่นอน …” ซือเฟิงรีบกล่าวอย่างรีบร้อน “มันย่อมเป็นเรื่องดีกว่าอยู่แล้วที่จะได้รับตัวตนในฐานะผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่ชั้นกลางของ Upper Zone เมืองหยวน
เทียน”
ทรัพยากรที่มีอยู่ในพื้นที่ชั้นกลางนั้นมันเป็นสิ่งที่ทรัพยากรที่มีอยู่ในพื้นที่ชั้นพื้นฐานเทียบไม่ติดเลย ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเขาได้รับตัวตนในฐานะผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่ชั้นกลางแล้ว เขาก็จะมีอำนาจมากพอที่จะซื้อน้ำแห่งชีวิตได้ด้วย
“เอาล่ะ งั้นพวกเราก็ไปกันเลยดีกว่า !!!”
เซี่ยอู๋หยวนนั้นไม่ได้เลือกจะพูดอะไรต่อ และหลังจากนั้นเขาก็ได้โบกมือให้รถบินได้ซึ่งมีโลโก้ของบริษัทกรีนก๊อดแปะอยู่บินลงมา ก่อนที่เขาจะจากไปพร้อมกับซือเฟิง และเซี่ยชิงหยาง ซึ่งนี่สร้างความอิจฉาอย่างมากให้กับหานอี้เฟิง และทายาทของบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆที่ล้วนพยายามจะเข้าไปยังพื้นที่ชั้นกลางกันอย่างบ้าคลั่ง
“ตอนนี้คุณซือเฟิงกำลังจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วสินะ ….” หานอี้เฟิงมองไปยังทิศทางที่ซือเฟิงจากไป พลางพึมพำด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน
ตัวเขานั้นได้แสวงหาโอกาสที่จะเข้าไปยังพื้นที่ชั้นกลางมานานแล้ว แต่ตอนนี้ซือ
เฟิงกับสามารถเข้าไปยังพื้นที่ชั้นกลางได้อย่างง่ายมากๆผ่านคำเชิญของเซี่ยอู๋หยวน แถมเท่าที่ดูนั้นมันก็ดูเหมือนว่าเซี่ยอู๋หยวนจะสนใจในตัวซือเฟิงมากๆด้วย ดังนั้นชีวิตในพื้นที่ชั้นกลางของซือเฟิงจึงน่าจะง่ายกว่าคนปกติที่พึ่งจะเข้าไปแน่นอน
“น่าเสียดาย …” ฉินไป่ยี่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
ซือเฟิงนั้นเป็นอัจฉริยะที่มีความสามารถที่สูง และน่ากลัวมากๆ หากพวกคนใหญ่คนโตใน Upper Zone ของเมืองหยวนเทียนรู้เรื่องนี้พวกเขาคงได้บ้าแน่ๆ และตอนนี้ผู้ที่ให้โอกาสก้าวแรกแก่ซือเฟิงเพื่อให้เขาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ามันก็เป็นเซี่ยอู๋หยวนอีกต่างหาก ….
“นายกลายเป็นปรมาจารย์ทางจิตแล้วงั้นหรอ ? รอก่อนเถอะ !!! อีกไม่นานฉันจะต้องตามนายไปให้ทันให้ได้ !!!” เอนเลสสการ์พึมพำ พลางมองไปยังทิศทางที่ซือเฟิงจากไปด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
อีกด้านหนึ่ง เซี่ยอู๋หยวนก็ได้พาซือเฟิงผ่านการสแกน กับประเมินจากเครื่องจักรกล ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงส่วนครึ่งบนของภูเขา
ขณะเดียวกันเมื่อซือเฟิงได้สัมผัสถึงสภาพแวดล้อมที่นี่ที่เต็มไปด้วยหมอกหนาแน่นที่ห่อหุ้มร่างกายของเขานั้น จิตของซือเฟิงที่ตอนแรกมันแห้งเหือดมากๆจากการต่อสู้กับหวู่หมิงก็กลายเป็นเหมือนกับปลาที่ได้น้ำ และมันก็ได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว โดยจากที่ซือเฟิงประเมินนั้นสภาพแวดล้อมที่นี่ดีกว่าสภาพแวดล้อมในวิลล่าขนาดใหญ่ที่เขาพึ่งได้รับมา ระดับหนึ่งเลยทีเดียว …
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เซี่ยอู๋หยวนพาซือเฟิงไปยังวิลล่าหลังหนึ่งที่อยู่ติดกับน้ำตก และภูเขาสีเขียวนั้น มันก็ยิ่งสร้างความตกตะลึงให้กับซือเฟิงมากๆ
“สภาพแวดล้อมที่นี่มันดีกว่าสภาพแวดล้อมที่พื้นที่ชั้นกลางทั่วไปถึงสองเท่า ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทุกคนนั้นล้วนต้องการจะเข้ามาอาศัยในพื้นที่ชั้นกลาง ด้วยสภาพแวดล้อมแบบนี้ต่อให้คนๆหนึ่งไม่ทำอะไรเลย สมรรถภาพทางกาย และจิตของพวกเขาก็จะยังพัฒนาขึ้นเรื่อยๆอยู่ดี ซึ่งมันก็จะไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่จะเห็นคนๆหนึ่งที่มีอายุยืนสักหนึ่งร้อยหกสิบ ถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบปี” เมื่อซือเฟิงรับรู้ได้ถึงข้อแตกต่างของสภาพแวดล้อมภายในวิลล่า และสภาพแวดล้อมในพื้นที่ทั่วไปของชั้นกลางนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึง
“นี่คือวิลล่าชั้นยอดที่มีเพียงยี่สิบหลังเท่านั้นในพื้นที่ชั้นกลาง ไม่ต้องพูดถึงการที่จะมีชีวิตอยู่ที่นี่หนึ่งร้อยหกสิบ ถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบปีเลย สุดยอดปรมาจารย์เหิงเหลียนที่ได้มาอาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลานานนั้นจะไม่มีปัญหาที่จะมีชีวิตอยู่ถึงสองร้อยปีด้วยซ้ำ” เซี่ยอู๋หยวนมองไปยังซือเฟิงที่มีท่าทีเต็มไปด้วยความตกตะลึง พลางหัวเราะ “ยิ่งไปกว่านั้นด้วยการที่บริษัทกรีนก๊อดยังคงปรับปรุงเทคโนโลยีของตัวเองอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นในอนาคตต่อให้เป็นคนทั่วไปที่ได้เข้ามาอาศัยในพื้นที่ชั้นกลาง พวกเขาก็จะมีอายุยืนถึงสองร้อยปีกันอย่างไม่มีปัญหา และสำหรับสุดยอดปรมาจารย์ทางจิต การจะมีอายุยืนถึงสามร้อยปีก็จะไม่ใช่ปัญหาใดๆ”
“อายุสามร้อยปี ?” ซือเฟิงรู้สึกงุนงงเล็กน้อย
สามร้อยปี …. ด้วยเวลาขนาดนี้ ในสมัยโบราณนั้นมันมากพอที่จะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงจากราชวงศ์หนึ่งไปอีกราชวงศ์หนึ่งเลย
“ใช่แล้ว แม้ว่ามันจะค่อนข้างเป็นไปได้ยากสำหรับพื้นที่ชั้นกลางในปัจจุบัน แต่พูดกันตามตรงมันก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น” เซี่ยอู๋หยวนกล่าวพลางพยักหน้า “แต่อย่างไรก็ตามสำหรับคุณที่กลายเป็นปรมาจารย์ทางจิตได้ตั้งแต่อายุแค่นี้ สิ่งเหล่านี้มันก็ไม่ยากนักแน่นอน”
“สุดยอดปรมาจารย์ทางจิตมีความแข็งแกร่งขนาดนี้เลยงั้นหรอ ?” ซือเฟิงถามด้วยความประหลาดใจ
ด้วยสมรรถภาพทางกาย และทางจิตในปัจจุบันของเขา แม้ว่าเขาจะได้รับการสนับสนุนจากโพชั่นแห่งชีวิตอยู่เรื่อยๆ แต่เท่าที่เขาประเมิน เขาก็น่าจะมีชีวิตยืนยาวได้แค่ราวสองร้อยปีเท่านั้น
แต่ตอนนี้เซี่ยอู๋หยวนกับกล่าวว่าในอนาคตนั้น หากเขาสามารถกลายเป็นสุดยอดปรมาจารย์ทางจิตได้ เขาอาจจะมีชีวิตยืนยาวได้ถึงสามร้อยปีเลย ซึ่งมันทำให้เขาแอบรู้สึกว่า นี่มันไม่เหมือนมนุษย์อีกต่อไปแล้ว ….
“แน่นอน !! สุดยอดปรมาจารย์ทางจิตนั้นแข็งแกร่งกว่าที่คุณคิดไว้มาก !!! เพราะท้ายที่สุดตัวตนระดับนี้นั้นจะสามารถควบคุมสมองของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ ซึ่งสำหรับคนทั่วไปตัวตนระดับนี้ก็เปรียบเหมือนกับเทพเจ้า และบริษัทกรีนก๊อดนั้นก็ถูกก่อตั้งขึ้นโดยเหล่าสุดยอดปรมาจารย์ทางจิตนี่แหละ …” เมื่อเซี่ยอู๋หยวนกล่าวถึงสุดยอดปรมาจารย์ทางจิต ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความอิจฉา และหวาดกลัว
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ซือเฟิงนั้นก็รู้สึกตกตะลึงมากเช่นกัน
บริษัทกรีนก๊อดซึ่งเป็นบริษัทอันดับหนึ่งของโลก และมีฐานะที่ไม่อาจสั่นคลอนได้ถูกก่อตั้งขึ้นโดยสุดยอดปรมาจารย์ทางจิต !!! นี่มันเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อสุดๆ !!!
ขณะเดียวกันเซี่ยอู๋หยวนก็มองไปยังซือเฟิงที่กำลังตกตะลึงอยู่ พลางกล่าวอย่างช้าๆว่า “และตอนนี้คุณก็มีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นสุดยอดปรมาจารย์ทางจิต ดังนั้นฉันจึงได้ให้สิทธิพิเศษกับคุณ และนำคุณมายังพื้นที่ชั้นกลางเพื่อมาอาศัยอยู่ที่นี่ทันที เพราะท้ายที่สุดมันมีเพียงแต่การอาศัยอยู่ที่นี่ ในวิลล่าแบบนี้เท่านั้นที่จะทำให้คุณพัฒนาไปได้อีกอย่างรวดเร็ว การจะมาปล่อยให้คุณยังคงอาศัยอยู่ในชั้นพื้นฐาน มันเป็นเรื่องที่สิ้นเปลือง และไร้ค่าเกินไป”
เมื่อซือเฟิงได้ยินเรื่องนี้เขาก็รู้สึกตกตะลึงยิ่งขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตามเมื่อประมวลผลทั้งหมด เขาก็พอเข้าใจเหตุผลที่เซี่ยอู๋หยวนมอบสิทพิเศษให้เขา และนำเขามายังพื้นที่ชั้นกลางโดยตรงแล้ว
เซี่ยอู๋หยวนมองไปยังซือเฟิงด้วยรอยยิ้มบางๆ ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อว่า “คุณคิดว่าด้วยพรสวรรค์ของคุณ แค่ประเมินว่าคุณจะสามารถกลายเป็นสุดยอดปรมาจารย์ทางจิตได้นั้น มันเป็นการประเมินคุณต่ำเกินไปใช่ไหม ?”
ซือเฟิงไม่ได้ปฎิเสธคำพูดของเซี่ยอู๋หยวน เขาเพียงเลือกจะมองไปยังเซี่ยอู๋หยวนโดยตรงเท่านั้น
เนื่องจากในมุมมองของซือเฟิง หากปรมาจารย์ทางจิตนั้นสอดคล้องกับค่าความแข็งแกร่งทางจิตขั้นห้าใน God domain สุดยอดปรมาจารย์ทางจิตก็น่าจะสอดคล้องกับค่าความแข็งแกร่งทางจิตขั้นหกใน God domain
ในตอนนี้เขามีความมั่นใจอย่างมากในการจะเลื่อนขั้นไปเป็นขั้นหก ขอบเขตพระเจ้าใน God domain เพราะท้ายที่สุดเขามีมรดกของเทพโบราณอยู่ และเขาก็ยังมีคริสตัลวิญญาณ กับน้ำวิญญาณที่สามารถช่วยฟื้นฟู และเสริมความแข็งแกร่งทางจิตได้ด้วย ดังนั้นการจะทะลวงไปให้ถึงค่าความแข็งแกร่งทางจิตขั้นหกใน God domain มันจึงไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินเอื้อมเลย
อย่างไรก็ตามเซี่ยอู๋หยวนที่ดูเหมือนจะเดาความคิดของซือเฟิงออกก็ได้พูดตรงๆว่า “แม้ว่าค่าความแข็งแกร่งทางจิตของคุณใน God domain จะไปถึงขั้นหก แต่คุณก็จะนับว่าอยู่ในระดับครึ่งก้าวสุดยอดปรมาจารย์ทางจิตเท่านั้น และนี่ก็ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องสุดยอดปรมาจารย์จิตระดับสองดาวเลย”
“ผู้ที่มีค่าความแข็งแกร่งทางจิตขั้นหกใน God domain นั้นจะอยู่แค่ในระดับครึ่งก้าวสุดยอดปรมาจารย์ทางจิตเท่านั้นงั้นหรอ ?” ซือเฟิงพึมพำอย่างตกตะลึง
เขาเคยได้สัมผัสกับผู้ที่มีค่าความแข็งแกร่งทางจิตขั้นหกมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าตัวตนระดับนี้นั้นทรงพลังมากขนาดไหน และแม้แต่ผู้เล่นขั้นห้าก็ยังจะต้องถูกปราบปรามอย่างหนักเมื่อเผชิญหน้ากับตัวตนระดับนี้ ในขณะที่ผู้เล่นขั้นสี่นั้นก็จะเป็นเหมือนมดปลวกเลย แต่ตอนนี้เซี่ยอู๋หยวนกับบอกเขาว่าผู้ที่มีค่าความแข็งแกร่งทางจิตขั้นหกใน God domain นั้นเป็นได้แค่ระดับครึ่งก้าวสุดยอดปรมาจารย์ทางจิตเท่านั้น ….
ซึ่งนี่มันทำให้เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าสุดยอดปรมาจารย์ทางจิตที่แท้จริงนั้นจะแข็งแกร่งมากขนาดไหน
“แน่นอนว่ามันก็จะมีความแตกต่างกันระหว่างผู้ที่พึ่งมาถึง และผู้ที่มาถึงนานแล้วในขอบเขตนี้เช่นเดียวกับขอบเขตอื่นๆ ขณะเดียวกันใน Upper Zone ของเมืองหยวนเทียนนั้นมันก็มีผู้ที่อยู่ในขอบเขตสุดยอดปรมาจารย์ทางจิตทั้งหมดสามคน ซึ่งนับว่ามากแล้ว เพราะใน Upper Zone ของเมืองอื่นๆส่วนใหญ่นั้นจะมีแค่สอง หรือหนึ่งคนเท่านั้น ขณะที่ใน Upper Zone ของบางเมืองไม่มีเลยด้วยซ้ำ” เซี่ยอู๋หยวนมองไปยังซือเฟิงที่ยังคงพยายามประมวลผลสิ่งที่เกิดขึ้น พลางพูดต่อว่า “ทั้งนี้ทั้งนั้นมีอีกสิ่งหนึ่งที่ฉันต้องบอกคุณเลยก็คือ สิทธิพิเศษที่ฉันให้คุณได้มีเพียงการพาคุณเข้ามายังพื้นที่ชั้นกลางโดยตรงเท่านั้น ในส่วนของการที่คุณได้รับอนุญาติให้เข้ามาอาศัยอยู่ในวิลล่าชั้นยอดนั้น มันเป็นเพราะการแนะนำมาจากคนอื่น ไม่งั้นต่อให้คุณมีความสามารถอย่างมาก แต่เต็มที่คุณก็จะสามารถอาศัยอยู่ได้แค่ในวิลล่าทั่วไปเท่านั้น และหากคุณต้องการจะเข้ามาอาศัยในวิลล่าชั้นยอดแบบนี้อย่างน้อยคุณก็จะต้องกลายเป็นปรมาจารย์ทางจิตระดับสามดาวซะก่อน !!!”
“การแนะนำจากคนอื่น ?” ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็นในเรื่องนี้
ใน Upper Zone เขาพอมีคนรู้จักที่เป็นคนใหญ่คนโตอยู่บ้างในชั้นพื้นฐาน แต่เขาจำไม่เคยได้เลยว่าเขามีคนรู้จักที่เป็นคนใหญ่คนโตอยู่ในชั้นกลางด้วย
“คุณรู้จักคนๆนั้นอยู่แล้ว เธอคือเฟิงเฉียนหยู คนที่คุณพยายามจะสืบเสาะการหายตัวไปของเธออยู่ไง ….” เซี่ยอู๋หยวนกล่าวอย่างเรียบเฉย “ถ้าไม่ใช่เพราะการแนะนำของเธอ คุณก็จะได้รับสิทธิพิเศษเหนือกว่าปรมาจารย์ทางจิตทั่วไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
“เฟิงเฉียนหยู ?” เมื่อได้ยินเรื่องนี้นั้น ซือเฟิงก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก “ตอนนี้เธออาศัยอยู่ในพื้นที่ชั้นกลางงั้นหรอ ? แล้วสภาพของเธอเป็นยังไงบ้าง ?”
เกี่ยวกับเรื่องของเฟิงเฉียนหยูนั้น แม้ว่าเขาจะยังคงพยายามตรวจสอบอยู่เรื่อยๆ แต่เขาก็ไม่พบอะไรเลย ซึ่งนี่มันก็สร้างความกังวลให้กับจี้ลั่วหรงที่เป็นน้องสาวของเธอมาโดยตลอด … แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้คาดคิดเลยว่าเซี่ยอู๋หยวนนั้นจะรู้จักเฟิงเฉียนหยูด้วย แถมเฟิงเฉียนหยูยังเป็นคนแนะนำให้เซี่ยอู๋หยวนนำเขามาอาศัยอยู่ที่นี่อีก
“ถ้าให้พูดตรงๆก็คือตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีนัก ฉันตอบคุณได้แค่นี้ …” เซี่ยอู๋หยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หรือจะให้พูดง่ายๆก็คือตอนนี้คุณยังไม่มีสิท และอำนาจมากพอที่จะรู้เรื่องนี้ไปมากกว่านี้”
“ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีนักงั้นหรอ ?” ซือเฟิงครุ่นคิด เมื่อเขาได้ยินเรื่องนี้ และเขาก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ผู้อาวุโสเซี่ย ฉันต้องทำยังไงบ้างถึงจะมีสิทได้รู้เรื่องของเธอเพิ่มเติม ?”
เดิมทีเขาแทบจะรู้สึกหมดหวังไปแล้วกับเรื่องนี้ เพราะจากการตรวจสอบ และไม่พบอะไรเลยนั้นมันทำให้เขาคาดเดาได้อย่างชัดเจนว่าความลับที่เฟิงเฉียนหยูเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนั้นมันจะเป็นต้องเป็นเรื่องใหญ่มากแน่นอน อย่างไรก็ตามตอนนี้ในเมื่อเขาโชคดี และได้ข่าวเล็กน้อยเกี่ยวกับเธอมา เขาจึงได้เริ่มมองเห็นโอกาสที่จะช่วยเธอได้ และหากทำได้จริงๆเขาก็ต้องการจะช่วย เพราะท้ายที่สุดแล้วเฟิงเฉียนหยูนั้นได้ช่วยเหลือเขามามากมาย และตอนนี้จี้ลั่วหรงก็กลายเป็นสมาชิกคนสำคัญของสภาสิบแปดปีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีเหตุผลเลยที่จะไม่ช่วย
“อืมมม …. ถ้าคุณมีคะแนนผลงานใหญ่ๆมากพอ คุณก็น่าจะสามารถเข้าถึงข้อมูลของเธอได้เพิ่มเติมนะ …” เซี่ยอู๋หยวนคิดอยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวออกมา
“ผลงานใหญ่ๆ ?” ซือเฟิงรีบถามต่อทันที เมื่อเขาได้ยินว่ามันมีวิธี และโอกาส “คะแนนผลงานใหญ่ๆที่ว่านี่มันจำเป็นจะต้องมีคะแนนสะสมเท่าไหร่ถึงจะมากเพียงพออย่างที่คุณได้กล่าวมา ….”
“คะแนนผลงานใหญ่ๆที่ว่านี้นั้นไม่สามารถวัดได้จากคะแนนสะสม” เซี่ยอู๋หยวนส่ายหัวเล็กน้อย และพูดอย่างช้าๆว่า “ถ้าคุณต้องการจะสะสมคะแนนผลงานใหญ่ๆให้ได้จำนวนมากอย่างรวดเร็ว ตอนนี้มันก็มีทางเดียว คือการขับไล่กองทัพ NPC ผู้รุกรานจากโลกอื่นภายใน God domain ออกไปให้ได้ ถ้าทำได้คุณก็น่าจะสามารถเข้าถึงข้อมูลบางส่วนของเธอได้”
“การขับไล่กองทัพ NPC ผู้รุกรานจากโลกอื่นภายใน God domain ออกไปให้ได้งั้นหรอ ?” ซือเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อได้ยินเรื่องนี้
กองทัพ NPC ผู้รุกรานจากโลกอื่นนั้นทรงพลังกว่ากองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นมากๆ เพราะท้ายที่สุดจนถึงตอนนี้กองทัพผู้เล่นนั้นยังไม่ได้มีอาชีพขั้นห้า แต่กองทัพ NPC จากโลกอื่นนั้นมีแล้ว แถมบางคนในหมู่พวกเขายังอาจจะเป็นพวกครึ่งเทพด้วย ซึ่งนี่มันทำให้งานการจะขับไล่กองทัพ NPC แบบนี้นั้นไม่ง่ายเลย
“อย่าพึ่งคิดถึงเรื่องนี้เลย ในตอนนี้แค่พุ่งเป้าไปที่การยกระดับความสามารถทางจิตของคุณก่อนดีกว่า” เซี่ยอู๋หยวนกล่าวเตือน “แม้ว่าคุณจะกลายเป็นปรมาจารย์ทางจิตแล้ว แต่คุณก็ยังอยู่ค่อนข้างห่างจากหวู่หมิง แถมในตอนนี้หวู่ก็ใกล้จะกลายเป็นปรมาจารย์ทางจิตระดับสามดาวแล้ว ซึ่งหากคุณต้องการจะทำตัวเองให้ปลอดภัยจริงๆ คุณก็ควรจะอยู่ที่นี่และพัฒนาตัวเองไปให้ไวที่สุด ไม่งั้น หากคุณต้องการความปลอดภัย คุณก็จะได้อยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตแน่นอน เพราะเมื่อคุณออกจากที่นี่ หวู่หมิงก็จะต้องหาทางกำจัดคุณทันที”
ซือเฟิงที่ได้ยินคำเตือนของเซี่ยอู๋หยวนพยักหน้าอย่างยอมรับ เพราะท้ายที่สุดแล้วตอนนี้เรื่องของหวู่หมิงนั้นมันเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดสำหรับเขาจริงๆในตอนนี้
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเซี่ยอู๋หยวนปรากฎตัวออกมาช่วยเขา เขาก็คงจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่นอน แถมในฐานะหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีก เขาก็มีหลายอย่างที่ต้องทำ ดังนั้นเขาก็จะไม่สามารถอุดอู้อยู่ที่นี่ไปได้ตลอดชีวิตแน่นอน
“ผู้อาวุโสเซี่ย ฉันจะซื้อน้ำแห่งชีวิตได้ยังไง ?” ซือเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากถาม
ปัจจุบันเขาไม่สามารถที่จะออกจากพื้นที่ชั้นกลางไปได้ และด้วยความที่หวู่หมิงหยิ่งในศักศรีดิ์กับตัวตนของตัวเองอย่างมาก ดังนั้นหวู่หมิงจะไม่ยอมลดตัวไปจัดการกับสมาชิกของสภาสิบแปดปีกคนอื่นๆแน่นอน อย่างไรก็ตามทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็ไม่ได้แปลว่าหวู่หมิงจะไม่ทำอะไรใดๆเลย และเท่าที่ซือเฟิงคาดเดา เขาก็คงจะเลือกส่งกองกำลังบางกลุ่มไปวุ่นวาย และก่อปัญหาให้กับสมาชิกของสภาสิบแปดปีกคนอื่นๆแน่นอน
ดังนั้นตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดที่เขาต้องทำก็คือ การฟื้นฟูให้เสวี่ยเหวินโหรว กับอควาโรสนั้นกลับมาอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมที่สุด ซึ่งด้วยความแข็งแกร่งของทั้งสองสาวนั้น พวกเธอก็จะสามารถช่วยเขาปกป้องสภาสิบแปดปีกไว้ได้อย่างไม่ยากนักแน่นอน