ตอนที่ 2909 เพิ่มความแข็งแกร่งทางจิต
“ซื้อน้ำแห่งชีวิต ?” เซี่ยอู๋หยวนมองไปที่ซือเฟิง และพูดด้วยความงงงวยว่า “อำนาจของคุณในปัจจุบันนั้นอยู่ที่ระดับหนึ่งดาว ดังนั้นคุณจึงจะสามารถซื้อน้ำแห่งชีวิตได้แค่หนึ่งขวดต่อปีเท่านั้น ซึ่งน้ำแห่งชีวิตนั้นจะมีผลเน้นไปที่การฟื้นฟูชีวิต แต่อย่างไรก็ตามด้วยความสามารถของปรมาจารย์ทางจิต หากคุณใช้โพชั่นแห่งชีวิต กับโพชั่นสมาธิซึ่งเป็นของเฉพาะในพื้นที่ชั้นกลาง มันก็น่าจะเพียงพอแล้วที่จะฟื้นฟูความเสียหายทั้งหมดที่คุณได้รับ ดังนั้นคุณแน่ใจหรอว่าคุณต้องการจะซื้อน้ำแห่งชีวิต ?”
“ตอนนี้ฉันสามารถซื้อน้ำแห่งชีวิตได้แค่หนึ่งขวดต่อปีงั้นหรอ ?”
ซือเฟิงที่ได้ยินเรื่องนี้เงียบไปครู่หนึ่ง
ด้วยสภาพของอควาโรส และเสวี่ยเหวินโหรวในตอนนี้ หากพวกเธอได้อาศัยอยู่ในวิลล่าขนาดใหญ่ในชั้นพื้นฐาน มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาใดๆที่จะรอไปอีกหนึ่งปี แต่สถานการณ์ในปัจจุบันของสภาสิบแปดปีกนั้นไม่สามารถจะปล่อยให้ล่าช้าได้อีกต่อไปแล้ว เขาจำเป็นจะต้องให้พวกเธอทั้งสองคนเข้ามาช่วยงานในหลายส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของสำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีก เพราะไฟเออร์แดนซ์ กับเหล่ยเปานั้นจะไม่สามารถต้านทานผู้ที่เข้ามาก่อปัญหาทั้งหมดได้แน่นอน และนี่ยังไม่นับรวมในตอนที่เขาจะต้องนำไฟเออร์แดนซ์ และเหล่ยเปาเข้ามาฝึกใน Upper Zone ด้วย
“ถ้าคุณต้องการน้ำแห่งชีวิตเพิ่มเติม มันก็ไม่มีทางอื่น …” เซี่ยชิงหยางที่ยืนอยู่ข้างๆเซี่ยอู๋หยวนมองไปยังซือเฟิงที่เงียบไปด้วยรอยยิ้มบางๆ “บริษัทกรีนก๊อดของเรานั้นจะมีรางวัลให้กับอัจฉริยะ ผู้ที่สามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์ทางจิตได้ก่อนอายุสามสิบแบบคุณ ….”
“รางวัล ?” ซือเฟิงหันกลับมามองเซี่ยชิงหยางด้วยความสนใจทันที
“ใช่ มันเป็นรางวัลสำหรับผู้ที่สามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์ทางจิตได้ก่อนอายุสามสิบ …” เซี่ยอู๋หยวนกล่าวเสริม พลางพยักหน้า “แต่ฉันไม่แนะนำให้คุณแลกรางวัลนี้เป็นน้ำแห่งชีวิตนะ เพราะรางวัลนี้นั้นมันเป็นรางวัลที่ปรมาจารย์ทางจิตในพื้นที่ชั้นกลางทุกคนล้วนกระตือรือร้นที่จะได้รับมากๆ ซึ่งนั่นก็คือคุณจะได้รับสิทในการเข้าสู่พื้นที่ชั้นบนสุดบนยอดเขาเป็นเวลาหนึ่งเดือน โดยสิ่งนี้นั้นมันจะช่วยพัฒนาความสามารถทางจิตของคุณไปได้อีกไกลมาก ดังนั้นมันจึงไม่คุ้มค่าเลยที่จะนำมาแลกกับน้ำแห่งชีวิต เนื่องจากน้ำแห่งชีวิตนั้นสามารถที่จะแลกเปลี่ยนได้ตลอดเวลา แต่รางวัลแบบนี้นั้นจะได้รับเพียงครั้งเดียวเมื่อคุณไปถึงขอบเขตปรมาจารย์ทางจิตระดับสามดาว แถมระยะเวลาของมันก็ยังสั้นแค่สิบวันด้วย ซึ่งแตกต่างจากตอนนี้มากๆ …. แน่ใจหรอว่าต้องการจะแลกมันเป็นน้ำแห่งชีวิต ?”
“แน่ใจ !! ฉันจะแลกมัน !!!” ซือเฟิงกล่าวอย่างไม่ลังเล
“โอเคๆ …. ฉันล่ะไม่เข้าใจคนหนุ่มสาวจริงๆ ….” เซี่ยอู๋หยวนมองไปยังซือเฟิงที่มีท่าทีมุ่งมั่นพลางถอนหายใจออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจกับตัวเลือกของซือเฟิง และคิดว่ามันเป็นการเสียโอกาสอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ได้หันไปพูดกับเซี่ยชิงหยางที่อยู่ข้างๆว่า “ฉันจะต้องไปรายงานเรื่องนี้ ดังนั้นฉันจะขอฝากส่วนที่เหลือให้ชิงหยางจัดการให้คุณก็แล้วกัน ….”
เมื่อได้ยินดังนี้เซี่ยชิงหยางก็พยักหน้า และหลังจากนั้นเซี่ยอู๋หยวนก็หันหลังกลับ และออกจากวิลล่าไปโดยไม่ได้คิดจะคุยใดๆกับซือเฟิงเพิ่มเติมอีก ซึ่งนี่มันก็ทำให้ซือ
เฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น
“ไม่ต้องไปสนใจมากนักหรอก คุณปู่ก็เป็นแบบนี้แหละ และเขาก็ไม่ได้รู้สถานการณ์เฉพาะของคุณด้วย …” เซี่ยชิงหยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม เมื่อได้เห็นท่าทีของซือเฟิงที่มองไปยังทิศทางที่เซี่ยอู๋หยวนจากไป “เนื่องจากคุณยืนยันในเรื่องจะแลกสิทที่ได้รับเป็นน้ำแห่งชีวิต มันก็แปลว่าคุณต้องการน้ำแห่งชีวิตแค่สองขวดใช่ไหม ?”
“ฉันสามารถแลกเปลี่ยนน้ำแห่งชีวิตพร้อมกันสองขวดได้เลยงั้นหรอ ?” ซือเฟิงกล่าว
อย่างตกตะลึง
เดิมทีเขาคิดว่ารางวัลที่เขาได้รับนั้นจะสามารถแลกเปลี่ยนเป็นน้ำแห่งชีวิตได้เพียงหนึ่งขวดเท่านั้น และเขาก็น่าจะจำเป็นต้องใช้คะแนนสะสม กับคะแนนการค้าที่เขาเก็บมาเพื่อแลกอีกหนึ่งขวด แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถแลกเปลี่ยนน้ำแห่งชีวิตได้พร้อมกันสองขวดเลย ….
“รางวัลที่บริษัทกรีนก๊อดมอบให้คุณนั้น หากคุณต้องการจะนำมันมาแลกเปลี่ยนกับน้ำแห่งชีวิต คุณจะสามารถแลกเปลี่ยนมันได้สามขวด ซึ่งหากคุณต้องการน้ำแห่งชีวิตแค่สองขวด คุณก็จะมีสิทเหลืออยู่อีกหนึ่งขวด ดังนั้นฉันจึงจะขอแนะนำให้คุณแลกมันเป็นโพชั่นสมาธิ โดยผลของโพชั่นนี้ไม่เพียงแต่จะมีมากกว่าโพชั่นแฟนธ่อม แต่มันยังจะมีผลช่วยในการฟื้นฟูจิตอีกด้วย ซึ่งปรมาจารย์ทางจิตระดับหนึ่งดาวนั้นจะสามารถแลกเปลี่ยนได้เพียงแค่ห้าขวดต่อปี แต่ถ้าคุณแลกเปลี่ยนกับสิทของน้ำแห่งชีวิตที่เหลืออยู่หนึ่งขวดตอนนี้นั้น คุณจะสามารถแลกมันได้ทันทีเลยสิบขวด”
“โอเค งั้นฉันจะขอแลกมันกับโพชั่นสมาธิสิบขวด …” ซือเฟิงพยักหน้าด้วยความรู้สึกที่แอบประหลาดใจเล็กน้อยกับรางวัลของบริษัทกรีนก๊อด และตอนนี้เขาก็เริ่มจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเซี่ยอู๋หยวนถึงไม่ค่อยพอใจเขา เมื่อเขาได้เลือกแบบนี้ เพราะท้ายที่สุดแล้วนั้น มูลค่าของรางวัลแต่ละอย่างมันเทียบกันไม่ได้เลยจริงๆ
เซี่ยชิงหยางพยักหน้า และพูดอย่างช้าๆว่า “อย่างไรก็ตามตอนนี้คุณไม่สามารถจะกลับไปที่ชั้นพื้นฐานได้ ดังนั้นเดี๋ยวฉันจะนำน้ำแห่งชีวิตสองขวดมามอบให้กับคุณโดยตรง สำหรับโพชั่นสมาธิสิบขวด คุณสามารถจะไปแลกเปลี่ยนที่ห้องเก็บของในวิลล่าได้โดยตรง”
“งั้นฉันคงต้องขอรบกวนคุณด้วย ผู้จัดการเซี่ย ….” ซือเฟิงกล่าวด้วยท่าทีขอบคุณ
“ไม่มีปัญหา อีกอย่างนี่มันก็เป็นหน้าที่ของฉัน เพราะท้ายที่สุดคุณนั้นถือได้ว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่ฉันค้นพบ ตราบใดที่ความสามารถ และอำนาจของคุณในพื้นที่ชั้นกลางเพิ่มมากขึ้น มันก็จะช่วยฉันได้มากเช่นกัน” เซี่ยชิงหยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ งั้นฉันก็จะไม่รบกวนคุณแล้ว ฉันขอตัวก่อน ! คุณพักผ่อนเถอะ !! ….”
หลังจากเซี่ยชิงหยางกล่าวจบ เธอก็จากไป และทิ้งให้ซือเฟิงนั้นยืนมองวิลล่าชั้นยอดในพื้นที่ชั้นกลางอยู่คนเดียวอย่างเงียบๆ
วิลล่าชั้นยอดแห่งนี้นั้นมีพื้นที่ใหญ่กว่าวิลล่าขนาดใหญ่ในชั้นพื้นฐานอย่างมาก โดยแค่น้ำตกที่อยู่ภายในวิลล่าเพียงแห่งเดียวมันก็มีขนาดเท่ากับสนามบาสเก็ตบอลสองสนามแล้ว และไอน้ำที่ออกมาจากน้ำตกนั้นมันก็น่าเหลือเชื่อมากๆ เพราะเพียงแค่โดนตัวเพียงนิดเดียว มันก็ทำให้คนๆหนึ่งรู้สึกสบายไปทั้งร่างกายแล้ว สำหรับผลในเรื่องการช่วยฟื้นฟูนั้น เท่าที่ซือเฟิงสัมผัสเขาคิดว่ามันน่าจะมีผลเท่ากับสารอาหารเหลวระดับ S เลย เพียงแต่ว่ามันจะไม่มีผลข้างเคียงใดๆ”
อาจกล่าวได้ว่าน้ำตกที่อยู่ตรงหน้าของซือเฟิงนี้คือแหล่งของสารอาหารเหลวระดับ S ที่ไม่มีที่สิ้นสุดก็ว่าได้ ซึ่งเรื่องนี้นั้นกองกำลังขนาดใหญ่ต่างๆในโลกภายนอกก็จะไม่คาดคิดแน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้วในโลกภายนอกนั้น สารอาหารเหลวระดับ S มันหายากมากๆ และแม้แต่กองกำลังขนาดใหญ่ต่างๆก็ยังได้รับกันมาอย่างจำกัด และสำหรับกองกำลังขนาดใหญ่ในชั้นพื้นฐานนั้น การจะมีอะไรแบบนี้ไว้ให้กับตัวเอง มันก็เป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น
จากนั้นซือเฟิงก็ได้เดินเข้าไปในตัวบ้าน
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไม เมื่อผู้คนที่อาศัยอยู่ในชั้นพื้นฐานได้มาที่นี่แล้ว พวกเขาจะไม่ต้องการกลับลงไปที่ชั้นพื้นฐานอีก …” ซือเฟิงมองไปที่ห้องโถงตรงหน้าเขาแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ
เนื่องจาก หลังจากเดินเข้ามาในตัวบ้านของวิลล่าแล้วนั้นเขาก็ไม่ได้ยินเสียงน้ำตกภายนอกเลย ซึ่งเท่ากับว่าที่นี่มันมีการป้องกันเสียงที่สมบูรณ์แบบ และพลังงานพิเศษภายในนี้นั้นมันก็มีมากกว่านอกตัวบ้านถึงสองเท่า
หากเขาเป็นคนทั่วไปที่ได้เข้ามาอาศัยอยู่ที่นี่นั้น ต่อให้เขานอนนิ่งๆ และวันๆไม่ทำอะไรเลย แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็จะยังคงสามารถไปถึงขอบเขตครึ่งก้าวสุดยอดปรมาจารย์เหิงเหลียนอยู่ดี และหากออกกำลัง กับฝึกฝนเพียงแค่เล็กน้อย คนทั่วไปนั้นก็จะไม่มีปัญหาเลยในการจะเข้าถึงขอบเขตสุดยอดปรมาจารย์เหิงเหลียน
นี่ยังไม่นับรวมเรื่องผลทางจิตอีก โดยหากคนทั่วไปได้อยู่ฝึกที่นี่เป็นเวลานานนั้น ต่อให้ไม่สามารถจะเข้าถึงขอบเขตปรมาจารย์ทางจิตได้ แต่ก็จะอยู่ไม่ไกลแน่นอน
ดังนั้นนี่มันจึงทำให้ซือเฟิงเข้าใจได้อย่างชัดเจนเลยว่าการต้องออกจากสภาพแวดล้อมแบบนี้ และกลับไปใช้ชีวิตในชั้นพื้นฐานนั้นมันน่ากลัวขนาดไหน หากให้เปรียบเทียบมันก็คงจะเหมือนกับเศรษฐีพันล้านที่อยู่ๆก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตเป็นคนธรรมดา โดยช่องว่างแบบนี้นั้นมันเป็นเรื่องธรรมดามากๆที่ผู้คนที่เคยได้สัมผัสมันจะไม่สามารถยอมรับได้ และมันก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่ฟางฉีหานจะต้องการรักษาช่องเข้าสู่พื้นที่ชั้นกลางของตัวเองเอาไว้”
ตราบใดที่ฟางฉีหานสามารถเข้ามาอาศัยในพื้นที่ชั้นกลางได้ โอกาสในการจะกลายเป็นปรมาจารย์ทางจิตของเธอก็จะมีเพิ่มขึ้นมากกว่าการอยู่อาศัยในชั้นพื้นฐานสองเท่า
“นี่คือห้องเก็บของงั้นหรอ ?” ซือเฟิงมองไปที่ห้องที่เป็นเหมือนกับบ้านหลังเล็กๆที่ทำจากโลหะพิเศษทั้งหมด และเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประทับใจกับความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทกรีนก๊อด
เนื่องจากจอแสดงผลในห้องเก็บของนี้แสดงทรัพยากรทั้งหมดที่เขาสามารถจะแลกเปลี่ยนได้ในพื้นที่ชั้นกลางทั้งหมด และแม้แต่น้ำแห่งชีวิตก็มีให้แลกเปลี่ยนโดยตรงหากต้องการจะแลกเปลี่ยน ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถทำได้ในเวลาอันรวดเร็ว ไม่เหมือนกับในชั้นพื้นฐานเลย ….
หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้ลองใช้มันทันที โดยเมื่อเขาทำการเปิดใช้งานการแลกเปลี่ยนนั้นมันก็ได้มีเลเซอร์โผล่ขึ้นมาสแกนใบหน้าของซือเฟิง ก่อนที่หน้าจอแสดงผลข้อมูลจะแสดงผลขึ้นมาว่าซือเฟิงจะสามารถแลกเปลี่ยนโพชั่นสมาธิสิบขวดแบบฟรีๆได้ อย่างไรก็ตามถ้าเป็นในสถานการณ์ปกตินั้น โพชั่นสมาธิจะมีราคาเป็นคะแนนการค้าสี่ล้านแต้ม และคะแนนสะสมหนึ่งแสนแต้มต่อขวด
คะแนนการค้าสี่ล้านแต้มนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับกองกำลังขนาดใหญ่ในชั้นพื้นฐาน แต่คะแนนสะสมหนึ่งแสนแต้มนั้นมันนับว่ามหาศาลมากๆ และแม้แต่กับบริษัทไฟฟ์สเตทเอง ราคาขนาดนี้มันก็นับว่าหนักสำหรับพวกเขาเช่นกัน
และท้ายที่สุดแล้วซือเฟิงก็ได้เลือกแลกเปลี่ยนโพชั่นสมาธินี้ออกมาหนึ่งขวด โดยยังเก็บสิทที่เหลือที่สามารถแลกฟรีไว้อีกเก้าขวดเอาไว้มาแลกเปลี่ยนวันหลัง เพราะจากข้อมูลที่จอแสดงผลของห้องเก็บของบอกเขานั้น โพชั่นนี้มันจำเป็นจะต้องเก็บไว้ในสภาพแวดล้อมที่พิเศษมากๆ และเมื่อนำมันออกมาข้างนอกนั้นมันก็จะสามารถเก็บไว้ได้แค่วันเดียว ในวันต่อไปมันจะไม่มีเอฟเฟคอะไรเหลือเลย ดังนั้นในแต่ละครั้งเขาจึงจำเป็นที่จะต้องแลกเปลี่ยนมาเท่ากับจำนวนที่เขาต้องการใช้ดื่ม
“นี่มันพิเศษมากจริงๆ ….”
ซือเฟิงมองไปที่โพชั่นสีน้ำเงินเข้มในมือของเขาด้วยความรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เพราะโพชั่นนี้มันมีความผันผวนทางจิตอยู่ด้วย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเขาจะรู้สึกได้จากพวกสิ่งมีชีวิตเท่านั้น
อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก โดยเขาได้จัดการดื่มโพชั่นนี้เข้าไปในทันที เพราะท้ายที่สุดแล้วตอนนี้ สภาพทางจิตของเขานั้นไม่ค่อยดีนัก และมันก็จำเป็นที่จะต้องได้รับการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน
ในการต่อสู้กับหวู่หมิงนั้น เขาได้ผลักดันให้สมองของเขาไปถึงขีดสุด และใช้งานมันอย่างหนักเป็นเวลานาน บนพื้นผิวเขาอาจจะสามารถพูดคุย และหัวเราะกับเซี่ยชิงหยาง กับเซี่ยอู๋หยวนได้อย่างสบายๆ แต่จริงๆแล้วเขาได้อาศัยความแข็งแกร่งทางจิตอย่างมากในการทำแบบนี้ หากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เขามาอยู่แทนที่เขาในสถานการณ์แบบนี้ คนอื่นที่ว่านั้นก็จะล้มลงไปนานแล้วแน่นอน
โดยในช่วงเวลาที่ซือเฟิงดื่มโพชั่นนี้เข้าไป สมองของเขาที่แต่เดิมรู้สึกร้อนรุ่มราวกับถูกแผดเผานั้นก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที และในไม่ช้าผิวที่ซีดเผือดของเขาก็เริ่มกลับมามีสีเลือดในความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
“สุดยอด !! นี่มันน่าทึ่งมากจริงๆ !!!” ซือเฟิงที่รู้สึกได้ถึงสภาพจิตใจของตัวเองนั้นก็รู้สึกประหลาดใจอย่างถึงที่สุด
หลังจากดื่มไปเพียงขวดเดียวเขาฟื้นตัวกลับมาอย่างสมบูรณ์ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่าสภาพจิตใจของเขามันกลับมาดีขึ้นกว่าเดิมจนน่าประหลาดใจด้วย แถมการรับรู้ทางจิตของเขามันก็ยังดีขึ้นเล็กน้อย ซึ่งนี่มันเทียบได้กับการที่เขาได้กินคริสตัลวิญญาณใน God domain เข้าไปเลย
“ผลของโพชั่นสมาธิสิบขวดนี้มันจะช่วยปรับปรุงความแข็งแกร่งทางจิตของฉันได้อย่างมากแน่นอน …. ฉันนึกไม่ออกเลยจริงๆว่าบริษัทกรีนก๊อดนั้นสามารถจะสร้างของแบบนี้ได้ยังไง และฉันสามารถจัดหามันได้ในปริมาณมหาศาล ฉันก็น่าจะสามารถสร้างปรมาจารย์ทางจิตขึ้นมาได้จำนวนมาก” ซือเฟิงมองไปที่สิทของเขาที่ยังคงเหลือให้แลกโพชั่นสมาธิเก้าขวดฟรีอยู่ด้วยความตกตะลึง
และหลังจากซือเฟิงฟื้นตัวจนสมบูรณ์ เขาก็ได้ล๊อคอินกลับเข้าสู่ God domain
แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังไม่มีวิธีขับไล่กองทัพ NPC ผู้รุกรานจากโลกอื่นออกไปได้ แต่เขาก็อยากจะไปบอกข่าวที่เขาได้รู้มาให้จี้ลั่วหรงฟัง เพราะท้ายที่สุดแล้วนั้นอย่างน้อยเธอก็จะได้รู้ว่า ณ ตอนนี้ พี่สาวของเธอยังไม่ได้เป็นอะไร
อาณาจักรทวินทาวเวอร์ เมืองสกายสปริง :
เมื่อซือเฟิงกลับมาออนไลน์นั้น เขาก็รู้สึกว่าในตอนนี้การรับรู้ และจิตใน God domain ของเขานั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่รู้ว่านี่มันเป็นเพราะผลของโพชั่นสมาธิที่เขาดื่มเข้าไป หรือเป็นเพราะผลจากการต่อสู้กับหวู่หมิงที่เขาได้ผลักดันขีดจำกัดตัวเองไปจนถึงขีดสุดเป็นเวลานาน ….
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?” ซือเฟิงที่สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวเองนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย
ในตอนนี้ซือเฟิงนั้นรู้สึกว่าการรับรู้ และจิตของเขาใน God domain นั้นมันดูเหมือนจริงขึ้น แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม
“หรือว่ามันจะเกิดจากการที่ฉันใช้เทคนิคการต่อสู้ที่คล้ายกับใน God domain ในโลกแห่งความจริงงั้นหรอ ?”
ในตอนนี้ซือเฟิงรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าค่าความแข็งแกร่งทางจิตของเขานั้นพัฒนาไปอย่างมาก โดยมันได้พัฒนาไปถึงที่จุดสูงสุดของขั้นห้าแล้ว และอยู่ห่างอีกเพียงก้าวเดียวก็จะไปถึงขั้นหก
อย่างไรก็ตามในขณะที่ซือเฟิงยังไม่สามารถประมวลผลเรื่องนี้ทั้งหมดได้ ฟางฉีหานก็ได้ติดต่อเขาเข้ามาทันที
“หัวหน้ากิล คุณโอเคไหม ?” ฟางฉีหานมองไปที่ใบหน้าของซือเฟิงที่ปรากฎอยู่ในวีดีโอคอล พลางกล่าวอย่างกังวลว่า “ฉันได้ยินมาว่าคุณได้ต่อสู้กับปรมาจารย์หวู่หมิง ผู้ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับการจะกลายเป็นปรมาจารย์ทางจิตระดับสามดาวแล้ว …. ดังนั้นฉันจึงได้ลองติดต่อมาถามดู เพราะท้ายที่สุดแล้วปรมาจารย์หวู่หมิงนั้นสามารถจะทำให้ผู้ที่พึ่งจะก้าวมาถึงขอบเขตปรมาจารย์ทางจิตอย่างคุณนั้นพิการได้เลย”
พลังของปรมาจารย์ทางจิตแบบหวู่หมิงนั้นมันไม่ได้เป็นความลับสำหรับคนที่อยู่อาศัยในชั้นกลาง และแม้แต่ชนชั้นสูงบางคนในชั้นพื้นฐานก็ยังรู้ถึงเรื่องนี้ด้วยซ้ำ
“ไม่ต้องกังวล ตอนนี้ฉันฟื้นตัวเต็มที่แล้ว” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ในตอนนี้ซือเฟิงอยากจะบอกด้วยซ้ำว่าถ้าเขาต้องต่อสู้กับหวู่หมิงอีก เขาจะไม่อยู่ในสถานะที่เสียเปรียบอย่างหนักแบบครั้งที่แล้วแน่นอน
“ฟู่วว …” ฟางฉีหานโล่งใจเมื่อได้ยินคำตอบของซือเฟิง จากนั้นเธอก็พูดอย่างช้าๆว่า “อย่างไรก็ตามหัวหน้ากิล ไม่นานหลังจากที่คุณล๊อคเอ้าท์ออกไปนั้น กองทัพ NPC จากโลกอื่นก็ได้เข้าร่วมสงครามแล้ว โดยในปัจจุบันคนของฉันก็ได้ต่อสู้กับ NPC ต่างๆเพื่อตรวจสอบข้อมูลอยู่ในหลายประเทศ ซึ่งแต่ละประเทศนี้ก็ล้วนได้รับความเสียหายอย่างหนัก และจากที่ฉันคาดการณ์อีกไม่นานสงครามก็จะลามมาถึงอาณาจักรทวินทาวเวอร์ กับอาณาจักรสตาร์มูน รวมไปถึงพื้นที่รอบๆด้วยแน่นอน ขณะเดียวกันอีกไม่นานกองทัพสงครามของอาณาจักรก็กำลังจะมาถึงเมืองสกายสปริงเพื่อประชุมกันแล้ว แต่อย่างไรก็ตามกองทัพของประเทศที่ยังไม่ถูกรุกรานจะเข้าร่วมกับเราไหม เรื่องนี้ฉันก็ยังไม่แน่ใจ เพราะท้ายที่สุดแล้วมันยังมีอีกหลายปัจจัยให้ต้องประเมิน”
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว …” ซือเฟิงพยักหน้า “แล้วก็ฝากไปบอกพวกเขาทีให้เปลี่ยนสถานที่ประชุมไปเป็นเมืองสตาร์มูน !!!”
“เปลี่ยนไปเป็นเมืองสตาร์มูนงั้นหรอ ?” ฟางฉีหานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำสั่งของซือเฟิง
สภาสิบแปดปีกของพวกเขานั้นมีสาขาในเมืองสตาร์มูน แต่เมืองสตาร์มูนนั้นไม่ใช่เมือง NPC หลักของพวกเขา แถมพวกเขาก็มีกำลังคนอยู่ในเมืองสตาร์มูนไม่มากนัก ดังนั้นการที่จะให้ย้ายสถานที่ประชุมไปที่เมืองสตาร์มูนภายใต้การจัดการของสภาสิบแปดปีกนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องกำลังพล ที่ทั้งคุณภาพและจำนวนที่มีอยู่ในเมืองสกายสปริงนั้นมันเหนือกว่าในเมืองสตาร์มูนมากๆ และนี่มันก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะสะท้อนให้มหาอำนาจอื่นๆเห็นถึงความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีกในการเตรียมพร้อมจะต่อสู้กับกองทัพ NPC จากโลกอื่นด้วย
“ใช่แล้ว ไปทำตามที่ฉันบอก !!!” ซือเฟิงกล่าวยืนยัน
“โอเค งั้นเดี๋ยวฉันจะไปแจ้งให้พวกเขาทราบทันที !!” เมื่อได้ยินคำยืนยันจากซือเฟิง ฟางฉีหานก็เลือกจะไม่พูดอะไรต่อ และรีบไปทำตามคำสั่งทันที
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งนั้นซือเฟิงก็ได้เทเลพอร์ตไปยังเมืองสตาร์มูน และมุ่งหน้าไปที่สำนักงานใหญ่หลักของวิหารเทพสงครามในอาณาจักรสตาร์มูนทันที
ฮาร์เวิร์ด สตอร์มเรจ ลอร์ดแห่งวิหารเทพสงครามได้สัญญากับเขาว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้สภาสิบแปดปีกได้เข้าประจำการที่เมืองสตาร์มูน และตอนนี้มันก็ผ่านมานานแล้ว ดังนั้นมันจึงควรจะเสร็จ หรืออย่างน้อยก็ใกล้เสร็จแล้ว ….