ตอนที่ 2915 สถานการณ์ที่แปรเปลี่ยนไปแบบไม่มีใครคาดคิด
จักรวรรดิรัตติกาล เมืองเธ้าซั่นไนท์ :
แม้ว่าตอนนี้ท้องฟ้าจะยังสว่างอยู่ แต่อีกไม่กี่ชั่วโมงนั้นท้องฟ้าที่มืดมิด และเวลากลางคืนก็กำลังจะมาเยือนแล้ว อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้นั้นทั่วทั้งเมืองยังคงเต็มไปด้วยผู้เล่น และมากกว่าเจ็ดสิบเปอเซ็นต์ของผู้เล่นเหล่านี้ก็ล้วนมีเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบหรือสูงกว่า และเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสามกันทั้งหมด โดยที่ใบหน้าของผู้เล่นเหล่านี้ทุกคนนั้นก็ล้วนเต็มไปด้วยความจริงจัง และตึงเครียดมากๆ
เนื่องจากตอนนี้กองทัพ NPC จากโลกอื่นนั้นกำลังเริ่มเคลื่อนเข้าประชิดชาย
แดนทั้งหมดของจักรวรรดิรัตติกาลแล้ว ซึ่งมันก็ทำให้ทางจักรวรรดิ และกิลต่างๆในจักรวรรดินั้นต้องจัดกองทัพกระจายตัวกันออกไปรับมือเป็นแนวยาว โดยแค่ที่เมืองเธ้าซั่นไนท์ที่เป็นเมืองชายแดนที่ใหญ่ที่สุดทางภาตใต้ของจักรวรรดิรัตติกาลนั้น มันก็มีผู้เล่นที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสามถูกส่งเข้ามาประจำการมากกว่าแปดล้านคนแล้ว ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ที่เข้ามาที่นี่ก็มีมากกว่าสองร้อยคน ซึ่งนี่มันก็ทำให้หลายคนสามารถจะมองเห็นถึงความรุนแรงของสถานการณ์ได้อย่างชัดเจนเลย
สถานที่พักกิลสตาร์ลิ้ง ออฟฟิศหัวหน้ากิล :
“ชนะ ?”
เมื่อลู่เทียนตี้ได้รับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับอาณาจักรทวินทาวเวอร์นั้นเขาก็เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่ออย่างถึงที่สุด ….
ลู่เทียนตี้นั้นเฝ้ารอให้กองทัพ NPC จากโลกอื่นเข้ารุกรานอาณาจักรทวินทาวเวอร์ และอาณาจักรสตาร์มูนมาตลอด เพราะเขาต้องการจะให้สองประเทศนี้ซึ่งเป็นฐานหลักของสภาสิบแปดปีกนั้นถูกทำลาย แล้วตัวเขาก็จะค่อยเข้าไปหาผลประโยชน์จากสภาสิบแปดปีกในภายหลัง
แถมกองทัพ NPC ของทั้งสองอาณาจักรนี้นั้นก็ยังแทบจะไม่มีพวกขั้นห้าอยู่เลย ขณะที่กองทัพ NPC จากโลกอื่นนั้นประกอบไปด้วย NPC ขั้นห้าจำนวนมาก
ด้วยปัจจัยทั้งหมดนี้เองมันทำให้เขาคิดว่าซือเฟิงนั้นคงจะฝันมากไปหน่อย หากคิดว่าตัวเองจะสามารถป้องกันป้อมปราการ และเมืองในอาณาจักรทวินทาวเวอร์ซึ่งตอนนี้ถูกรุกรานอยู่ไว้ได้โดยปราศจากความช่วยเหลือจากภายนอก เพราะท้ายที่สุดแล้ว
กองทัพ NPC จากโลกอื่นนั้นมี NPC ขั้นห้าอยู่มากมาย ซึ่งตรงกันข้ามกับอาณาจักรทวินทาวเวอร์เลย ดังนั้นอาณาจักรทวินทาวเวอร์จะล่มสลายเมื่อไหร่ มันก็ควรจะขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น ….
ขณะเดียวกัน …. แม้แต่จักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่มากๆในทวีปด้านตะวันออกอย่างจักรวรรดิมังกรไฟนั้นก็ยังทำได้แค่ป้องกันเมือง และป้อมปราการของตัวเองไว้ได้แค่บางส่วนเท่านั้น โดยที่อีกส่วนนั้นพวกเขาก็ทำได้แค่ต้องปล่อยให้กองทัพ NPC จากโลกอื่นเข้ายึดไป เพราะพวกเขามีกำลังพลไม่เพียงพอ
แต่ตอนนี้สภาสิบแปดปีกไม่เพียงแต่จะป้องกันป้อมปราการสิงโตเหล็กเอาไว้ได้เท่านั้น กิลยังป้องกันทั้งเมืองเล่ยเซีย และป้อมปราการหนามแดงไว้ได้พร้อมกัน ซึ่งมันนับเป็นการปิดกั้นเส้นทางเข้าสู่อาณาจักรทวินทาวเวอร์ของกองทัพ NPC จากโลกอื่นอย่างสมบูรณ์เลย
เมื่อหัวหน้ากิลชั้นสูง ห้ากิลที่ได้เข้ามาร่วมมือกับสตาร์ลิ้งได้รับข่าวนี้นั้นพวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงเช่นกัน
พวกเขาไม่คิดเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะสามารถทำมันได้จริงๆโดยปราศจากความช่วยเหลือจากกิลชั้นสูงห้ากิลของพวกเขา แถมนอกเหนือจากการที่สภาสิบแปดปีกสามารถจะป้องกันจุดยุทธศาสตร์สำคัญทั้งสามแห่งไว้ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว สภาสิบแปดปีกยังสามารถจะมอบความเสียหายให้กับกองทัพ NPC จากโลกอื่นไปประมาณหนึ่งด้วย
และนี่มันก็ทำให้กิลกับผู้เล่นอิสระที่เข้าร่วมในการต่อสู้ที่อาณาจักรทวินทาวเวอร์นั้นสามารถทำได้กำไรอย่างมหาศาล เพราะท้ายที่สุดแล้วเมื่อไม่มีการรบกวนจากการโจมตีทางอากาศของฝ่ายกองทัพ NPC จากโลกอื่นนั้น การฆ่า NPC ขั้นสามมันก็จะไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย ….
“หัวหน้ากิล จากที่เราสืบสวนข้อมูลเรื่องนี้มาโดยละเอียด ดูเหมือนว่ารองหัวหน้ากิลสองคนของสภาสิบแปดปีก เสวี่ยเหวินโหรว และอควาโรสจะเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้ากันเรียบร้อยแล้ว แต่กระนั้นเหตุผลหลักจริงๆที่ทำให้สภาสิบแปดปีกสามารถป้องกันจุดยุทธศาสตร์ทั้งสามแห่งเอาไว้ได้นั้นก็เป็นเพราะเรือเหาะชางเล่ยนั่นแหละ ซึ่งความแข็งแกร่งของเรือเหาะชางเล่ยเพียงลำเดียวนั้นก็เหนือกว่ากองกำลังทางอากาศของกองทัพจากโลกอื่นทั้งหมดแล้ว ….” อี้กุ้ยกล่าวอย่างค่อนข้างอิจฉา “ถ้าไม่ใช่เพราะเรือเหาะชางเล่ย ต่อให้สภาสิบแปดปีกมีผู้เล่นขั้นห้าเพิ่มขึ้นมาอีกสิบคน พวกเขาก็จะไม่สามารถป้องกันกองทัพจากโลกอื่นได้อย่างเบ็ดเสร็จแบบนี้แน่ !!!”
“เรือเหาะชางเล่ย ?” ลู่เทียนตี้มองไปที่วีดีโอที่ฉายภาพเรือเหาะชางเล่ยกำลังทำการโจมตีด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย “จงไปทำทุกวิถีทางเพื่อให้กิลของเราได้รับเรือเหาะชางเล่ยมา เมื่อกิลของเรามีเรือเหาะแบบนี้เมื่อไหร่ กองทัพ NPC จากโลกอื่นก็จะไม่ใช่ปัญหาของเราอีกต่อไป !!!”
ในตอนนี้จักรวรรดิรัตติกาลนั้นประสบกับความตึงเครียด และปัญหาอย่างมากมาย อันเนื่องมาจากเมืองแล้วเมืองเล่า และป้อมปราการแล้วป้อมปราการเล่าในประเทศนั้นล้วนถูกยึดไปโดยกองทัพ NPC จากโลกอื่น ซึ่งเหตุผลหลักๆของเรื่องนี้มันก็เป็นเพราะวงเวทย์ป้องกันของสถานที่แต่ละแห่งนั้นอ่อนแอเกินไป และเมื่อโดนโจมตีแค่ไม่กี่ทีจากกองกำลังทางอากาศของโลกอื่น มันก็พังทลายลงไปอย่างรวดเร็ว ….
แต่อย่างไรก็ตามกองกำลังทางอากาศจากโลกอื่นที่ทำได้ขนาดนี้นั้นกับดูไร้ค่าไปเลย เมื่อต้องมาเจอกับเรือเหาะชางเล่ย !!!
เรือเหาะชางเล่ยนั้นไม่เพียงแต่จะสามารถรับมือกับมังกรกระดูกโบราณ ซึ่งเป็นมอนสเตอร์ระดับโดเมนศักสิทธิ์ขั้นห้าได้เท่านั้น แต่มันยังรับมือกับกองกำลังทางอากาศของกองทัพจากโลกอื่นทั้งหมดได้ด้วย และหากให้พูดจริงๆความแข็งแกร่งของมันนั้นแทบจะจัดว่าเป็นเจ้าเวหาในตอนนี้เลย
ในเวลาเดียวกันตอนนี้นั้นก็ไม่ใช่แค่ลู่เทียนตี้เท่านั้นที่มีความคิดแบบนี้ มหาอำนาจต่างๆนั้นก็คิดจะพยายามใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองได้รับเรือเหาะชางเล่ยมาเช่นกัน
โดยตอนนี้นั้นมันก็ได้มีสายลับจำนวนมากถูกส่งเข้ามาแทรกซึมในอาณาจักรทวินทาวเวอร์ และอาณาจักรสตาร์มูน รวมไปถึงตัวกิลสภาสิบแปดปีกเอง
ซึ่งในบรรดาผู้ที่ต้องการเรือเหาะชางเล่ยนั้น ลู่เทียนตี้ดูจะเป็นคนที่ทุ่มเทที่สุด เพราะเขาได้เสนอรางวัลหนึ่งร้อยล้านเครดิตให้กับผู้ที่มีข้อมูลที่มีประโยชน์เกี่ยวกับเรือเหาะชางเล่ย และสำหรับผู้ที่สามารถนำเรือเหาะชางเล่ยมาขายให้สตาร์ลิ้งได้นั้น ลู่เทียนตี้ก็เสนอจะซื้อเป็นเงินถึงหนึ่งแสนล้านเครดิตต่อลำเลย
ข้อเสนอนี้ของลู่เทียนตี้ได้ทำให้ผู้เล่นจำนวนมหาศาลใน God domain นั้นต่างรู้สึกเดือดพล่าน
เพราะท้ายที่สุดแล้วด้วยเงินหนึ่งร้อยล้านเครดิตนั้นมันจะทำให้คนทั่วไปคนหนึ่งสามารถเข้าไปตั้งหลัก และอาศัยกับมีชีวิตดีๆอยู่ในเมืองใหญ่ๆได้เลย โดยนี่ยังก็ยังไม่ต้องพูดถึงเงินหนึ่งแสนล้านเครดิต ที่หากคนๆหนึ่งได้รับไปนั้น พวกเขาสามารถจะนำไปต่อยอดและก่อตั้งบริษัทของตัวเองได้สบายๆเลย
อาณาจักรสตาร์มูน เมืองสตาร์มูน :
“หัวหน้ากิล ข้อเสนอของสตาร์ลิ้งคราวนี้นั้นได้ทำให้แกนหลักของบริษัทการค้าแสงเทียนเราหลายคนถึงกับยอมขายข้อมูลของเรือเหาะชางเล่ยให้พวกเขาเลย ….” เมลานโครอิคสไมล์กล่าวพลางส่งมอบข้อมูลให้ซือเฟิงด้วยความรู้สึกอับอาย “บางคนนั้นอยู่มาตั้งแต่ตอนที่เริ่มก่อตั้งบริษัทการค้าแสงเทียนด้วยซ้ำ แต่คราวนี้พวกเขา …”
การสร้างเรือเหาะชางเล่ยมันต้องใช้กำลังคนมากเกินไป และแม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะให้ผู้เข้าร่วมสร้างนั้นเซ็นสัญญาในข้อตกลงปกปิดความลับมากมาย และกิลก็ยังมอบค่าตอบแทนให้มากมายสำหรับงานนี้ แต่มันก็ยังมีบางคนที่เลือกจะขายข้อมูลเรือเหาะชางเล่ยออกไป โดยข้อมูลที่รั่วออกไปนั้นมีกระทั่งเรื่องที่ซือเฟิงมีแบบแปลนเรือเหาะชางเล่ยอยู่กับตัวด้วย
เมื่อได้ยินรายงานของเมลานโครอิคสไมล์ ไฟเออร์แดนซ์ที่ยืนอยู่ข้างๆก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ และกล่าวออกมาตรงๆว่า “มันยังมีสิ่งที่คุณไม่รู้อีกนะ เมลานโครอิค …. ในตอนนี้เรือเหาะชางเล่ยของเราที่จอดอยู่ในเมืองสกายสปริงนั้นตกเป็นเป้าหมายในการขโมยของผู้คนมากมาย ไม่เว้นแม้แต่สมาชิกกิลของเราเอง ถ้าไม่ใช่เพราะแบล๊คกี้ และแกนหลักบางส่วนคอยเฝ้าอยู่นั้น ฉันคิดว่ามันคงจะถูกขโมยไปนานแล้วแน่นอน”
เรือเหาะชางเล่ย ระดับเหล็กลึกลับนั้นไม่ได้มีเอฟเฟคผูกมัดกับผู้เล่นคนใดๆ และแม้ว่ามันจะต้องใช้กุญแจในการเปิดใช้งานมัน แต่หากผู้เล่นคนหนึ่งต้องการจะเก็บเรือเหาะทั้งลำเข้ากระเป๋านั้น พวกเขาก็จะสามารถทำมันได้อย่างรวดเร็วเลย เพียงแต่ว่าข้อกำหนดขั้นต่ำของกระเป๋าที่จะใช้เก็บเรือเหาะนั้นมันจะต้องเป็นระดับอีปิคหรือสูงกว่าก็เท่านั้น
“หนึ่งแสนล้านเครดิต … อย่าว่าแต่พวกเขาเลย ฉันเองเมื่อได้ยินจำนวนเงินขนาดนี้ก็รู้สึกตื่นเต้น และอยากขโมยเรือเหาะชางเล่ยไปขายพวกเขาเหมือนกันนะ ….” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะ “อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ใช่ว่าเราจะไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ เราสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้โดยการส่งองครักษ์ส่วนตัวที่แข็งแกร่งไปป้องกันเรือเหาะเอาไว้”
“ถ้าหัวหน้ากิลว่ามาแบบนั้น เดี๋ยวฉันจะจัดการส่งองครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่ ระดับลึกลับขั้นเงินจำนวนหนึ่งไปคอยป้องกันเรือเหาะไว้ตลอดทั้งวัน โดยนอกเหนือจากหัวหน้ากิล และรองหัวหน้ากิลทั้งหมดนั้นก็จะไม่มีใครที่จะสามารถสั่งเคลื่อนย้ายเรือเหาะได้” ฟางฉีหานกล่าวพลางพยักหน้า “และเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าใครบางคนในกิลของเราต้องการจะขโมยเรือเหาะ คนๆนั้นก็จะต้องผ่านกลุ่มองครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่ ระดับลึกลับขั้นเงินไปให้ได้ก่อน”
องครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่ ระดับลึกลับขั้นเงินนั้นมีพลังเทียบเคียงกับผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดขั้นสี่ หรืออาจจะเหนือกว่าด้วย ดังนั้นเมื่อส่งองครักษ์เหล่านี้ไปป้องกันร่วมกับแกนหลักของสภาสิบแปดปีกคนอื่นๆนั้น ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ทั่วไปก็จะไม่สามารถเข้าใกล้ได้แน่นอน ไม่ต้องพูดถึงผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเลย
“ว่าแต่การสร้างเรือเหาะชางเล่ย กับหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟไปถึงไหนแล้ว ?” ซือเฟิง
กล่าวถาม เมื่อเขาเห็นว่าปัญหาเรื่องเรือเหาะนั้นได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว
ณ ตอนนี้นั้น สงครามกับโลกอื่นมันได้ดำเนินมาถึงจุดสูงสุดแล้ว และแม้แต่ผู้เล่นขั้นห้าก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้มากนักในสนามรบ ซึ่งหากพวกเขาต้องการจะกำชัยชนะให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จจริงๆ เรือเหาะชางเล่ย และหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟก็จัดเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ
“หุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟนั้นมีความยากในการสร้างไม่มากนัก ดังนั้นพวกเราจึงสร้างมันได้สามตัวแล้ว ….” เมลานโครอิคสไมล์กล่าวรายงาน “อย่างไรก็ตามสำหรับเรือเหาะชางเล่ยนั้นมันแตกต่างออกไป แม้ว่าเราจะมีวัสดุเพียงพอให้สร้างได้อีกสามลำ แต่มันก็สร้างได้ยากมากๆ และสำหรับการรวบรวมวัสดุที่จำเป็นในการสร้างเรือเหาะเพิ่มเติมนั้นมันก็ทำได้ยากมากๆ เพราะข้อมูลที่รั่วไหลไป มันได้ทำให้มหาอำนาจต่างๆล้วนเก็บสะสมวัสดุที่จำเป็นในการสร้างเรือเหาะชางเล่ยกันอย่างบ้าคลั่ง”
“งั้นก็สร้างให้ได้อีกสามลำ แล้วหลังจากนั้นก็หันมาทุ่มเททั้งหมดให้กับการสร้างหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟ …” ซือเฟิงกล่าวหลังจากครุ่นคิด
เท่าที่เขาคำณวนหากมีเรือเหาะชางเล่ยสักสี่หรือห้าลำมันก็น่าจะเพียงพอที่จะใช้รับมือกับกองพลที่ 19 ของกองทัพจากโลกอื่นที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่แบบเบ็ดเสร็จแล้ว ….
ขณะเดียวกัน การจะตรึงชายแดนอาณาจักรทวินทาวเวอร์ให้ปลอดภัยนั้นใช้เรือเหาะชางเล่ยประมาณสามลำก็น่าจะเพียงพอ ….
“หัวหน้ากิล ก่อนหน้านี้หัวหน้ากิลของศาลาลับได้ติดต่อเรามาเพื่อขอความช่วยเหลือ โดยเขาหวังว่าเราจะสามารถส่งเรือเหาะชางเล่ยไปช่วยพวกเขาได้ ซึ่งพวกเขาเต็มใจจะจ่ายค่าตอบแทนสำหรับเรื่องนี้เป็นเงินหนึ่งแสนเหรียญทอง และคริสตัลเวทย์มนต์สามแสนชิ้น ….” ฟางฉีหานรายงานเรื่องคำร้องขอความช่วยเหลือจากหัวหน้ากิลของศาลาลับด้วยความตื่นเต้น “หลังจากที่เราได้ตั้งระบบให้รางวัลการฆ่า NPC จากโลกอื่นนั้น มันก็ทำให้รายจ่ายในด้านต่างๆของเราตึงมือมากๆ ดังนั้นหากเราตบปากรับคำออกไปช่วยพวกเขา มันก็จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของเราลงไปได้อย่างมาก”
“เอาตามที่คุณว่าก็แล้วกัน …” ซือเฟิงกล่าวหลังจากครุ่นคิด “แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เราไม่สามารถจะเคลื่อนเรือเหาะชางเล่ยออกจากอาณาจักรทวินทาวเวอร์ได้ เราทำได้อย่างมากที่สุดแค่การส่งหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟสามตัวไปช่วยเท่านั้น อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากเงิน และคริสตัลเวทย์มนต์แล้ว บอกไปว่าฉันต้องการหินเวทย์เอลฟ์ยี่สิบก้อน แร่ไททันหนึ่งร้อยชิ้น และคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่หนึ่งร้อยชิ้นเพิ่มเติมเข้ามาในเงื่อนไขการเข้าไปช่วยเหลือด้วย ….”
ในตอนนี้เรือเหาะชางเล่ยนั้นมีความสำคัญต่ออาณาจักรทวินทาวเวอร์มาก ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถจะเคลื่อนมันออกไปได้
และพูดกันตามตรงงานการป้องกัน หรือป้อมปราการนั้น แค่หุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟสามตัวที่มีพลังการต่อสู้เทียบเท่ากับขั้นห้านั้นมันก็ควรจะมากเพียงพอแล้ว เพราะท้ายที่สุดนั้นตอนเมืองเล่ยเซีย กับป้อมปราการหนามแดง แค่เสวี่ยเหวินโหรวกับอควาโรสซึ่งเป็นผู้เล่นขั้นห้าก็ยังสามารถป้องกันที่มั่นเอาไว้ได้เลย
“โอเค ฉันจะไปแจ้งพวกเขาทันที …” ฟางฉีหานกล่าวพลางพยักหน้า
แม้ว่าสิ่งที่ซือเฟิงเรียกร้องเพิ่มขึ้นมานั้นมันจะนับว่าค่อนข้างมหาศาล แต่มันก็ยังดีกว่าการเสียเมืองหรือป้อมปราการของตัวเองไปแน่นอน เพราะท้ายที่สุดการที่ต้องเสียสถานที่เหล่านี้ไปนั้นมันหมายความว่าทรัพยากรทุกชนิดที่ได้รับจะลดลง เนื่องจากผู้เล่นไม่กล้าจะเข้าไปยังสถานที่เหล่านี้เพื่อรวบรวมทรัพยากร ดังนั้นนี่ก็ไม่ต้องพูดถึงทรัพยากรที่พวกมหาอำนาจระดับศาลาลับครอบครองอยู่เลย
และท้ายที่สุดนั้นทั้งหมดมันก็เป็นไปตามที่ฟางฉีหานคิดไว้ หัวหน้ากิลของศาลาลับนั้นตอบตกลงรับเงื่อนไขเพิ่มเติมของซือเฟิงอย่างไม่ลังเล และเขาก็หวังว่าสภาสิบแปดปีกนั้นจะรีบเข้าไปช่วยเหลือพวกเขาโดยเร็วที่สุด เพราะท้ายที่สุดกองทัพ NPC จากโลกอื่นจะเริ่มทำการโจมตีเมือง NPC ถัดไปในจักรวรรดิมังกรไฟ ในอีกราวหนึ่งถึงสองวันนี้แล้ว
ซึ่งซือเฟิงนั้นก็ตอบรับกับคำขอนี้แบบไม่มีปัญหาใดๆ โดยเขาได้ให้ฟางฉีหาน กับคนอื่นๆนำหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟที่มีความสูงมากกว่าห้าสิบเมตรเดินทางไปยัง
เมืองอีสท์เลคในจักรวรรดิมังกรไฟที่ตกเป็นเป้าหมายของกองทัพ NPC จากโลกอื่นทันที
โดยที่เมืองอีสท์เลคนั้นช่องว่างระหว่างทั้งสองฝ่ายนั้นก็มีความแตกต่างกันเท่าตัวหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งที่เมืองนี้นั้นในฝั่งของจักรวรรดิมังกรไฟก็มี NPC ขั้นห้าสองคน และ NPC ขั้นสี่มากกว่าห้าร้อยคนคอยป้องกันอยู่ ขณะที่ด้านของกองทัพ NPC จากโลกอื่นที่เข้าโจมตีเมืองนั้นมี NPC ขั้นห้าอยู่สี่คน และมี NPC ขั้นสี่อยู่มากกว่าหนึ่งพันคน ขณะเดียวกันในส่วนของ NPC ขั้นสามของกองทัพจากโลกอื่นนั้นก็มีอยู่มากกว่าหกล้านคน
สำหรับช่องว่างระหว่างผู้เล่นนั้นก็ไม่ได้แตกต่างจากช่องว่างระหว่าง NPC มากนัก เพราะแม้ว่าศาลาลับจะพยายามรวบรวมหลายกิลเข้ามาช่วยเหลือ แต่พวกเขาก็ยังรวบรวมผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่มาได้มากกว่าสี่ร้อยคนเท่านั้น ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามพวกเขาก็รวบรวมมาได้มากกว่าสิบล้านคนเพียงเล็กน้อย ขณะที่ในด้านของกองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นนั้น พวกเขามีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่มากกว่าแปดร้อยคนอยู่ในกองทัพ ขณะที่จำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของพวกเขาก็มีเกือบแตะยี่สิบล้านคน
การต่อสู้ในครั้งนี้นั้นอาจกล่าวได้ว่าโอกาสในการชนะมีเลือนรางมากๆ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟ เพราะท้ายที่สุดแล้วกองทัพฝ่ายตั้งรับนั้นเสียเปรียบในทุกๆทางเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามเมื่อได้รับความช่วยเหลือจากหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟนั้นทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไป โดยผลลัพธ์ท้ายที่สุดแล้วนั้นฝ่ายของศาลาลับก็สามารถจะผลักดันให้กองทัพ NPC และกองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นต้องถอยออกไปได้ ซึ่งกองทัพจากโลกอื่นนั้นก็ได้รับความสูญเสียไปมากกว่าห้าล้านคน ขณะที่ฝ่ายของศาลาลับนั้นก็สูญเสียไปมากกว่าหกล้าน แต่แม้จะเป็นแบบนั้นชัยชนะนี้ของศาลาลับมันก็ยังทำให้ทั่วทั้งทวีปหลักของ God domain อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นอยู่ดี
เนื่องจากก่อนหน้านี้นั้นในการต่อสู้ป้องกันในจักรวรรดิ มันไม่มีใครเลยที่จะสามารถสร้างความเสียหายให้กับกองทัพจากโลกอื่นได้มากขนาดนี้ ….
ซึ่งหากกองทัพในทวีปหลักของ God domain สามารถมอบความเสียหายอย่างรุนแรงแบบนี้ให้กับกองทัพจากโลกอื่นได้นั้น พวกเขาก็จะมีข้อได้เปรียบมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะท้ายที่สุดแล้วเมื่อผู้เล่นจากโลกอื่นตายนั้น พวกเขาจะต้องไปฟื้นคืนชีพที่ประตูจากโลกอื่นที่พวกเขาเข้ามา และสำหรับ NPC จากโลกอื่นนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงเลย โดยมันก็ตรงกันข้ามกับผู้เล่นของกองทัพในทวีปหลักที่สามารถจะฟื้นคืนชีพได้ในสถานที่ใกล้ๆ และกลับมาเข้าร่วมการต่อสู้ได้
และเมื่อผลลัพธ์ทุกอย่างออกมาเป็นแบบนี้นั้น มหาอำนาจหลายแห่งก็ได้ส่งคำขอความช่วยเหลือมายังสภาสิบแปดปีกแบบไม่ขาดสาย โดยพวกเขาก็หวังว่าสภาสิบแปดปีกจะเข้าไปช่วยเหลือพวกเขาได้ ซึ่งพวกเขาก็ยินดีจะจ่ายในราคาที่ไม่น้อยไปกว่าศาลาลับ
แน่นอนว่าซือเฟิงก็ทยอยตอบรับคำขอทั้งหมดนี้อย่างมีความสุข เพราะมันทำให้เขาได้รับความมั่งคั่งอย่างมากมาย แถมมันยังทำให้เขาได้รับวัสดุที่จะใช้ในการสร้างเรือเหาะชางเล่ย และหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟเพิ่มเติมด้วย
หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปกว่าหนึ่งเดือน ซึ่งหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟตัวแล้วตัวเล่าของสภาสิบแปดปีกก็ได้ถูกส่งเข้าสู่สนามรบต่างๆในทวีปด้านตะวันออกจนมันทำให้สถานการณ์ทั้งหมดของผู้เล่นในทวีปหลักด้านตะวันออกนั้นดีขึ้นมากๆ
สำหรับสภาสิบแปดปีกนั้นในระหว่างนี้พวกเขาก็ทำกำไรได้อย่างมหาศาลมากๆ และนี่มันก็ส่งผลให้พวกเขาสามารถอัดฉีดทั้งทรัพยากร และเม็ดเงินเข้าไปพัฒนาเมืองทั้งหมดของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ไม่เว้แม้แต่เมืองที่สาบสูญ ….
และในเวลากว่าหนึ่งเดือนนี้จำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของสภาสิบแปดปีกก็ทะลุสามล้านคนไปแล้ว ขณะที่จำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของสภาสิบแปดปีกนั้นก็ทะลุสองร้อยคนไปเรียบร้อย แถมจำนวนเหล่านี้มันก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วย เมื่อเวลาผ่านไป ….
ขณะเดียวกันในช่วงเวลานี้ไฟเออร์แดนซ์ ไวโอเล็ตคลาวด์ และหยานเทียนซิงนั้นก็สามารถเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าได้สำเร็จแล้ว ซึ่งมันก็ส่งผลให้พลังการต่อสู้ของสภาสิบแปดปีกนั้นขึ้นไปอยู่เหนือกว่ากิลทุกกิลใน God domain ตอนนี้ทันที
เนื่องจากในเวลานี้นั้น แม้แต่ซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งห้ากิลก็ยังพึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าเกิดขึ้นมาเท่านั้น แต่ตอนนี้สภาสิบแปดปีกกับผู้เชี่ยวชาญขั้นห้ามากกว่าสามคนแล้ว ….
ขณะเดียวกันด้วยความช่วยเหลือจากสภาสิบแปดปีกในสนามรบต่างๆนั้น มันก็ทำให้หลายกลุ่มเริ่มจะสามารถตรึงกองทัพจากโลกอื่นให้อยู่กับที่ได้ ซึ่งนี่มันก็ช่วยให้หลายกลุ่มมีเวลามากพอในการพัฒนาคนของตัวเองจนเริ่มจะสามารถลดความแตกต่างของจำนวนผู้เชี่ยวชาญแต่ละขั้นลงมาได้แล้ว
โดยมีเพียงสตาร์ลิ้งที่ไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากสภาสิบแปดปีกเท่านั้นที่สถานการณ์แย่ลงเรื่อยๆ …. ในตอนนี้เมือง และป้อมปราการแห่งแล้วแห่งเล่าในจักรวรรดิรัตติกาลของสตาร์ลิ้งนั้นได้ถูกยึดไปเรื่อยๆ ซึ่งนี่มันก็ส่งผลต่อขอบเขตการปฎิบัติการ และการเก็บรวบรวมทรัพยากรของสตาร์ลิ้งอย่างมากจนมันได้ทำให้สตาร์ลิ้งอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ และมันก็มีคนถอนตัวออกจากกิลสตาร์ลิ้งมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่อย่างไรก็ตามในระหว่างนี้นั้นมันก็มีสิ่งที่น่าตกตะลึงเกิดขึ้นมา ซึ่งเมื่อหลายคนได้รับข่าวนั้นพวกเขาก็เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ….
โดยข่าวที่ว่านั้นก็คือชายหนุ่มลึกลับที่เป็นนักวิชาการซึ่งเป็นศัตรูเก่าแก่ของซือเฟิงนั้นได้บุกเดี่ยวเข้าไปสังหารเหล่าองครักษ์ส่วนตัว และจักรพรรดิของจักรวรรดิไฟ กับจักรวรรดิกลอรี่ลงไปได้ ก่อนที่เขาจะจัดการทำลายเมืองหลวงของทั้งสองจักรวรรดิให้หายออกไปจากแผนที่ของ God domain อย่างสมบูรณ์ ….
ซึ่งเมื่อคิดถึงความแข็งแกร่งของเมือง และตัวตนระดับนี้นั้น มันควรจะมีแต่เทพขั้นหกเท่านั้นที่จะสามารถทำแบบนี้ได้ แล้วชายหนุ่มนักวิชาการผู้นี้ทำมันได้ยังไงกัน ?
แถมที่พูดมาทั้งหมดนี้ก็ยังไม่นับรวมความสูญเสียของเหล่าผู้เล่นจำนวนมากที่พยายามจะเข้าขัดขวางชายหนุ่มนักวิชาการผู้นี้ในระหว่างการต่อสู้รอบนี้ด้วย โดยผู้เล่นบางคนที่ถูกฆ่าในการต่อสู้รอบนี้นั้น บางคนถึงขั้นไม่สามารถจะล๊อคอินท์กลับเข้าเกมได้เป็นเวลาหนึ่งเดือนด้วย ….
เมืองหินโบราณ คฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมือง :
ในห้องโถงขนาดใหญ่ ตอนนี้มันมีซือเฟิงยืนอยู่เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น โดยซือเฟิงก็ได้เปิดใช้งานสกิลวิญญาณทองที่มันพัฒนาไปอย่างมากในช่วงเวลาที่ผ่านมาเพื่อพยายามจะทำความคุ้นเคยกับกฎของโลก และองค์ประกอบธาตุทั้งหมด จนท้ายที่สุดแล้วเขาก็สามารถทำความคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องใช้สกิลวิญญาณทอง
“ดูเหมือนว่า หากฉันไม่สามารถจะทำให้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของตัวเองทะลวงเข้าสู่ขั้นหกได้อย่างแท้จริง ฉันก็จะไม่สามารถควบคุมกฎแห่งการทำลายล้างได้เลยสินะ …” ซือเฟิงพึมพำ และอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นออกมา
เขาไม่นึกเลยจริงๆว่า หลังจากใช้ไอเทมทุกอย่างที่เขามีช่วยเหลือในการเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตมาพักหนึ่งนั้น เขาจะมาถึงขีดจำกัดจนไอเทมที่เขามีไม่สามารถจะช่วยเขาได้แล้ว และตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำนั้นมันก็เหลือแค่การที่ต้องพึ่งพาตัวเองเพื่อทะลวงผ่านไปให้ได้เท่านั้น
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ซือเฟิงกำลังพยายามครุ่นคิด และฝึกอยู่นั้น ฟางฉีหานก็ได้เดินเข้ามาหาเขา “หัวหน้ากิล ฉันได้ตรวจสอบจุดประสงค์ของชายหนุ่มนักวิชาการนั่นมาแล้ว …”
“จุดประสงค์ของเขาคืออะไร ?” ซือเฟิงถามด้วยความกังวล เพราะจากข้อมูลที่เขาได้รับมาเกี่ยวกับการต่อสู้ในเมืองหลวงของจักรวรรดิมังกรไฟ และจักรวรรดิกลอรี่นั้นดูเหมือนว่าคนผู้นี้จะพัฒนาไปอย่างมาก แถมเขายังแผ่มีตราประทับศักสิทธิ์บนหน้าผาก และแผ่ออร่าที่ให้ความรู้สึกศักสิทธิ์ออกมาด้วย
“จุดประสงค์ของเขาน่าจะเป็นสมบัติชั้นยอดเจ็ดชิ้น เพราะจากที่ฉันรวบรวมข้อมูลทั้งหมดในทุกๆด้านมา ทุกอย่างมันชี้ไปในทางนี้ทั้งหมด ….” ฟางฉีหานกล่าวพลางส่งข้อมูลทั้งหมดที่เธอได้รับมาไปให้ซือเฟิง
“หื้ม ?” ซือเฟิงที่ได้ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดที่ฟางฉีหานส่งมาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
สมบัติชั้นยอดเจ็ดชิ้นนั้นเป็นสิ่งที่เขากำลังมองหาเช่นกัน และตอนนี้เขาก็ค้นพบมันสี่ชิ้นแล้ว ซึ่งเขาก็ไม่นึกเลยว่าชายหนุ่มนักวิชาการผู้นี้จะมองหามันเช่นกัน ….
และนี่มันจัดเป็นข่าวร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย ….
“โอ้ใช่ แล้วก็มีอีกเรื่องหนึ่ง … หัวหน้ากิล อาวุธสองชิ้นที่คุณสั่งให้ฉันไปค้นหานั้น ฉันได้นำคนของฉันไปค้นหาจนได้พวกมันมาครบแล้ว” ฟางฉีหานกล่าวอย่างมีความสุข ขณะที่เธอหยิบดาบยาวสองเล่มออกมาจากกระเป๋าของเธอ
ซึ่งเมื่อซือเฟิงได้เห็นดาบยาวทั้งสองเล่มนี้นั้นเขาก็มีความสุขมากๆ ก่อนที่เขาจะตอบแทนฟางฉีหานด้วยการมอบเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานบางส่วนที่กิลเก็บรวบรวมมาได้ให้เธอ ….
หลังจากที่ได้เห็นพลังที่น่ากลัวของชายหนุ่มนักวิชาการในการต่อสู้ที่เมืองหลวงของจักรวรรดิมังกร และจักรวรรดิกลอรี่นั้น ซือเฟิงก็พยายามคิดหาหนทางเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองให้ไวที่สุด และตอนนี้เขาก็มีโอกาสแล้ว ….
และเมื่อซือเฟิงรับดาบยาวสองเล่มนี้มาจากฟางฉีหานนั้น เสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้นมาที่หูของเขาทันที
ระบบ : ค้นพบเศษชิ้นส่วนของดาบโซโลมอนทั้งหมด คุณต้องการจะหลอมดาบโซโลมอนขึ้นใหม่หรือไม่ ?
“ต้องการ !!!”