ตอนที่ 30 พระราชวัง (3)
” อะไร? แต่…
อืม..ใช่แล้ว ”
นั่นคือสิ่งที่เอียนได้ยิน จากทหารที่กําลังถูกกดดันอยู่
‘สองคน??’
มีคนสองคนที่กําลังก้าวเข้ามาในสุสาน
บางทีอัศวินอาจจะกําลังเข้ามา?
“เสียงฝีเท้าหยุดลงแล้ว”
ทั้งคู่หยุดที่ด้านหน้าของสุสาน
ตะเกียงของพวกเขานั้นส่องแสงไปไม่ถึงเอียน
เอียนยังคงซ่อนตัวจากพวกเขาได้อยู่
“ เจ้าหญิง ฉันรู้ว่าเราไม่มีทางเลือกมากนัก แต่ที่นี่…”
เสียงแรกที่ได้ยินนั้นเป็นเสียงของผู้ชาย
ไม่ใช่เสียงของอัศวิน แต่เป็นเสียงของชายวัยกลางคน
‘เจ้าหญิง’
ในขณะนี้มีสามคนในราชวงศ์ที่ถูกเรียกว่าเจ้าหญิง
โชคดีที่มันไม่ใช่แร็กนาร์
นั่นเพียงพอที่จะลดความกดดันของเอียนที่มีต่อแร็กนาร์ได้แล้ว
เอียนได้ซ่อนตัวอยู่ติดกับโลงศพของจักรพรรดิองค์แรก
“ แทบไม่มีใครมาที่นี่เลย ไม่มีผู้ใดเข้ามาดูโลงศพเหล่านี้และไม่มีเสียงใด ๆ มันช่างเงียบจริง ๆ”
เสียงนั้นก็ไม่ได้ฟังดูเหมือนผู้หญิงมากนัก แต่เอียนก็รู้สึกถึงความเป็นผู้ใหญ่ในเสียงนั้น
“ ฉันมาที่นี่เพื่อทําตามหน้าที่เจ้าหญิงของฉันและท่านเควินก็มาที่นี่เพื่อตรวจสอบเวทมนต์ภายในสุสาน เป็นคําแก้ตัวที่ดีใช่มั้ย”
เมื่อพิจารณาถึงอายุของเจ้าหญิงในปัจจุบันแล้วนี่ต้องเป็นลูกสาวของจักรพรรดิซึ่งเป็นพี่น้องของเจ้าชาย
“ฮิริ กรีนริเวอร์”
“ ฉันได้ยินมาว่าไม่มีเขตปลอดภัยในพระราชวัง แต่ยังไงก็ตามที่สุสานแห่งนี้ ฉันรับประกันได้เลยว่าไม่มีสถานที่ที่ปลอดภัยกว่าที่นี่อีกแล้ว ”
“ บางทีเราน่าจะออกไปข้างนอกพระราชวังกันดีกว่า…”
“ ภายนอกนั้นอันตรายยิ่งกว่าที่นี่เสียอีก คุณควรรู้ไว้ท่านเควิน”
การสนทนาของพวกเขานั้นฟังดูแปลก ๆ
มันแปลกมากพอที่จะทําให้คนอื่น ๆ ที่ได้ยินนั้นจะสงสัยในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่
“ บรรพบุรุษของฉันคงจะเข้าใจฉัน ที่แห่งนี้มันเป็นของพ่อและพี่ชายของฉัน ”
“ เฮ้อ ……. ”
เควินถอนหายใจหลังจากได้ยินการชักชวนของเธอ
“ เอาล่ะ ฉันกลัวว่าสุสานแห่งนี้จะพิโรธและอาจลงโทษฉันก็ได้ แต่ฉันไม่มีทางเลือก ”
ในที่สุดเควินก็ยอมรับคําขอของเจ้าหญิง
พวกเขากําลังจะทําอะไร?
“ ก่อนหน้านี้ฉันสอนขั้นพื้นฐานให้คุณไปแล้วยังจําได้ไหม? ”
” แน่นอน ฉันจําได้ “
ในขณะที่ชี้ไปที่หัวของเธอ เธอก็ตอบ
หลังจากดูหน้าที่มั่นใจของเธอ เควินพูดต่อ
“ ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มด้วยเวทย์แสงกันก่อนเถอะ”
ทันใดนั้นแสงที่ก่อตัวกันเป็นทรงกลมก็ปรากฏขึ้น
มันจะต้องเป็นเวทย์แสงขั้นที่ 1
‘จอมเวทย์?’
มีจอมเวทย์สองสามคนที่อยู่ในพระราชวัง ส่วนใหญ่เป็นคนที่ไม่สามารถผ่านขั้นที่หนึ่งไปได้ จอมเวทย์วัยกลางคนส่วนใหญ่พวกเขามักจะอยู่จัดการกับอุปกรณ์เวทมนตร์ในพระราชวัง และแน่นอนว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่พวกเขาจะต้องแอบเข้ามาในสุสานกับเจ้าหญิงเพียงสองคน
“ ตอนนี้ถึงของตาคุณแล้วเจ้าหญิง”
“ อืม แบบนี้และกายเป็นเช่นนี้”
อะไรนะ? เจ้าหญิงกําลังจะใช้เวทย์มนตร์เหรอ?
ดวงตาของเอียนเปิดกว้างด้วยความประหลาดใจ
” ไลท์! ”
แสงก็ได้ก่อตัวรวมกันทรงกลมเล็ก ๆ และเวทย์เจ้าหญิงกําลังใช้นั้นมันอยู่ในระดับของนักเรียนโรงเรียนเวทย์มนต์ขั้นเริ่มต้น
อย่างไรก็ตามเอียนยังอดไม่ได้ที่จะต้องแปลกใจ กับสิ่งที่เอียนนั้นได้เห็น
จอมเวทย์ในราชวงศ์?
เอียนไม่เคยรู้มากก่อนเลย
“พวกเขาเก็บซ่อนความจริงนั้นไว้เป็นความลับ?”
ยกเว้นที่โรงเรียนเวทย์มนต์และในหอคอยงาช้าง การเรียนเวทย์มนตร์เองนั้นถือว่าเป็นโทษหนัก
นอกจากนี้การซ่อนพรสวรรค์ที่สามารถใช้เวทย์ได้จากหอคอยงาช้างเป็นโทษหนักอีกเหมือนกัน
ต้องมีเหตุผลว่าทําไมพวกเขาถึงต้องแอบทําอย่างนี้กัยอย่างลับ
“ดูเหมือนว่าจอมเวทย์กําลังสอนเธออย่างคล่องแคล่ว
จอมเวทย์ขั้นที่ 1 ก็เป็นหนึ่งในจอมเวทย์ของหอคอยงาช้าง
เขาต้องรู้ว่าสิ่งที่เขาทําในตอนนี้นั้นเป็นโทษหนัก
แต่ดูเหมือนว่าจอมเวทย์เควินก็ไม่ได้ลังเลเลยที่จะสอนเวทย์มนต์
เขากลับลังเลเกี่ยวกับสถานที่ที่เขาจะใช้ในการสอนเสียมากกว่า
” เอ๋? ทําไมเวทย์ของฉันถึงเล็กเหลือเกิน ”
“ มันมีหลายเงื่อนไขที่อาจทําให้มันเล็กคือปริมาณมานาไม่เพียงพอและคุณภาพของมานารวมไปถึงการควบคุมรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนในการร่ายเวทย์สําหรับคุณ….”
“ ท่านหมายถึง…”
“ คุณเริ่มกําหนดลมหายใจมานาให้ช้าลงหน่อยและด้วยสภาพของคุณในตอนนี้ฉันไม่อนุญาตให้คุณฝึกต่อ……….”
“ ฮ่า ฮ่า! แค่ล้อเล่น ”
พวกเขาไม่ได้จริงจังกันขนาดนั้น
บทเรียนเวทย์มนต์ระหว่างจอมเวทย์เควินและเจ้าหญิงฮิลิยังคงดําเนินการฝึกเวทย์ต่อไป
การสอนของจอมเวทย์ขั้นที่ 1
สิ่งที่แย่กว่านั้นคือพวกเขาฝึกแต่เวทย์มนตร์แสงซ้ำไปซ้ำมา
นอกจากนี้พวกเขายังฝึกกันมาหลายชั่วโมงแล้ว
“มันจะจบลงเมื่อไหร่กัน”
เอียนเริ่มเบื่อที่ต้องรออย่างไร้จุดหมาย
ในตอนแรกมันดูน่าสนใจแต่เมื่อเวลาผ่านไปมันก็น่าเบื่อที่ต้องมานั่งดูอะไรซ้ำ ๆ
เจ้าหญิงที่เกิดมาพร้อมกับหัวใจมานาและสมองมานา
แต่ทําไมเธอถึงเก็บมันไว้เป็นความลับ?
มันทําให้เอียนมีความอยากรู้อยากเห็น
แต่ไม่นานหลังจากนั้นมันก็น่าเบื่อสําหรับเอียน
‘เธอไม่ได้มีความสามารถขนาดนั้น’
มันสายเกินไปที่จะเริ่มเรียนรู้และยังขาดการฝึกฝนอีกมากนัก
ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้ทั้งหมดเธอนั้นยังไม่ใช่คนที่มีความสามารถพอที่จะเป็นจอมเวทย์
เธออาจอยู่ที่ขั้น 1 ไปตลอดกาลและเมื่อไม่นานมานี้เอียนนั้นตั้งคําถามว่า “ทําไมเธอถึงซ่อนมันเป็นความลับไว้?” แต่ในตอนนี้กลายเป็น “ทําไมเธอจึงยังไม่ออกไปสักที?”
“ตอนนี้มันเป็นเรื่องยากที่จะออกไปโดยไม่มีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้น”
มันอาจจะออกไปได้ง่าย ๆ ถ้าเขานั้นเปิดเผยตัวออกไปตั้งแต่ตอนแรกที่พวกเขาทั้งคู่เดินเข้ามา
ซึ่งมันจะทําให้เขานั้นสามารถหาข้อแก้ตัวได้ เช่น ฉันออกมาเดินเที่ยวชมภายในพระราชวังจนมาถึงที่นี่ในที่สุดและเนื่องจากทหารยามหลับ ฉันจึงไม่ทราบว่ามันเป็นสถานที่ที่ต้องห้ามไม่ให้ผู้อื่นเข้า แต่อย่างไรก็ตามปัญหาคือสถานการณ์ในตอนนี้ที่พวกเขาแอบมาฝึกเวทมนตร์กันอย่างลับ ๆ นั่นจะทําให้พวกเขาไม่กล้าที่ปล่อยเอียนออกไปง่าย ๆ แน่นอน
“ ไลท์! ”
ในขณะที่เอียนกําลังนั่งสั่นขาของเขาเนื่องจากความเบื่อหน่ายจู่ ๆ เวทย์แสงของเจ้าหญิงก็มีขนาดใหญ่ขึ้น
ตอนนี้มันสามาถที่จะส่องแสงสว่างได้มากกว่าเดิมจนไม่ต้องใช้ตะเกียงอีกต่อไป
“ ว้าวววว…!”
เจ้าหญิงรู้สึกประหลาดใจเหมือนเด็ก ๆ ที่ในสุสานแห่งนี้เต็มไปด้วยแสงที่เธอนั้นสร้างขึ้น
เธออายุมากกว่าเอียนประมาณ 5 ปี
“เธออาจมีท่าทีที่แตกต่างออกไปเมื่อเธอยังเด็ก
ในความทรงจําของเอียน ฮิริไม่ใช่ผู้หญิงที่จะมีความสดใสเช่นนี้
เธอมีรูปร่างและหน้าตาที่ดีเหมือนเจ้าชายมกุฎราชกุมาร
อย่างไรก็ตามเธอมักจะไม่พูดอะไรเลยและหน้าของเธอก็ดูมืดมน
ผู้หญิงที่ใช้ชีวิตเหมือนนกในกรงและตายอยู่ในนั้น
แน่นอนว่าเธอไม่ได้พบกับสิ่งที่เลวร้ายเลย
จักรพรรดิองค์ปัจจุบันยังคงปกครองได้อย่างมั่นคง มันเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงกับชีวิตในอดีตของเธอที่เอียนได้เห็นมาก่อน
“ เจ้าหญิงแล้ววันนี้เราจะหยุดการฝึกของเราได้หรือยัง ? ”
ในที่สุดเควินก็พูดคําที่เอียนรอคอยที่จะได้ยินมานาน
“ ถ้าเราอยู่ที่นี่นานเกินไปคนอื่น ๆ อาจจะสงสัยเราได้ ”
เจ้าหญิงเห็นด้วยและพยักหน้า
” ขอบคุณ ฉันรู้ว่ามันเป็นคําขอที่โหดร้าย แต่ท่านก็ช่วยฉัน เสมอ”
” ไม่เป็นไรหรอก แต่ฉันรู้สึกเสียใจแทนคุณ ฉันเป็นเพียงจอมเวทย์ขั้นแรก การสอนของฉันอาจจะยังดีไม่พอ ”
เควินก็เป็นจอมเวทย์ขั้นแรก
เขาไม่ได้อยู่ในระดับที่สามารถสอนคนอื่นได้
แม้ว่าเขาอาจจะมีความชํานาญมากกว่าเจ้าหญิง แต่เขาก็ยังอยู่ในระดับขั้นที่ 1 ซึ่งเป็นขั้นแรก
“ บางที่เราควรจะแจ้งไปที่หอคอยงาช้าง…”
“ ไม่ .. ไม่มีทาง! มันจะทําให้ท่านตกอยู่ในอันตราย…”
ด้วยคําว่า “หอคอยงาช้าง” เจ้าหญิงจึงตอบสนองอย่างทันที
เหตุผลในการตอบสนองของเธอที่มีต่อหอคอยงาช้างนั้นแตกต่างจากเจ้าชาย
เจ้าชายนั้นเกลียดหอคอยงาช้างเนื่องจากเขารู้สึกต่ำต้อย
แต่สําหรับเจ้าหญิงนั้นเธอ “กลัว” หอคอยงาช้าง
” ฉันจะทําให้ดีที่สุดเหมือนกับจอมเวทย์ที่เข้ามาในพระราชวังกับพี่ชายของฉัน ชื่ออะไรน้า…เอียนเพจใช่ไหม? ผู้คนต่างก็บอกว่าเขาสามารถใช้เวทมนตร์ได้โดยที่ไม่มีใครสอนเขา ถ้าฉันพยายามอย่างดีที่สุดสักวันหนึ่งฉันอาจ… ”
เมื่อเธอรู้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้เธอก็สูญเสียความมั่นใจ
“ เจ้าหญิง คุณไม่ต้องกังวลอะไรที่เกี่ยวกับฉัน ฉันจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อสนับสนุนคุณ โปรดอย่าได้สูญเสียความมั่นใจของคุณไปเลย ”
มันฟังดูเหมือนการปลอบใจจากอาจารย์ที่มอบให้ลูกศิษย์ของเขา
ในไม่ช้าพวกเขาก็ค่อยออกไปจากสุสานในเวลาที่ต่างกันเพื่อป้องกันไม่ให้ใครเห็นเขาทั้งสองคนมาด้วยกัน
หลังจากนั้นไม่นานเอียนก็ออกไปจากสุสานอย่างเงียบ ๆ
เพื่อที่จะได้ออกไปก่อนที่ทหารจะกลับเข้ามา
“มันดูแปลก โดยเฉพาะปฏิกิริยาของเจ้าหญิง”
เอียนใช้ชีวิตที่สองของเขาอยู่ในตอนนี้ที่ย้อนเวลากลับมาในอดีต
นั่นหมายความว่าเขาสามารถคาดการณ์เหตุการณ์ล่วงหน้าได้
อย่างไรก็ตามเหตุผลที่ว่าเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดินั้นกลัวที่จะเปิดเผยความสามารถของเธอต่อหอคอยงาช้างนั้น มันทําให้เอียนเกิดความสงสัย ความกลัวนั้นต้องเกิดจากเหตุผลบางอย่าง ปฏิกิริยาของเธอแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับพี่ชายของเธอ มันจะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้น
‘บางสิ่งที่ฉันไม่รู้’
ในชีวิตอดีตของเขา เอียนได้กลายเป็นเด็กใหม่ของโรงเรียนจอมเวทย์อยู่ในขณะนี้
ในขณะที่เขาเป็นนักเรียนของโรงเรียนจอมเวทย์ เขาได้เรียนรู้เหตุการณ์ระหว่างจักรวรรดิและหอคอยงาชางโดยการอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ แต่อย่างไรก็ตามในเวลานี้เขาอยู่ในสถานการณ์ที่แตกต่างกันซึ่งก็คืออดีตในวัยเด็กของเอียนเอง เขาอาจต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์เหล่านั้นโดยตรงกับตัวเอง
“มันอาจเกี่ยวข้องกับจอมเวทย์แห่งหอคอย ที่อาจจะเตรียมแผนการมานานแล้วที่จะทําให้แร็กนาร์กลายเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป”
มันเป็นกรณีเดียวที่เขาคิดได้
มันเป็นสถานการณ์ที่เป็นไปได้มากที่สุด
“ฉันควรไปที่ห้องสมุดของจักรวรรดิในครั้งต่อไป
หลังจากนั้นเอียนก็เดินออกจากสุสานไปโดยไม่มีอุปสรรคใด ๆ
มันใช้เวลานานกว่าที่เขานั้นได้วางแผนไว้
เขาพอใจกับเห็ดหัวใจหินและข้อมูลที่เขานั้นพึ่งจะได้รับรู้
“ ท่านเอียน ท่านสนุกกับการเที่ยวนั่นไหม? ”
ทหารยามที่นาทางเอียนมาก่อนหน้านี้ได้ถามเอียน
ในขณะที่แกล้งทํารอยยิ้มของเด็กไร้เดียงสา เอียนก็ตอบ
” ใช่ ! มันสนุกมาก ๆ เลย ! ”