เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1088 บรรลุเป้าหมาย
แปลโดย iPAT
วันต่อมาในไท่ชิว
‘สถานที่แห่งนี้…’ ฟางหยวนปีนขึ้นไปบนต้นไม้ที่สูงหลายร้อยเมตรและกวาดตามองไปรอบๆ
มันเป็นซากปรักหักพังที่ดูเหมือนถูกโจมตีด้วยสายฟ้า
ตอนนี้ฟางหยวนอยู่ในรูปลักษณ์ของวานรตัวหนึ่ง
สัตว์อสูรบรรพกาล วานรกลืนกินเปลวเพลิง
แม้ร่างกายของเขาจะไม่ใหญ่โตแต่เขาไตร่ตรองมาแล้ว
แพะเขาเดี่ยวไม่สามารถเดินทางเตร็ดเตร่ไปทั่วโดยเฉพาะส่วนลึกของไท่ชิว
วานรกลืนกินเปลวเพลิงเป็นกรณีพิเศษ
มันแข็งแกร่งแต่กินเพียงเปลวเพลิง ดังนั้นมันจึงสามารถเดินทางไปรอบๆ มันไม่ใช่อาหารของสัตว์อสูรชนิดอื่นเช่นกัน ดังนั้นมันจึงเหมาะสมสำหรับภารกิจของฟางหยวน
หากไม่เปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นวานรกลืนกินเปลวเพลิง ฟางหยวนจะไม่สามารถมาที่นี่
‘ต้นพันอสรพิษ…’ ฟางหยวนมองเห็นมันในระยะไกล
นี่เป็นตำแหน่งที่สามในแผนที่ไท่ชิว
ตำแหน่งแรกถูกยึดครองโดยฝูงหมาป่าโลหิตเดียวดาย ตำแหน่งที่สองมีเพียงความว่างเปล่าและกลายเป็นสนามรบของสัตว์อสูรสองกลุ่ม
ตอนนี้ฟางหยวนอยู่ในตำแหน่งที่สาม
มีต้นพันอสรพิษอยู่ที่นี่
นี่คือพืชอสูรแรกกำเนิด มันเป็นต้นไม้ที่ใหญ่โตราวกับภูเขาและมีกิ่งก้านนับหมื่นนับแสนราวอสรพิษ ตรงปลายกิ่งก้านเหล่านั้นยังเป็นศีรษะอสรพิษ
มันกินสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลที่เดินผ่านมาเป็นอาหารโดยใช้กิ่งก้านสาขาของมันไล่ล่า จับกุม และดูดเลือด
รูปแบบชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนตกตายอยู่ที่นี่และกลายเป็นกองซากศพที่เน่าเปื่อยซึ่งปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งความตายออกมา
พลังงานบวกและพลังงานลบจะดึงดูดกัน ดังนั้นสายฟ้าสวรรค์จะพุ่งลงมาโจมตีต้นพันอสรพิษต้นนี้เป็นครั้งคราว
มันไม่เป็นไรหากเป็นพายุฝนทั่วไป แต่หากโชคไม่ดีและพบกับบอลสายฟ้าสวรรค์ขนาดใหญ่ ผลลัพธ์จะเป็นหายนะ
ต้นพันอสรพิษไม่มีศัตรูโดยธรรมชาติ มันเป็นพืชอสูรแรกกำเนิดที่ปกครองดินแดนแห่งนี้ นี่ทำให้มันดึงดูดความสนใจของเจตจำนงสวรรค์และถูกโจมตีโดยสายฟ้าสวรรค์
หลังจากสามแสนปี ต้นพันอสรพิษจึงถูกแผดเผาและกลายเป็นปล่องภูเขาไฟที่มีควันดำลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าตลอดเวลา
‘แต่ต้นพันอสรพิษยังไม่ตาย!’ ท่ามกลางความมืด ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น
บรรพชนผมยาวทิ้งแผนที่ไท่ชิวฉบับนี้เอาไว้ แต่ตลอดสามแสนปี ต้นพันอสรพิษกลับไม่ตายและยังมีชีวิตอยู่ที่นี่!
‘มนุษย์คือจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด แต่พลังชีวิต อายุขัย ร่างกาย และดวงวิญญาณของพวกเรายังด้อยกว่าสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ต้นพันอสรพิษมีพลังชีวิตสูงที่สุด มันยังสามารถมีชีวิตแม้จะถูกเผาทำลายด้วยเปลวเพลิงและสายฟ้า’ ฟางหยวนถอนหายใจ
ตอนนี้ต้นพันอสรพิษเอนกายนอนอยู่บนพื้นอย่างสมบูรณ์ นอกจากนั้นมากกว่าครึ่งของมันยังเน่าเปื่อยผุพัง
ต้นพันอสรพิษที่สมบูรณ์จะสูงกว่าภูเขาหนึ่งลูกหากมันตั้งตัวขึ้น การโจมตีจากกิ่งก้านอสรพิษของมันครอบคลุมพื้นที่เป็นวงกว้าง
ฟางหยวนรู้สึกได้ว่ากิ่งก้านมากมายของมันยังมีชีวิตอยู่ พวกมันเป็นอสรพิษที่เคลื่อนที่ไปรอบๆอย่างช้าๆ หากมันพบเหยื่อ มันจะโจมตีและสังหารเหยื่ออย่างรวดเร็ว
แม้ต้นพันอสรพิษต้นนี้จะอยู่ในสภาพที่น่าอนาถ แต่มันยังสามารถสังหารสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาล
ฟางหยวนสังเกตและค้นพบสิ่งใหม่ๆ ‘โชคลาภและภัยพิบัติมักมาพร้อมกัน ต้นพันอสรพิษต้นนี้สังหารสัตว์อสูรมากมาย ศพของพวกมันกองเป็นภูเขา ตอนนี้กิ่งก้านอสรพิษของมันเหลืออยู่ไม่มากและมีขีดจำกัดในการล่า เมื่อปราณเย็นไม่เพิ่มขึ้น มันจะไม่ดึงดูดสายฟ้าลงมาอีก’
นั่นเป็นเหตุผลที่ต้นพันอสรพิษยังมีชีวิตอยู่
แต่ฟางหยวนยังขมวดคิ้ว
เขาเสี่ยงชีวิตเดินทางมาไท่ชิวเพื่อหาสถานที่เหมาะสมในการจัดตั้งค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่
นี่เป็นตำแหน่งที่สามที่ฟางหยวนมาตรวจสอบ
สองแห่งแรกเปลี่ยนแปลงไปแล้วและไม่เหมาะสม
แต่ต้นพันอสรพิษยังมีชีวิตอยู่ นี่เป็นพืชอสูรแรกกำเนิด มันมีพลังการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวที่สามารถแข่งขันกับผู้อมตะระดับแปด กระทั่งมันจะอ่อนแอลงแต่มันยังเป็นสิ่งมีชีวิตระดับแปด ฟางหยวนไม่กล้าเผชิญหน้ากับมัน นี่เป็นปัญหาใหญ่ในแผนการของนิกายหลางหยา
หากเกิดการต่อสู้ขึ้นที่นี่ มันอาจดึงดูดคลื่นสัตว์อสูร
‘นั่นหมายความว่าข้าปฏิบัติภารกิจสำเร็จและล้มเหลวในเวลาเดียวกัน แม้ข้าจะสามารถตรวจสอบความถูกต้องของแผนที่แต่ข้าไม่สามารถหาสถานที่เหมาะสมในการจัดตั้งค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่ของนิกายหลางหยา’
‘แต่นั่นไม่สามารถช่วยได้ พลังอำนาจของวิญญาณขีดจำกัดความมืดกำลังอ่อนแอลง ข้าควรจากไปเป็นอันดับแรกและกลับมาอีกครั้งคราวหน้า’
ฟางหยวนลอบถอนหายใจ
หากเขาประสบความสำเร็จในครั้งนี้ นั่นจะดีที่สุด หลังจากทั้งหมดสถานการณ์ปัจจุบันของฟางหยวนยังไม่ดีนัก เขามีทั้งภัยคุกคามจากภายนอกและภายใน
หากฟางหยวนต้องมาที่นี่อีกครั้ง เขาจะไม่มีเวลาเตรียมตัวสำหรับเรื่องอื่นๆ
เขายุ่งมาก
การจัดการมิติช่องว่างจักรพรรดิเป็นเรื่องใหญ่ เขากังกลเกี่ยวกับการบ่มเพาะของตนเอง เขายังต้องจัดการปัญหาของร่างผีดิบอมตะ นอกจากนั้นยังมีเรื่องของฟางเจิ้ง
แต่สิ่งต่างๆในชีวิตมักไม่เป็นไปตามความคาดหวังของผู้คน
ฟางหยวนจากไปอย่างช้าๆ
เขาเลือกทิศทางที่ใกล้ที่สุดเพื่อเดินทางกลับ
แต่ปัญหาคือหลังจากฟางหยวนเดินทางมาได้ระยะหนึ่ง เขากลับค้นพบบางสิ่ง
อันดับแรก สัตว์อสูรบรรพกาลสองตัวกำลังต่อสู้กันเป็นเหตุให้เกิดความปั่นป่วนขึ้น ต่อมา ฝูงสัตว์อสูรสามกลุ่มยังเข้าร่วมในการต่อสู้ นั่นทำให้เกิดเป็นการต่อสู้ที่ชุลมุนวุ่นวาย
ทั้งหมดปิดกั้นเส้นทางของฟางหยวน
‘คลื่นสัตว์อสูร…’
‘เป็นเช่นนี้’
‘พลังอำนาจของวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดลดลงในระดับนี้แล้วงั้นหรือ? กระทั่งเจตจำนงสวรรค์จะไม่สามารถตรวจสอบตำแหน่งที่แน่ชัดของข้า แต่มันยังรู้ตำแหน่งคร่าวๆ ดังนั้นมันจึงสร้างความวุ่นวายขึ้นในไท่ชิวเพื่อสะกัดกั้นข้า’
‘ฮืม…ข้ามีวิญญาณกาลเวลาและอสูรหิมะจำนวนมาก พวกมันเต็มไปด้วเจตจำนงสวรรค์ แม้พวกมันจะอยู่ในมิติช่องว่างของข้า แต่เจตจำนงสวรรค์ที่อยู่ภายในยังสามารถส่งเสียงสะท้อนออกมาติดต่อกับเจตจำนงสวรรค์ที่อยู่ภายนอก’
ฟางหยวนขมวดคิ้วลึก
ก่อนหน้านี้เขายังประเมินเจตจำนงสวรรค์ต่ำเกินไป
กล่าวตามตรรกะ มิติช่องว่างคือแดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ำสวรรค์ที่แยกออกจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ เจตจำนงสวรรค์ไม่สามารถเข้าแทรกแซงโลกใบเล็ก
แต่ตอนนี้ฟางหยวนรู้แล้ว หากเจตจำนงสวรรค์เข้าไปในโลกใบเล็กเหล่านี้ มันสามารถติดต่อกับเจตจำนงสวรรค์ของโลกภายนอกและทำงานร่วมกัน
ด้วยการเชื่อมต่อของเจตจำนงสวรรค์ พลังอำนาจของวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดจึงลดลง แม้เจตจำนงสวรรค์จะไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัดของฟางหยวน มันยังสามารถสร้างความปั่นป่วนขึ้นรอบๆเพื่อกำจัดเขาอย่างไร้ปรานี
‘ประสบการณ์นำไปสู่การรู้แจ้ง! หรือบางทีข้อมูลของนิกายเงาอาจไม่สมบูรณ์ ข้าไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีก!’ ฟางหยวนคิดและเคลื่อนไหวทันที
เขากระโดดไปตามต้นไม้และเคลื่อนที่ออกห่างจากฝูงสัตว์อสูรเพื่อหลีกเลี่ยงกับดักของเจตจำนงสวรรค์
แต่มันช้าเกินไป
สัตว์อสูรบรรพกาลสองตัวและฝูงสัตว์อสูรที่ต่อสู้กันสร้างความปั่นป่วนขึ้นในวงกว้าง
คลื่นสัตว์อสูรฝูงหนึ่งพุ่งเข้ามาหาฟางหยวน
มันมีทั้งสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลที่กำลังบ้าคลั่ง
พวกมันอยู่ในสภาวะสูญเสียเหตุผลและใช้เพียงสัญชาตญาณการอยู่รอด
เสียงคำรามดังขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะที่การต่อสู้ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
ฟางหยวนรู้สึกราวกับตนเองเป็นแผ่นไม้เล็กๆที่ลอยไปตามกระแสน้ำ
เขาไม่สามารถช่วยเหลือตนเองและทำได้เพียงเคลื่อนที่ไปพร้อมกับคลื่นสัตว์อสูรเท่านั้น
เขายังต้องปลอมตัวต่อไป หากตัวตนของเขาเปิดเผยออกมา เจตจำนงสวรรค์จะใช้คลื่นสัตว์อสูรกำจัดเขา เมื่อเวลานั้นมาถึง แม้เขาจะมีพลังงานอมตะอย่างไม่จำกัดและวิญญาณอมตะจำนวนมาก เขาก็ยังจะตกตายโดยปราศจากซากศพ
หลังจากทั้งหมดเขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก
แม้ฟางหยวนจะมีวิญญาณเปลี่ยนรูปลักษณ์และวิญญาณทัศนคติรวมถึงท่าไม้ตายใบหน้าที่คุ้นเคย แต่การปลอมตัวยังไม่เพียงพอ
พลังอำนาจของวิญญาณขีดจำกัดความมืดกำลังจะหมดลง เมื่อถึงจุดหนึ่ง ฟางหยวนจะถูกค้นพบโดยเจตจำนงสวรรค์
เมื่อตัวตนของเขาถูกเปิดเผย มันจะเป็นเวลาตายของเขา แต่เขาไม่สามารถซ่อนตัวได้ตลอดไป
ฟางหยวนรู้สึกถึงอันตรายขณะที่เขาไม่สามารถหาทางออกจากสถานการณ์
‘บางทีข้าอาจต้องรับความเสี่ยงเพื่อหาโอกาสอยู่รอด’ ฟางหยวนคิด
หากมีทางเลือกอื่น เขาจะไม่เลือกทางสายนี้
ตอนนี้เขาสามารถเพียงฝากความหวังไว้กับท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือดและวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ
แต่ที่นี่คือส่วนลึกของไท่ชิว
มีสัตว์อสูรเดียวดายอยู่ทุกหนทุกแห่ง สัตว์อสูรบรรพกาลก็มีจำนวนไม่น้อย เจตจำนงสวรรค์จะใช้พวกมันปิดกั้นเส้นทางของฟางหยวน
เป็นเพียงเวลานี้ที่คลื่นสัตว์อสูรเปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหัน ก่อนหน้านี้พวกมันเคลื่อนที่มาข้างหน้า แต่ตอนนี้พวกมันกลับแยกย้ายออกไปด้านข้าง
‘นี่!?’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น
เขามองซากศพขนาดใหญ่โตที่อยู่ด้านหน้า มีเปลวเพลิงสีฟ้าลุกไหม้อยู่แต่กลับไม่มีความร้อน
ฟางหยวนรู้สึกถึงแรงกดดัน
นี่คือซากศพของสัตว์อสูรแรกกำเนิด!
มันพึ่งตายและปลดปล่อยกลิ่นอายอันทรงพลังออกมา กระทั่งคลื่นสัตว์อสูรยังต้องหลบเลี่ยง
‘โชคชะตาช่างเป็นสิ่งที่ลึกลับนัก เมื่อข้ายอมแพ้ ความหวังกลับพุ่งเข้ามาหา’ ฟางหยวนอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ