เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1070 สังเวยตัวหมากเบี้ย
แปลโดย iPAT
ในภาคกลาง ผู้ใดกำลังอนุมานเกี่ยวกับอิงอู๋เซี่ย?
ความคิดแรกของอิงอู๋เซี่ยคือวังสวรรค์
กองกำลังอันดับหนึ่งของโลกผู้อมตะมาตั้งแต่ยุคบรรพกาล
มันเป็นกองกำลังที่เทพปีศาจสามคนยังไม่สามารถพลิกคว่ำ
กระทั่งเทพปีศาจจิตวิญญาณก็ไม่พยายามโจมตีวังสวรรค์
ค่ายกลวิญญาณกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อป้องกันการอนุมานจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาและเริ่มแสดงร่องรอยของการพังทลาย
‘ในเวลาอันสั้น ผู้ใดที่ทำให้ค่ายกลวิญญาณทำงานหนักถึงเพียงนี้? มีเพียงผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของวังสวรรค์เท่านั้นที่สามารถทำได้!’ การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยเปลี่ยนแปลงไป
อิงอู๋เซี่ยเป็นความหวังสุดท้ายของเทพปีศาจจิตวิญญาณ เขาตระหนักถึงภาระอันหนักหน่วงนี้
โดยปราศจากวิญญาณท่องแดนอมตะ เขาจะถูกไล่ล่าโดยผู้อมตะจำนวนมากของวังสวรรค์และอาจตกตายได้อย่างง่ายดาย
‘มันไม่เป็นไรหากข้าตาย แต่ร่างหลักของข้าจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง สุดท้ายพวกเราจะตายไปจริงๆ!’
อิงอู๋เซี่ยพยายามปลุกขวัญกำลังใจของตนเองก่อนจะใช้พลังงานอมตะสนับสนุนค่ายกลวิญญาณ
ค่ายกลวิญญาณเริ่มเกิดเสถียรภาพมากขึ้น เสียงแตกร้าวเริ่มบางเบาลง
ด้วยการควบคุมจากผู้อมตะ พลังอำนาจของค่ายกลวิญญาณจะก้าวเข้าสู่อีกระดับหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ค่ายกลวิญญาณไม่ได้ถูกควบคุมโดยอิงอู๋เซี่ยแต่มันยังสามารถต่อต้านการอนุมานของเทพธิดาจื่อเว่ย
ตอนนี้ด้วยการสนับสนุนของอิงอู๋เซี่ย มันจึงทรงพลังขึ้นมากกว่าสิบเท่า แต่สถานการณ์ของอิงอู๋เซี่ยยังเลวร้ายลงเรื่อยๆ
เขาพึ่งฟื้นและอยู่ในสภาพที่ไม่ดีนัก
เนื่องจากความล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณอมตะรวมถึงการใช้ท่าไม้ตายอมตะช่วยเพิ่มโชค จิตวิญญาณของเขาจึงได้รับบาดเจ็บสาหัส
หลังจากตื่นขึ้น เขายังต้องควบคุมค่ายกลวิญญาณโดยไม่สามารถหยุดพัก เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะรักษาอาการบาดเจ็บของตน
อิงอู๋เซี่ยเริ่มรู้สึกมึนงงขณะที่ร่างกายสั่นสะท้านและแทบจะสลบไปอีกครั้ง
“ไม่! ค่ายกลวิญญาณยากที่จะควบคุม พวกเราต้องต่อต้านการอนุมานของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา พลังจิตของข้าอยู่ในจุดต่ำสุด ข้าไม่สามารถต่อต้านได้อีกต่อไป!’
หัวใจของอิงอู๋เซี่ยจมดิ่งลง
“ซื่อหนิว! ไห่ลั่วหลัน!” อิงอู๋เซี่ยเรียกและบอกวิธีควบคุมค่ายกลวิญญาณให้กับคนทั้งสอง
หลังจากชั่วครู่เขาก็ไม่สามารถอดทนและสลบไปในที่สุด
“นายท่าน!” ซื่อหนิวภักดีมาก หลังจากเข้าควบคุมค่ายกลวิญญาณ เขาพบว่าสถานการณ์ของอิงอู๋เซี่ยไม่ดีนัก ดังนั้นเขาจึงใช้ค่ายกลวิญญาณรักษาอิงอู๋เซี่ย
ไห่ลั่วหลันรับผิดชอบเรื่องการป้องกันการอนุมานของเทพธิดาจื่อเว่ย
สถานการณ์เริ่มดีขึ้นอีกครั้ง
อิงอู๋เซี่ยตื่นขึ้นและถาม “ข้าสลบไปนานเท่าใด?”
ซื่อหนิวตอบ “สองวันสามคืน”
“การอนุมานหยุดลงหรือยัง?” อิงอู๋เซี่ยถามต่อ
“ไม่แม้แต่ครั้งเดียว” ไห่ลั่วหลันถ่ายทอดเสียง
การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยกลายเป็นมืดมน “อนุมานสองวันสามคืนโดยไม่หยุดพัก ฝ่ายตรงข้ามต้องเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของวังสวรรค์อย่างแน่นอน ความสามารถของคนผู้นี้ไม่ด้อยกว่าเจ้าวังคนก่อน ฮืม…วังสวรรค์…”
รากฐานของวังสวรรค์แข็งแกร่งเกินไป
มันถูกปกครองโดยเทพอมตะสามคนและมีผู้อมตะระดับแปดอีกนับไม่ถ้วน นิกายเงาอาจก่อตั้งมากนับแสนปี แต่มันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับวังสวรรค์
ด้วยการทำงานอย่างหนัก นิกายเงาสามารถส่งเหลียนจิวเฉิงเข้าไปเป็นสายลับในวังสวรรค์
แต่เหลียนจิวเฉิงยังไม่ได้รับข้อมูลของวังสวรรค์มากนัก
หลังจากทั้งหมดผู้อมตะของวังสวรรค์ส่วนใหญ่จะจำศีลและไม่ค่อยปรากฏตัว
อย่างไรก็ตามนิกายเงายังล่วงรู้หลายสิ่ง
ประการแรก วิญญาณชะตากรรมได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ด้วยการใช้วิญญาณชะตากรรมระดับเก้าเป็นแกนกลาง วังสวรรค์สามารถใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเก้าหอคอยดวงตาสวรรค์จับกุมผู้หลบหนีจากโชคชะตาของทั้งห้าภูมิภาครวมถึงสวรรค์สีขาวและสวรรค์สีดำ
ประการที่สอง ถ้ำสวรรค์ของวังสวรรค์ไร้ภัยพิบัติเพราะมันกลืนกินเศษชิ้นส่วนของสวรรค์เจ็ดชั้นเข้าไปเป็นจำนวนมาก
ประการสุดท้าย ผู้อมตะของวังสวรรค์ประสบความสำเร็จในการทำวิจัยมิติช่องว่างอมตะและได้รับข้อมูลในเชิงลึก กระทั่งเทพปีศาจจิตวิญญาณยังรู้สึกอัศจรรย์ใจ
ผู้อมตะของวังสวรรค์จะผสานมิติช่องว่างของพวกเขาเข้ากับถ้ำสวรรค์ของวังสวรรค์ เมื่อพวกเขาออกจากถ้ำสวรรค์ พวกเขาจะได้รับมิติช่องว่างภูตผีสำหรับจัดเก็บพลังงานอมตะและวิญญาณ
นี่เป็นหนึ่งในความลับสุดยอดของวังสวรรค์และเป็นผลงานของเทพอมตะแรกกำเนิด
หลังจากผู้อมตะระดับแปดผสานมิติช่องว่างของตนเข้ากับถ้ำสวรรค์ของวังสวรรค์ พวกเขาจะเป็นอิสระจากภัยพิบัติ พวกเขายังสามารถเข้าสู่การจำศีลเพื่อรักษาอายุขัยของตนเอง
วังสวรรค์ดำรงอยู่มาถึงสามล้านปี ถ้ำสวรรค์ของพวกเขาคือการหลอมรวมมิติช่องว่างของเทพอมตะสามคนตลอดจนผู้อมตะระดับแปดอีกนับไม่ถ้วน
ดังนั้นขนาดและทรัพยากรของถ้ำสวรรค์แห่งนี้จึงไม่สามารถคาดคำนวณ นี่ทำให้พวกเขาไม่ต้องพึ่งพาทรัพยากรของโลกภายนอก
ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่ามีผู้อมตะระดับแปดจำศีลอยู่ที่นั่นมากเท่าใด
แต่ทุกคนก็เข้าใจตรงกันว่ามันเป็นจำนวนที่น่าสะพรึงกลัวมาก
วิญญาณอายุยืนเป็นวิธียืดอายุที่ดีที่สุดมาตั้งแต่ยุคแรกกำเนิด แน่นอนว่าวิธีจำศีลของวังสวรรค์มีจุดอ่อนเช่นกัน แต่เหลียนจิวเฉิงยังไม่รู้จุดอ่อนดังกล่าว นี่เป็นหนึ่งในความเสียใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเทพปีศาจจิตวิญญาณ
หากเปรียบเทียบกับวังสวรรค์ นิกายเงายังอ่อนแอเกินไป พวกเขาไม่ต่างจากยอดภูเขาน้ำแข็งขณะที่กองกำลังพันธมิตรผีดิบเป็นเพียงก้อนน้ำแข็งที่กระจายอยู่รอบๆ ในทางตรงข้ามวังสวรรค์ไม่ต่างจากมหาสมุทรที่โอบล้อมภูเขาน้ำแข็งเอาไว้ มันทั้งลึกและกว้างใหญ่
“นายท่าน พวกเราจะทำอย่างไรต่อไป?” ซื่อหนิวถาม
อิงอู๋เซี่ยจมลงสู่ความเงียบ
เขาต้องเค้นสมองคิด!
การอนุมานของเทพธิดาจื่อเว่ยเหมือนหอกที่คอยทิ่มแทงค่ายกลวิญญาณของอิงอู๋เซี่ย
แม้มันจะสามารถต่อต้านการอนุมาน แต่ด้วยสิ่งนี้ค่ายกลวิญญาณจึงไม่สามารถทำงานอื่น เพราะเพียงแค่ป้องกัน มันก็แทบจะถึงขีดจำกัดแล้ว
‘วังสวรรค์เล็งเป้ามาที่ข้า พวกเขาไม่เพียงต้องการกำจัดนิกายเงาแต่ยังไล่ล่าฟางหยวน ร่างกายของข้าเป็นร่างเดิมของฟางหยวน นี่เหมือนการปกป้องเขาจากภัยพิบัติ’
‘มันแปลกมากที่ข้าไม่สามารถหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะ โชคของข้าดีมากแต่ข้ากลับล้มเหลว แม้โชคของข้าจะถูกแบ่งให้กับฟางหยวน สถานการณ์ของข้าก็ยังดีกว่าเขา แต่ข้าก็ยังล้มเหลว บางทีวิญญาณท่องแดนอมตะอาจถูกบางคนชิงหลอมรวมไปแล้ว หากเป็นเช่นนั้น มันก็น่าจะเป็นวังสวรรค์!’
ผมที่หกได้ส่งจดหมายขอโทษมายังอิงอู๋เซี่ย ดังนั้นอิงอู๋เซี่ยจึงเข้าใจสถานการณ์ของฟางหยวนอย่างชัดเจน
‘ดูเหมือนมีเพียงต้องสังเวยตัวหมากเบี้ยเพื่อช่วยราชาเท่านั้น!’
อิงอู๋เซี่ยตัดสินใจเสียสละเพื่อโอกาสในการหลบหนี
เทพธิดาจื่อเว่ยกำลังต่อสู้กับค่ายกลวิญญาณ ด้วยวิธีนี้อิงอู๋เซี่ยจะมีโอกาสหลบหนีออกจากภาคกลาง
กองกำลังที่เหลืออยู่ในภาคกลางของนิกายเงามีน้อยเกินไป การเดินทางไปยังภูมิภาคอื่นจะช่วยเขาได้มากกว่า
‘ข้าล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะแต่ข้าเป็นผีดิบอมตะระดับหกในจุดต่ำสุด มันง่ายกว่าสำหรับข้าที่จะเดินทางผ่านกำแพงภูมิภาคหากเปรียบเทียบกับผู้อมตะระดับเจ็ดหรือแปด ตอนนี้ข้าต้องทำงานอย่างหนักเพื่อเดินทางไปทั้งสี่ภูมิภาคและรวบรวมกองกำลังที่เหลืออยู่ของข้า แม้วังสวรรค์จะมีวิญญาณท่องแดนอมตะระดับหก แต่ผู้อมตะระดับแปดก็ไม่สามารถใช้มัน หอคอยดวงตาสวรรค์ถูกทำลายไปแล้ว พวกเขาไม่สามารถตามจับข้าได้อย่างง่ายดาย’
‘ข้าทำได้เพียงละทิ้งสถานที่แห่งนี้! เพื่อควบคุมค่ายกลวิญญาณ อย่างน้อยต้องใช้ผู้อมตะระดับหกสองคนหรือผู้อมตระดับเจ็ดหนึ่งคน…’
อิงอู๋เซี่ยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และตัดสินใจละทิ้งซื่อหนิว เขาจะนำไท่เป่ยหยุนเฉิงกับไห่ลั่วหลันไปด้วย
ความภักดีไม่ใช่สาระสำคัญ แต่เหตุผลหลักคือเขาต้องเดินทางผ่านกำแพงภูมิภาคหลายครั้ง การบ่มเพาะระดับเจ็ดของซื่อหนิวจะกลายเป็นภาระ
ดังนั้นอิงอู๋เซี่ยจึงตัดสินใจสังเวยซื่อหนิว
ซื่อหนิวไม่คัดค้านเรื่องนี้ เขาภักดีมาก เขากระทั่งมอบวิญญาณและเผ่ามนุษย์หินของเขาให้กับอิงอู๋เซี่ย
มิติช่องว่างของอิงอู๋เซี่ยตายไปแล้ว เขาต้องเก็บเผ่ามนุษย์หินไว้ในมิติช่องว่างของไห่ลั่วหลันและปล่อยให้พวกมันใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น
ซื่อหนิวถูกทิ้งไว้เพื่อดึงดูดความสนใจของฝ่ายตรงข้ามขณะที่อิงอู๋เซี่ยนำไห่ลั่วหลันกับไท่เป่ยหยุนเฉิงจากไปโดยมีเป้าหมายอยู่ที่กำแพงภูมิภาคที่ใกล้ที่สุด