เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1057 เผชิญหน้าภัยพิบัติ (5)
แปลโดย iPAT
ชูตู๋
รู้จักกันในนามของจักรพรรดิอมตะ บุคคลในตำนานของโลกผู้อมตะภาคเหนือ
เขาเกิดในครอบครัวที่ยากจน เขาไม่ได้มาจากตระกูลฮวงจิน จุดเริ่มต้นของเขาต่ำมาก กระทั่งทะเลวิญญาณของเขายังถูกปลุกให้ตื่นขึ้นโดยบังเอิญ เขาไม่มีอาจารย์และตระกูลให้ความช่วยเหลือ แต่นั่นไม่สามารถหยุดความยิ่งใหญ่ของเขา เขาเป็นผู้สร้างวิญญาณความแข็งแกร่งกิโลกรัมและอื่นๆอีกมากมาย
ด้วยการใช้วิญญาณเหล่านี้ เขาสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ
แต่นี่ไม่ใช่จุดสุดท้ายของตำนาน เมื่อเขากลายเป็นผู้อมตะ เขายังสร้างกิ่งก้านสาขาบนเส้นทางความแข็งแกร่งและทำให้เส้นทางความแข็งแกร่งที่กำลังจะตายกลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง
ไม่มีผู้ใดสามารถปฏิเสธความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของชูตู๋
ตอนนี้เก้าในสิบของผู้ใช้วิญญาณภาคเหนือฝึกฝนอยู่บนเส้นทางความแข็งแกร่งที่เขาสร้างขึ้น
โชคชะตาเป็นสิ่งลึกลับที่ไม่มีผู้ใดสามารถถอดรหัส
ไม่ว่าจะเป็นชูตู๋หรือฟางหยวน พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะได้พบกันในสถานการณ์เช่นนี้
ฟางหยวนกำลังเผชิญหน้ากับภัยพิบัติและเนื่องจากพลังอำนาจของค้างคาวมรณะบรรพกาล มันทำให้มิติช่องว่างจักรพรรดิเกิดรูช่องโหว่ขึ้นในที่สุด
อีกด้านหนึ่งชูตู๋กำลังช่วยศิษย์ของตนต่อต้านภัยพิบัติเพื่อก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะโดยมีจุดประสงค์ที่แท้จริงคือความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง
แดนน้ำแข็งของภาคเหนือมีอาณาเขตกว้างใหญ่ แต่ทั้งสองกลับเลือกสถาที่เดียวกัน
คนทั้งสองสบตากันในระยะไกล!
ชูตู๋พึ่งกำจัดภัยพิติของศิษย์ มือข้างหนึ่งของเขาอยู่ด้านหลังขณะที่อีกข้างกำลังเล่นกับสายฟ้าเยือกแข็งอย่างสงบ
ฟางหยวนในชุดคลุมขาวกำลังต่อสู้อย่างดุเดือด นั่นทำให้เขาดูราวกับดาบอันแหลมคมและทำให้ชูตู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย
‘บางคนกำลังเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่นี่? ค้างคาวมรณะบรรพกาลทำให้เขาได้รับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง! คนผู้นี้มีวิธีการที่น่าทึ่ง! เขาจำลองการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเพื่อรับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง!’ ชูตู๋ตกใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นความสุข
‘จักรพรรดิชูตู๋!’ ฟางหยวนตกใจเช่นกัน ‘เขากำลังช่วยผู้ใช้วิญญาณอีกคนก้าวข้ามภัยพิบัติ เป้าหมายของเขาต้องเป็นความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง! โอ้ ไม่ เขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ เขาต้องมาหาข้าอย่างแน่นอน!’
ท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติที่ฟางหยวนได้รับมาจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาดึงดูดความสนใจของจักรพรรดิอมตะชูตู๋เป็นอย่างมาก
‘ตาบเท่าที่ข้ารู้วิธีการของเขา เหตุใดข้าต้องเลี้ยงศิษย์เพื่อให้พวกเขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ? ข้าสามารถรับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งได้โดยตรง นั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุด! ข้าต้องได้รับวิธีการนี้!’ ชูตู๋กรีดร้องอยู่ในใจและทะยานร่างเข้าไปหาฟางหยวนราวกับสายฟ้า
เขาเป็นที่รู้จักในนามจักรพรรดิอมตะ ในอดีตเมื่อเขายังเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษระดับหก ผู้อมตะหลายคนต้องการกลั่งแกล้งเขา แต่สุดท้ายผู้อมตะสามคนกลับถูกสังหารโดยชูตู๋
หนึ่งร้อยปีต่อมา ชูตู๋และผู้อมตะเผ่าหลิวผู้หนึ่งเกิดข้อพิพาท หลังจากการต่อสู้หลายสิบรอบ ผู้อมตะเผ่าหลิวเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และร้องขอความเมตตา แต่ชูตู๋กลับฆ่าเขาโดยไม่ลังเล
จากนั้นเผ่าหลิวได้ส่งผู้อมตะหลายคนออกมาจัดการชูตู๋ ด้วยจำนวนคนที่มากกว่า ชูตู๋ไม่สามารถรับมือ เขาเข้าสู่การบ่มเพาะสันโดษเป็นเวลาหลายทศวรรษ เมื่อเขาปรากฏตัวอีกครั้ง เขากลายเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดและเดินทางไปรอบๆเพื่อทำลายแหล่งทรัพยากรของเผ่าหลิว ผู้อมตะเผ่าหลิวสามคนไล่ล่าเขาแต่เขาไม่ได้หลบหนี นอกจากนั้นเขายังบังคับให้คนทั้งสามล่าถอยกลับไป
ชูตู๋ปิดล้อมแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าหลิวและไม่ยอมจากไป ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าหลิวต้องออกมาต่อสู้กับชูตู๋ด้วยความโกรธแต่กลับไม่สามารถทำสิ่งใด สุดท้ายจึงต้องปล่อยชูตู๋จากไปอย่างอิสระ
หลังการต่อสู้ครั้งนั้น ชื่อเสียงของชูตู๋จึงพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
ไม่มีผู้อมตะคนใดกล้าดูถูกเขา ผู้คนที่ต้องการกลั่นแกล้งเขาต้องคิดให้รอบคอบก่อนลงมือ
อย่างไรก็ตามชูตู๋กลับเก็บตัวบ่มเพาะโดยไม่ติดต่อผู้ใด กระทั่งการประมูลครั้งใหญ่ของภาคเหนือ เขาจึงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
ในความเป็นจริงสิ่งที่ทำให้ชูตู๋เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและสามารถเอาชนะผู้อมตะเผ่าหลิวเป็นเพราะเขาได้รับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง
เขาเลี้ยงดูผู้ใช้วิญญาณหลายคนและช่วยให้พวกเขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะบนเส้นทางความแข็งแร่ง
หลายปีที่ผ่านมาเขาอาศัยอยู่ในแดนน้ำแข็งมาตลอดและพยายามขุดสมบัติที่เรียกว่าความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง
เมื่อชูตู่เห็นฟางหยวน เขาไม่เพียงต้องการวิธีดึงความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งออกมา เขายังรู้สึกไม่พอใจเพราะสมบัติของเขากำลังถูกบางคนฉกชิงไป
ดังนั้นเขาจึงไม่คิดมากและพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนโดยตรง
แม้ระยะทางจะค่อนข้างไกล แต่มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับผู้อมตะ
“หือ…” ก่อนที่ชูตู่จะลงมือ ฟางหยวนกลับส่งดาบแสงออกมาแล้ว
ชูตู๋เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่ฟางหยวนยิ่งเร็วกว่า!
เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะดาบประหารชีวิตแทบจะในทันทีที่ค้นพบการคงอยู่ของชูตู๋
ชูตู๋หัวเราะเบาๆ เขายกแขนขวาขึ้นและคว้าดาบบินโดยตรง
“บึม!” เสียงระเบิดดังขึ้น
มือภูตบนเส้นทางความแข็งแกร่งพุ่งออกมาจากมือขวาของชูตู๋และคว้าวิญญาณอมตะดาบบินเอาไว้
ร่องรอยของความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของฟางหยวน
มือภูตบนเส้นทางความแข็งแกร่งของชูตู๋คล้ายกับกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนของเขามาก แต่ไม่เพียงมันจะแข็งแกร่งกว่า มันยังคล่องตัวกว่าอีกด้วย
หลังจากวิญญาณอมตะดาบบินถูกจับกุม ชูตู๋รีบผนึกมันทันที
ฟางหยวนรู้สึกถึงความเชื่อมต่อระหว่างเขากับวิญญาณอมตะดาบบินอ่อนแอลงอย่างมาก
ด้านชูตู๋ เขาขมวดคิ้วก่อนจะเปิดกำปั้นออกและเห็นเลือดอยู่กลางฝ่ามือ
มันคือผลกระทบจากท่าไม้ตายอมตะดาบประหารชีวิต
“น่าสนใจ” เขาแสดงความคิดเห็น
หลังจากนั้นอาการบาดเจ็บของเขาก็ฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ส่งวิธีการของเจ้ามาแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า หือ?” ชูตู๋ประกาศแต่ในจังหวะนี้การแสดงออกของเขากลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน
ในช่วงเวลาสำคัญ ฟางหยวนตัดร่างกายส่วนล่างของตนและเปลี่ยนมันเป็นบ่อเลือดด้วยวิธีบนเส้นทางแห่งเลือด
เลือดหลอมรวมเข้ากับมิติช่องว่างจักรพรรดิและซ่อมแซมรอยแตกของกำแพงมิติในเสี้ยวพริบตา
ชูตู่รีบโจมตีด้วยมือภูตบนเส้นทางความแข็งแกร่ง
แต่มันสายไปแล้ว มือภูตล้มเหลว มันตกลงบนพื้นและสร้างปล่องภูเขาไฟที่มีรัศมีหลายสิบเมตร
ชูตู๋บินไปยังตำแหน่งที่ตั้งมิติช่องว่างของฟางหยวนด้วยการแสดงออกที่มืดครึ้ม เขาไม่มีวิธีเจาะทะลวงเข้าไปในมิติช่องว่าง
‘บัดซบ! เหตุใดข้าจึงพบจักรพรรดิอมตะชูตู๋!?’ ภายในมิติช่องว่างจักรพรรดิ ฟางหยวนลอยอยู่กลางอากาศ อาการบาดเจ็บของเขาถูกรักษาเรียบร้อยแล้ว
‘ข้าต้องกำจัดค้างคาวมรณะบรรพกาลสองตัวนี้ให้เร็วที่สุด!’ ฟางหยวนกัดฟันขณะที่เจตนาสังหารพุ่งสูงขึ้น
ท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้น!
เขาใช้ท่าไม้ตายนี้ติดต่อกัน
“พรวด!”
เขากระอักเลือดคำโตออกมาและรู้สึกราวกับกำลังจะเป็นลม
ท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกระตุ้นใช้งาน
และเพื่อป้องกันไม่ให้ค้างคาวมรณะบรรพกาลสร้างรูช่วงโหว่ขึ้นอีกครั้ง เขาจึงต้องรับการโจมตีทั้งหมดของค้างคาวมรณะบรรพกาล
เวลาราวกับเดินช้าลง
ทุกครั้งที่ฟางหยวนปิดกั้นการโจมตีของค้างคาวมรณะบรรพกาล หัวใจของเขายิ่งจมดิ่งลงและไม่รู้ว่าตนเองจะสามารถต่อต้านการโจมตีครั้งต่อไปของศัตรูได้หรือไม่
เขาไม่สามารถคิดเรื่องอื่น ความคิดทั้งหมดของเขาจดจ่ออยู่กับการกระตุ้นใช้งานวิญญาณเท่านั้น
ทั้งสองฝ่ายเหมือนนักรบในการต่อสู้แห่งชีวิตและความตาย พวกเขาโจมตีศัตรูอย่างบ้าคลั่งด้วยทุกสิ่งที่มี หากฝ่ายใดไม่สามารถอดทน ฝ่ายนั้นจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
เมื่อเวลาผ่านไป สายลมที่กรรโชกแรงทำให้ฟางหยวนรู้สึกมึนงง
‘ข้าจะผ่านไปได้หรือไม่?’ เขาพึมพำขณะที่มองค้างคาวมรณะบรรพกาลร่วงหล่นลงจากท้องฟ้า
ในไม่ช้าความคิดในใจของเขาก็ถูกเติมเต็ม เขาสามารถคิดได้อีกครั้ง
เขาสามารถสังหารค้างคาวมรณะบรรพกาลหนึ่งตัวแต่ยังเหลืออีกหนึ่ง
ฟางหยวนเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตน ใบหน้าของเขาซีดราวกระดาษขณะที่เขาพุ่งเข้าไปหาค้างคาวมรณะบรรพกาลอีกครั้ง
คราวนี้มันง่ายขึ้น
เผชิญหน้าตัวต่อตัวกับค้างคาวมรณะบรรพกาล ฟางหยวนรู้สึกถึงแรงกดดันที่ลดน้อยลง เขาสามารถคิดเรื่องต่างๆและสามารถตอบสนองสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม
แต่เขายังไม่กล้าผ่อนคลาย
มีความเป็นไปได้ที่ค้างคาวมรณะบรรพกาลตัวใหม่จะปรากฏขึ้น
สิ่งที่แย่กว่านั้นก็คือหากจักรพรรดิอมตะชูตู๋สามารถเข้ามาที่นี่ สถานการณ์ของฟางหยวนจะเลวร้ายลงอย่างมาก
แต่หลังจากฟางหยวนสังหารค้างคาวมรณะบรรพกาลตัวนี้ ไม่มีค้างคาวมรณะบรรพกาลปรากฏตัวขึ้นอีก ขณะที่ชูตู๋ก็ไม่สามารถเข้ามาในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
ปราณสวรรค์และปราณพิภพเริ่มสงบลง
‘ภัยพิบัติของข้าจบสิ้นแล้ว ข้าผ่านมาได้!’ ฟางหยวนมองลงไปบนพื้นและเห็นฝูงอสูรหิมะคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว
‘โชคดีที่มิติช่องว่างของข้าใหญ่พอ ที่นี่ยังไม่มีทรัพยากรใดๆ ข้าจะปล่อยอสูรหิมะเหล่านี้ไว้ที่นี่ชั่วคราว พวกมันไม่สามารถทำลายกำแพงมิติและออกจากมิติช่องว่างของข้า’ ฟางหยวนบินขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นแรกที่อยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิของเขา
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและต้องรักษาตัว
ขณะที่เขารักษาอาการบาดเจ็บ เขายังต้องเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
หลังจากทั้งหมดหากชูตู๋บุกเข้ามาที่นี่ มันย่อมไม่ใช่เรื่องตลก