เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1205 ระวังหลิวกวนซื่อ
แปลโดย iPAT
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป!
ก่อนหน้านี้มังกรดาบบรรพกาลยังถูกปิดล้อมโดยกลุ่มดาวจำนวนมาก มันยังคำรามซ้ำๆราวกับไม่สามารถทำสิ่งใด
ก่อนหน้านี้เย่หลิวชุนซิงยังอยู่อีกด้านหนึ่งของสนามรบและอยู่ภายใต้การปกป้องจากกลุ่มดาวมากมาย
ก่อนหน้านี้ผู้อมตะทั้งหมดรู้สึกว่าเย่หลิวชุนซิงได้รับชัยชนะแล้วเพราะพวกเขาคุ้นเคยกับฉากเหตุการณ์นี้เป็นอย่างดี
ก่อนหน้านี้ผู้อมตะห้าคนพ่ายแพ้ต่อเย่หลิวชุนซิงในสถานการณ์เดียวกันนี้
ความคิดของผู้อมตะเหล่านี้แทบจะเหมือนกันทั้งหมด
แต่ในเวลาต่อมา…
ฟางหยวนกลับระเบิดความเร็วที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
มังกรดาบบรรพกาลทำลายสิ่งกีดขวางทั้งหมดและปรากฏตัวตรงหน้าเย่หลิวชุนซิง
มันอ้าปากกว้างและ…
ลมหายใจมังกร!
ในขณะที่เย่หลิวชุนซิงยังมั่นใจกับชัยชนะของตน ศีรษะของเขาถูกตัดออก
ร่างกายของมนุษย์อ่อนแอมาก คนผู้หนึ่งจะตายทันทีเมื่อถูกตัดศีรษะ กระทั่งผีดิบอมตะ ศีรษะของพวกเขาก็ยังเป็นจุดอ่อน
เย่หลิวชุนซิงเสียชีวิตทันที
ฟางหยวนคว้าร่างและดวงวิญญาณของเย่หลิวชุนซิงยัดเข้าไปในมิติช่องว่างของเขาอย่างรวดเร็ว
เขาวางแผนมานานแล้ว!
กระตุ้นใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ ปล่อยลมหายใจมังกร และเก็บซากศพ กระบวนการทั้งหมดเกิดขึ้นแทบจะในเวลาเดียวกัน
หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการเหล่านี้ ร่างมังกรของเขาก็บินออกจากสนามรบและสร้างระยะห่างออกไปหลายลี้เรียบร้อยแล้ว
กระทั่งตัวฟางหยวนเองยังรู้สึกอัศจรรย์ใจกับความเร็วของเขา
ความเร็วชนิดนี้อาจทำให้ร่างมนุษย์ระเบิดจากแรงกดดันมหาศาล แต่โชคดีที่ฟางหยวนอยู่ในร่างของมังกรดาบบรรพกาลและไม่รู้สึกถึงแรงกดดันใดๆ
‘ในการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วระดับนี้ ข้าต้องมีสมาธิ มิฉะนั้นทิศทางการเคลื่อนที่ของข้าอาจเบี่ยงเบนไป ผู้ใดจะรู้ว่าข้าจะพุ่งชนภูเขาหรือพื้นดินหรือไม่? มันเร็วเกินไป เพียงเสี้ยวพริบตาข้าก็สามารถสร้างระยะห่างได้หลายลี้’ ฟางหยวนคิด
เขานึกถึงการฝึกซ้อมในมิติช่องว่างจักรพรรดิ ในเวลานั้นเขาพุ่งชนภูเขาและทำให้ตนเองตกอยู่ในสภาพมึนงง การเคลื่อนไหวครั้งนี้ดูเหมือนสมบูรณ์แบบแต่ในความเป็นจริงนี่เป็นครั้งแรกที่ฟางหยวนใช้มันในการต่อสู้จริง
เมื่อฟางหยวนระเบิดความเร็วสูงสุด เขาต้องทุ่มเทพลังงานและสมาธิทั้งหมดในการควบคุมร่างมังกรดาบบรรพกาล ด้วยเหตุนี้เขาจึงสามารถเคลื่อนไหวในรูปแบบที่ไม่ซับซ้อนมากนักและต้องอยู่ในร่างของมังกรดาบบรรพกาลเท่านั้น
มิฉะนั้นมันจะอันตราย
‘มังกรดาบมีพลังโจมตีที่รุนแรงแต่มีพลังป้องกันไม่มาก มันไม่มีความสมดุล’
‘โชคดีที่ครั้งนี้ข้าสามารถสังหารเย่หลิวชุนซิง โชคของข้าค่อนข้างดี’
‘อันดับแรกข้าต้องหาสถานที่กลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่จะคิดถึงเรื่องอื่น’
ฟางหยวนบินออกจากทุ่งโลหิตโดยไม่หันหลังกลับ
ผู้อมตะทั้งสองฝ่ายมองเขาจากไปด้วยความมึนงง
ฝุ่นผงยังลอยคละคลุ้งอยู่ในสนามรบ หลังจากชั่วครูสติของพวกเขาจึงกลับมาอีกครั้ง
“หลิวกวนซื่อสังหารเย่หลิวชุนซิง!”
“ไม่น่าเชื่อ นี่เป็นความฝันหรือไม่?”
“เร็วเกินไป เราไม่สามารถตอบสนองต่อความเร็วชนิดนี้”
โดยไม่คำนึงถึงฝ่ายธรรมะหรือปีศาจ ทั้งสองฝ่ายต่างกรีดร้องและลอบวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือด
เย่หลิวเสี่ยวจินยืนตะลึงอยู่ที่ประตูทางเข้าวังตะวันตกราวกับรูปปั้น
ไม่นานก่อนที่เย่หลิวชุนซิงจะถูกฆ่า เย่หลิวเสี่ยวจินยังตะโกนล้อเลียนฟางหยวนอย่างสนุกสนาน
แต่ตอนนี้เขากลับไม่สามารถกล่าวสิ่งใด เขากระทั่งยกมือขึ้นตบใบหน้าของตนเองซ้ำๆก่อนที่จะเชื่อข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
เย่หลิวซุ้ยหงยืนขึ้นจากเก้าอี้ เขายังถือถ้วยสุราเอาไว้ในมือขณะที่เคราของเขาเปียกชุ่มไปด้วยสุราหกจากถ้วย
ในจังหวะที่ฟางหยวนสังหารเย่หลิวชุนซิง เย่หลิวซุ้ยหงกำลังจิบสุราอย่างมีความสุข
แต่หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้น เย่หลิวซุ้ยหงผุดลุกขึ้นยืนโดยไม่สนใจถ้วยสุราที่อยู่ในมือ นี่ทำให้สุราหกรดเคราและเสื้อผ้าของเขา
เย่หลิวชุนซิงตายแล้ว!
ผู้เชี่ยวชาญเผ่าเย่หลิวที่มีชื่อเสียงของภาคเหนือตายแล้ว!
การเสียชีวิตของเขาเกิดขึ้นอย่างกะทันหันโดยปราศจากสัญญาณเตือนใดๆ
หากเย่หลิวเสี่ยวจินถูกยกย่องว่าเป็นความหวังในอนาคตของเผ่าเย่หลิว เย่หลิวชุนซิงก็คือเสาหลักของเผ่าเย่หลิวในปัจจุบัน
แต่เขาเสียชีวิตไปแล้ว
ชีวิตของเขาจบลงที่นี่!
สิ่งนี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเย่หลิวเสี่ยวจินและเย่หลิวซุ้ยหง
และสำหรับเผ่าเย่หลิวทั้งหมด นี่คือความสูญเสียครั้งใหญ่มาก!
“น่ากลัวเกินไป”
“เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองของนิกายชู แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ธรรมดา”
“ชูตู๋มีสายตาที่แหลมคมอย่างแท้จริง ข้าเคยดูแคลนหลิวกวนซื่อมาก่อน แต่ความเข้าใจของข้ายังเป็นสิ่งผิวเผินมาก”
ผู้อมตะฝ่ายชูตู๋แสดงออกอย่างมีความสุข
แม้พวกเขาจะไม่ชอบฟางหยวนแต่ความสำเร็จของฟางหยวนสามารถแก้ปัญหาที่ยากลำบากของพวกเขา
จากนี้ชื่อเสียงของเขาจะโด่งดังไปทั่วภาคเหนือ
“น่าทึ่งมาก ผู้อาวุโสหลิวโอ้อวดตนเองและยั่วยุฝ่ายตรงข้ามเพื่อทำให้ศัตรูลำพองใจ เขาค่อยๆดำเนินแผนการไปทีละขั้น เห็นได้ชัดว่าเขาแข็งแกร่ง แต่เขายับยั้งตนเองเอาไว้จนถึงวินาทีสุดท้ายก่อนจะระเบิดพลังออกมาในครั้งเดียว!” เซี่ยอู่เหิงถอนหายใจ
เขาเข้าใจสถานการณ์
เหตุการณ์ที่พลิกผันเกิดจากแผนการของฟางหยวนและนี่ทำให้เขารู้สึกชื่นชมฟางหยวนเป็นอย่างมาก
“ข้าทำตัวน่าอายนัก ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าผู้อาวุโสหลิวไม่มีสิ่งใดน่าประทับใจ เห้อ…หากข้าเป็นศัตรูของผู้อาวุโสหลิว ข้าอาจตายโดยไม่รู้ตัว ข้ายังอ่อนประสบการณ์เกินไป!”
“ทุกคนต้องระวังหลิวกวนซื่อผู้นี้ เขาเจ้าเล่ห์มาก หากพบเขาในอนาคต จงระวังตัวให้มาก” ในวังตะวันตก นู๋เอ๋อกู่เปิดปากกล่าวทำลายความเงียบด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด
เมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขารู้สึกว่าฟางหยวนร้ายกาจและเจ้าเล่ห์มาก
ความหยิ่งยโสก่อนการต่อสู้และการแสดงความอ่อนแอระหว่างการต่อสู้เป็นเพียงแผนการเพื่อให้เขาสามารถโจมตีในตอนสุดท้าย
เขาแสดงออกราวกับหมดสิ้นหนทาง แต่เมื่อเขาเคลื่อนไหว มันกลับทำให้ทุกคนรู้สึกหวาดกลัว
“ปิงซื่อ หากเจ้าพบหลิวกวนซื่อในอนาคต มันจะดีที่สุดที่เจ้าจะหลีกเลี่ยงเขาและล่าถอย” เหนียงเอ๋ออี้ฟางมองเหนียงเอ๋อปิงซื่อและกล่าวด้วยความกังวล
เหนียงเอ๋อปิงซื่อพยักหน้า “ข้าเข้าใจ ตอนนี้ข้ายังอ่อนแอเกินไป มีเพียงการบรรลุระดับเจ็ด ข้าจึงจะสามารถต่อสู้กับหลิวกวนซื่อผู้นี้”
ผู้อมตะฝ่ายธรรมะพูดคุย
“เย่หลิวชุนซิงเสียชีวิตอย่างน่าอนาถ เขาเข้าใจความสามารถทั้งหมดของเย่หลิวชุนซิง สิ่งที่เขาแสดงออกก่อนหน้าเป็นเพียงการแสดงเท่านั้น”
“เห้อ…ผู้ใดจะคิดว่าเขาจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้”
“ผู้อาวุโสเย่หลิวซุ้ยหงอย่าโทษตัวเองเลย พวกเราจะแก้แค้นให้กับเผ่าเย่หลิวอย่างแน่นอน!”
เย่หลิวซุ้ยหงฟื้นคืนสติในเวลานี้
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขายังไม่เข้าใจ หลิวกวนซื่อสามารถทะลวงผ่านแนวป้องกันของเย่หลิวชุนซิงได้อย่างไร?
เขาต่อสู้กับเย่หลิวชุนซิงหลายกระบวนท่าและเห็นได้ชัดว่าแนวป้องกันของเย่หลิวชุนซิงแข็งแกร่งมาก
ความสงสัยนี้ปกคลุมหัวใจของเย่หลิวซุ้ยหงราวกับเมฆหมอกที่หนาทึบ
เขาสูดหายใจสองครั้งแต่ใบหน้ายังซีดขาว เขาบังคับให้ตนเองสงบลงเพราะตอนนี้เขาเป็นตัวแทนของเผ่าเย่หลิว
หากผลงานของเขาไม่ดี เผ่าเย่หลิวทั้งหมดจะสูญเสียใบหน้า
“ท่านหญิงกงหว่านถิง” เย่หลิวซุ้ยหงโค้งคำนับ “เย่หลิวชุนซิงมีสายเลือดตระกูลฮวงจินที่บริสุทธิ์ การเสียสละชีวิตของเขาที่นี่ถือเป็นเกียรติประวัติสำหรับเขา เขาเป็นวีรบุรุษแห่งตระกูลฮวงจินของเรา แต่ตอนนี้ศพของเขายังอยู่ในเงื้อมมือของปีศาจ ดวงวิญญาณของเขาอาจยังอยู่ ข้าร้องขอด้วยความเคารพโปรดช่วยกอบกู้ศพและดวงวิญญาณของเขากลับคืนมาด้วย”
“แน่นอน” กงหว่านถิงกล่าวด้วยทัศนคติที่ตรงไปตรงมา
ตามกฎที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันก่อนหน้านี้ พวกเขาสามารถแลกเปลี่ยนศพและดวงวิญญาณ
แต่ตอนนี้ฟางหยวนจากไปแล้ว ไม่มีผู้ใดรู้ว่าศพและดวงวิญญาณของเย่หลิวชุนซิงจะเป็นอย่างไร แม้ผู้อมตะฝ่ายธรรมะจะต้องการไล่ล่าฟางหยวน แต่มันก็สายไปแล้ว
ดังนั้นกงหว่านถึงจึงต้องถามจากชูตู๋
ชูตู๋ประหลาดใจกับการจากไปอย่างกะทันหันของฟางหยวนเช่นกัน เขารีบส่งจดหมายไปถามฟางหยวน นอกจากนั้นชูตู๋ยังต้องการพึ่งพาความแข็งแกร่งของฟางหยวนต่อไป
ขณะที่กงหว่านถิงกำลังถามชูตู๋ ชูตู๋ได้รับข้อความจากฟางหยวน
“ศพของเย่หลิวชุนซิงมีประโยชน์สำหรับข้า พี่ชู หากท่านไม่มีทางเลือก เพียงขับไล่ข้าออกจากนิกายชู”
นี่เป็นประโยคที่เรียบง่ายแต่มันแสดงให้เห็นถึงทัศนคติอันแน่วแน่และไม่ยอมอ่อนข้อของฟางหยวน
ชูตู๋ขมวดคิ้วแต่ยังตอบกลับกงหว่านถิงอย่างใจเย็น “เทพธิดากงโปรดวางใจ ศพของเย่หลิวชุนซิงจะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ข้าแจ้งผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองของนิกายชูให้ทราบแล้ว แต่เพื่อแลกกับศพ พวกท่านต้องจ่ายด้วยราคาที่เหมาะสม”
“ทุกอย่างสามารถพูดคุย” เย่หลิวซุ้ยหงรับปากทันที เขาแสดงความตั้งใจออกมาอย่างชันเจนมาก