เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1037 ความยากลำบากของแต่ละฝ่าย
แปลโดย iPAT
ฉีช่ายคำรามและชี้นิ้วออกไปอีกครั้ง
ใบหน้าภูตผีจำนวนมากปรากฏขึ้นบนก้อนโคลนก่อนที่จะควบรวมเป็นมนุษย์โคลนตัวใหม่
ฉีช่ายคิด ‘นี่คือปราณแห่งความเกลียดชัง ข้าทำลายมันไปครั้งหนึ่งแล้วแต่มันยังสามารถฟื้นขึ้น ดูเหมือนคนผู้นี้จะเต็มไปด้วยความโกรธและเกลียดชังก่อนตาย’
ฉีช่ายถาม “เจ้าคือผู้ใด?”
“หนี่เจี้ยน”
ครั้งนี้ฉีช่ายได้ยินอย่างชัดเจน ดังนั้นเขาจึงถามต่อ “เจ้าอายุเท่าใด?”
“สิบห้า”
ฉีช่ายค่อยๆล่วงข้อมูลจากหนี่เจี้ยนมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเวลาผ่านไปฉีช่ายจึงได้เรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับตระกูลหนี่
ผู้อมตะลึกลับนำฝูงสัตว์อสูรบุกโจมตีหมู่บ้านตระกูลหนี่ แรงจูงใจของคนผู้นี้เหมือนกับฉีช่าย นั่นก็คือหนี่เซียงรุ่นปัจจุบัน
แต่แตกต่างจากฉีช่าย เขาไม่รู้ว่าหนี่เซียงรุ่นปัจจุบันคือผู้ใด
ดังนั้นเขาจึงใช้ชีวิตของผู้คนในหมู่บ้านบังคับให้หนี่เซียงรุ่นปัจจุบันปรากฏตัวออกมา
ผู้นำตระกูลหนี่ก้าวออกไปโดยไม่มีทางเลือก
มันกลายเป็นว่าผู้นำตระกูลหนี่คือผู้ครอบครองวิญญาณอมตะใช่หรือไม่เอาไว้
ผู้อมตะลึกลับบังคับให้ผู้นำตระกูลหนี่ใช้วิญญาณดวงนี้และตอบคำถามของเขา เขาสัญญาว่าตราบเท่าที่ได้รับคำตอบที่น่าพอใจ เขาจะปล่อยหมู่บ้านตระกูลหนี่ไป
เพื่อปกป้องคนทั้งหมู่บ้าน ผู้นำตระกูลหนี่จึงตัดสินใจทำตามคำสั่งของผู้อมตะลึกลับและเสียสละตนเอง
หลังจากผู้อมตะลึกลับได้รับคำตอบที่เขาต้องการ เขากลับสั่งให้ฝูงสัตว์อสูรโจมตีหมู่บ้านตระกูลหนี่
คนตระกูลหนี่โกรธมากแต่พวกเขาก็ไม่สามารถต่อต้านฝูงสัตว์อสูร
ในช่วงเวลาแห่งชีวิตและความตาย อสูรโคลนเดียวดายปรากฎตัวขึ้นและปกป้องพวกเขา
ความจริงก็คือหมู่บ้านตระกูลหนี่ที่กระจัดกระจายไปทั่วภาคใต้ถูกเก็บรักษาไว้โดยผู้อมตะตระกูลฉี หมู่บ้านตระกูลหนี่บนภูเขาโคลนเน่าเปื่อยอยู่ภายใต้การดูแลของฉีช่าย นานๆครั้งเขาจะมาที่นี่เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าผู้นำตระกูลหนี่ของหมู่บ้านแห่งนี้คือหนี่เซียงรุ่นปัจจุบัน
ฉีช่ายกำหราบอสูรโคลนเดียวดายบนภูเขาโคลนเน่าเปื่อยและให้มันคอยปกป้องหมู่บ้านตระกูลหนี่
เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด มันจึงปรากฏตัวขึ้น
แต่ผู้อมตะลึกลับแข็งแกร่งเกินไป เขาสามารถสังหารอสูรโคลนเดียวดายด้วยการเคลื่อนไหวเพียงไม่กี่ครั้ง เมื่ออสูรโคลนเดียวดายตาย คนตระกูลหนี่จึงถูกกวาดล้างโดยฝูงสัตว์อสูร
หมู่บ้านตระกูลหนี่กลายเป็นซากปรักหักพัง
หลายวันผ่านไปฉีช่ายกับฉีอี้จึงเดินทางมาถึง
หนี่เจี้ยนผู้นี้เป็นหลานชายของผู้นำหมู่บ้านตระกูลหนี่ เขาสูญเสียบิดามารดาตั้งแต่ยังเด็ก ปู่ของเขาเลี้ยงดูเขามาอย่างเอาใจใส่
แต่ปู่ของเขากลับถูกบีบบังคับจนตายขณะที่ศัตรูกลืนน้ำลายตนเองและสังหารสมาชิกหมู่บ้านทั้งหมด
มันจึงช่วยไม่ได้ที่เขาจะเต็มไปด้วยความโกรธและเกลียดชัง
หนี่เจี้ยนบอกทุกอย่างที่เขารู้
ฟางหยวนอยู่ในรูปลักษณ์ของชายชราร่างเตี้ยที่มีเคราสีดำสลับขาว เขามีผิวสีเหลือง ดวงตาเรียวเล็ก และฟันอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เป็นระเบียบ
‘เขาคือผู้ใด?’ ฉีช่ายค้นความทรงจำของตนแต่เขาไม่รู้จักคนผู้นี้
แน่นอนว่าเขาย่อมไม่สามารถจดจำ
ฟางหยวนเป็นคนรอบคอบ เผชิญหน้ากับกลุ่มผู้ใช้วิญญาณที่ไม่มีอันตราย เขายังต้องปลอมตัว
ในความเป็นจริงกระทั่งฉีช่ายจะพบฟางหยวนโดยตรง เขาก็ยังไม่สามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของฟางหยวน
เนื่องจากฟางหยวนได้รับวิญญาณที่จำเป็นจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามาแล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย
‘ดูเหมือนคนผู้นี้จะเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษของภาคใต้…เห้อ…หลังจากทั้งหมดมันเป็นช่วงเวลาแห่งความสับสนวุ่นวาย’ ฉีช่ายถอนหายใจ
ตั้งแต่เหตุการณ์บนภูเขาอี้เทียน ผู้อมตะจำนวนมากตกตายลงด้วยเหตุผลบางประการ
ผู้ตายส่วนใหญ่เป็นผู้ปกครองของบางพื้นที่ ความตายของพวกเขาจึงทำให้แหล่งทรัพยากรหลายแห่งปราศจากผู้ดูแล
นี่เป็นเหตุให้ผู้บ่มเพาะสันโดษเห็นโอกาสและเริ่มเคลื่อนไหว
‘คนผู้นี้ต้องโจมตีอสูรโคลนเดียวดายหลายครั้ง นี่หมายความว่าพลังการต่อสู้ของเขาไม่สูงนัก เขาควรจะเป็นผู้อมตะระดับหก แต่เขารู้ข้อมูลเกี่ยวกับหนี่เซียงรุ่นปัจจุบัน เรื่องนี้มีเพียงตระกูลวูและตระกูลเฉิงเท่านั้นที่รู้ เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาเป็นทายาทของอีกสามเซียง?’
ฉีช่ายลังเลก่อนจะตัดสินใจไล่ล่าฟางหยวน
เห็นได้ชัดว่าตระกูลฉีมีโอกาสได้รับชัยชนะในเดิมพันโบราณของนักสำรวจสวรรค์ห้าเซียง แต่ในช่วงเวลาสำคัญผู้อมตะลึกลับกลับปรากฏตัวขึ้น นี่เป็นเรื่องที่ฉีช่ายต้องตรวจสอบอย่างละเอียด
…..
ภาคเหนือ แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
“ซู่…”
น้ำถูกเทลงบนใบหน้าของฟางเจิ้ง
ฟางเจิ้งสะดุ้งตื่นขึ้นทันที
“ที่นี่ที่ใด?” เขาตระหนักว่าตนเองอยู่ในห้องขังแห่งหนึ่ง
ด้านข้างเขามีมนุษย์ขนในชุดเกราะสองคน
หนึ่งในสองถือถังที่ไร้น้ำเอาไว้ในมือ
ส่วนอีกคนถือแส้
“พวกเจ้าคือผู้ใด?” ฟางเจิ้งพยายามดิ้นรนแต่เขาถูกมัดเอาไว้และไม่สามารถขยับเขยื้อน
“เด็กน้อย ตื่นแล้วงั้นหรือ? เจ้าดูค่อนข้างแข็งแรง” มนุษย์ขนที่ถือแส้แกว่งแส้ไปมา
“เพียะ!”
แส้หนังฟาดลงบนหน้าอกของฟางเจิ้ง
เสื้อคลุมของเขาฉีกขาดและมีเลือดไหลออกมา
ฟางเจิ้งกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
“เหตุใดต้องกรีดร้อง?” มนุษย์ขนฟาดแส้ออกไปอีกครั้ง
แส้ฟาดลงบนใบหน้าของฟางเจิ้งและฝากบาดแผลเลือดไหลเอาไว้
ฟางเจิ้งกรีดร้องอีกครั้ง
มนุษย์ขนรู้สึกลำพองใจและเย้ยหยัน “มนุษย์ชั้นต่ำกรีดร้องออกมาอีก!”
ฟางเจิ้งถูกทรมานอย่างต่อเนื่อง
เมื่อคลื่นความเจ็บปวดพุ่งเข้าโจมตีเขาอย่างไม่หยุดยั้ง เขาจึงสามารถจดจำบางสิ่ง
เดิมทีเขาถูกขังอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูโดยฟางหยวนพี่ชายของเขา แต่วันหนึ่งมนุษย์ขนกลับบุกเข้าไปและนำตัวเขามาที่นี่
‘เกิดสิ่งใดขึ้น? เกิดสิ่งใดขึ้นกับโลกใบนี้!?’ ฟางเจิ้งสับสน
แต่ความสับสนอยู่ได้ไม่นานก่อนที่ฟางเจิ้งจะเป็นลมไปในที่สุด
“ช่างอ่อนแอนัก!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เอาน้ำเย็นราดเขาอีกครั้ง!”
มนุษย์ขนทั้งสองหัวเราะด้วยความชั่วร้าย
ร่างของฟางเจิ้งกระตุกก่อนที่เขาจะเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ
สติของเขากลับคืนมาขณะที่ความรู้สึกเจ็บปวดยังกระจ่างชัดและกระทั่งรุนแรงมากขึ้น
มนุษย์ขนใช้แส้ฟาดฟางเจิ้งอีกครั้งก่อนที่จะยื่นมือออกไปจับใบหน้าของฟางเจิ้ง “มนุษย์ อย่าคิดว่าจะรอดชีวิตเมื่อตกอยู่ในมือของพวกเราา ไม่มีผู้ใดช่วยเจ้าได้! แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาถูกยึดครองโดยผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเรียบร้อยแล้ว ส่วนพี่ชายของเจ้า เขาตายไปแล้วในการต่อสู้!”
“อย่าขัดขืนแล้วเราจะทำให้เจ้าตายอย่างสงบ เพียงบอกเราทุกสิ่งเกี่ยวกับแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูและความลับทั้งหมดของพี่ชายเจ้า!”
ได้ยินเรื่องนี้ หัวใจของฟางเจิ้งสั่นสะท้านขึ้นทันที
เขาตะโกนด้วยความสับสน “อันใด!? ฟางหยวนตายแล้ว!?”
“ฮืม เขาถูกโจมตีโดยผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนของเรา เขาเป็นเพียงผีดิบอมตะ แล้วเขาจะไม่ตายได้อย่างไร? เขาถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า”
“พวกเราเผ่ามนุษย์ขนไม่ใช่ตัวตนที่สามารถดูแคลน วันหนึ่งเผ่ามนุษย์จะต้องอยู่ใต้ฝ่าเท้าของพวกเรา!”
มนุษย์ขนทั้งสองหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ฟางเจิ้งมีความรู้เกี่ยวกับผู้อมตะเพียงเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงเชื่อคำกล่าวของมนุษย์ขนทั้งสอง
หลังจากนั้นดวงตาของเขาก็กลายเป็นว่างเปล่า
…..
ภาคกลาง ถ้ำนรกใต้พิภพ
ไห่ลั่วหลันนั่งปิดเปลือกตาอยู่ในห้องที่มืดมิด
ประตูถูกเปิดออกและเผยให้เห็นร่างของอิงอู๋เซี่ย
ไห่ลั่วหลันค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นและมองไปยังผู้มาเยือน
ผลลัพธ์ของการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียนไม่ได้เป็นไปตามความคาดหมายของไห่ลั่วหลัน เมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของฟางหยวน ช่วยไม่ได้ที่ไห่ลั่วหลันจะเกิดความรู้สึกที่ซับซ้อน
“ข้าตัดสินใจแล้ว” อิงอู๋เซี่ยกล่าว
“โอ้ ข้ากำลังฟังอยู่” ไห่ลั่วหลันกล่าว
มันคือการตัดสินว่านางจะอยู่หรือตาย
หากอิงอู๋เซี่ยไม่เต็มใจกำจัดข้อตกลงพันธมิตรระหว่างไห่ลั่วหลันกับฟางหยวน นางจะต้องตาย อิงอู๋เซี่ยย่อมไม่ยินดีให้พันธมิตรของฟางหยวนอยู่ข้างกายเขา
ในทางตรงข้ามหากอิงอู๋เซี่ยตัดสินใจกำจัดข้อตกลงพันธมิตร ไห่ลั่วหลันจะสามารถอยู่ต่อ
อิงอู๋เซี่ยลังเลอยู่นาน
เขาต้องการใช้ไห่ลั่วหลันจัดการฟางหยวน แต่ฟางหยวนวางแผนได้รัดกุมเกินไป นั่นทำให้แผนการของอิงอู๋เซี่ยล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มต้น
นี่ทำให้คุณค่าของไห่ลั่วหลันลดลงอย่างมาก
หลังจากทั้งหมดไห่ลั่วหลันกับนิกายเงาก็มีความแค้นฝังลึก
หากอิงอู๋เซี่ยตัดสินใจทำลายข้อตกลงระหว่างไห่ลั่วหลันกับฟางหยวน เขายังต้องทำข้อตกลงใหม่กับไห่ลั่วหลัน
หากเขายอมแพ้และสังหารไห่ลั่วหลัน แม้เขาจะไม่ได้รับวิญญาณของนาง แต่เขายังสามารถรักษาร่างสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงและมิติช่องว่างของนางเอาไว้ ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจะยังถูกกักขังอยู่ในข้อตกลง
หลังจากพิจารณาข้อดีข้อเสีย อิงอู๋เซี่ยจึงตัดสินใจในที่สุด
เขาอ้าปากช้าๆ
โดยไม่ต้องสงสัย
คำกล่าวที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากของเขาก็คือคำตัดสินชีวิตและความตายของไห่ลั่วหลัน