เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 997 ปรับแต่งวิญญาณอมตะของโป้ชิง
แปลโดย iPAT
ในความเป็นจริงร่างผีดิบสามารถรองรับจิตวิญญาณได้มากกว่าร่างมนุษย์ที่มีชีวิต มันเป็นเพียงเรื่องของการหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณเท่านั้นที่เป็นจุดอ่อน
ร่างมนุษย์ที่มีชีวิตสามารถหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณขณะที่ร่างผีดิบที่ตายไปแล้วไม่สามารถ
วิญญาณความเด็ดเดี่ยวมีบทบาทสำคัญที่สุดที่ทำให้จิตวิญญาณของฟางหยวนยังดำรงอยู่มาถึงเวลานี้ นอกจากนั้นเขายังใช้วิธีบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณเพื่อหล่อเลี้ยงมันอีกด้วย
แม้เทพปีศาจจิตวิญญาณจะนำหายนะมาสู่โลกใบนี้ แต่เขาก็ทำให้เส้นทางแห่งจิตวิญญาณเจริญรุ่งเรือง มีผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณมากมายถือกำเนิดขึ้น แต่ละคนก็มีวิธีการบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณเป็นของตนเอง
แม้จะผ่านยุคของเทพอมตะสวรรค์พิภพมาแล้ว แต่จนถึงปัจจุบันยังมีมรดกบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณจำนวนมากถูกส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น
‘ข้าไม่ได้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ พลังงานแห่งเต๋าของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณจะทำให้พวกเขาสามารถเก็บจิตวิญญาณได้มากขึ้น’
เมื่อถึงขีดจำกัด ฟางหยวนจึงออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูและเดินทางไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว
หุบเขาเหล่าโปถูกวางไว้ที่นี่
ฟางหยวนเข้าไปในหุบเขาเหล่าโปทันที
หุบเขาเหล่าโปถูกดัดแปลงโดยนิกายเงา นั่นทำให้มันแตกต่างไปจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตามฟางหยวนให้ไท่เป่ยหยุนเฉิงใช้วิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้าเพื่อฟื้นคืนสภาพดั่งเดิมของมัน
ภูมิประเทศของหุบเขาเหล่าโปซับซ้อนราวกับเขาวงกต ในตำนาน มนุษย์คนแรกติดอยู่ในเขาวงกตแห่งนี้เป็นเวลานานและไม่สามารถหาทางออก
ฟางหยวนเลียนแบบมนุษย์คนแรกและเดินทางเข้าสู่หุบเขาเหล่าโป
เขาปลดปล่อยจิตวิญญาณออกจากร่างโดยตรง
หมอกสีเทาปกคลุมจิตวิญญาณของฟางหยวนเอาไว้
มันเป็นที่รู้จักกันในชื่อหมอกสับสน
จากนั้นสายลมอันหนาวเหน็บก็พัดเข้ามา
นี่คือสายลมแห่งหุบเขาเหล่าโปที่มีชื่อเสียง
สายลมอันเย็นเยียบราวกับใบมีดกรีดเฉือนจิตวิญญาณของฟางหยวน ฟางหยวนได้รับบาดเจ็บและรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือน มันทำให้เขาแทบเป็นบ้า ความเจ็บปวดชนิดนี้เกิดขึ้นในส่วนลึกของจิตวิญญาณ มันรุนแรงยิ่งกว่าการสูญเสียอวัยวะ
ฟางหยวนเงยหน้าคำรามขึ้นสู่ท้องฟ้า แต่เขาไม่มีร่างกายภาพ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถส่งเสียงออกมา
หลังจากอดทนมาสักพัก ฟางหยวนรู้สึกถึงขีดจำกัดอีกครั้ง
เขาเลือกที่จะถอยกลับเข้าสู่ร่างผีดิบอมตะ
ด้วยการปกป้องจากร่างผีดิบอมตะ ผลกระทบจากหมอกสักสนและสายลมแห่งหุบเขาเหล่าโปลดลงอย่างมาก
ฟางหยวนออกจากหุบเขาเหล่าโปได้อย่างปลอดภัย
เขาตรวจสอบจิตวิญญาณของตน
หลังจากผ่านหมอกสับสนและสายลมแห่งหุบเขาเหล่าโป จิตวิญญาณของฟางหยวนหดเล็กลงอย่างมาก นอกจากนั้นมันยังได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก
หากเขายังดื้อรั้นอยู่ในหุบเขาเหล่าโปต่อไป จิตวิญญาณของเขาอาจถูกทำลาย ในกรณีนี้ทาสอมตะจ้าวจงจะได้รับการปลดปล่อย
จิตวิญญาณเป็นรากฐานของการควบคุมทาส หากจิตวิญญาณได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง การสะกดข่มทาสจะได้รับผลกระทบ ฝ่ายที่ถูกกดขี่จะมีโอกาสปลดปล่อยตนเอง
‘มนุษย์คนแรกอดทนอยู่ในหุบเขาเหล่าโปเป็นเวลานานได้อย่างไร?’
ฟางหยวนถอนหายใจก่อนจะเดินทางกลับแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู
เขากลืนกินวิญญาณความเด็ดเดี่ยวเข้าไปเพื่อรักษาจิตวิญญาณที่ได้รับบาดเจ็บ
ในไม่ช้าจิตวิญญาณของฟางหยวนก็ฟื้นตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์
ฟางหยวนตรวจสอบอีกครั้ง
ตอนนี้จิตวิญญาณของเขาควบแน่นและมีคุณภาพสูงขึ้นอย่างน้อยเท่าตัวขณะที่แรงกดดันในการกดขี่ทาสอมตะจ้าวจงลดลงถึงสามสิบส่วน
ความทุกข์ทรมานในหุบเขาเหล่าโปของฟางหยวนคุ้มค่า!
นี่เป็นเพราะหุบเขาเหล่าโปช่วยขัดเกลาให้จิตวิญญาณของเขาบริสุทธ์มากขึ้น
สำหรับภูเขาตงฮัน มันสามารถเสริมสร้างจิตวิญญาณให้แข็งแกร่งแต่มันก็เป็นความแข็งแกร่งในเชิงปริมาณเท่านั้น
‘หุบเขาเหล่าโปขัดเกลาวิญญาณขณะที่ภูเขาตงฮันเสริมสร้าง นี่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณ ด้วยวิธีนี้ จิตวิญญาณของข้าจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่แปลกใจเลยที่ในชีวิตก่อนหน้าไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานเดินทางไปกลับระหว่างภูเขาตงฮันกับหุบเขาเหล่าโปอย่างต่อเนื่อง’
ฟางหยวนถอนหายใจ
เขาต้องการทำเช่นเดียวกับไห่ลั่วหลันและเทพธิดาหลี่ซาน แต่ตอนนี้เขามีหลายเรื่องที่ต้องจัดการ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียนและคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหล
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ยิ่งฟางหยวนแข็งแกร่งขึ้น เขาก็ยิ่งมีโอกาสได้รับสนามรบแห่งความโกลาหลมากขึ้น
ฟางหยวนพิจารณาถึงความเป็นไปได้ทั้งหมดและเตรียมตัวอย่างรอบคอบ
เขาใช้ทุกวินาทีที่เหลือในการบ่มเพาะ
ในที่สุดฟางหยวนก็ได้รับข่าวการปรากฏขึ้นของคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหล
“เกิดสิ่งใดขึ้น? ข้าจัดตั้งค่ายกลวิญญาณมากมายไว้ใกล้กับภูเขาอี้เทียน แต่พวกมันกลับไม่แจ้งเตือนข้า!” ฟางหยวนหยุดทุกสิ่งและเดินทางไปภาคใต้เพื่อตรวจสอบเรื่องนี้
แต่เขากลับไม่พบสิ่งใด
เช่นเดียวกับชีวิตก่อนหน้า บนภูเขาอี้เทียนปรากฏภาพมายาฉายซ้ำๆ
ในการต่อสู้ที่ดุเดือน ผู้อมตะลึกลับที่มีรอยสักรูปดอกบัวสีแดงอยู่บนหน้าผากใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลกำหราบผู้อมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปด
‘ผู้อมตะลึกลับที่มีรอยสักรูปดอกบัวสีแดงอยู่บนหน้าผากมีความเกี่ยวข้องกับเทพปีสาจบัวแดงหรือไม่? การย้อนอดีตของข้าล้มเหลว แต่ในสายธารแห่งกาลเวลา ดอกบัวสีแดงปรากฏขึ้นและเปลี่ยนความล้มเหลวของข้าให้เป็นความสำเร็จ การเกิดใหม่ของข้าเกี่ยวข้องกับดอกบัวสีแดงในสายธารแห่งกาลเวลาและผู้อมตะลึกลับผู้นี้อย่างไร?’
ฟางหยวนรู้สึกสับสน เขาทำได้เพียงส่ายศีรษะปัดเป่าความคิดฟุ้งซ่านก่อนจะจากไปเท่านั้น
เขายังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องจัดการ
สนามรบแห่งความโกลาหลปรากฏขึ้นแล้วแต่ยังมีเวลาอีกเล็กน้อยก่อนที่การต่อสู้บนภูเขาอี้เทียนจะปะทุขึ้น
อย่างน้อยที่สุดฟางหยวนก็ต้องกำจัดแรงกดดันจากการสะกดข่มทาสอมตะจ้าวจงออกไปในช่วงเวลานี้
ภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปทำให้จิตวิญญาณของฟางหยวนเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วขณะที่จิตวิญญาณของผู้อมตะเผ่ามนุษย์วิหคจ้าวจงไม่มีการเปลี่ยนแปลง
‘ภาระในการสะกดข่มทาสอมตะถูกกำจัดออกไปอย่างสมบูรณ์แล้ว ตอนนี้ข้าสามารถไปที่ภูเขาอี้เทียนและลอบปรับแต่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลอย่างลับๆ’
ร่างกายหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณขณะที่จิตวิญญาณเป็นแหล่งกำเนิดของความคิด เจตจำนง และอารมณ์ความรู้สึก
การยกระดับขึ้นของจิตวิญญาณจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการปรับแต่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบจิตวิญญาณของฟางหยวน
‘นอกเหนือจากจิตวิญญาณ หากข้าสามารถปรับแต่งวิญญาณอมตะของโป้ชิง พลังการต่อสู้ของข้าจะพุ่งสูงขึ้นอีกมาก!’
เขาพยายามปรับแต่งวิญญาณอมตะของโป้ชิงมาหลายครั้งแล้วแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ
ตอนนี้แผนหลังจากการกำเนิดใหม่ของฟางหยวนดำเนินมาถึงโค้งสุดท้ายแล้ว
เขาต้องยอมแพ้การหลอมรวมวิญญาณอมตะระเบิดพลังและไม่ลงทุนกับเรื่องนี้อีก
ในช่วงเวลาสุดท้าย ฟางหยวนพยายามทำทุกสิ่งที่ทำได้อย่างสุดความสามารถ
…..
ภาคกลาง
ผีดิบอมตะโป้ชิงลอยขึ้นจากผิวน้ำอย่างช้าๆ
คลื่นน้ำระเบิดออกไปรอบๆขณะที่สัตว์อสูรที่ถูกดึงดูดเข้ามาด้วยกลิ่นคาวเลือดเร่งหลบหนีเมื่อสัมผัสถึงกลิ่นอายของโป้ชิง
ผู้อมตะจำนวนมากตกตายลงขณะที่ผู้อมตะระดับแปดเทพธิดาเพ่ยกังหยูรอดชีวิตมาได้ด้วยความโชคดี
“ข้าสูญเสียวิญญาณอมตะไปหลายดวง นั่นทำให้พลังการต่อสู้ของข้าลดน้อยลง” ผีดิบอมตะโป้ชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “แผนการต่อไปของเราเป็นอย่างไร?”
ตอนนี้ผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังผีดิบอมตะโป้ชิงประกอบไปด้วยเจ้าของถ้ำสวรรค์นภาแห่งดาว ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดารา ปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือด ซ่งซื่อซิง และผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเผ่ามนุษย์ขน หยูมู่ฉาน
ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนหน้า
ครั้งก่อนผีดิบอมตะเทพเจ็ดดาราและซ่งซื่อซิงเสียชีวิตด้วยน้ำมือของโป้ชิง แต่ครั้งนี้พวกเขายังมีชีวิตอยู่
ฟางหยวนใช้เจตจำนงของโม่เหยาขโมยวิญญาณอมตะของโป้ชิง เรื่องนี้กระตุ้นดวงวิญญาณของโม่เหยาให้ตื่นขึ้น
ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดารากล่าว “ต่อไป ข้า ซ่งซื่อซิง และหยูมู่ฉานจะใช้ท่าไม้ตายอมตะขนส่งพวกเราทั้งสี่ไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือของภาคกลางเพื่อโจมตีนิกายบัวสวรรค์!”
พวกเขาเตรียมการไว้แล้ว
คราวก่อนผีดิบอมตะเทพเจ็ดดารากับซ่งซื่อซิงเสียชีวิต ลำพังหยูมู่ฉานไม่สามารถกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายที่ทรงพลังนี้
แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป
…..
บนหอคอยดวงตาสวรรค์ เจ้าวังตกใจและโกรธมาก
เขาเห็นผู้อมตะทั้งสี่ที่นำโดยผีดิบอมตะโป้ชิงกำลังมุ่งหน้าไปยังหนึ่งในสิบนิกายโบราณของภาคกลาง นิกายบัวสวรรค์
เรื่องนี้เจ้าวังไม่สามารถนิ่งเฉย
เหตุผลก็คือก่อนที่เขาจะมาเป็นเจ้าวังสวรรค์ เขาเคยเป็นสมาชิกนิกายบัวสวรรค์มาก่อน
ในนิกายบัวสวรรค์ มีศิษย์และบุตรหลานของเขาอาศัยอยู่มากมาย
ตอนนี้โป้ชิงตื่นขึ้น นิกายบัวสวรรค์ตกอยู่ในอันตราย มีเพียงผู้อมตะจากวังสวรรค์เท่านั้นที่สามารถช่วยเหลือพวกเขา
เจ้าวังบินออกจากหอคอยดวงตาสวรรค์และเรียกเหลียนจิ่วเฉิงกับไป่เฉินเทียน “เกิดปัญหาขึ้นที่น้ำตกสวรรค์ โป้ชิงตื่นขึ้นในร่างผีดิบอมตะ ตอนนี้เขากำลังบุกโจมตีนิกายบัวสวรรค์ เราต้องไปเป็นกำลังเสริมให้กับพวกเขา!”
ผู้อมตะระดับแปดทั้งสองตกตะลึง สิ่งที่เจ้าวังกล่าวยากเกินไปที่จะเชื่อ
“ไป!”
ผู้อมตะทั้งสองตื่นขึ้นจากภวังค์และร่วมมือกับเจ้าวังกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่ของวังสวรรค์ก่อนจะไปปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่นิกายบัวสวรรค์หลังจากนั้น
เวลานี้กลุ่มของโป้ชิงพึ่งมาถึง กลิ่นอายของท่าไม้ตายอมตะขนส่งของพวกเขายังไม่จางหายไป
ทั้งสองฝ่ายจ้องมองกันด้วยเจตนาสังหาร
“เกิดสิ่งใดขึ้น?” ผู้อมตะและผู้ใช้วิญญาณของนิกายบัวสวรรค์รู้สึกสับสน
“สู้!”
การต่อสู้ระหว่างผู้อมตะระดับแปดปะทุขึ้นอย่างกะทันหัน
…..
ภาคกลาง แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู ถ้ำใต้พิภพ
“สำเร็จ!” ฟางหยวนมองค่ายกลวิญญาณที่อยู่ด้านหน้าอย่างมีความสุข
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เขาใช้แสงแห่งปัญญาคิดอย่างต่อเนื่องและสามารถสร้างค่ายกลวิญญาณที่ทรงพลังเพื่อใช้ปรับแต่งวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบของโป้ชิง
ค่ายกลวิญญาณนี้ใช้วิญญาณสติปัญญาเป็นแกนกลาง หนุนเสริมด้วยเจตจำนงของโม่เหยา วิญญาณอมตะหัวใจหญิงงาม และวิญญาณอมตะคลี่คลายปริศนา
“น่าเสียดายที่ข้ามีเวลาปรับแต่งวิญญาณอมตะของโป้ชิงเพียงดวงเดียว ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังไม่รู้วิธีใช้งานมัน ข้าไม่สามารถยื้อเวลาต่อไป การต่อสู้บนภูเขาอี้เทียนกำลังจะเริ่มขึ้น ยิ่งข้าได้รับคฤหาสน์วิญญาณอมตะเร็วเท่าใด มันก็ยิ่งดีต่อตัวข้ามากเท่านั้น หากล่าช้าไปอาจเกิดปัญหา!”