เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 992 หลอกฮุ้ยฟงซื่อ
แปลโดย iPAT
ฮุ้ยฟงซื่อตกใจและโกรธมาก
แม้เขาจะไม่เต็มใจยอมจำนนต่อผู้อมตะภาคกลางแต่หลังจากนั้นพวกเขาก็สามารถสร้างความร่วมมือ
ผู้อมตะภาคกลางสั่งให้เขาอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องหุบเขาเหล่าโป
เพื่อความปลอดภัยของตนเอง ฮุ้ยฟงซื่อต้องหยุดฟางหยวน
แต่เมื่อเขาเห็นฟางหยวน ฮุ้ยฟงซื่อกลับยิ่งตกใจและกลายเป็นหวาดกลัว “ฟงจิวเก้อ!”
ฟางหยวนมองเขาด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง
ผู้อมตะภาคกลางออกจากภาคเหนือไปแล้ว แต่พวกเขาย่อมต้องทิ้งบางสิ่งเอาไว้เบื้องหลัง ฟางหยวนเป็นคนฉลาม แล้วเขาจะไม่สามารถคาดเดาเรื่องนี้ได้อย่างไร
ดังนั้นเขาจึงปลอมตัวเป็นฟงจิวเก้อขณะฉกชิงหุบเขาเหล่าโป
‘ผู้อมตะภาคกลางทิ้งฮุ้ยฟงซื่อไว้เพื่อปกป้องสถานที่แห่งนี้ ดูเหมือนเขาจะไม่รู้ว่าฟงจิวเก้อจากไปแล้ว ฟงจิวเก้อยังอยู่ในหุบเขาหรือไม่? ไม่ เป็นไปไม่ได้ หลังการต่อสู้ร้อยวัน นิกายเงาได้จากไปแล้ว ฟงจิวเก้อรู้ว่าที่นี่เป็นสถานที่อันตรายขณะที่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาต้องการล่าถอยอย่างเร่งด่วนและไม่แม้แต่จะหยุดพูดคุยกับข้าในด่านรับสืบทอดมรดก’
ฟงจิวเก้อเป็นคนฉลาด
หากฟางหยวนรู้ว่าฟงจิวเก้ออยู่ที่นั่น เขาจะโจมตี
การสังหารฟงจิวเก้อเป็นประโยชน์ต่อฟางหยวน แม้เขาจะไม่สามารถฉกชิงวิญญาณอมตะ แต่การค้นวิญญาณของฟงจิวเก้อก็จะทำให้เขาได้รับผลประโยชน์มหาศาล
นอกจากนี้หากเขาสามารถจับฟงจิวเก้อที่มีชีวิต เขาจะสามารถรีดไถนิกายคฤหาสน์วิญญาณหรืออาจขายเชลยศึกให้กองกำลังฝ่ายตรงข้าม
‘ฟงจิวเก้อได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้เขาจึงระวังตัวเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้พูดกับข้าในด่านรับสืบทอดมรดก เมื่อเขาเห็นฮุ้ยฟงซื่อ เขาย่อมไม่แสดงตัว เหตุผลอาจเป็นเพราะเขาไม่รู้ว่าฮุ้ยฟงซื่อยอมจำนนหรือกระทั่งเขาจะรู้ เขาก็ยังไม่ไว้ใจและหวาดกลัวความยัดแย้งระหว่างสิบนิกายโบราณ หลังจากทั้งหมดจิตใจของผู้คนลึกเกินหยั่งถึง สถานการณ์ปัจจุบันของฟงจิวเก้อ เขาไม่สามารถรับความเสี่ยง’
ความคิดมากมายเกิดขึ้นในใจของฟางหยวน
“เป็นเขาจริงๆ!” ฮุ้ยฟงซื่อใช้วิธีตรวจสอบของตน หลังจากยืนยันว่าเป็นฟงจิวเก้อตัวจริง เขาจึงถอนหายใจ
ฟงจิวเก้อเป็นผู้นำกลุ่มผู้อมตะภาคกลาง หากเขานำหุบเขาเหล่าโปไป ฮุ้ยฟงซื่อก็ไม่มีเหตุผลที่จะหยุดเขา
“ผู้ใต้บังคับบัญชาทักทายนายท่านฟงจิวเก้อ” ฮุ้ยฟงซื่อบินมาหยุดอยู่ด้านหน้าฟางหยวนและแสดงความเคารพ
“อืม” ฟางหยวนพยักหน้า “ข้าเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ปกป้องข้า ข้าไม่สามารถถูกรบกวนในช่วงเวลานี้”
“รับทราบ!” ฮุ้ยฟงซื่อเร่งตอบรับ
ภายใต้การคุ้มครองจากฮุ้ยฟงซื่อ ฟางหยวนจึงประสบความสำเร็จในการฉกชิงหุบเขาเหล่าโปอย่างง่ายดาย
“แม้หุบเขาเหล่าโปจะถูกย้ายออกไปแล้วแต่ยังมีแดนศักดิ์สิทธิ์มากมายอยู่ที่นี่ เจ้าจงอยู่ปกป้องพวกมันและอย่าให้เกิดปัญหา” ก่อนออกเดินทาง ฟางหยวนกล่าวกับฮุ้ยฟงซื่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ฮุ้ยฟงซื่อพยักหน้าโดยปราศจากข้อสงสัยใดๆทั้งสิ้น
ฟางหยวนบินจากไปอย่างสงบ
“ฟงจิวเก้อสามารถหลบหนี นั่นหมายความว่าฉินไป่เฉิงตายแล้ว” ฮุ้ยฟงซื่อถอนหายใจให้กับความแข็งแกร่งของฟงจิวเก้อ
แต่เขาไม่แปลกใจเกี่ยวกับเรื่องนี้
เขารู้ว่าฉินไป่เฉิงได้รับบาดเจ็บสาหัส
อย่างไรก็ตามฮุ้ยฟงซื่อกลับฉุดคิดได้อย่างกะทันหัน ‘โอ้ ไม่ สิบนิกายโบราณมีความขัดแย้งภายใน ฟงจิวเก้อเป็นสมาชิกนิกายคฤหาสน์วิญญาณ ข้าไม่มีเหตุผลที่จะหยุดการฉกชิงหุบเขาเหล่าโปของเขา แต่ข้าต้องส่งข้อมูลนี้ให้กับนิกายอื่นๆ’
เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาไม่ลังเลที่จะใช้วิญญาณสื่อสาร
องค์ชายฟงเซี่ยนได้รับจดหมายจากเขาอย่างรวดเร็ว
“โอ้ ฟงจิวเก้อยังมีชีวิตอยู่ ไม่เพียงเท่านั้นเขายังนำหุบเขาเหล่าโปมาด้วย!” องค์ชายฟงเซี่ยนหัวเราะและดีใจมาก
หลังจากแยกทางกับฮุ้ยฟงซื่อ ฟางหยวนบินไปหาไท่เป่ยหยุนเฉิงและจ้าวจง
ทั้งสองซุ่มรอเป็นกำลังเสริมอยู่ไม่ไกลนัก
ในเวลาเดียวกันหากเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิด เขายังสามารถขอความช่วยเหลือจากไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซาน
ด้วยความแข็งแกร่งของนางมารผลาญสวรรค์ แม้ผู้อมตะระดับแปดบางคนจะปรากฏตัวขึ้น ฟางหยวนก็ไม่กลัว
แต่สถานการณ์ปัจจุบันถือเป็นกรณีที่ดีที่สุด
ฟางหยวนได้รับหุบเขาเหล่าโปมาด้วยตัวของเขาเอง
นอกจากนี้โดยปราศจากดวงวิญญาณของไห่เจิ้ง ไห่ลั่วหลันย่อมไม่รู้ตำแหน่งที่ตั้งของหุบเขาเหล่าโป
หากพวกนางรู้เรื่องนี้ นางมารผลาญสวรรค์จะขอใช้หุบเขาเหล่าโปอย่างแน่นอน
‘ในอนาคตหากพวกนางต้องการทำธุรกรรมเพื่อขอใช้หุบเหล่าโป ข้าก็จะให้พวกนางใช้หลังจากจิตวิญญาณของข้าแข็งแกร่งมากพอแล้ว’
ฟางหยวนกลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวและวางหุบเขาเหล่าโปไว้ที่นั่น
ไห่ลั่วหลันเดินทางเข้าออกแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูตลอดเวลาเพื่อสร้างวิญญาณถุงสูญญากาศ ดังนั้นมันจะดีที่สุดหากฟางหยวนไม่วางหุบเขาเหล่าโปไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู
เรื่องของหุบเขาเหล่าโปจบสิ้นแล้วแต่ฟางหยวนยังรู้สึกกังวล
แน่นอนว่าหุบเขาเหล่าโปเป็นกำไรที่เหนือความคาดหมาย แต่เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นก็อยู่นอกเหนือการควบคุมของเขาเช่นกัน
ความรู้สึกของการสูญเสียการควบคุมทำให้ฟางหยวนรู้สึกหงุดหงิดและไม่สบายใจ
ในด่านรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ฟางหยวนได้รับท่าไม้ตายอมตะผนึกภูตผีมาจากที่นั่น
ฟางหยวนตรวจสอบร่างกายของตนเองและพบว่าดวงวิญญาณของเขาถูกปกคลุมไปด้วยชั้นของพลังงานแห่งเต๋า
แต่ฟางหยวนยังไม่รู้ว่ามันทำงานอย่างไร
โชคดีที่เขาเป็นสมาชิกนิกายหลางหยา ดังนั้นเขาจึงไปพบจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเพื่อถามเกี่ยวกับเทพปีศาจปล้นสวรรค์
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่ได้ปกปิดสิ่งใดและบอกข้อมูลมากมายให้กับฟางหยวนโดยไม่ร้องขอสิ่งตอบแทน
“มรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์มีอยู่มากมาย แต่มรดกที่แท้จริงมีเพียงสิบชิ้น ชิ้นที่เจ้าได้รับมาก่อนหน้านี้ สัญญาที่ให้ข้าหลอมรวมวิญญาณจำนวนสามดวง นั่นไม่ใช่มรดกที่แท้จริง มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าที่ไม่สามารถหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบ แต่ผู้ที่สามารถรับสืบทอดพวกมันต้องเป็นปีศาจต่างโลกเท่านั้น”
“ตำนานกล่าวว่าเทพปีศาจปล้นสวรรค์มีท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันสองท่า หนึ่งคือผนึกศักดิ์สิทธิ์ และอีกหนึ่งคือผนึกภูตผี ผนึกศักดิ์สิทธิ์สามารถป้องกันการอนุมานจากคนนอก สำหรับผนึกภูตผี มันค่อนข้างลึกลับ ข้าไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับมันมากนักแต่มันเกี่ยวกับดวงวิญญาณ อา…เหตุใดเจ้าจึงสนใจเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน? เจ้าพบเบาะแสเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์งั้นหรือ?”
ฟางหยวนหัวเราะ “ท่านเดาถูกแล้ว”
“ผนึกศักดิ์สิทธิ์…ผนึกภูตผี…” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถอนหายใจ “หากข้าได้รับผนึกศักดิ์สิทธิ์ แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาจะกลายเป็นสวรรค์อย่างแท้จริง พวกเราจะสามารถหลบหนีจากภัยพิบัติสวรรค์พิภพ น่าเสียดายที่มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ลึกลับเกินไป จนถึงตอนนี้ข้ายังไม่เคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับพวกมัน มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์จะเชื่อมต่อถึงกัน เมื่อเจ้าได้รับหนึ่งในนั้น มันจะนำเจ้าไปยังมรดกต่อไป ฟางหยวน หากเจ้าได้รับผนึกศักดิ์สิทธิ์ จงนำมันมาให้กับนิกายหลางหยา แล้วข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างเหมาะสม ข้าจะให้เจ้าเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายหลางหยาและเป็นรองเป็นข้าเท่านั้น ในความเป็นจริงเจ้าสามารถเลือกวิญญาณอมตะระดับเจ็ดจากคลังสมบัติของข้าหนึ่งดวง อา…ไม่ อย่างน้อยสองดวง!”
ฟางหยวนพยักหน้า บุคลิกใหม่ของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาทำให้ฟางหยวนได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก
อย่างน้อยบุคลิกก่อนหน้าก็จะไม่ให้สัญญาเช่นนี้กับฟางหยวน
“อย่างไรก็ตามย้อมกลับไป ไม่ใช่ว่าเทพปีศาจปล้นสวรรค์สามารถเดินทางไปทุกหนทุกแห่งและปล้นชิงทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่มีผู้ใดสามารถระบุตำแหน่งของเขาเพราะเขาพึ่งพาผนึกศักดิ์สิทธิ์และผนึกภูตผีเช่นนั้นหรือ? สมบัติเช่นนี้ควรจะมีคุณค่ามากกว่าวิญญาณอมตะระดับเจ็ดจำนวนสองดวงใช่หรือไม่?” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “เจ้ากล่าวไม่ผิด แต่ข้ายังพูดไม่จบ ไม่เพียงวิญญาณอมตะระดับเจ็ดจำนวนสองดวง เจ้ายังจะได้รับเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะ ท่าไม้ตายอมตะ ความลับโบราณ หรือเบาะแสเกี่ยวกับมรดกอีกมากมาย รางวัลเหล่านี้เพียงพอหรือไม่?”
“อืม นั่นเพียงพอแล้ว ข้าจะกลับมาเมื่อได้รับผนึกศักดิ์สิทธิ์” ฟางหยวนได้รับข้อมูลที่ต้องการแล้ว ดังนั้นเขาจึงหันหลังกลับและเตรียมจากไปทันที
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาพึมพำขณะมองฟางหยวนจากไป “เด็กบ้าผู้นี้…เขาอาจพบเบาะแสบางอย่างจริงๆ หากข้าได้รับผนึกศักดิ์สิทธิ์ ข้าไม่จำเป็นต้องกลัวสิ่งใดอีกต่อไป ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า แม้ข้าจะมอบตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายหลางหยาให้เขา แต่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนก็ยังเชื่อฟังข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า โอ้ ข้าเผลอพูดความคิดของตนเองออกมาอีกครั้ง!”
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายกมือขึ้นปิดปากของตนขณะมองแผ่นหลังของฟางหยวนด้วยสายตาไร้เดียงสา
ฟางหยวนคุ้นเคยกับนิสัยที่แปลกประหลาดของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผู้นี้แล้วและลอบหัวเราะอยู่ภายใน
“ข้าได้ยินทุกสิ่งที่ท่านกล่าว” ฟางหยวนโบกมือลาจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาโดยไม่หันหลังกลับก่อนจะใช้วิญญาณท่องแดนอมตะจากไป
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังกระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจ “เจ้าเด็กบ้า!”
เมื่อกลับไปถึงแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู ฟางหยวนเริ่มไตร่ตรอง
‘ข้าเป็นผู้อวตาร แม้ร่างกายของข้าจะมาจากโลกใบนี้ แต่ดวงวิญญาณของข้ามาจากโลกมนุษย์อีกใบ ดังนั้นข้าจึงเป็นปีศาจต่างโลก ข้ามีคุณสมบัติที่จะรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์’
‘จากคำกล่าวของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ เขาบอกว่าตนเองเป็นปีศาจต่างโลกเช่นกัน’
‘อาจเป็นเรื่องยากมากหรือง่ายมากที่จะได้รับมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ สิ่งสำคัญที่สุดคือสถานะปีศาจต่างโลก ไม่แปลกใจเลยที่เบาะแสเกี่ยวกับมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์จะกระจัดกระจายไปทุกหนทุกแห่ง สิ่งที่ข้าสงสัยก็คือเหตุใดวิญญาณเปิดประตูและวิญญาณปิดประตูจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะได้รับ?’
‘แต่หลังจากได้รับผนึกภูตผี ข้าไม่ได้รับเบาะแสเกี่ยวกับผนึกศักดิ์สิทธิ์ นั่นหมายความว่าผนึกศักดิ์สิทธิ์ถูกบางคนยึดครองไปแล้ว!?’