เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 986 ชื่อเสียงบนเส้นทางแห่งปัญญา
แปลโดย iPAT
“ผู้อมตะความคิดดารา นี่คือผาสวรรค์ แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพในตำนาน ที่นี่เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ มันทั้งซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เมื่อเจ้ามั่นใจในความสามารถของตน เช่นนั้นก็ลองรับมรดกของเฒ่าสายฟ้าเทียนหนานให้ข้าได้เห็น” นางมารผลาญสวรรค์กล่าว
ฟางหยวนพยักหน้า
เขาเข้าใจเจตนาของนาง
ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของเขาถูกเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้ กระทั่งไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานก็ยังไม่รู้แน่ชัด
นางมารผลาญสวรรค์ต้องการยึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์หยูลู่ ดังนั้นนางจึงต้องทดสอบความสามารถบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวน
“ผู้อมตะความคิดดารา เหตุใดข้าจึงรู้สึกคุ้นเคยกับชื่อนี้?”
“คนผู้นี้มาพร้อมกับนางมารผลาญสวรรค์ เป็นธรรมดาที่เขาจะมีความสามารถบางอย่าง”
“ฮืม ผาสวรรค์ไม่เพียงเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ มันยังเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา พวกเราสามตระกูลพยายามกำจัดสิ่งเหล่านี้แต่ยังมีความคืบหน้าน้อยมาก เขาเพียงคนเดียวจะทำสำเร็จได้อย่างไร?”
ซ่งคุน ช่ายซ่ง และหรัวเล่ยกุ้ยอี้ลอบสื่อสารกันขณะที่ฟางหยวนร่อนลงบนพื้นด้านหน้าคฤหาสน์วิญญาณอมตะ
ไม่เพียงผู้อมตะทั้งสามแต่ทุกคนในผาสวรรค์ต่างจ้องมองมาที่ฟางหยวน
หนึ่งในกลุ่มคนตระกูลซ่งเป็นหญิงวัยเยาว์ในชุดคลุมสีขาวราวหิมะ หนึ่งในหญิงที่งดงามที่สุดของทะเลตะวันออก ซ่งอี้ซื่อ
“ผู้อมตะความคิดดาราเฉินเต๋า…” ซ่งอี้ซื่อมองฟางหยวนโดยไม่กระพริบตา “ข้ารู้จักคนผู้นี้ ไม่นานมานี้ฉลามปีศาจได้รับความช่วยเหลือจากผู้อมตะความคิดดาราเฉินเต๋าและสามารถทำลายท่าไม้ตายเขตแดนสองสามชั้นแรกของแดนศักดิ์สิทธิ์หยูลู่ได้อย่างรวดเร็ว แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเฉินเต๋ากลับเริ่มตีตัวออกห่างจากฉลามปีศาจเมื่อเร็วๆนี้”
“แปลก น้องอี้ซื่อ เหตุใดเจ้าจึงรู้จักผู้อมตะความคิดดารามากนัก? กล่าวไปแล้ว เขาก็ดูเป็นสุภาพบุรุษและยังเป็นหนุ่มรูปงาม ผู้ใดได้เห็นก็จะรู้สึกดีต่อเขาเสมอ” ผู้อมตะหญิงตระกูลซ่งล้อซ่งอี้ซื่อ
ใบหน้าของซ่งอี้ซื่อกลายเป็นสีแดง นางเร่งอธิบาย “เฉินเต๋าเคยเปิดเผยความลับของฉลามปีศาจ แต่ความลับของฉลามปีศาจได้รับการปกป้องโดยท่านลุงซ่งเจียตัน นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าให้ความสนใจเขา”
ครั้งนี้แตกต่างจากชีวิตก่อนหน้าที่ฟางหยวนปลอมตัวเป็นชายชราซ่งซิงซื่อ ในชีวิตนี้เขาปลอมตัวเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาและด้วยผลกระทบจากท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย เขาจึงสามารถสร้างความประทับใจให้แก่ผู้คน
เมื่อคนตระกูลซ่งได้ยินคำกล่าวของซ่งอี้ซื่อ การแสดงออกของพวกเขาจึงเปลี่ยนแปลงไป
ซ่งเจียตันเป็นความภาคภูมิใจของตระกูลซ่ง เขายังเป็นหนึ่งในสามผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของทะเลตะวันออก
แต่ฟางหยวนกลับสามารถทำลายการป้องกันของซ่งเจียตัน นี่แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขาได้อย่างชัดเจน
ผู้อมตะตระกูลซ่งมองฟางหยวนด้วยสายตาที่เปลี่ยนแปลงไป
ฟางหยวนก้าวไปข้างหน้าหกก้าวก่อนจะหยุดเท้า
การแสดงออกของเขาสงบนิ่งแต่ในใจกลับลอบตื่นเต้น
หลังจากทั้งหมดผาสวรรค์ไม่ใช่เรื่องง่าย
แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพเป็นสถานที่ลึกลับของโลกใบนี้ ตัวอย่างเช่นภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปที่เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ
สำหรับผาสวรรค์ มันเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ
ด้วยพลังงานแห่งเต๋าชนิดนี้ มันทำให้ผาสวรรค์เชื่อมต่อกับสวรรค์ทั้งเก้าและอนุญาตให้มนุษย์เดินทางเข้าสู่สวรรค์ทั้งเก้าโดยผ่านสถานที่แห่งนี้
อย่างไรก็ตามหลังจากลูกๆของมนุษย์คนแรกทำลายสวรรค์ทั้งเก้า ผาสวรรค์ก็ได้รับผลกระทบไปด้วย
มันกลายเป็นสับสนวุ่นวายและไม่ปลอดภัยเหมือนในอดีต
แม้ผาสวรรค์จะดูเงียบสงบแต่มันแฝงไว้ด้วยกับดักมากมาย
กระทั่งผู้อมตะก็อาจตกตายลงที่นี่หากประมาทเพียงเล็กน้อย
‘นางมารผลาญสวรรค์พาข้ามาที่นี่เพื่อทดสอบความสามารถบนเส้นทางแห่งปัญญาของข้า นางยังต้องการใช้เรื่องนี้เพื่อสะกดข่มข้า’
‘นางอาจสงสัยว่าข้าพึ่งพาราชันภูเขาม่วงและไม่มีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญา ท้ายที่สุดสิ่งที่ข้าอนุมานได้ล้วนเป็นสิ่งที่สามารถเตรียมการไว้ล่วงหน้าทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามสถานที่แห่งนี้สามารถทดสอบทักษะที่แท้จริงของข้าได้เป็นอย่างดี’
มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่นางมารผลาญสวรรค์จะสงสัยในความสามารถของฟางหยวน เหตุผลเป็นเพราะความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวนเป็นเรื่องที่กะทันหันเกินไป
นอกจากนี้เขายังเป็นผีดิบอมตะ!
มีผีดิบอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอยู่บนโลกใบนี้ แต่เมื่อผู้อมตะกลายเป็นผีดิบอมตะ ความสามารถของพวกเขาจะลดลงอย่างมาก มันหาได้ยากที่จะพบผีดิบอมตะที่มีความสามารถบนเส้นทางแห่งปัญญาที่น่าสะพรึงกลัวเช่นฟางหยวน
ความคิดดาราพุ่งชนกันอย่างต่อเนื่องอยู่ภายในใจของฟางหยวน
ด้วยวิญญาณอมตะความคิดดารา ฟางหยวนไม่ขาดแคลนความคิดอีกต่อไป นี่ทำให้เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ
ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็เริ่มก้าวเท้าออกไปข้างหน้าอีกครั้ง
หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว…
หลังจากสิบเอ็ดก้าวฟางหยวนจึงหยุดเท้า
ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากคฤหาสน์วิญญาณของเฒ่าสายฟ้าเทียนหนานเป็นระยะทางประมาณสามร้อยก้าวแต่เขามาถึงจุดที่ไกลที่สุดที่ผู้อมตะคนอื่นๆสามารถบรรลุถึงแล้ว
ผู้อมตะตระกูลหรัวเล่ยมองฟางหยวนและยังเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน
ฟางหยวนอนุมานต่อ
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งห้วงมิติเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เขาต้องอนุมานตำแหน่งก่อนจะก้าวเท้าออกไป
การอนุมานเส้นทางที่ยาวไกลในครั้งเดียวไม่ใช่วิธีที่ดี เนื่องจากพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งห้วงมิติจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เส้นทางอาจเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและทำให้การอนุมานของพวกเขาผิดพลาด
‘ข้าจำเป็นต้องแสดงคุณค่าของตนเองออกมาเพื่อเข้าร่วมในการบุกแดนศักดิ์สิทธิ์หยูลู่ แต่หากข้าแสดงความสามารถบนเส้นทางแห่งปัญญาของข้า ข้าเกรงว่าชื่อเสียงของข้าจะแพร่สะพัดออกไปในวงกว้าง’
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นขณะอนุมาน
หลายนาทีต่อมาเขาจึงสามารถเอาชนะผู้อมตะทั้งหมดและสามารถเข้าใกล้คฤหาสน์วิญญาณอมตะได้มากที่สุด
“ผู้อมตะความคิดดาราเฉินเต๋า…” ช่ายซ่งมองแผ่นหลังของฟางหยวนและพึมพำ
“เขาอายุเท่าใดกัน? สามารถบรรลุถึงระดับนี้ ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของเขาอย่างน้อยต้องอยู่ในระดับปรมาจารย์!” หรัวเล่ยกุ้ยอี้กัดฟันกล่าว
ซ่งคุนลอบถอนหายใจ ‘น่าเสียดายที่ซ่งเจียตันไม่สามารถมาที่นี่ด้วยตนเอง มิฉะนั้นมรดกนี้ย่อมตกเป็นของตระกูลซ่งนานแล้ว’
นางมารผลาญสวรรค์พอใจมาก
ด้วยความสำเร็จดังกล่าว มันทำให้ฟางหยวนมีคุณสมบัติเพียงพอแล้วที่จะบุกแดนศักดิ์สิทธิ์หยูลู่
แต่ในเวลาเดียวกันนางก็รู้สึกตกใจ ‘ฟางหยวนกลายเป็นผู้อมตะเพียงไม่กี่ปี เขากระทั่งบ่มเพาะบนเส้นทางความแข็งแกร่งเป็นหลัก แต่เขากลับมีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาถึงระดับนี้ ในจดหมายของหลี่ซาน นางยังกล่าวว่าฟางหยวนแสดงความสามารถบนเส้นทางแห่งทาสในสงครามชิงตำแหน่งเจ้าเหนือหัวของภาคเหนือ นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความยอดเยี่ยมของราชันภูเขาม่วง!’
‘นี่น่าจะเพียงพอแล้ว ตอนนี้ข้าอยู่ห่างจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะเพียงหนึ่งร้อยแปดก้าว แม้ข้าจะสามารถไปได้ไกลกว่านี้ แต่ยิ่งเข้าใกล้มากเท่าใด มันก็จะยิ่งดึงดูดปัญหาเข้ามาหาข้ามากเท่านั้น’ ฟางหยวนคิด
นางมารผลาญสวรรค์สามารถรังแกฉลามปีศาจกับซูไป่ม่าน แต่กับตระกูลซ่ง ตระกูลช่าย และตระกูลหรัวเล่ย นางยังอ่อนอแอเกินไป
ในความเป็นจริงฟางหยวนไม่สามารถไปถึงคฤหาสน์วิญญาณอมตะ เขาอาจบรรลุถึงระยะแปดสิบก้าว แต่หลังจากนั้นเขาต้องมีท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา
ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญานี้ไม่ใช่ทักษะสายโจมตีหรือป้องกันแต่ต้องเป็นทักษะเฉพาะด้านการอนุมานเท่านั้น
ฟางหยวนไม่มีท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลังดังกล่าว
แต่เขาสามารถใช้แสงแห่งปัญญาเพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมกว่าท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเหล่านั้น
หากเขาสามารถใช้วิญญาณสติปัญญาที่นี่ แน่นอนว่าเขาจะสามารถบรรลุถึงคฤหาสน์วิญญาณอมตะ
อย่างไรก็ตามแม้เขาจะสามารถครอบครองมรดกของเฒ่าสายฟ้าเทียนหนาน เขาก็ยังไม่สามารถจากไปและจะถูกกองกำลังใหญ่ทั้งสามตะครุบไม่ต่างจากฝูงหมาป่าที่กำลังหิวโหย
ดังนั้นฟางหยวนจึงหยุดและหันหน้าไปทางนางมารผลาญสวรรค์
นางมารผลาญสวรรค์ลอบหัวเราะอยู่ภายในเพราะฟางหยวนตระหนักถึงสถานการณ์เป็นอย่างดี
ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงผีดิบอมตะระดับหก กระทั่งผีดิบอมตะระดับแปดเช่นนางก็ยังไม่สามารถยึดครองมรดกนี้
นางต้องการจากไป แต่การจากไปโดยปราศจากการต่อสู้จะทำให้เกิดปัญญาในภายหลัง
ตระกูลซ่ง ตระกูลช่าย และตระกูลหรัวเล่ยเป็นกองกำลังขนาดใหญ่ของทะเลตะวันออก หากนางมารผลาญสวรรค์สามารถเข้าออกสถานที่แห่งนี้ได้อย่างอิสระ มันจะดึงดูดผู้คนและสร้างปัญหาให้กับพวกเขาในอนาคต
ด้านนางมารผลาญสวรรค์ หากนางจากไปทันที ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสามตระกูลใหญ่จะต้องตามหาเรื่องนาง ดังนั้นมันจะดีที่สุดหากนางชำระหนี้ทันที
อย่างน้อยนางก็ต้องต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปด!
ดังคาด ไม่นานหลังจากนั้นผู้อมตะระดับแปดจากทั้งสามตระกูลก็ปรากฏตัวขึ้นและพูดคุยกับนางมารผลาญสวรรค์
แม้นางมารผลาญสวรรค์จะอยู่เพียงลำพังแต่นางกลับไม่เกรงกลัวและยังเสนอให้พวกเขาเข้าสู่การต่อสู้
ผู้อมตะทั้งสี่บินขึ้นสู่สวรรค์สีขาว ไม่มีผู้ใดมองเห็นฉากการต่อสู้เหล่านั้น
หลังจากชั่วครู่ นางมารผลาญสวรรค์ก็บินลงมาและระเบิดเสียงหัวเราะก่อนจะนำฟางหยวนจากไป
ผู้อมตะระดับแปดของทั้งสามตระกูลแสดงออกด้วยความเคร่งขรึม
พวกเขาลอบสนทนากันอย่างลับๆ
“ข้าเคยได้ยินมาว่าผู้อมตะภาคเหนือมีพลังการต่อสู้สูงที่สุดในห้าภูมิภาค หลังจากต่อสู้กับนางมารผลาญสวรรค์ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องจริง”
“แม้นางจะเป็นผีดิบอมตะแต่นางยังแข็งแกร่งมาก เราสามารถต่อต้านนางได้เพียงเมื่อพวกเราร่วมมือกันเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดนางเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งไฟ…”
“หญิงผู้นี้ไม่สามารถมองข้าม ก่อนหน้านี้ที่ภาคเหนือ นางเคยทำลายชิ้นส่วนของสวรรค์ทั้งเก้ามาแล้ว นั่นทำให้นางได้รับฉายาว่านางมารผลาญสวรรค์ นางเป็นคนเอาแต่ใจและไร้ยางอายมาก ตอนนี้แม้นางจะจากไปแล้ว แต่เรายังต้องเฝ้าระวังนางต่อไป”
“ท่านกล่าวได้ถูกต้องแล้ว!”