เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 973 ต้นไม้แห่งความฝัน
แปลโดย iPAT
ต้นไม้แห่งความฝันเป็นพืชที่พิเศษมาก
มันอาจเป็นต้นไม้ชนิดใดก็ได้แต่มีต้นไม้เพียงไม่กี่ต้นที่สามารถกลายพันธุ์เป็นต้นไม้แห่งความฝัน
หนึ่งในนั้นตั้งอยู่ใกล้กับบ้านของเกษตรกรผู้หนึ่ง
หัวหน้าครอบครัวเป็นชายชราชื่อเฒ่าเฉิน
“ลูกข้า อีกครึ่งปีเจ้าจะแต่งงาน ข้าจะสร้างบ้านให้เจ้าโดยใช้ต้นอินทผลัมเพลิงต้นนี้” เฒ่าเฉินยืนอยู่ด้านหน้าต้นไม้ต้นหนึ่งและกล่าวกับบุตรชายที่อยู่ด้านข้าง
บุตรชายยกนิ้วขึ้นด้วยความยินดี “ท่านพ่อ นี่เป็นความคิดที่ดีมาก ต้นไม้ต้นนี้มีอายุมากกว่าหมู่บ้านของเรา แม้มันจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แต่มันกลับไร้ประโยชน์ การตัดมันมาสร้างบ้านถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด”
ฟางหยวนมองด้วยสายตาเย็นชา
เขายืนอยู่ไม่ไกลแต่ไม่มีผู้ใดมองเห็นเขา
เฒ่าเฉินกับบุตรชายไม่แม้แต่จะเป็นผู้ใช้วิญญาณ แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่ตระหนักถึงการคงอยู่ของฟางหยวน
ได้ยินว่าต้นไม้แห่งความฝันกำลังจะถูกโค่นล้ม ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะขมวดคิ้วลึก
ผลไม้แห่งความฝันจะถือกำเนิดผ่านต้นไม้ต้นนี้
ผลไม้แห่งความฝันเป็นสิ่งที่อยู่ในความฝัน มันไม่มีร่างกายภาพอยู่บนโลกแห่งความจริงแต่มันอาศัยต้นไม้ที่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้เป็นรากฐาน
ต้นอินทผลัมเพลิงต้นนี้มีอายุหลายพันปีและสามารถผลิตผลไม้แห่งความฝัน
โดยธรรมชาติ อายุของต้นไม้ไม่ใช่ข้อกำหนดเดียวที่จะทำให้พวกมันกลายเป็นต้นไม้แห่งความฝัน
สิ่งสำคัญก็คือต้องมีมนุษย์อาศัยอยู่รอบๆมันมาอย่างยาวนานเพื่อช่วยสนับสนุนการถือกำเนิดของผลไม้แห่งความฝัน
ในอดีตที่นี่เคยเป็นภูเขาไฟมาก่อน หลังจากการระเบิดของภูเขาไฟ หลายร้อยปีต่อมามันกลายเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์และเหมาะสมต่อการเพาะปลูก ดังนั้นมันจึงดึงดูดผู้คนให้เข้ามาอยู่อาศัย
ต้นอินทผลัมเพลิงต้นนี้สามารถอดทนต่อความร้อนและผ่านวันเวลามาอย่างยาวนานกระทั่งกลายเป็นต้นไม้แห่งความฝัน
หากมันถูกโค่นลง ผลไม้แห่งความฝันจะไม่สามารถถือกำเนิดขึ้นที่นี่และจะย้ายไปยังต้นไม้ต้นอื่นที่สอดคล้องกับเงื่อนไขของมัน
ฟางหยวนไม่มีวิธีย้ายต้นไม้แห่งความฝัน เขาไม่มีแม้แต่วิธีการเก็บผลไม้แห่งความฝันโดยตรงแต่ต้องหลอมรวมวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝันเพื่อเก็บเกี่ยวมัน
ในอดีตโม่เหยารู้สึกว่าต้นไม้ต้นนี้มีความพิเศษบางอย่าง แต่ด้วยความรู้ที่จำกัด นางจึงไม่สามารถบอกความพิเศษของมันและทำได้เพียงทิ้งมันไว้เบื้องหลังเท่านั้น
‘ดูเหมือนข้าต้องรักษาสภาพแวดล้อมของต้นไม้แห่งความฝันเอาไว้ดังเดิมเพื่อให้มันผลิตผลไม้แห่งความฝันต่อไป’
ฟางหยวนสะบัดนิ้วส่งเจตจำนงของตนเข้าสู่จิตใจของเฒ่าเฉินและบุตรชาย
ทันใดนั้นบุตรชายพลันกรีดร้องและร่ำไห้ “ท่านพ่อ อย่าตัดต้นไม้ต้นนี้ แม้มันจะไม่สามารถผลิตผลไม้ แต่ข้าอยากเก็บมันไว้ ข้าเห็นมันมาตั้งแต่เด็ก ข้าฉี่รดต้นไม้ต้นนี้และทำให้มันเติบโตขึ้น แล้วข้าโค่นมันลงได้อย่างไร โปรดลืมเรื่องการตัดมันมาสร้างบ้านเสียเถิด!”
“เห้อ…ตกลง” เฒ่าเฉินพยักหน้าด้วยดวงตาที่เปลี่ยนเป็นสีแดง “เช่นนั้นก็ปล่อยให้มันเติบโตต่อไป เราจะเลือกต้นไม้ต้นอื่น แม้จะไม่มีต้นไม้ที่สูงกว่านี้ แต่มันก็เพียงพอที่จะสร้างบ้านให้เจ้า”
หลังจากเปลี่ยนความคิดของคู่พ่อลูก ฟางหยวนวางค่ายกลวิญญาณเอาไว้อีกชั้นเพื่อปกป้องต้นไม้แห่งความฝัน
ระหว่างช่วงเวลานี้ฟางหยวนทบทวนสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
‘ตามเหตุการณ์ในชีวิตก่อนหน้า หลังจากข้าหลอมรวมวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ ข้าช่วยไท่เป่ยหยุนเฉิงก้าวข้ามภัยพิบัติก่อนจะเข้าสู่การต่อสู้ที่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา หลังจากนั้นข้าปลอมตัวเป็นซิงเซียงซื่อเข้าสู่ทะเลตะวันออกและร่วมบุกแดนศักดิ์สิทธิ์หยูลู่ ในช่วงเวลานั้นถ้ำสวรรค์นภาแห่งดาวได้ร่วงหล่นลงมา ข้าถูกเชิญให้เข้าร่วมในการบุกถ้ำสวรรค์นภาแห่งดาว หลังจากเหตุการณ์นี้นางมารผลาญสวรรค์ได้ปรากฏตัวขึ้นและต่อสู้กับฉลามนิ้วกาลเวลา ข้าถูกบังคับให้เข้าร่วมกับนางและเดินทางไปยังภาคเหนือกระทั่งสามารถเข้าสู่โลกใต้บาดาล หลังจากนั้นข้าถูกชักนำให้เข้าสู่แผนการสังหารไห่เจิ้งและถูกบังคับให้ทำข้อตกลงใหม่กับกลุ่มของนางมารผลาญสวรรค์ พวกเราสามารถยึดครองหุบเขาเหล่าโป สุดท้ายข้าจึงเข้าสู่การต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน’
‘หลังจากกำเนิดใหม่ เป้าหมายหลักของข้าคือยึดครองสนามรบแห่งความโกลาหล ตราบเท่าที่ข้าได้รับมัน ข้าจะสามารถปราบปรามผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดและได้รับผลประโยชน์มหาศาล’
แผนการยึดครองสนามรบแห่งความโกลาหลของฟางหยวนล้มเหลว แต่ความล้มเหลวเพียงครั้งเดียวจะหยุดเขาได้อย่างไร
สนามรบแห่งความโกลาหลยังไม่ปรากฏขึ้นในเวลานี้ เขาเพียงต้องรอเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น
ตามแผนการเดิมของเขา หลังจากยึดครองสนามรบแห่งความโกลาหลและกำหราบผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปด เขาจะรอจนถึงเวลาที่ต้องทำข้อตกลงใหม่กับกลุ่มของนางมารผลาญสวรรค์และใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดหลังนี้จัดการกับพวกนาง บางทีเขาอาจสามารถหยิบยืมคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดหม้อหลอมรวมจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเพื่อรับประโยชน์สูงสุด
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาไม่สามารถทำเรื่องเหล่านี้
หากไม่มีคฤหาสน์วิญญาณอมตะ ฟางหยวนยังอ่อนแอกว่าฝ่ายของไห่ลั่วหลันอย่างชัดเจน แม้เขาจะมีแผนการมากมาย แต่ปราศจากความแข็งแกร่ง เขาก็จะไม่ประสบความสำเร็จ ท้ายที่สุดแล้วไห่ลั่วหลันก็เป็นตัวตนที่น่าเกรงขามเช่นกัน นางไม่ใช่คนที่จะสามารถกลั่นแกล้งได้โดยง่าย สิ่งนี้พิสูจน์ได้จากเรื่องที่นางสังหารบิดาของตนและต้องการแทรกซึมเข้าสู่เผ่าไห่
แม้แผนการของฟางหยวนจะยอดเยี่ยม แต่ความเป็นจริงกลับโหดร้าย
ฟางหยวนต้องพิจารณาถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด นั่นก็คือสนามรบแห่งความโกลาหลจะปรากฏขึ้นในเวลาเดียวกับชีวิตก่อนหน้าขณะที่เขาไม่สามารถลอบเข้าไปฉกชิงมันมาได้ในช่วงเวลานี้
สถานการณ์นี้มีความเป็นไปได้สูงมาก
‘เมื่อสนามรบแห่งความโกลาหลปรากฏขึ้น มันจะแสดงภาพเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้น ดังนั้นข้าสามารถเดินไปตามเส้นทางที่มันนำไปเท่านั้น’
หากเขาเข้าสู่ภูเขาอี้เทียนเช่นชีวิตก่อนหน้า เขาจะติดอยู่ในการต่อสู้ระหว่างผู้อมตะภาคใต้ นิกายเงา และวังสวรรค์ นี่เป็นเหตุการณ์ที่อันตรายอย่างยิ่งยวด
แต่ปราศจากความเสี่ยงจะได้รับผลประโยชน์ได้อย่างไร?
ฟางหยวนเป็นคนรอบคอบแต่เขาไม่ขาดความคิดที่จะเสี่ยง
ผลประโยชน์มหาศาลทำให้เขาตัดสินใจรับความเสี่ยง
เขากลับชาติมาเกิดใหม่และมีข้อมูลมากมาย หากเขาไม่กล้าเสี่ยง มันคงไม่ใช่ตัวเขา
‘ตอนนี้ข้าสามารถปกป้องต้นไม้แห่งความฝัน ดังนั้นข้าสามารถทิ้งมันไว้ชั่วคราว ข้าควรเปลี่ยนแผนและเข้าร่วมกับไห่ลั่วหลันอีกครั้ง’
ฟางหยวนมีวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเอง แน่นอนว่านางมารผลาญสวรรค์จะเล็งเป้ามาที่เขาเช่นเดิม
หากฟางหยวนได้รับคฤหาสน์วิญญาณอมตะ เขาไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวนาง
แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นแตกต่างออกไป หากฟางหยวนต้องการยึดครองสนามรบแห่งความโกลาหล เขาต้องเผชิญหน้ากับผู้อมตะภาคใต้ นิกายเงา และวังสวรรค์ ดังนั้นเขาจึงต้องมีพันธมิตร
แน่นอนว่ามันไม่ใช่ผู้ใดนอกจากไท่เป่ยหยุนเฉิง ไห่ลั่วหลัน เทพธิดาหลี่ซาน และนางมารผลาญสวรรค์ โดยเฉพาะนางมารผลาญสวรรค์ที่มีการบ่มเพาะระดับแปด นางสามารถยกระดับพลังอำนาของคฤหาสน์วิญญาณอมตะได้มากที่สุด
ในชีวิตก่อนหน้าฟางหยวนพบกับความยากลำบากเพราะเขาเดินทางเพียงลำพังโดยปราศจากความช่วยเหลือจากภายนอก เมื่อนิกายเงามาถึง ไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานยังอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์เสี่ยวฮันและใช้หุบเขาเหล่าโปบ่มเพาะจิตวิญญาณขณะที่ไท่เป่ยหยุนเฉิงอยู่ที่ทะเลตะวันออก
สิ่งทีเกิดขึ้นแน่นอนว่ามันเป็นเพราะฟางหยวนต้องการปกปิดมันจากพวกนางและลอบเข้าสู่ภูเขาอี้เทียนเพียงผู้เดียว
กระทั่งฟางหยวนจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เขาก็ยังเป็นเพียงผู้อมตะในจุดต่ำสุดของระดับหกเท่านั้น เพื่อก้าวเข้าสู่ระดับเจ็ด เขาอาจต้องใช้เวลาอีกสามร้อยปี
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีเวลาที่จะทำเรื่องดังกล่าว
ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตร
แม้ฟางหยวนจะต้องการกำจัดไห่ลั่วหลันและคนอื่นๆ แต่มันอาจส่งผลกระทบต่อแผนการของเขา หลายครั้งมาแล้วที่เขาต้องใช้วิธีประนีประนอม
เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย คนผู้หนึ่งจำเป็นต้องเรียนรู้การประนีประนอม ไม่ว่าคนผู้นั้นจะมีตำแหน่งใหญ่โตเพียงใด บางครั้งพวกเขาก็ต้องพึ่งพาการเจรจา
การละทิ้งผลประโยชน์เล็กๆเพื่อให้ได้รับผลประโยชน์ที่ใหญ่กว่าคือวิธีการสู่ความสำเร็จและแสดงให้เห็นถึงการเติบโตขึ้นของคนผู้หนึ่ง
ด้วยการใช้วิญญาณท่องแดนอมตะอีกครั้ง ฟางหยวนกลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู
ในชีวิตก่อนหน้าเมื่อฟางหยวนต้องการกำจัดไห่ลั่วหลัน นางก็ออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูไปแล้วและไม่ทิ้งร่องรอยไว้ให้ติดตาม
แต่ในชีวิตนี้เวลานี้นางยังอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู
นางกำลังใช้วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของพลังปราณเพื่อช่วยมนุษย์ขนในหอคอยหินหลอมรวมวิญญาณถุงสูญญากาศ
ฟางหยวนไปพบไห่ลั่วหลันที่หอคอยหิน
ใบหน้าของนางกลายเป็นไม่น่ามองหลังจากได้รับข่าวสารบางอย่าง
เมื่อเห็นฟางหยวน นางชูวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลขึ้นและถาม “เจ้าได้ยินข่าวเรื่องที่ผู้อมตะจากนิกายโบราณทั้งสิบซุ่มโจมตีซ่งซื่อซิงหรือไม่?”
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง “แน่นอน เรื่องนี้สามารถเก็บเป็นความลับจากมนุษย์แต่ไม่สามารถปกปิดผู้อมตะ แม้ผู้อมตะจากนิกายโบราณทั้งสิบจะพยายามซุกซ่อนร่องรอย แต่ผู้อมตะคนอื่นๆของภาคกลางย่อมไม่ยินดีเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ตอนนี้พวกเขากำลังรอชมละครฉากใหญ่จากนิกายโบราณทั้งสิบ”
“อืม” ไห่ลั่วหลันถอนหายใจ “มันเป็นโอกาสที่ดี หากเราพลาด เราจะไม่มีโอกาสสังหารซ่งซื่อซิงในเร็ววันนี้ นี่จะทำให้เราสูญเสียแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว”
ฟางหยวนมองไห่ลั่วหลันและลอบถอนหายใจอยู่ภายใน ‘คนผู้นี้ช่างน่ากลัวนัก’
นางมีวิญญาณทัศนคติอยู่กับตัวและสามารถเก็บเป็นความลับ กระทั่งญาติสนิทของนางก็ยังไม่รู้
การหลอกศัตรูต้องเริ่มจากการหลอกคนใกล้ชิดของตนก่อนเป็นอันดับแรก
แต่ฟางหยวนก็ไม่ต่างจากนาง
เขายึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวเรียบร้อยแล้วแต่เขายังจงใจปิดบังข้อมูลนี้จากนาง ในชีวิตก่อนหน้าหากไม่ใช่เพราะนางมารผลาญสวรรค์ ไห่ลั่วหลันจะไม่มีวันรู้ความจริง
เพราะฟางหยวนกับไห่ลั่วหลันเป็นคนประเภทเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงรู้สึกชื่นชมนางขณะเดียวกันก็รู้สึกวิตกกังวล หากเป็นไปได้เขาต้องการกำจัดนางโดยเร็วที่สุด
แต่โชคชะตาทำงานในรูปแบบที่ลึกลับเสมอ มันทำให้ฟางหยวนต้องร่วมมือกับนางมากขึ้นเพื่อยึดครองสนามรบแห่งความโกลาหล
ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงต้องนำวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองออกมาและยื่นให้กับไห่ลั่นหหลัน