พลังอำนาจที่สั่นคลอนโลกหล้า
แปลโดย iPAT
ภาคกลาง หุบเขาตะขาบ
การไล่ล่าเกิดขึ้นบนเส้นทางหุบเขาที่ทั้งแคบและลาดชัน
“วิ่งเร็วขึ้นอีก!” มนุษย์จิ๋วที่อยู่บนศีรษะของหงอี้ตะโกนด้วยความกังวล
“โอ๊ย! อย่าดึงผมข้า!” หงอี้กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
มนุษย์จิ๋วไม่สนใจและยังดึงผมหงอี้ต่อโดยไม่รู้ตัว
“บัดซบ! มันใกล้เข้ามาแล้ว หากเจ้าไม่เร่งความเร็ว เราจะถูกกิน!” มนุษย์จิ๋วหันไปข้างหลังและกระตุ้นหงอี้ด้วยความหวาดกลัว
“ข้าอยากวิ่งให้เร็วกว่านี้เช่นกัน…” หงอี้กัดฟันวิ่งด้วยพลังงานทั้งหมด น่าเสียดายที่ระดับการบ่มเพาะของเขาต่ำเกินไป เขาเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับสองเท่านั้น
แน่นอนว่าการบ่มเพาะระดับนี้ถือว่าหาได้ยากในเด็กรุ่นเดียวกันกับเขา
ตั้งแต่การแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวม หงอี้ได้รับโชคลาภมากมายและก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว
แต่การบ่มเพาะระดับสองยังไม่เพียงพอให้เขาหลบหนีจากสัตว์อสูรระดับห้า ตะขาบเขาทอง ที่กำลังไล่ล่ามาจากด้านหลัง
ตะขาบตัวนี้มีขนาดร่างกายเท่ากับงูยักษ์ มันมีเขาเดี่ยวสีทองอยู่บนศีรษะและมีขาหลายร้อยขาที่ทำให้มันเคลื่อนที่ได้อย่างคล่องแคล่ว
“พวกเราจบแล้ว! มันอยู่ข้างหลังเจ้า!” ใบหน้าของมนุษย์จิ๋วกลายเป็นซีดเผือด
“ข้าต้องเสี่ยง!” เส้นขนทั่วร่างของหงอี้ลุกชันขึ้นด้วยความสยดสยอง เขาตัดสินใจใช้ท่าไม้ตาย
มันคือท่าไม้ตายสายเคลื่อนไหว
แต่หงอี้พึ่งได้รับมันมาและยังฝึกฝนได้ไม่มากนัก
อัตราความสำเร็จและล้มเหลวในการใช้ท่าไม้ตายนี้คือห้าสิบต่อห้าสิบ
ท่าไม้ตายต้องกระตุ้นใช้วิญญาณอย่างน้อยสองดวงในเวลาเดียวกัน ยิ่งใช้วิญญาณมากเท่าใด มันก็ยิ่งมีความซับซ้อนและยากลำบากมากเท่านั้น
ท่าไม้ตายสายเคลื่อนไหวใหม่ของหงอี้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์เกือบสิบดวง
มันอาจเทียบไม่ได้กับท่าไม้ตายของผู้อมตะแต่สำหรับผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ นี่ถือว่ามากแล้ว
ท่าไม้ตายไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฝึกฝน
หากล้มเหลว ผู้ใช้วิญญาณจะได้รับผลกระทบย้อนกลับ
ดังนั้นในการใช้ท่าไม้ตายทุกครั้งหงอี้จึงต้องระวังตัวเป็นอย่างมาก
แต่ในช่วงเวลาแห่งชีวิตและความตาย เขาไม่สามารถรีรอ
ความเร็วเดิมของเขาไม่สามารถหลบหนีจากตะขาบเขาทอง หากถูกจับ เขาต้องตายอย่างแน่นอน
ตอนนี้เหลือเพียงทางเดียว เขาต้องเสี่ยง!
‘ข้าต้องทำได้!’ หงอี้กรีดร้องอยู่ภายใน
แต่ความปรารถนากับความจริงเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกัน
การกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายต้องใช้สมาธิ บางท่าไม้ตายต้องพึ่งพาสภาพแวดล้อมพิเศษและไม่สามารถถูกรบกวน
ฟางหยวนสามารถใช้ท่าไม้ตายได้อย่างคล่องแคล่วเพราะเขามีประสบการณ์มากมายแต่หงอี้เป็นมือใหม่!
ตอนนี้เขาตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตและต้องให้ความสนใจกับเส้นทางข้างหน้าเนื่องจากมันเป็นเส้นทางหุบเขาที่อันตราย หากพลาดพลั้ง เขาอาจตกเหวและเสียชีวิต
อีกด้านหนึ่ง ตะขาบเขาทองกำลังไล่ล่ามาจากด้านหลังด้วยความเร็วสูง กลิ่นอายแห่งความตายกำลังใกล้เข้ามา แล้วหงอี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากมันได้อย่างไร?
ภายใต้สถานการณ์นี้มีเพียงผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการต่อสู้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนเท่านั้นที่สามารถสงบจิตใจ สำหรับหงอี้ เขายังเด็กเกินไป
“มันกำลังจะตามทันแล้ว!” มนุษย์จิ๋วกรีดร้องก่อนจะปิดเปลือกตาลงด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นตะขาบเขาทองอ้าปากและเตรียมพร้อมที่จะกัดพวกเขา
แม้มนุษย์จิ๋วจะมีปีกแต่ตอนนี้ปีกของมันหักไปแล้ว มันบินไม่ได้!
มนุษย์จิ๋วประสบความสำเร็จในการขโมยทรัพยากรระดับห้า น้ำเกสรดอกไม้ร้อยปี ระหว่างการสำรวจถ้ำ แต่ราคาที่มันต้องจ่ายก็คือความโกรธของตะขาบเขาทอง มนุษย์จิ๋วไม่มีทางเลือกนอกจากหลบหนีออกมาพร้อมกับหงอี้เท่านั้น
อย่างไรก็ตามเมื่อมนุษย์จิ๋วเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง มันกลับรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
ด้วยเหตุผลบางประการ หงอี้สามารถหลบหนีจากปากของตะขาบเขาทอง!
แต่ในเวลาต่อมา ตะขาบเขาทองก็ไล่ล่าพวกเขาอีกครั้ง
มนุษย์จิ๋วสังเกตเห็นแล้วว่าเมื่อใดก็ตามที่ตะขาบเขาทองอ้าปาก มันจะเงยศีรษะขึ้นโดยไม่รู้ตัว
การกระทำนี้ทำให้ร่างของมันยกตัวขึ้นสูงหลายสิบเมตรก่อนที่มันจะพุ่งลงมา
เมื่อขาของมันไม่ได้อยู่บนพื้น มันจึงสูญเสียความเร็วในการเคลื่อนที่
ในจังหวะนี้หงอี้ที่ยังวิ่งอย่างไม่ลดลงจึงสามารถสร้างระยะห่างออกมาจากตะขาบเขาทองและสามารถรอดพ้นจากอันตรายได้ทุกครั้ง
“เจ้าโง่นี่!” มนุษย์จิ๋วหัวเราะอย่างมีความสุขที่สามารถรอดพ้นจากอันตราย
มนุษย์เป็นจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดขณะที่สัตว์ป่ามีสติปัญญาจำกัด ชีวิตและความตายของพวกมันขึ้นอยู่กับสัญชาตญาณเป็นส่วนใหญ่
“ข้าให้เจ้าหลบหนีมาด้วย แต่เจ้ากลับเรียกข้าว่าเจ้าโง่งั้นหรือ?” หงอี้ไม่พอใจ
“ข้าไม่ได้หมายถึงเจ้า ข้าจะบอกว่าตะขาบเขาทองตัวนี้โง่มาก!” มนุษย์จิ๋วตะโกน
หงอี้ยังไม่พอใจ “เจ้าต่างหากที่โง่ ข้าเคยบอกแล้วว่าตะขาบเขาทองกำลังหลับอยู่ เราสามารถหลบหนีออกมาอย่างเงียบๆ แต่เจ้ากลับกรีดร้องอย่างไร้เหตุผล!”
มนุษย์จิ๋วรู้สึกผิดและแสดงสีหน้าลำบากใจ
มันต้องการโต้ตอบแต่ในจังหวะนี้ดวงตาของมันกลับเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ
ปรากฏว่าตะขาบเขาทองตระหนักว่ามันไม่สามารถกัดเหยื่อ ดังนั้นมันจึงเปลี่ยนวิธีโจมตีโดยใช้เขาสีทองของมัน
แน่นอนว่ามันไม่ได้ฉลาดขึ้น
ตะขาบเขาทองเคยพบศัตรูที่มีร่างกายใหญ่โตและไม่สามารถกลืนเหยื่อเข้าไปโดยตรง ในสถานการณ์นั้นมันใช้เขาสีทองตัดร่างเหยื่อออกเป็นชิ้นๆ
การอ้าปากกัดคือสัญชาตญาณของตะขาบเขาทอง การใช้เขาก็เช่นกัน
ตะขาบเขาทองกระโจนเข้ามาพร้อมกับเขาอันแหลมคมของมัน
“เจ้าโง่ วิ่ง!” มนุษย์จิ๋วตะโกนและจับเส้นผมของหงอี้เอาไว้อย่างแน่นหนา
“เจ้ายังเรียกข้าว่าเจ้าโง่อีกงั้นหรือ? โอ๊ย!” หงอี้ตะโกนเสียงแหลม ความเจ็บปวดพุ่งเข้าโจมตีเขาอย่างกะทันหัน
เขาสีทองพุ่งเข้าแทงบั้นท้ายของหงอี้
มนุษย์จิ๋วรู้สึกสิ้นหวัง
แต่ทันใดนั้นความเร็วของหงอี้กลับพุ่งสูงขึ้นโดยไม่คาดคิด
เขาพุ่งทะยานไปข้างหน้าราวกับลูกปืนใหญ่
มันกลายเป็นว่าเขาประสบความสำเร็จในการกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายในจังหวะที่เขากรีดร้อง
หงอี้สามารถหลบหนีไปได้ด้วยเหตุนี้
“เจ้าเลือดออก!” มนุษย์จิ๋วกรีดร้องอีกครั้ง
เขาสีทองของตะขาบเขาทองแทงบั้นท้ายของหงอี้ไปแล้ว แต่การระเบิดความเร็วอย่างกะทันหันทำให้ทั้งสองแยกกันออกจากกัน
ราวกับมีดสั้นถูกดึงออกจากบั้นท้ายของหงอี้และทิ้งบาดแผลเลือดไหลเอาไว้
“ก้นข้า! ข้าเจ็บก้น!” จิตใจของหงอี้ถูกโจมตีด้วยความเจ็บปวด
เขาใช้มือจับก้นและปิดบาดแผลของตนโดยไม่รู้ตัว
อย่างไรก็ตามความเจ็บปวดทำให้เขาฟุ้งซ่านและเป็นเหตุให้ท่าไม้ตายของเขาหยุดลง
ความเร็วของเขาลดลงอีกครั้ง แต่ตะขาบเขาทองยังไล่ล่าอยู่
เขาสีทองพุ่งเข้าโจมตีก้นอีกข้างหนึ่งของหงอี้
“อา…” หงอี้กรีดร้องอีกครั้ง
สิ่งเดิมเกิดขึ้นอีกหน!
ความเจ็บปวดกระตุ้นท่าไม้ตายของเขาให้ทำงานและส่งร่างของเขาพุ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง
“เจ้าเลือดออก! เจ้าเลือดออก!” มนุษย์จิ๋วกรีดร้องไม่หยุด
หงอี้จับก้นทั้งสองข้างและไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร
“โอ้ ไม่ พลังวิญญาณของข้ากำลังจะหมด!” ใบหน้าของหงอี้กลายเป็นซีดเผือด
ผู้ใช้วิญญาณมีพลังวิญญาณเพียงเล็กน้อยขณะที่การกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายต้องจ่ายด้วยพลังวิญญาณจำนวนมหาศาล หลังจากวิ่งมาเป็นเวลานาน เขาก็ถึงขีดจำกัดในที่สุด
ความตายกำลังใกล้เข้ามา หงอี้ถูกบังคับให้ตกลงสู่สถานการณ์ที่สิ้นหวัง
“เรากำลังจะตาย เรากำลังจะตาย เจ้าตะขาบ อย่ากินข้า ข้าตัวเล็กมีเนื้อน้อย กินเขา กินเจ้าโง่นี่!” มนุษย์จิ๋วกล่าวอย่างไร้สติ
หงอี้รู้สึกว่างเปล่าและไม่มีอารมณ์ตอบโต้มนุษย์จิ๋ว
แต่ในวินาทีนี้ดาบแสงที่สว่างไสวกลับส่องประกายขึ้น
โลกถูกอาบย้อมไปด้วยแสงสีขาว
สภาพแวดล้อมตกอยู่ในความเงียบ
การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้ทำให้หงอี้หยุดวิ่ง เขาวิ่งต่อไปอีกสักพักก่อนจะตระหนักถึงบางสิ่ง
เมื่อมองย้อนกลับไป เขาตกใจมาก
ตะขาบเขาทองระดับห้าอันตรธานหายไปอย่างสมบูรณ์
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขามีเพียงรอยแยกขนาดใหญ่ที่อยู่บนพื้นเท่านั้น
“เกิดสิ่งใดขึ้น?” หงอี้รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
“มันคือดาบแสง…” มนุษย์จิ๋วตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์
…..
ภาคกลาง ชายฝั่งตะวันออก
คลื่นซัดสาดอย่างไม่หยุดยั้ง มวลอากาศเย็นแผ่กระจายไปเป็นวงกว้าง
“เด็กๆ นี่คือเกาะน้ำแข็ง ที่ตั้งของนิกายหิมะเหิน หลังจากนี้พวกเจ้าจะอาศัยอยู่ที่นี่ มันจะเป็นสถานที่เปลี่ยนแปลงโชคชะตาของพวกเจ้า” ผู้ใช้วิญญาณอาวุโสชี้นิ้วไปที่เกาะน้ำแข็งและกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
ดวงตาของเด็กๆส่องประกายขึ้นด้วยความคาดหวัง
แม้นิกายหิมะเหินจะไม่มีผู้อมตะและไม่ใช่นิกายใหญ่แต่มันยังเป็นนิกายที่ทรงอิทธิพลในพื้นที่นี้และเป็นคู่แข่งกับนิกายห้าคุณธรรม
นิกายหิมะเหินเป็นหนึ่งในสถานที่จัดงานแข่งขันบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเมื่อไม่นานมานี้
ด้วยเหตุนี้ชื่อเสียงของนิกายหิมะเหินจึงแพร่กระจายไปทั่ว
‘เด็กกลุ่มนี้มีพรสวรรค์สูงที่สุดในรอบสิบปี พวกเขาคืออนาคตของนิกาย พวกเขาจะทำให้นิกายแข็งแกร่งขึ้น’ ผู้ใช้วิญญาณอาวุโสลอบคาดหวัง
“ซูม…”
เป็นเพียงเวลานี้ที่แสงสีขาวสว่างขึ้นอย่างกะทันหันและทำให้ทุกคนต้องปิดเปลือกตาลง
เมื่อพวกเขาเปิดเปลือกตาขึ้น สิ่งที่เห็นทำให้พวกเขาตกตะลึง
เกาะน้ำแข็งหายไปและทิ้งไว้เพียงร่องลึกเท่านั้น
กระทั่งทะเลยังถูกแยกออก!
มวลน้ำไหลทะลักลงไปในร่องลึกและไม่ปรากฏร่องรอยในการเติมเต็ม
ฉากที่แปลกตาทำให้หัวใจของผู้คนถูกโจมตีด้วยความหวาดกลัว
…..
วังสวรรค์
เจ้าวังยืนอยู่บนพื้นด้านหน้าหอคอยดวงตาสวรรค์ด้วยร่างกายสั่นเทา
มือที่เหี่ยวย่นของเขาถือวิญญาณโชคชะตาเอาไว้
วิญญาณโชคชะตาฟื้นฟูขึ้นมาก นี่ทำให้เจ้าวังรู้สึกตื่นเต้นและมีความสุข
ผู้อมตะเพ่ยกังซุ้ย เหลียนจิวเฉิง และไป่เฉินเทียนจากไปแล้ว
ผู้อมตะส่วนใหญ่ของวังสวรรค์จะมักเข้าสู่การจำศีลและใช้วิธียืดอายุบางอย่าง เมื่อพวกเขาตื่นขึ้น พวกเขาจะทำงานให้กับวังสวรรค์และจัดการเรื่องผู้สืบทอด
วังสวรรค์เป็นผู้นำนิกายโบราณทั้งสิบ ในขณะเดียวกันสมาชิกของวังสวรรค์ก็ถูกคัดเลือกมาจากนิกายโบราณทั้งสิบเช่นกัน
ไม่ใช่ผู้อมตะทุกคนที่จะสามารถเข้าสู่วังสวรรค์
นอกจากต้องเป็นผู้อมตะระดับแปดที่มีความสามารถโดดเด่น สิ่งสำคัญที่วังสวรรค์จะพิจารณาก็คือทัศนคิตของพวกเขา
วังสวรรค์คือสิ่งใด?
เทพอมตะกลุ่มดาวเคยอธิบายไว้เมื่อสามล้านปีก่อนว่ามันคือการทำตามเจตจำนงสวรรค์และผดุงความยุติธรรมให้กับสวรรค์
“หลังจากวิญญาณโชคชะตาฟื้นตัวขึ้น มันสามารถใช้พลังอำนาจได้ห้าสิบส่วน ด้วยหอคอยดวงตาสวรรค์ เราจะพบคนที่หลบหนีจากโชคชะตามากขึ้น การกำจัดผู้คนเหล่านี้จะช่วยให้วิญญาณโชคชะตาฟื้นตัวเร็วขึ้น ตราบเท่าที่วัฎจักรนี้ดำเนินต่อไป สุดท้ายวังสวรรค์จะกลับมายิ่งใหญ่เช่นในอดีต!”
เจ้าวังเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“บึม!”
ทันใดนั้นดาบแสงพลันแผ่พุ่งลงมาจากท้องฟ้าและตัดผ่านวังสวรรค์อย่างแม่นยำ
ปากของเจ้าวังอ้าค้าง รูม่านตาของเขาหดเล็กลงเมื่อมองเห็นครึ่งบนของวังสวรรค์ค่อยๆเอียงและร่วงหล่นลงมา
“หอคอยดวงตาสวรรค์!” เจ้าวังกรีดร้องเสียงดังเมื่อสามารถตอบสนอง