สีน้ำเงิน
แปลโดย iPAT
ภาคกลาง นิกายคฤหาสน์วิญญาณ ห้องประชุม
ผู้อมตะสิบห้าคนรวมตัวอยู่ที่นี่ มากกว่าครึ่งมาด้วยตนเอง
นี่เป็นภาพที่หาดูได้ยาก
มีการประชุมในนิกายบ่อยครั้งแต่ส่วนใหญ่พวกเขาจะส่งเจตจำนงมาร่วมประชุมเท่านั้น
แต่ตอนนี้ผู้อมตะแปดคนกลับมาด้วยตนเองและมีสองคนเป็นผู้อมตะระดับแปด
หัวข้อการประชุมในวันนี้ก็คือฟงจิวเก้อ
ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกไม่สบายใจและไม่มั่นคงเมื่อขาดอัจฉริยะผู้นี้
“วันนี้ข้ามีเรื่องสำคัญที่จะประกาศ” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายคฤหาสน์วิญญาณกล่าวอย่างเคร่งขรึม
แตกต่างจากนิกายอื่น สมาชิกส่วนใหญ่ของพวกเขาเป็นผู้หญิง
มีผู้อมตะหญิงสิบคนและผู้อมตะชายเพียงห้าคน
ทุกคนตั้งใจฟังเรื่องที่ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งกำลังจะกล่าว
ใบหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งไร้อารมณ์ขณะที่ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองมีสีหน้าเคร่งเครียด
เห็นการแสดงออกของคนทั้งสอง ผู้อมตะทั้งหมดต่างรู้สึกไม่สบายใจ
ดังคาด คำกล่าวต่อไปของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งราวกับก้อนหินขนาดใหญ่พุ่งเข้ากระแทกศีรษะของพวกเขา
“เราได้รับการยืนยันแล้วว่าฟงจิวเก้อเสียชีวิตที่ภาคเหนือ เขาเสียชีวิตเพราะลมมรณะและไม่ได้ทิ้งสิ่งใดไว้เบื้องหลังนอกจากคำสองคำ”
หัวใจของกลุ่มผู้อมตะจมดิ่งลง
ใบหน้าของเทพธิดาไป่ชิงกลายเป็นซีดเผือด นางรู้สึกวิงเวียนและแทบสิ้นสติ
แม้นางจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่เมื่อได้รับการยืนยัน นางยังรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
ฟงจิวเก้อที่แข็งแกร่งที่สุดตายที่ภาคเหนือ ในทางตรงข้าม ผู้อมตะที่อ่อนแอกว่ากลับรอดชีวิต
กล่าวตามตรงไม่มีผู้ใดคิดว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้
ความแข็งแกร่งของฟงจิวเก้อฝังแน่นอยู่ในหัวใจของผู้คนมาอย่างยาวนาน เขาเป็นใบหน้าของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ แต่ตอนนี้เขากลับเสียชีวิตโดยไม่มีผู้ใดคาดคิดมาก่อน นี่ทำให้ผู้อมตะทั้งหมดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกหดหู่
กระทั่งซูเฮาและเทพธิดาหลี่จุนอิงที่ต่อต้านเขาก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งกล่าวต่อ “ดูวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ตรงหน้าพวกท่าน รายละเอียดทั้งหมดอยู่ในนั้น”
กลุ่มผู้อมตะตรวจสอบข้อมูล
“เห้อ…ฟงจิวเก้อเสียชีวิตในลมมรณะ มันไม่ใช่การตายที่คู่ควรกับเขา” หลังจากนั้นไม่นานผู้อมตะคนหนึ่งก็เปิดปากกล่าวทำลายความเงียบของห้องประชุม
ร่างกายของเทพธิดาไป่ชิงสั่นสะท้านเล็กน้อย ความเจ็บปวดและความโศกเศร้าราวกับคลื่นยักษ์ถาโถมเข้าสู่หัวใจของนาง
นางรักฟงจิวเก้ออย่างสุดซึ้งและฟงจิวเก้อก็รักนางมากเช่นกัน
ฉากก่อนที่ฟงจิวเก้อจะออกเดินทางไปยังภาคเหนือปรากฏขึ้นในใจของนางแต่นางไม่คิดว่ามันเป็นครั้งสุดท้ายที่นางจะได้พบเขา
ผู้คนมักจะถูกล้อเล่นโดยโชคชะตาเสมอ
ตอนนี้นางมีชีวิตอยู่แต่เขากลับตายไปแล้ว
เทพธิดาไป่ชิงไม่กล้าเปิดเปลือกตาขึ้นเพราะเกรงว่าน้ำตาจะไหลออกมาโดยไม่สามารถควบคุม
นางพยายามนึกถึงบุตรสาวและบอกกับตนเอง ‘ไป่ชิง เจ้าต้องเข้มแข็ง ในเวลาเช่นนี้เจ้าไม่สามารถแสดงความอ่อนแอออกมาให้ผู้ใดเห็น!’
นางสูดหายใจสองสามครั้งก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้น
ผู้อมตะในห้องประชุมกำลังปรึกษากันเกี่ยวกับการกระทำสุดท้ายของฟงจิวเก้อ
“ก่อนเขาจะเสียชีวิต เขาเขียวคำว่า โป้ชิง ไว้บนฝ่ามือ เขาต้องการสื่อสิ่งใด?”
“ในความคิดเห็นของข้า เรื่องนี้สำคัญมาก ฟงจิวเก้อต้องตระหนักถึงบางสิ่งก่อนตาย เมื่อเขาพบจ้าวเหลียนหยุน เขาไม่แม้แต่จะสามารถกล่าวสิ่งใดออกมาและต้องทิ้งข้อความเลือดไว้เท่านั้น”
“ฟงจิวเก้อกำลังตรวจสอบความจริงเบื้องหลังการล่มสลายของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง เรื่องนี้เกี่ยวกับโป้ชิงหรือไม่?”
“ฟงจิวเก้อกับโป้ชิงมีความคล้ายกันมาก แน่นอนว่าโป้ชิงแข็งแกร่งกว่ามาก เขาคือจุดสูงสุดของภาคกลาง กระทั่งวังสวรรค์ยังเกรงใจเขา ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์ของนิกายคฤหาสน์วิญญาณอย่างแท้จริง ผู้คนคิดว่าเขาจะกลายเป็นเทพอมตะแต่สุดท้ายเขากลับล้มเหลว”
“เรารู้ข้อมูลของโป้ชิงแต่สิ่งที่ข้าอยากรู้ก็คือเหตุใดฟงจิวเก้อจึงกล่าวชื่อเขาก่อนตาย”
ห้องประชุมเงียบลงชั่วขณะก่อนที่บางคนจะเปิดปากกล่าว “ทุกคนลืมบางสิ่งไปหรือไม่? ในการต่อสู้ร้อยวัน ฉินไป่เฉิงใช้ท่าไม้ตายอมตะดาบห้าดัชนี ท่าไม้ตายนี้ถูกสร้างขึ้นโดยโป้ชิง”
“ฟงจิวเก้อพยายามบอกว่าการล่มสลายของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงเกี่ยวข้องกับโป้ชิงงั้นหรือ?”
“ตามการอนุมานของข้า เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามใช้ท่าไม้ตายอมตะดาบห้าดัชนี ฟงจิวเก้ออาจคิดว่าพวกเขาเกี่ยวข้องกับโป้ชิงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง โป้ชิงเคยเป็นสมาชิกของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมาก่อน นี่คือจุดสำคัญและทำให้พวกเรามีความได้เปรียบในการตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“ย้อนกลับไป เมื่อโป้ชิงเสียชีวิตในภัยพิบัติ ไม่มีแม้แต่กองเถ้าถ่านของเขาเหลืออยู่ แล้วผู้อมตะภาคเหนือสามารถใช้ท่าไม้ตายของเขาได้อย่างไร?”
ความคิดทุกประเภทถูกกล่าวถึงแต่ไม่มีความคิดใดน่าเชื่อถือ
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งยกมือขึ้นหยุดการพูดคุยของกลุ่มผู้อมตะ
“ไม่ว่าอย่างไรเราก็ต้องตรวจสอบเรื่องของโป้ชิง ข้าจะมอบภารกิจนี้ให้กับเจ้า ไป่ชิง”
เทพธิดาไป่ชิงมองไปที่ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง
นี่เป็นคำสั่งเสียสุดท้ายของสามีนาง!
ดังนั้นนางจะใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อค้นหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้
“มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่รู้เรื่องการเสียชีวิตของฟงจิวเก้อ เราต้องปกปิดเรื่องนี้เอาไว้อย่างดีที่สุด หากผู้ใดปล่อยข่าวออกไปจะถือว่าเป็นคนทรยศของนิกาย!”
การเสียชีวิตของฟงจิวเก้อจะสร้างปัญหาใหญ่ให้กับนิกายคฤหาสน์วิญญาณ
แม้นิกายจะมีผู้อมตะระดับแปดถึงสองคนแต่ทั้งสองก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้โดยง่าย
ประการแรก ผู้อมตะระดับแปดเหมือนกับยืนอยู่บนชั้นน้ำแข็งบางๆ หากพลาดพลั้งและสูญเสียความแข็งแกร่ง พวกเขาอาจเสียชีวิตในภัยพิบัติสวรรค์พิภพ
ประการที่สอง นิกายโบราณทั้งสิบมีต้นกำเนิดเดียวกัน นั่นก็คือวังสวรรค์ แน่นอนว่าวังสวรรค์ไม่ต้องการให้ผู้อมตะระดับแปดเข้าร่วมในความขัดแย้งของนิกายทั้งสิบและทำให้มันรุนแรงมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้ภาคกลางรวมทั้งห้าภูมิภาค กลุ่มที่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วมีเพียงผู้อมตะระดับหกและผู้อมตะระดับเจ็ด
ท่ามกลางผู้อมตะระดับเจ็ด ฟงจิวเก้อถือเป็นจุดสูงสุด
ปราศจากฟงจิวเก้อ นิกายคฤหาสน์วิญญาณอาจถูกคุกคามและแย่งชิงทรัพยากร
“เทือกเขาซวนวูมีทรัพยากรมากมาย มันเป็นคลังเก็บทรัพยากรอมตะ อย่างน้อยต้องมีผู้อมตะระดับเจ็ดหนึ่งคนคอยปกป้องอยู่”
“การขุดเหมืองทองของเรามาถึงจุดสำคัญแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาเก็บเกี่ยว เราไม่สามารถล้มเลิก”
“สนามรบกลับชาติมาเกิดสำคัญที่สุด!”
ผู้อมตะนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกปวดหัว พวกเขามีทรัพยากรมากเกินไปขณะที่มีผู้อมตะน้อยเกินไป
นี่เป็นช่วงเวลาที่ทำให้พวกเขาตระหนักถึงอิทธิพลของฟงจิวเก้อมากที่สุด
เทพธิดาไป่ชิงเงียบ
ที่ประชุมปรึกษากันเกี่ยวกับทรัพยากรต่างๆของนิกายและไม่ได้กล่าวถึงฟงจิวเก้ออีกต่อไป
ราวกับการดำรงอยู่ของฟงจิวเก้อจบสิ้นลงแล้วด้วยคำเพียงสองคำคือโป้ชิง
นี่ทำให้เทพธิดาไป่ชิงรู้สึกโศกเศร้า ‘สามี ท่านทำประโยชน์มากมายให้กับนิกาย แต่สุดท้ายพวกเขากลับลืมท่านได้ในทันที’
ทุกคนเข้าใจเทพธิดาไป่ชิงและไม่มีผู้ใดตำหนินาง
เพียงเมื่อชื่อของจ้าวเหลียนหยุนถูกกล่าวถึง ดวงตาของเทพธิดาไป่ชิงจึงส่องประกายขึ้นอีกครั้งด้วยความกังวล
ตอนนี้ฟงจิวเก้อจากไปแล้ว จ้าวเหลียนหยุนจึงกลายเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อฟงจินฮวง
ดังนั้นเทพธิดาไป่ชิงจึงรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก
นางได้ยินกลุ่มผู้อมตะพูดคุยกัน
“จ้าวเหลียนหยุนได้รับมรดกทั้งสองของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ มีสิ่งใดในตัวนางเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่?”
“ปีศาจต่างโลกเชื่อถือไม่ได้!”
“ผนึกศักดิ์สิทธิ์และผลึกภูตผีเป็นท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันระดับแนวหน้า เรายังต้องค้นคว้ามันต่อไป ท่าไม้ตายทั้งสองสร้างชั้นพลังงานแห่งเต๋าสองชั้นปกปิดจิตวิญญาณของจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้ ข้าไม่เคยเห็นสิ่งใดเหมือนสิ่งนี้มาก่อน”
“เราพยายามใช้หลากหลายวิธีเพื่ออนุมานแต่กลับไม่พบสิ่งใดเลย หากข้าไม่พบกับตนเอง ข้าจะไม่มีวันเชื่อเรื่องนี้”
“ท่าไม้ตายอมตะทั้งสองไม่พึ่งพาพลังงานอมตะ พวกมันเหมือนโชคลาภที่ได้รับจากสวรรค์ พลังอำนาจระดับเทพอมตะช่างยากที่จะเข้าใจ”
“ความสามารถของผนึกศักดิ์สิทธิ์คือป้องกันการอนุมาน แล้วความสามารถของผนึกภูตผีคือสิ่งใด?”
“เรื่องนั้นยังไม่แน่ชัด เราอยู่ระหว่างการทดลอง แม้จ้าวเหลียนหยุนจะเป็นปีศาจต่างโลกแต่นางก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี นางรู้วิธีปฏิบัติตัวและสามารถเลี้ยงดู”
“สหายน้อยผู้นี้ต้องการช่วยเหลือหนุ่มคนรักของนาง ฮ่าฮ่า น่าเสียดายที่ปีศาจอมตะเซี่ยหูรวบรวมทรัพยากรได้มากพอแล้ว”
ในที่สุดผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งก็สรุปผลการประชุม “ค้นคว้าต่อไปและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับจ้าวเหลียนหยุน ข้าจะรอดูอนาคตของข้า”
…..
ป่าไร้นามแห่งหนึ่ง
ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดารามองเข้าไปในกระจกเพื่อสื่อสารกับบางคน
มีร่างผู้สูงอายุที่คลุมเครืออยู่ในกระจก
เขากล่าวอย่างช้าๆ “ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วแต่วังสวรรค์ก็สามารถฟื้นฟูวิญญาณโชคชะตาเช่นกัน เจ้าต้องรีบดำเนินการเดี๋ยวนี้”
“เข้าใจแล้ว” ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดารากล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ระวังตัวด้วย สีน้ำเงิน” ร่างในกระจกกล่าวอีกครั้ง
ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดาราเงียบ
เขาหันหลังกลับและเข้าไปในป่าลึกโดยไม่หันหน้ากลับมาอีก
————–
พรุ่งนี้หยุด