ฟางหยวนเข้าสู่หุบเขาเหล่าโป
แปลโดย iPAT
แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู
เวลาของที่นี่ผ่านไปแล้วครึ่งเดือน
ฟางหยวนอาบแสงแห่งปัญญาอยู่ในถ้ำใต้พิภพอย่างเงียบๆ
เขานั่งนิ่งเหมือนก้อนหินแต่ดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนกลับพุ่งชนกันอยู่ในใจของเขาอย่างไม่รู้สิ้นสุด
“ฟู่…” เขาพ่นลมหายใจออกมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความอ่อนล้า
เขาลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบากและรู้สึกวิงเวียนศีรษะอย่างหนัก
แม้เขาจะเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญาแต่เขายังสามารถอนุมานต่อเนื่องได้เพียงเจ็ดวันเจ็ดคืนเท่านั้น
จิตใจของเขาเหมือนหม้อน้ำที่กำลังเดือดพล่านและต้องใช้เวลาในการทำให้มันเย็นลงมิฉะนั้นเขาอาจได้รับบาดเจ็บ
“หลังจากหลายวัน ข้าแก้ไขท่าไม้ตายเพลิงนิพพานได้เพียงยี่สิบส่วนและนี่เป็นเพราะวิญญาณสติปัญญา หากปราศจากมัน ข้าต้องใช้เวลาอีกยาวนานกว่าจะบรรลุถึงจุดนี้”
ท่าไม้ตายอมตะเป็นเรื่องยากที่จะคิดค้น
ท่าไม้ตายอมตะเพลิงนิพพานเป็นท่าไม้ตายชั้นยอดที่สามารถเปลี่ยนสภาพของสิ่งมีชีวิตระหว่างชีวิตและความตาย หากไม่ใช่เพราะนางมารผลาญสวรรค์เป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งไฟ นางอาจไม่สามารถคิดค้นท่าไม้ตายนี้
ฟางหยวนออกจากถ้ำใต้พิภพและกลับไปยังวังตงฮันเพื่อพักผ่อน
หลังจากนอนหลับเป็นเวลาครึ่งวัน เขารู้สึกสดชื่นขึ้น แต่จากประสบการณ์ ฟางหยวนรู้ว่าเขายังต้องพักผ่อนอีกหนึ่งคืนก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์
แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูไม่มีเวลากลางวันหรือกลางคืน ท้องฟ้าของที่นี่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
แต่ถึงกระนั้นก็ยังสามารถนับเวลาได้ว่าอีกหกชั่วโมงจะถึงเวลากลางคืน
ฟางหยวนไม่ต้องการทิ้งเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้นเขาจึงเริ่มเชื่อมต่อกับสวรรค์สีเหลืองเพื่อขายทรัพยากรอมตะระดับแปดและแลกเปลี่ยนกับอาหารของวิญญาณอมตะ
แน่นอนว่าทรัพยากรอมตะกึ่งระดับเก้าถูกเก็บไว้ในคลังสมบัติของเขา
กล่าวได้ว่าทรัพยากรอมตะระดับแปดคือสมบัติที่มีค่าต่ำที่สุดที่เขามีอยู่
เรื่องนี้สร้างความโกลากลขึ้นในสวรรค์สีเหลืองอย่างไม่ต้องสงสัย
ทรัพยากรอมตะระดับแปดดึงดูดความสนใจของผู้อมตะจำนวนมาก มันทำให้การแลกเปลี่ยนของฟางหยวนเป็นไปได้อย่างราบรื่นและรวดเร็ว
“หากไม่ใช่เพราะทรัพยากรอมตะเหล่านี้ ข้าคงอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดอีกครั้ง” ฟางหยวนรู้สึกถึงภาระในการเลี้ยงดูวิญญาณอมตะจำนวนมากของเขา
หลังจากทั้งหมดเขามีวิญญาณอมตะในการครอบครองมากเกินไป
“วิธีที่ดีที่สุดและพบบ่อยที่สุดก็คือเลี้ยงวิญญาณอมตะไว้เพียงไม่กี่ดวงและใช้พวกมันเป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะในหลากหลายรูปแบบเพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ”
ฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้แต่เขาไม่มีทางเลือก
เขาไม่สามารถขายวิญญาณอมตะเหล่านี้ออกไปได้โดยง่าย
ธุรกรรมวิญญาณอมตะหาได้ยาก แม้จะเกิดขึ้น มันก็จะเป็นการแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะเท่านั้น
หลังจากทำธุรกรรมในสวรรค์สีเหลือง ฟางหยวนก็สามารถปลดภาระเกี่ยวกับการให้อาหารวิญญาณอมตะได้ในที่สุด
สำหรับการหลอมรวมวิญญาณอมตะความคิดดารา ฟางหยวนต้องพักมันไว้ก่อน
เขามีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณระเบิดพลังระดับหกอยู่ในมือแต่เขายังไม่มีแผนการที่จะหลอมรวมมันแม้เขาจะสูญเสียวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเองและทำให้พลังการต่อสู้ของเขาลดลงก็ตาม
การหลอมรวมวิญญาณระเบิดพลังระดับหกมีโอกาสประสบความสำเร็จต่ำกว่าวิญญาณอมตะความคิดดารา หากเขาต้องการหลอมรวมมัน เขาอาจสูญเสียทรัพยากรจำนวนมหาศาล
แม้เขาจะไม่ได้ขาดแคลนหินวิญญาณอมตะแต่เขาต้องใช้พวกมันในการพัฒนาแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว
จิตวิญญาณแผ่นดินแห่งดวงดาวทำงานอย่างหนักตามคำสั่งของฟางหยวนและดำเนินการไปแล้วสี่สิบส่วน
อย่างไรก็ตามหลังจากได้รับวิธีฟื้นฟูร่างกาย การพัฒนาแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวจึงลดความสำคัญลง
ในช่วงเวลานี้แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูยังปลอดภัยและสงบสุข ฟางหยวนจึงไม่รีบร้อนย้ายทรัพยากรออกไป
ความพยายามหลักของเขาคือการแก้ไขท่าไม้ตายอมตะเพลิงนิพพาน
หากเขาประสบความสำเร็จ มิติช่องว่างของเขาจะฟื้นคืนสู่ชีวิต เมื่อเวลานั้นมาถึง เขาจะสามารถย้ายทรัพยากรทั้งหมดไปเก็บไว้ในมิติช่องว่างของตนเอง
นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากแผนการนี้ประสบความสำเร็จ อนาคตของฟางหยวนจะสดใสมาก
ฟางหยวนสามารถรอคอยอย่างสงบ
ประสบการณ์ห้าร้อยปีฝึกความอดทนของเขาให้อยู่ในระดับที่น่าเหลือเชื่อ
แต่ในจังหวะที่เขากำลังจะพักผ่อนก่อนจะอนุมานท่าไม้ตายต่อไป ไห่ลั่วหลันกลับเดินทางมาหาเขาอย่างกะทันหัน
“เจ้าจะไม่สามารถจินตนาการถึงสิ่งที่ข้าค้นพบจากดวงวิญญาณของไห่เจิ้ง” ไห่ลั่วหลันเดินออกมาจากประตูแห่งดวงดาวและเผชิญหน้ากับฟางหยวนด้วยความตื่นเต้น
หลังจากไห่เจิ้งเสียชีวิต ดวงวิญญาณของเขาถูกจับกุมโดยไห่ลั่วหลัน
หลายวันที่ผ่านมา ไห่ลั่วหลันได้รับข้อมูลที่น่าตกใจมากมายจากการค้นวิญญาณไห่เจิ้ง สิ่งที่กระตุ้นความสนใจของนางมากที่สุดก็คือการต่อสู้ร้อยวันในหุบเขาเหล่าโป
“ฟางหยวน เจ้ามีความสามารถในการย้ายภูเขา ข้าต้องการให้เจ้าย้ายหุบเขาเหล่าโปมาให้ข้า อย่ากังวล ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างเหมาะสม เราต้องรีบมิฉะนั้นอาจถูกตัดหน้า!” ไห่ลั่วหลันดำเนินการอย่างรวดเร็ว
ฟางหยวนมีเบาะแสเกี่ยวกับหุบเขาเหล่าโปมานานแล้วแต่เขาติดธุระอื่นและไม่ได้ไปที่นั่น
หลังจากได้รับข้อมูลจากไห่ลั่วหลัน ฟางหยวนดีใจมาก
หุบเขาเหล่าโปถูกยึดครองโดยนิกายเงามานานแล้ว แม้เขาจะไปที่นั่น เขาก็อาจถูกจับอย่างง่ายดาย
“ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุด!” ดวงตาของไห่ลั่วหลันส่องประกายขึ้น
ฟางหยวนพยักหน้าเห็นด้วย “นิกายเงาพ่ายแพ้ ตอนนี้หุบเขาเหล่าโปถูกยึดครองโดยผู้อมตะภาคกลาง แต่พวกเขามาจากภูมิภาคอื่นและไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นานนัก เราเพียงต้องรอให้พวกเขาจากไปเท่านั้น”
ไห่ลั่วหลันกับฟางหยวนไม่รู้ว่าผู้อมตะภาคกลางได้จากไปแล้ว
ในแง่ของการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับภาคเหนือ ฟางหยวนต้องพึ่งพาเทพธิดาหลี่ซาน สำหรับข้อมูลของภาคกลาง นิกายกระเรียนอมตะย่อมไม่เปิดเผยความลับนี้แก่เขา
“คนกลุ่มนี้น่าจะพยายามสืบหาอาชญกรที่อยู่เบื้องหลังการล่มสลายของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง พวกเขากำลังตามหาพวกเรา แต่ด้วยเหตุผลบางประการ การสืบสวนของพวกเขากลับนำพวกเขาไปพบนิกายเงา” ไห่ลั่วหลันหัวเราะเบาๆ
ฟางหยวนคิดก่อนกล่าว “หากเปรียบเทียบ สิ่งที่ข้ากังวลมากกว่าก็คือผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์เป็นสมาชิกนิกายเงาแต่เหตุใดกองกำลังพันธมิตรผีดิบจึงต้องช่วยเหลือเขา?’
ผู้อมตะลึกลับก็คือผีดิบอมตะสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์ เมื่อความลับนี้ถูกเปิดเผย ไห่เจิ้งจึงได้รับข้อมูลนี้เช่นกัน
“เห้อ…ผู้อมตะทุกคนล้วนมีความลับเป็นของตนเอง กองกำลังพันธมิตรผีดิบมีโครงสร้างที่หละหลวม สมาชิกหลายคนของพวกเขามีกองกำลังของตนเองอยู่เบื้องหลัง นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก” ไห่ลั่วหลันกล่าว
“ไม่ว่าอย่างไรนิกายเงาก็ไม่ควรถูกมองข้าม!” ฟางหยวนแสดงออกอย่างจริงจัง “สมาชิกนิกายเงาไม่กลัวการเสียสละ ความภักดีระดับนี้ มันไม่ใช่เรื่องธรรมดา!”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฟางหยวนได้ยินชื่อนิกายเงา
ย้อนกลับไปที่ภาคใต้ เขาเคยได้ยินชื่อนี้มาจากหมอจูชิว
ฟางหยวนยังรู้ว่าประตูแห่งชีวิตและความตายอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเงาแต่เขาไม่ได้วางแผนการใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้
เหตุผลก็คือความแข็งแกร่งของเขาต่ำเกินไปและไม่มีโอกาสที่ดี
มันเป็นเรื่องยากที่จะเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเงาโดยไม่ให้พวกเขารู้ตัว นอกจากนั้นอิทธิพลของนิกายเงายังครอบคลุมทั้งภาคเหนือและภาคใต้ นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
“เอาล่ะ ตอนนี้หุบเขาเหล่าโปอยู่ข้างหน้าพวกเรา ข้าจะเชิญเจ้ากับท่านป้าของข้าไปสำรวจที่นั่น เราจะแบ่งผลประโยชน์ตามข้อตกลงพันธมิตร” ไห่ลั่วหลันกล่าวด้วยความกังวล
ฟางหยวนรู้ว่านางร้อนใจเพราะนี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก
ฟางหยวนรู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน แต่ก่อนจะออกเดินทาง เขาต้องกล่าวบางสิ่ง
“เจ้าต้องการครอบครองหุบเขาเหล่าโปทั้งหมดแต่ข้าไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้” ฟางหยวนกล่าวอย่างหนักแน่น
ไห่ลั่วหลันมองฟางหยวนด้วยความโกรธ “เจ้าหมายถึงสิ่งใด ข้าเป็นผู้พบข้อมูลของหุบเขาเหล่าโป!”
ฟางหยวนหัวเราะก่อนจะบอกตำแหน่งที่ตั้งของหุบเขาเหล่าโป
ไห่ลั่วหลันตกใจมาก นางจ้องมองฟางหยวนด้วยความสงสัย
นางไม่ได้บอกเรื่องนี้กับฟางหยวน แล้วเขารู้ได้อย่างไร
ฟางหยวนมอบวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงหนึ่งให้ไห่ลั่วหลันเช่นเดียวกับที่นางส่งข้อมูลให้กับฟางหยวน
ไห่ลั่วหลันกล่าวเสียงเย็น “หากปราศจากข้อมูลของข้า เจ้าจะกล้าไปงั้นหรือ?”
ฟางหยวนยิ้ม “อย่าพึ่งร้อนใจ ข้าเพียงต้องการกล่าวว่าข้อมูลของเจ้าไม่ได้สำคัญเท่าที่เจ้าคิด”
ไห่ลั่วหลันโกรธมาก
ทั้งสองเข้าสู่การต่อสู้ทางวาจาอย่างดุเดือด
หลังจากต่อสู้จนเหนื่อยล้า พวกเขาจึงสามารถเจรจาตกลงกันได้ในที่สุด
กรรมสิทธิ์ของหุบเขาเหล่าโปจะถูกแบ่งปัน
นางมารผลาญสวรรค์จะได้รับหกสิบส่วน เทพธิดาหลี่ซานจะได้รับยี่สิบส่วน ขณะที่ไห่ลั่วหลันกับฟางหยวนจะแบ่งกันคนละสิบส่วน
ไห่ลั่วหลันเป็นคนเจ้าเล่ห์ นางใช้ป้าทั้งสองของนางเพื่อบีบบังคับให้ฟางหยวนยอมรับความพ่ายแพ้
สิบส่วนอาจดูน้อยแต่มันก็ทำให้ฟางหยวนบรรลุเป้าหมาย
เขาเพียงต้องการสิทธิในการใช้งานมันเท่านั้น
ฟางหยวนไม่เคยคิดที่จะยึดครองหุบเขาเหล่าโป ท้ายที่สุดแล้วไห่ลั่วหลันก็มีนางมารผลาญสวรรค์สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
อย่างไรก็ตามตอนนี้นางมารผลาญสวรรค์กำลังวุ่นวายอยู่กับการหลอมรวมวิญญาณอมตะ นอกจากนั้นฟางหยวนยังมีวิญญาณท่องแดนอมตะ สุดท้ายแล้วคนที่ไปจึงมีเพียงฟางหยวน ไห่ลั่วหลัน และเทพธิดาหลี่ซานเท่านั้น
“โอ้ ไม่ มีบางคนเข้าไปในหุบเขาเหล่าโป!” ฮุ้ยฟงซื่อที่ซ่อนตัวอยู่ด้านนอกเห็นกลุ่มของฟางหยวนเดินเข้าไป ดังนั้นเขาจึงรีบรายงาน
ไม่นานหลังจากนั้นองค์ชายฟงเซี่ยนก็ได้รับข้อมูลนี้