ทะเลสมบัติ (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
การคลี่คลายค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่ต้องใช้เวลาหลายเดือน
มือของฟางหยวนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเพื่อคลี่คลายค่ายกลวิญญาณดังกล่าว ในเวลาเดียวกันเขาก็ต้องเฝ้าระวังราชาปลาหมึกอสูร
‘นั่น!’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นเมื่อเขามองเห็นสิ่งปลูกสร้างบางอย่างที่อยู่ภายในแม้ภาพจะค่อนข้างคลุมเครือก็ตาม
แต่ในเวลานี้ราชาปลาหมึกอสูรได้กลับมาถึงแล้ว
เขาต้องถอย
ฟางหยวนถอนหายใจและตัดสินใจล่าถอยทันที
ราชาปลาหมึกอสูรมาถึงตำแหน่งเดิมของมันและมองไปรอบๆ
มันรู้สึกว่าถึงความผิดปกติบางอย่าง
ราชาปลาหมึกอสูรขมวดคิ้วลึกและเริ่มตรวจสอบรังของมัน
อย่างไรก็ตามมันกลับไม่พบสิ่งใดขณะที่กลิ่นอายผิดปกติก็เริ่มจางหาย หลังจากชั่วครู่ ราชาปลาหมึกอสูรจึงค่อยๆสงบและนอนลงอีกครั้ง
แต่มันยังเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา
ฟางหยวนผ่อนคลายลงและค่อยๆล่าถอยออกไปอย่างระมัดระวัง
พิจารณาจากที่พักของมัน ราชาปลาหมึกอสูรตัวนี้ดูเหมือนจะมีตำแหน่งสูงสุด หากมันถูกโจมตี ผู้ใดจะรู้ว่ามันจะเรียกฝูงปลาหมึกอสูรที่กำลังต่อสู้อยู่ด้านนอกกลับมาหรือไม่
หากเป็นเช่นนั้น ฟางหยวนจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
“ที่นี่น่าจะปลอดภัยแล้ว” ฟางหยวนเลือกมุมที่ไม่สะดุดตาในรังของปลาหมึกอสูรก่อนจะกระตุ้นใช้วิญญาณท่องแดนอมตะ
แม้ค่ายกลวิญญาณจะถูกจัดตั้งโดยผู้อมตะบางคน แต่หลังจากตรวจสอบ ฟางหยวนพบว่ามันถูกทิ้งร้างไว้นานแล้ว ด้วยเหตุนี้ความเสี่ยงที่จะบุกเข้าไปจึงไม่สูงนัก
เพื่อค้นหาวิธีลบสถานะผีดิบ นี่เป็นความเสี่ยงที่เขาต้องแบกรับ
เมื่อความจริงเบื้องหลังการล่มสลายของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงถูกเปิดเผย ทุกคนจะไล่ล่าเขา ในสถานการณ์นี้ ยิ่งเขาลบสถานะผีดิบได้เร็วเท่าใด มันก็ยิ่งดีต่อตัวเขาเท่านั้น
ภายในเวลาสามลมหายใจ ร่างของฟางหยวนหายไปจากจุดนั้นและปรากฏตัวอีกครั้งด้านในค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่
ด้านนอกค่ายกลวิญญาณคือราชาปลาหมึกอสูร แต่ตอนนี้ฟางหยวนอยู่ด้านในค่ายกลวิญญาณที่ถูกแยกออกจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์
‘ในที่สุดข้าก็มาถึงที่นี่’ ฟางหยวนระวังตัวอย่างมาก
การพุ่งเข้าสู่ค่ายกลวิญญาณโดยตรงเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เขาอาจถูกโจมตีจากทุกทิศทางทันทีที่มาถึง
อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังไม่พบการโจมตีใด นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าค่ายกลวิญญาณไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ใด
ฟางหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่ก็ยังระวังตัว
แม้ค่ายกลวิญญาณจะไม่ถูกบังคับโดยบางคนแต่มันยังสามารถทำงานได้ด้วยเจตจำนงที่ถูกทิ้งไว้
ตัวอย่างเช่น วังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงที่ถูกควบคุมโดยเจตจำนงของเทพอมตะตะวันเดือด
ที่นี่เป็นพื้นที่ที่ถูกสร้างขึ้นโดยวิธีการบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ ดังนั้นมันจึงมีขนาดใหญ่โตพร้อมกับท้องฟ้าสีเหลืองและพื้นทรายสีม่วง
ทรายสีม่วงราวกับพื้นดินที่อุดมสมบูรณ์เพราะมีพืชพันธุ์มากมายเติบโตขึ้นไม่ต่างจากป่าดิบชื้นในเขตร้อน
“หญ้าพู่กัน ท้อแห่งชีวิต ถั่วอมตะ ดอกไม้เหล็กโลหิต…” ด้วยการกวาดตามองเพียงครั้งเดียว ฟางหยวนพบทรัพยากรอมตะจำนวนมหาศาล
กระทั่งคนที่เต็มไปด้วยความอดทนยังต้องตกใจ
แม้ทรัพยากรอมตะส่วนใหญ่จะเป็นทรัพยากรระดับหกหรือเจ็ดแต่สิ่งที่น่าตกใจก็คือปริมาณของพวกมัน
“ทรัพยากรเหล่านี้มาจากทั้งห้าภูมิภาค ผีดิบอมตะที่สร้างสถานที่แห่งนี้มีเบื้องหลังเช่นไรกันแน่?”
ในการรวบรวมทรัพยากรอมตะจำนวนมหาศาลเช่นนี้จำเป็นต้องใช้กำลังคนและความพยายามอย่างมาก
นอกจากนั้นทรัพยากรหลายชนิดก็ไม่ใช่ทรัพยากรที่จะรวบรวมได้โดยง่าย หากปราศจากความชำนาญ พวกเขาจะไม่สามารถเก็บเกี่ยวมัน
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือกำแพงภูมิภาค
ยิ่งระดับการบ่มเพาะสูงเท่าใด ผู้อมตะก็ยิ่งได้รับผลกระทบจากกำแพงภูมิภาคมากเท่านั้น
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า…” ฟางหยวนพยายามคาดเดา
เขาเคยคิดว่าที่นี่เป็นมรดกของผีดิบอมตะที่ยิ่งใหญ่บางคน แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะไม่ใช่สิ่งที่คนเพียงผู้เดียวจะสามารถสร้างขึ้น มันต้องเป็นระดับกองกำลังและต้องเป็นกองกำลังขนาดใหญ่เท่านั้น
เนื่องจากกองกำลังขนาดเล็กและกลางมักมีผู้อมตะอยู่เพียงสองหรือสามคน มันไม่เพียงพอที่จะรวบรวมทรัพยากรระดับนี้
เมื่อมองไปยังทะเลสมบัติด้านหน้า ช่วยไม่ได้ที่หัวใจของฟางหยวนจะเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น
“ความมั่งคั่งระดับนี้มันเพียงพอให้ข้าหลอมรวมวิญญาณอมตะหลายร้อยครั้ง! บางทีในชีวิตก่อนหน้าของข้า กองกำลังพันธมิตรผีดิบของภาคเหนือสามารถผงาดขึ้นได้ก็เป็นเพราะทรัพยากรเหล่านี้!”
มันเหมือนคลังเก็บสมบัติขนาดใหญ่ที่มีทรัพยากรกองเป็นภูเขาอยู่ภายใน
มูลค่าของมันยากที่จะประเมิน ฟางหยวนรู้เพียงว่ามันล้ำค่ามาก
หากเขาค่อยๆสะสมหินวิญญาณอมตะสองพันก้อนต่อเดือน กระทั่งหนึ่งพันปี เขาก็ยังไม่ประสบความสำเร็จถึงจุดเดียวกันนี้
“แต่เปรียบเทียบกับทรัพยากรจำนวนนับไม่ถ้วน ค่ายกลวิญญาณนี้ยิ่งมีค่ามากกว่า!”
ทรัพยากรจากทั้งห้าภูมิภาคสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่ต่อต้านกัน ชัดเจนว่ามันเป็นเพราะค่ายกลวิญญาณ
“โชคดีที่ข้าไม่ได้ทำลายค่ายกลวิญญาณนี้ มิฉะนั้นข้าอาจเสียใจในภายหลัง หากได้รับค่ายกลวิญญาณนี้ ข้าจะสามารถเพาะปลูกทรัพยากรจำนวนนับไม่ถ้วน มันดียิ่งกว่ามิติช่องว่างของผู้อมตะ!”
ฟางหยวนรู้สึกยกย่องผู้สร้างค่ายกลวิญญาณนี้อย่างช่วยไม่ได้
มิติช่องว่างของผีดิบอมตะตายไปแล้ว หากมีค่ายกลวิญญาณชนิดนี้ เขาสามารถใช้มันทดแทนมิติช่องว่าง
“อย่างไรก็ตามค่ายกลวิญญาณนี้มีพลังป้องกันค่อนข้างต่ำและไม่สามารถเคลื่อนย้าย มันยังห่างไกลจากความสะดวกสบาย หือ…ทรายสีม่วงเหล่านี้ดูแปลกประหลาดเล็กน้อย…”
ฟางหยวนก้มลงและใช้มือช้อนทรายสีม่วงขึ้นมา
ทรายละเอียดมาก บางส่วนไหลลงไปตามช่องว่างระหว่างนิ้วมือของฟางหยวน
“แต่สิ่งที่ข้าต้องการคือวิธีลบสถานะผีดิบ มันอยู่ที่ใด?” ฟางหยวนโยนทรายสีม่วงทิ้งไปขณะที่เขาคิดถึงเป้าหมายหลัก
เขาไม่รีบร้อนที่จะรวบรวมทรัพยากรอมตะและเริ่มบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
เมื่อเวลาผ่านไป ความสุขบนใบหน้าของฟางหยวนก็ค่อยๆเลือนหายและถูกแทนที่ด้วยความไม่สบายใจ
“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง” เขาหยุดและมองไปยังกองทรัพยากรอมตะที่ไร้จุดสิ้นสุด
“มันสงบเกินไป ไม่มีกระทั่งลม มันเงียบยิ่งกว่ามิติช่องว่างที่ตายไปแล้วของข้า” ฟางหยวนพบสิ่งผิดปกติ
“ที่นี่มีเพียงพืชแต่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่น มันไม่มีแม้แต่แมลงสักตัว” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายเย็นเยียบ
เขาทะยานร่างกลับลงไปบนพื้นและหยิบหญ้าพู่กันขึ้นมา
ทันใดนั้นร่างกายของฟางหยวนพลันสั่นสะท้านขึ้น
หญ้าพู่กันบนพื้นทรายไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงแต่หญ้าพู่กันที่ฟางหยวนหยิบขึ้นมากลับเริ่มเหี่ยวเฉาลงก่อนจะกลายเป็นทรายสีม่วงร่วงหล่นลงบนพื้น
“เกิดสิ่งใดขึ้น?” ฟางหยวนหรี่ตามองและทดลองหยิบทรัพยากรอมตะชนิดอื่นขึ้นมา
ผลลัพธ์ที่ได้เหมือนกับครั้งก่อนหน้า
“แปลก! เหตุผลที่พวกมันถูกเรียกว่าทรัพยากรอมตะเพราะพวกมันมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจำนวนมากแฝงอยู่ หากพวกมันถูกทำลาย พลังงานแห่งเต๋าจะต้องปั่นป่วน แต่มันกลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น!”
เมื่อมองไปยังทรัพยากรอมตะจำนวนนับไม่ถ้วน ฟางหยวนรู้สึกราวกับกำลังมองกองซากศพ
นี่ทำให้ฟางหยวนยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น
เขารีบบินขึ้นสู่ท้องฟ้าและสร้างระยะห่างจากทรายสีม่วง
“มีบางอย่างแปลกประหลาดเกี่ยวกับค่ายกลวิญญาณนี้ การสร้างระยะห่างจากทรายสีม่วงอาจไม่มีประโยชน์ ทรัพยากรอมตะทั้งหมดอาจเกี่ยวข้องกับค่ายกลวิญญาณ ก่อนที่ข้าจะรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น มันจะดีที่สุดหากข้ารีบหาวิธีลบสถานะผีดิบและจากไปอย่างรวดเร็วที่สุด”