เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1253 รนหาที่ตายในกำแพงภูมิภาค
แปลโดย iPAT
ทะเลตะวันออก
มังกรดาบบรรพกาลยังส่งลมหายใจมังกรออกมา
สิ่งนี้ทำให้ค่ายกลวิญญาณของฝ่ายตรงข้ามเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
‘มีบางอย่างไม่ถูกต้อง อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆไม่ใช่คนโง่ ค่าใช้จ่ายในการกระตุ้นใช้งานค่ายกลวิญญาณของพวกเขาสูงกว่าข้า แต่พวกเขากลับไม่ถอยและปล่อยให้ข้าโจมตีต่อไป พวกเขามีแผนใด ?’
ฟางหยวนโจมตีอย่างดุเดือด แม้เขาจะไม่สามารถทำลายค่ายกลวิญญาณ แต่เขายังไม่หยุดวิเคราะห์
‘พวกเขารู้ว่าข้ามีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด พวกเขาไม่กลัวข้าใช้มันทะลวงเข้าไปงั้นหรือ ? เป็นไปได้หรือไม่ว่านี่เป็นค่ายกลวิญญาณที่ใช้จัดการอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดของข้าโดยเฉพาะ?’
‘หรืออาจเป็นเพราะผมที่หกรู้แล้วว่าอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดของข้ากลายเป็นไข่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กลัว ?’
‘เดี๋ยว !’
ฟางหยวนหยุดโจมตีและดำลงไปใต้ทะเล
เขารอการตอบสนองของอิงอู๋เซี่ย ในเวลาเดียวกันเขาก็กระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชค
‘พวกเขาอยู่ในค่ายกลวิญญาณ ’ ฟางหยวนผ่อนคลายลง ‘ดูเหมือนข้าจะคิดมากเกินไป ’
ฟางหยวนยังโจมตีค่ายกลวิญญาณต่อไป แต่เขาค่อยๆค้นพบว่าค่ายกลวิญญาณนี้ทำได้เพียงป้องกันขณะที่กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยไม่พยายามที่จะตอบโต้
ฟางหยวนไตร่ตรองอีกครั้งและตัดสินใจรักษาสถานการณ์นี้เอาไว้ เนื่องจากการโจมตีของเขาใช้พลังงานอมตะน้อยกว่า
การเผชิญหน้าอย่างเงียบๆดำเนินต่อไปเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง
‘ดูเหมือนอิงอู๋เซี่ยจะมีเป้าหมายอื่น แต่ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น ข้าก็ไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาดำเนินการต่อไปได้อย่างราบรื่น ข้าไม่สามารถเก็บซ่อนไพ่ตายได้อีกต่อไป ข้าต้องใช้มันเดี๋ยวนี้ !’
ฟางหยวนตัดสินใจใช้ไพ่ตายในที่สุด
หากเป็นก่อนหน้า ลมหายใจมังกรคืออาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป
อย่างไรก็ตามในวินาทีต่อมา
ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ !
วิสัยทัศน์ของอิงอู๋เซี่ยเปลี่ยนแปลงไป ด้านหน้าเขาคือกำแพงภูมิภาค
มันเป็นกำแพงพลังงานสีน้ำเงินที่กว้างใหญ่
เมื่อพวกเขาเข้าไป พวกเขาจะไม่สามารถใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศและสามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตนเองเท่านั้น
แต่ในจังหวะที่พวกเขากำลังมองกำแพงภูมิภาค การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยกลับเปลี่ยนแปลงไป ไป่หนิงปิงหันหน้าหลับไปด้านหลังโดยไม่รู้ตัว
“ค่ายกลวิญญาณถูกทำลายแล้ว ” ไป่หนิงปิงกล่าวด้วยเสียงทุ่มต่ำ
“รวดเร็วนัก !” ไห่ลั่วหลันตกใจ
นางนึกถึงช่วงเวลาก่อนหน้านี้ การโจมตีของฟางหยวนทำให้นางตระหนักถึงพลังการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวของเขา
“เขาใช้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดหรือไม่ ?” ไห่ลั่วหลันคิดถึงความเป็นไปได้
“ไม่ ” ไป่หนิงปิงส่ายศีรษะ
เมื่อฟางหยวนทำลายค่ายกลวิญญาณ วิญญาณทั้งหมดจะระเบิดตัวเอง แน่นอนว่าไป่หนิงปิงจะไม่ทิ้งทรัพยากรใดๆไว้ให้ศัตรู
แต่ถึงกระนั้นฉากที่ฟางหยวนโจมตีค่ายกลวิญญาณก็ยังถูกบันทึกไว้
ในการต่อสู้ระหว่างผู้อมตะ ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ
ไป่หนิงปิง อิงอู๋เซี่ย และคนอื่นๆจะไม่ปล่อยโอกาสที่ดีในการรวบรวมข้อมูลนี้ไป
“ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายใหม่ทั้งหมด มันน่าจะเป็นผลงานใหม่ของเขา ”
“ท่าไม้ตายนี้ทรงพลังมาก ” การแสดงออกของไป่หนิงปิงกลายเป็นมืดครึ้ม “หากเราไม่มีวิธีตรวจสอบที่ดี แม้เราจะร่วมมือกันแต่เราก็ยังไม่สามารถอดทนได้แม้แต่สองหรือสามลมหายใจ”
“กระไรนะ !?” ไห่ลั่วหลันสูดหายใจลึก กระทั่งซื่อหนิวก็ยังเปิดเผยความหวาดกลัวออกมาอย่างชัดเจน
สถานการณ์ของอิงอู๋เซี่ยยังไม่ถือว่าดี แม้แผนการของเขาจะประสบความสำเร็จ แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่ามันจะยื้อเวลาได้เพียงสั้นๆ
หลังจากทั้งหมดพวกเขาต้องใช้เวลาอีกมากในการเดินทางข้ามกำแพงภูมิภาค
สิ่งสำคัญที่สุดคือร่างทารกอมตะสามารถเดินทางในกำแพงภูมิภาคได้อย่างอิสระ อิงอู๋เซี่ยเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน
‘ค่ายกลวิญญาณถูกทำลายแล้ว ฟางหยวนจะค้นพบว่าพวกเราไม่ได้อยู่ที่นั่น เขาจะใช้ท่าไม้ตายตรวจสอบโชคอีกครั้งเพื่อค้นหาพวกเรา หากเราเข้าไปในกำแพงภูมิภาค แม้ข้าจะพิจารณาถึงสถานการณ์ที่ดีที่สุด ฟางหยวนก็ยังสามารถติดตามพวกเราได้ทัน จากนั้นพวกเราต้องต่อสู้กับเขาในกำแพงภูมิภาค แล้วข้าควรเข้าไปในกำแพงภูมิภาคหรือไม่ ?’
อิงอู๋เซี่ยรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล
เขารู้ว่าหากพวกเขาไม่สามารถจัดการสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม พวกเขาอาจตายได้ทุกเมื่อ
พวกเขาจะรอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งนี้ได้หรือไม่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับแผนการของพวกเขา
อิงอู๋เซึ่ยไม่สนใจความปลอดภัยของผู้อมตะคนอื่นๆ เขาไม่กลัวแม้แต่ความตาย แต่หากเขาตาย แล้วผู้ใดจะช่วยร่างหลักของเขา นิกายเงากลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้ว เขาเป็นความหวังเดียวที่เหลืออยู่
‘ความแข็งแกร่งของฟางหยวนพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้นๆได้อย่างไร?’
‘เขาไม่สามารถใช้วิญญาณสติปัญญา แล้วเขาอนุมานสิ่งต่างได้อย่างไร ? เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาได้รับวิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ทรงพลังบางอย่าง?’
ท่าไม้ตายอมตะไม่ใช่สิ่งที่สามารถคิดค้นขึ้นภายในเวลาไม่กี่วัน ไพ่ตายของฟางหยวนเป็นเรื่องกะทันหันเกินไป นี่ทำให้อิงอู๋เซี่ยรู้สึกหนักใจมาก
‘ข้าใช้วิธีสร้างความสับสนให้แก่ศัตรูไปแล้ว หากเราเข้าไปในกำแพงภูมิภาค เราต้องต่อสู้กับฟางหยวนอย่างแน่นอน หากเป็นเช่นนั้นฝ่ายเราจะเสียเปรียบมาก !’ อิงอู๋เซี่ยตระหนักถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจน
กำแพงภูมิภาคเป็นสนามรบที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับฟางหยวน กระทั่งผู้อมตะระดับแปดก็อาจตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย เพราะยิ่งการบ่มเพาะสูงเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งได้รับแรงกดดันจากกำแพงภูมิภาคมากเท่านั้น
โดยปกติผู้อมตะระดับแปดจะเดินทางผ่านสวรรค์สีดำหรือสวรรค์สีขาว พวกเขาไม่โง่พอที่จะเดินทางผ่านกำแพงภูมิภาค
หากอิงอู๋เซี่ยเข้าไปในกำแพงภูมิภาค ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาจะเสียเปรียบมากโดยเฉพาะเมื่อฟางหยวนแสดงไพ่ตายของเขาออกมาแล้ว แม้ฟางหยวนจะไม่ใช้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด แต่ไพ่ตายใบนี้ของฟางหยวนก็ทำให้อิงอู๋เซี่ยรู้สึกว่าไม่สามารถต่อสู้กับเขา
‘ไม่ ยังมีไป่หนิงปิงอยู่ !’ อิงอู๋เซี่ยลอบมองไป่หนิงปิง
เขารู้สึกว่าการเป็นพันธมิตรกับไป่หนิงปิงเป็นการตัดสินใจที่ฉลาด เขาอาจต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งของคนผู้นี้
โชคชะตาเป็นสิ่งลึกลับ อิงอู๋เซี่ยไม่เคยคิดว่าตนเองจะต้องพึ่งพาไป่หนิงปิงที่เคยถูกจัดเป็นตัวหมากเบี้ยของเขามาก่อน
‘แต่ไป่หนิงปิงมีพลังมากเพียงใด ? นางพึ่งกลายเป็นเจ้าของถ้ำสวรรค์ไป่เซียงเมื่อไม่นานมานี้ ’ อิงอู๋เซี่ยยังลังเล
เขาคิดต่อ ‘แต่หากไม่เข้าไปในกำแพงภูมิภาคตอนนี้ เราต้องเดินทางไปรอบๆทะเลตะวันออกเท่านั้น ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศไม่ใช่สิ่งที่สามารถใช้ซ้ำได้ตลอดไป มันมีค่าใช้จ่ายสูงมากและพวกเราจะพบกับฟางหยวนไม่ช้าก็เร็ว ’
‘สิ่งสำคัญที่สุดคือกลุ่มของเราไม่ใช่ผู้อมตะของทะเลตะวันออก พวกเขามาจากภูมิภาคอื่น !’
ร่างผีดิบอมตะของอิงอู๋เซี่ยมาจากทะเลทรายตะวันตก ไป่หนิงปิงเป็นผู้อมตะของภาคใต้ ไท่เป่ยหยุนเฉิงและไห่ลั่วหลันเป็นผู้อมตะภาคเหนือ ขณะที่ซื่อหนิวเป็นผู้อมตะภาคกลาง ไม่มีผู้ใดเป็นผู้อมตะของทะเลตะวันออกแม้แต่คนเดียว
ผู้อมตะต่างภูมิภาคจะถูกต่อต้านจากผู้อมตะเจ้าถิ่น แม้ทะเลตะวันออกจะต้อนรับคนต่างถิ่นมากที่สุด แต่ต้องไม่ลืมว่าฟางหยวนเป็นผู้อมตะของทะเลตะวันออก
ร่างทารกอมตะ !
มันสามารถเปลี่ยนกลิ่นอายและทำให้เขากลายเป็นผู้อมตะของภูมิภาคนั้นๆได้อย่างสมบูรณ์
หากพวกเขาพบผู้อมตะของทะเลตะวันออก มันจะกลายเป็นการเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ
‘ในทะเลตะวันออกนอกจากฟางหยวน เราอาจต้องเผชิญหน้ากับผู้อมตะคนอื่นๆของทะเลตะวันออกอีกด้วย ’ อิงอู๋เซี่ยเผยรอยยิ้มขมขื่น
หลังจากพบกับความพ่ายแพ้มาหลายครั้ง อิงอู๋เซี่ยเติบโตขึ้นมาก เขาแตกต่างจากอดีตอย่างสิ้นเชิง
‘ยิ่งไปกว่านั้นฟางหยวนยังมีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด !’
‘เราต้องไปภาคเหนือ ! แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะเป็นความหวังเดียวของพวกเรา ที่นั่นพวกเราจะสามารถหยิบยืมพลังอำนาจของผู้อมตะระดับแปดเพื่อกำจัดเขา!’
หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ในที่สุดอิงอู๋เซี่ยก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่และบินเข้าไปในกำแพงภูมิภาคทันที
หลายชั่วโมงต่อมา มังการดาบบรรพกาลบินมาจากระยะไกล
‘พวกเขาพยายามเข้าสู่ภาคเหนืองั้นหรือ ?’ มังกรดาบบรรพกาลตัวนี้ก็คือฟางหยวน
ทุกอย่างเป็นไปตามการคาดเดาของอิงอู๋เซี่ย หลังจากทำลายค่ายกลวิญญาณและไม่พบร่องรอยของอิงอู๋เซี่ย ฟางหยวนตระหนักได้ทันทีว่ามันเป็นแผนการหลบหนี โชคดีที่เขาไม่ลังเลที่จะเปิดเผยไพ่ตายเพื่อทำลายค่ายกลวิญญาณ มิฉะนั้นเขาจะถูกขังอยู่ในที่มืดไปอีกนาน
‘แม้ท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชคจะสามารถตรวจจับเป้าหมายแต่มันก็อาจทำให้ข้าเข้าใจผิด’
‘หากเป็นเช่นนั้นตำแหน่งที่ข้าสัมผัสได้ มันจะใช่ตำแหน่งจริงหรือไม่ ?’
หากเกิดข้อผิดพลาด ฟางหยวนจะไม่สามารถทำสิ่งใดเพราะนี่เป็นเพียงเบาะแสเดียวของเขา
แต่หากมันถูกต้อง …
ฮ่าฮ่า
‘ข้าจะกำจัดพวกเจ้าทั้งหมดในกำแพงภูมิภาค ! พวกเจ้ากล้าเข้าไปในกำแพงภูมิภาคต่อหน้าข้า นี่เป็นเพียงการรนหาที่ตายเท่านั้น !’