เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1187 โอกาสในการบ่มเพาะ
แปลโดย iPAT
ท่าไม้ตายอมตะหนึ่งวันเคลื่อนผ่านราวกับหนึ่งปี!
วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนบินอยู่บนท้องฟ้าและปลดปล่อยแสงสว่างขึ้นในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
“ครืน…”
สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาปรากฏขึ้นในมิติช่องว่างจักรพรรดิและสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ภายใต้พลังอำนาจของท่าไม้ตายอมตะหนึ่งวันเคลื่อนผ่านราวกับหนึ่งปี สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาถูกบีบให้หดเล็กลง
ในที่สุดฟางหยวนก็พ่นลมหายใจออกมาด้วยความผ่อนคลาย
“ข้าทำสำเร็จ เวลาในมิติช่องว่างจักรพรรดิเดินช้าลงแล้ว มันช่วยขยายเวลาที่ข้าต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติออกไปอย่างมาก” หลังจากยืนยันความสำเร็จของท่าไม้ตายนี้ ฟางหยวนดึงสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาจากมิติช่องว่างจักรพรรดิ
ตอนนี้เขาอยู่ในเมืองเมฆาของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
หลังจากกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ฮันตง ฟางหยวนก็เดินทางกลับทันที
ไท่ชิวเป็นสถานที่อันตรายขณะที่วิญญาณขีดจำกัดความมืดมีขีดจำกัดเรื่องระยะเวลาใช้งาน หากฟางหยวนยังรั้งรออยู่ที่นั่น เจตจำนงสวรรค์จะมีเวลาวางแผนสังหารเขา
เมื่อเวลาของมิติช่องว่างจักรพรรดิเดินช้าลง ภัยพิบัติครั้งต่อไปก็ถูกผลักออกไปเช่นกัน
ฟางหยวนรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อยจากแรงกดดันนี้
เขาไตร่ตรองมาอย่างรอบคอบแล้วก่อนจะตัดสินใจเลือกวิธีนี้ เหตุผลเป็นเพราะการบ่มเพาะของเขาไม่จำเป็นต้องก้าวข้ามภัยพิบัติ เขาสามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อยกระดับการบ่มเพาะของตนเองได้ทันที
สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขาในเวลานี้คือแดนศักดิ์สิทธิ์
เขาจะหาแดนศักดิ์สิทธิ์มาจากที่ใด?
ฟางหยวนนึกถึงแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูและแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว
แต่ในไม่ช้าเขาก็ปัดความคิดนี้ทิ้งไป
มันเป็นไปไม่ได้!
ภาคกลางเป็นสถานที่อันตราย สิบนิกายโบราณพร้อมทั้งวังสวรรค์มีรากฐานที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าถ้ำสวรรค์นิรันดร
เช่นเดียวกับอิงอู๋เซี่ยที่ต้องหลบหนีออกจากภาคกลาง หากฟางหยวนเข้าไป มันจะเป็นเพียงการรนหาที่ตายเท่านั้น
ไม่นานมานี้แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ จิตวิญญาณแผ่นดินแห่งดวงดาวร้องขอความช่วยเหลือจากฟางหยวนแต่ฟางหยวนปฏิเสธ
สำหรับแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู ฟางหยวนไม่มีโอกาสแม้แต่น้อย
ต่อมาเขาคิดถึงหุบเขาเหล่าโป
หรือกล่าวให้ถูกต้องมากกว่านั้นคือที่ตั้งเดิมของมัน
ที่นั่นเกิดการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่างกลุ่มผู้อมตะภาคกลางนำโดยฟงจิวเก้อและสมาชิกนิกายเงาที่นำโดยฉินไป่เฉิง มีผู้อมตะหลายคนตกตายอยู่ที่นั่น
‘แดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้อยู่ในภาคเหนือ ข้าจะยึดครองพวกมันได้หรือไม่?’ ฟางหยวนคิด
แต่หลังจากไตร่ตรอง เขายอมแพ้ตัวเลือกนี้เช่นกัน
เนื่องจากทางเลือกนี้มีความเสี่ยงสูงเกินไป
แม้การต่อสู้ครั้งนี้จะถูกซ่อนไว้จากโลกผู้อมตะภาคเหนือ แต่นิกายโบราณทั้งสิบและวังสวรรค์รู้เรื่องนี้เช่นเดียวกับนิกายเงา
หลังจากผู้อมตะตาย แดนศักดิ์สิทธิ์จะก่อตัวขึ้น
แดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้เต็มไปด้วยทรัพยากร ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังที่ร่ำรวยหรือยากจน ทุกฝ่ายจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อเก็บเกี่ยวทรัพยากรเหล่านี้
‘ภาคกลางส่งคนมายังภาคเหนือเพื่อตรวจสอบความจริงเบื้องหลังการล่มสลายของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะสามารถส่งบางคนมายึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น’
‘และนิกายเงาก็ต้องการพวกมันเช่นกัน’
‘ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้ไปที่นั่นและไม่มีทางที่ข้าจะไปที่นั่นในเวลานี้’
นี่เป็นการตัดสินใจที่ฉลาดมาก
เพราะตอนนี้คนที่ภาคกลางส่งมายึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นก็คือผู้อมตะระดับแปดองค์ชายฟงเซี่ยน!
หากฟางหยวนบุ่มบ่ามไปที่นั่น องค์ชายฟงเซี่ยนจะหัวเราะแม้ในยามหลับเพราะฟางหยวนส่งตัวเองไปหาเขาโดยที่เขาไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ
ฟางหยวนนึกถึงทะเลตะวันออก
ใจกลางทะเลไหลเชี่ยวมีเกาะฟองอากาศมากมาย
เกาะแห่งหนึ่งมีแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพเมืองจิ๋วตั้งอยู่และในเมืองจิ๋วมีแดนศักดิ์สิทธิ์ของผู้อมตะมากมาย
ผู้อมตะเหล่านี้ถูกฟางหยวนสังหารโดยการใช้ประโยชน์จากเมืองจิ๋ว เขายังเคยเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นเพื่อเก็บเกี่ยวทรัพยากรมาแล้ว
สิ่งที่ดึงดูดใจมากที่สุดคือแดนศักดิ์สิทธิ์ของติงฉี
ติงฉีเป็นปีศาจอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งเลือด เขาระเบิดตัวเองและตายโดยไม่ทิ้งทรัพยากรใดๆหรือดวงวิญญาณของตนเองเอาไว้ให้กับฟางหยวน
แม้ฟางหยวนจะสามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเขา แต่ฟางหยวนก็ไม่ได้ทำเช่นนั้นในครั้งก่อน
ประการแรก จิตวิญญาณแผ่นดินของแดนศักดิ์สิทธิ์ติงฉีมีเงื่อนไขที่ยากลำบาก หากฟางหยวนต้องการเป็นเจ้าของคนใหม่ เขาต้องคิดค้นเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะเลือดล้างเลือด หากฟางหยวนใช้แสงแห่งปัญญา เขาจะสามารถทำสิ่งนี้ แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถใช้งานวิญญาณสติปัญญา หากฟางหยวนต้องคิดค้นมันด้วยตนเอง เขาต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมาก มันไม่คุ้มค่า
ประการที่สอง วิธีการบ่มเพาะของฟางหยวนในเวลานั้นคือการให้ความสำคัญกับศักยภาพ เขาต้องก้าวข้ามภัยพิบัติเพื่อให้ได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า ขณะที่การกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ของติงฮีจะลดศักยภาพในอนาคตของเขา
แต่ตอนนี้แตกต่างออกไป
ประการแรก ฟางหยวนตระหนักถึงความเร็วในการเติบโตของอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆ ครั้งต่อไปที่พวกเขาพบกัน ฟางหยวนอาจถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
นอกจากนี้ยังมีพันธมิตรเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ พันธมิตรระหว่างจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซุ ชูตู๋ และข้อตกลงของสามปีศาจที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ สถานการณ์ของฟางหยวนซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกราวกับติดอยู่ในอ่างน้ำวน หากเขาไม่สามารถกำจัดข้อตกลงพันธมิตร เขาจะสูญเสียอิสรภาพ
เวลาเปลี่ยน สถานการณ์ก็เปลี่ยนไป ฟางหยวนตระหนักถึงความจำเป็นที่ต้องเปลี่ยนแปลง
ประสบการณ์ห้าร้อยปีของเขาทำให้เขารู้สึกถึงภัยคุกคามในอนาคต
เขามีความรู้สึกอันแรงกล้าว่าหากเขาไม่เปลี่ยนแปลง อนาคตของเขาจะเลวร้ายมาก
การตระหนักถึงลักษณะพิเศษของมิติช่องว่างจักรพรรดิเกี่ยวกับการกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ทำให้เขาพบโอกาส
‘ข้าเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งเลือด การกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดไม่ใช่ปัญหา นอกจากนั้นแดนศักดิ์สิทธิ์ติงฉียังเล็กกว่ามิติช่องว่างจักรพรรดิ’
หากกล่าวตามหลักการ การบ่มเพาะระดับหกของฟางหยวนไม่สามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดของติงฉี
แต่รากฐานของมิติช่องว่างจักรพรรดิสามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดของติงฉีได้อย่างง่ายดาย
‘อย่างไรก็ตามจิจวิญญาณแผ่นดินยังเป็นปัญหา’
‘เงื่อนไขของจิตวิญญาณแผ่นดินติงฉีค่อนข้างยาก ข้าไม่สามารถตอบสนองความต้องการของมันในตอนนี้ หากข้าทำลายจิตวิญญาณแผ่นดิน ลมมรณะจะพัดมาทำลายแดนศักดิ์สิทธิ์’
เพื่อให้แดนศักดิ์สิทธิ์ยังคงอยู่หลังจากทำลายจิตวิญญาณแผ่นดิน แดนศักดิ์สิทธิ์นั้นๆจำเป็นต้องกลืนกินเศษชิ้นส่วนของเก้าสวรรค์เข้าไป ถ้ำสวรรค์ก็เช่นกัน
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน ฟางหยวนทำลายจิตวิญญาณสวรรค์ระฆังทองเหลืองแต่ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานก็ยังคงอยู่เพราะมันเคยกลืนกินเศษชิ้นส่วนของสวรรค์สีฟ้าเข้าไป
สิ่งสำคัญที่ฟางหยวนต้องพิจารณาอีกประการก็คือทะเลไหลเชี่ยวอยู่ไกลเกินไป
เจตจำนงสวรรค์อาจวางแผนกำจัดหรือป้องกันไม่ให้ฟางหยวนไปถึงและยึดครองเมืองจิ๋ว
ฟางหยวนคิดและพบปัญหาอีกอย่าง นั่นคือระดับความสำเร็จของเขา
ฟางหยวนไม่ใช่เทพปีศาจจิตวิญญาณที่บรรลุความสำเร็จระดับสูงในทุกเส้นทางและสามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆได้อย่างง่ายดาย
‘เป็นไปได้หรือไม่ว่านิกายเงาสร้างร่างทารกอมตะขึ้นมาเพื่อให้มันกลืนกินมิติช่องว่างของผู้อมตะ?’
ฟางหยวนตระหนักว่าหากเทพปีศาจจิตวิญญาณสามารถฟื้นคืนสู่ชีวิตและครอบครองร่างทารกอมตะ พัฒนาการของเขาจะรวดเร็วจนน่าตกใจ
เทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นคนกระหายเลือด เขามีท่าไม้ตายอมตะมากมายที่สามารถสังหารผู้อมตะ เขาจะกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเป้าหมายเพื่อเพิ่มร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าให้กับตนเองและสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติต่างๆ
นี่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงมาก
‘ไม่แปลกใจเลยที่เทพปีศาจจิตวิญญาณประสบความสำเร็จในชีวิตก่อนหน้าของข้า!’
‘ไม่แปลกใจเลยที่สวรรค์พยายามทุกวิถีทางและส่งข้ากลับมาในอดีตเพื่อหยุดยั้งเขา!’
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนหันหน้าไปทางทิศใต้โดยไม่รู้ตัว
มุ่งสู่ภาคใต้
ฟางหยวนรู้ว่ามีอาณาจักรแห่งความฝันขนาดใหญ่อยู่ที่นั่นรวมถึงดวงวิญญาณของเทพปีศาจจิตวิญญาณ มันยังเป้าหมายของอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆเช่นกัน
‘ระดับความสำเร็จ…อาณาจักรแห่งความฝัน…ภาคใต้!’ ร่างของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้นเมื่อเขาคิดถึงบางสิ่ง
‘โอกาสในการบ่มเพาะที่ข้าต้องการอยู่ที่นั่น!’
…..
แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ ยอดเขาที่หนึ่ง
ค่ายกลวิญญาณยังทำงานอยู่
ท่านหญิงหว่านซูปรากฏตัวต่อหน้าหม่าหงหยุนอีกครั้ง
หม่าหงหยุนเห็นนางและเริ่มกรีดร้อง “เจ้ามาที่นี่เพื่อทรมานข้าอีกครั้ง เจ้าต้องการทรมานข้าอีกกี่ครั้ง!”
“ดีที่เจ้ารู้” ท่านหญิงหว่านซูยิ้มและผลักบอลสายฟ้าออกไป
“อ๊าก…” หม่าหงหยุนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
เขาดิ้นรนอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหมดสติไป
“ระดับการบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง นอกจากนี้เขายังอดทนได้นานกว่าก่อนหน้าสามสิบส่วน” ท่านหญิงหว่านซูขมวดคิ้ว
เลือดไหลออกมาจากดวงตาและใบหูของนาง
นี่คือฟันเฟือนจากความล้มเหลวในการหลอมรวม
แต่ท่านหญิงหว่านซูคุ้นเคยกับมันแล้ว วิธีการรักษาของนางก็รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
“นี่ค่อนข้างลำบาก ยิ่งหม่าหงหยุนถูกปรับแต่งด้วยบอลสายฟ้ามากเท่าใด การต่อต้านของเขาก็ยิ่งมากเท่านั้นและมีโอกาสที่ขั้นตอนนี้จะล้มเหลวมากขึ้นเช่นกัน ข้าควรทำอย่างไร? ข้าต้องเปลี่ยนวิธีการหลอมรวมหรือไม่? ไม่! หากข้าเปลี่ยนวิธีตอนนี้ ข้าต้องเปลี่ยนเคล็ดลับการหลอมรวมและหาวัสดุในการหลอมรวมใหม่ทั้งหมด กองกำลังภูเขาหิมะไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายดังกล่าว!”
ท่านหญิงหว่านซูถอนหายใจและรู้สึกกังวลมาก