เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1296 ราเรืองแสง
แปลโดย iPAT
ทะเลตะวันออก
บนเกาะนิรนาม มีเพียงพื้นที่รกร้างและถ้ำแห่งหนึ่ง
ผู้อมตะหลายคนบินลงมาจากท้องฟ้า
ท่ามกลางพวกเขามีฟางหยวน ฮวาตี้ และเฟิงเจียงรวมอยู่ด้วย
“ผู้ใดจะคิดว่างานประชุมการค้าครั้งนี้จะจัดขึ้นบนเกาะที่รกร้างว่างเปล่าเช่นนี้” ฟางหยวนก้าวขึ้นไปบนเกาะและถอนหายใจ
“น้องชู เจ้าอาจไม่รู้ว่างานประชุมการค้าขนาดใหญ่เช่นนี้มักจะเลือกสถานที่ล่วงหน้าเพียงไม่กี่วันเพื่อป้องกันผู้ที่มีเจตนาร้าย” ผู้อมตะที่อยู่ด้านข้างกล่าว
ผู้อมตะชายผู้นี้ไม่สูงไม่เตี้ย ไม่อ้วนไม่ผอม ในแง่ของรูปลักษณ์ เขาดูธรรมดา มีเพียงจมูกที่แบนและกว้างของเขาเท่านั้นที่เป็นจุดเด่น
คนผู้นี้เป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งห้วงมิติที่มีชื่อเสียงของทะเลตะวันออก เมี่ยวหมิงเฉิน
ในแง่ของรูปลักษณ์ เขาไม่โดดเด่น แต่หลังจากฟางหยวนได้พูดคุยกับเขา แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ฟางหยวนก็ยังรู้สึกประทับใจ
ฟางหยวนช่วยชีวิตผู้อมตะฮวาตี้และเฟิงเจียงภายใต้ตัวตนของชูอิงและได้เรียนรู้เกี่ยวกับงานประชุมการค้า
ต่อมาเขาติดตามคนทั้งสองมาพบเมี่ยวหมิงเฉิน
เมี่ยวหมิงเฉินไม่ลังเลที่จะตอบรับคำขอเข้าร่วมงานประชุมการค้าของฟางหยวน เขากล่าวว่า “สหาย เจ้าช่วยเหลือข้ามาสองครั้งแล้ว เจ้ายังเป็นผู้มีพระคุณของเสี่ยวตี้และเสี่ยวเจียง นี่เป็นเพียงงานประชุมการค้า แล้วข้าจะปฏิเสธได้อย่างไร ? การปรากฏตัวของเจ้าถือเป็นโชคของพวกเขาอย่างแท้จริง ”
เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่มีชื่อเสียงของทะเลตะวันออกขณะที่ชูอิงเป็นเพียงผู้บ่มเพาะสันโดษนิรนาม แต่เมี่ยวหมิงเฉินกลับไม่ยโสและยังเป็นมิตรมาก ถ้อยคำของเขาเต็มไปด้วยความความสุภาพและอบอุ่น
ดังนั้นฟางหยวนและเมี่ยวหมิงเฉินจึงมาร่วมงานประชุมการค้าพร้อมกัน
เพียงเมื่อคนทั้งสี่มาถึง ผู้อมตะผู้หนึ่งก็ออกมาต้อนรับ
“เมี่ยวหมิงเฉิน เจ้ามาถึงแล้ว ” ผู้อมตะที่มีรูปร่างแคระแกร็นกล่าว
“ฮ่าฮ่าฮ่า ถูเทาเทา ไม่ได้พบกันนานแล้ว ” เมี่ยวหมิงเฉินหัวเราะและเร่งเดินเข้าไปหาฝ่ายตรงข้าม
“มาเถอะ ให้ข้าแนะนำเจ้า นี่คือผู้บ่มเพาะสันโดษของทะเลตะวันออก ชูอิง ส่วนนี่คือปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปฐพีที่หาได้ยากในทะเลตะวันออก ถูเทาเทา ” เมี่ยวหมิงเฉินแนะนำ
“ยินดีที่ได้พบ ” ฟางหยวนกล่าวด้วยถ้อยคำที่สุภาพแต่การแสดงออกของเขากลับแข็งทื่อ เขาแสร้งแสดงเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่ไม่เก่งเรื่องการเข้าสังคม
ถูเทาเทามองฟางหยวนและเผยรอยยิ้ม “เจ้าได้รับคำแนะนำจากเมี่ยวหมิงเฉินและมาที่นี่เป็นครั้งแรก ฮ่าฮ่า ในอดีตข้าก็เข้าร่วมงานประชุมการค้าภายใต้คำแนะนำของเมี่ยวหมิงเฉินเช่นกัน”
ถูกเทาเทาค่อนข้างสุภาพเช่นกัน
เขาคิดว่า ‘เมี่ยวหมิงเฉินเป็นคนมองการณ์ไกล คนที่เขาเชิญมาล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถ ชูอิงผู้นี้ดูถ่อมตนและไร้ชื่อเสียง แต่เนื่องจากเขาได้รับการแนะนำโดยเมี่ยวหมิงเฉิน เขาย่อมไม่ใช่คนธรรมดา ’
ขณะที่คิดเช่นนี้ ถูเทาเทากล่าว “โปรดตามข้ามา ข้ามาถึงเป็นคนแรก ในช่วงเวลาที่รอคอย ข้าได้สร้างพื้นที่ใต้ดินเอาไว้แล้ว ”
“ครั้งนี้ข้าเป็นเจ้าภาพของงานประชุมการค้า ดังนั้นข้าคงต้องรบกวนพี่ถูแล้ว ” เมี่ยวหมิงเฉินกล่าวอย่างสุภาพ
“ฮ่าฮ่า มันเป็นเพียงถ้ำใต้พิภพ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ มาเถอะ !” ถูเทาเทาคว้าแขนของเมี่ยวหมิงเฉินและพาเขาเดินเข้าไปในถ้ำใต้ดิน
ถูเทาเทาและเมี่ยวหมิงเฉินเดินไปข้างหน้าขณะที่ฟางหยวน ฮวาตี้ และเฟิงเจียงติดตามอยู่ด้านหลัง
ถูเทาเทาและเมี่ยวหมิงเฉินพูดคุยกันไปตลอดทาง
เมี่ยวหมิงเฉินมีทักษะในการเข้าสังคมที่น่าเหลือเชื่อขณะที่ถูเทาเทาหัวเราะอย่างมีความสุข
นอกจากนี้เมี่ยวหมิงเฉินยังหันไปพูดคุยกับฟางหยวนตลอดเวลา
ถ้อยคำของเขาอาจดูธรรมดาแต่มันให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติและไม่ได้ทำให้ฟางหยวนรู้สึกถูกทอดทิ้งไว้เพียงลำพัง
ถ้ำใต้พิภพแห่งนี้ดูธรรมดามากแต่มันค่อนข้างกว้าง
มีศาลาและเก้าอี้หลายตัววางอยู่ ทุกอย่างล้วนเป็นงานแกะสลักที่งดงาม สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าถูเทาเทาเป็นคนค่อนข้างพิถีพิถัน
ฟางหยวนนับและพบเก้าอี้หกตัว
‘ดูเหมือนงานประชุมการค้าครั้งนี้จะมีเพียงหกคน เมื่องานเริ่มขึ้น ฮวาตี้และเฟิงเจียงจะต้องออกไป ’ ฟางหยวนคาดเดา
“มีสมาชิกใหม่ ดังนั้นข้าจะเพิ่มเก้าอี้เข้าไป ” ถูเทาเทากระทืบเท้าเบาๆและทำให้เนินดินปรากฏขึ้นและเริ่มหมุนเหมือนลูกข่าง
ในชั่วพริบตา มันก็กลายเป็นเก้าอี้แกะสลักที่งดงามอีกตัว
ฟางหยวนและคนอื่นๆนั่งลงระหว่างรอคอยผู้อมตะคนอื่นๆ
ไม่นานหลังจากนั้นผู้อมตะสองคนก็ปรากฏตัวขึ้น
หนึ่งเป็นเด็กผู้หญิงที่มีผมเปียหางม้าสองข้าง นางมีดวงตากลมโตแต่สามารถมองเห็นวุฒิภาวะที่ซ่อนอยู่ภายใน
นางคือตงฮัว
ผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งแสงที่มีชื่อเสียงของทะเลตะวันออก
คนหลังเป็นผู้อมตะชาย เขามีจมูกคด ดวงตาดำสนิท และสวมชุดคลุมดำ
เขาคืออู๋หม่าหยาง ผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งความมืด เขามีพลังการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัว ท่าไม้ตายอมตะของเขาคือม่านลูกศรทมิฬ เขาเคยเอาชนะการร่วมมือกันของผู้อมตะระดับเจ็ดสามคนในการต่อสู้ นั่นทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังในทะเลตะวันออก
ตงฮัวเป็นคนพูดมากแต่อู๋หม่าหยางกลับไม่พูด
ภายใต้การแนะนำของเมี่ยวหมิงเฉิน บรรยากาศกลายเป็นที่น่าพอใจ
สิบห้านาทีต่อมาผู้อมตะคนที่สามก็มาถึง
เขาคือกงเหลียงไป่ ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งไม้ ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญามีน้อย โดยเฉพาะผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่มีมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งปัญญาเช่นฟางหยวน
อย่างไรก็ตามกงเหลียงไป่ไม่เพียงมีมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งปัญญา แต่เขายังมีความสำเร็จอยู่บ้าง แม้เขาจะไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาสามอันดับแรกของทะเลตะวันออกและเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ แต่เขาก็มีเครือข่ายที่กว้างขวางและเต็มใจอนุมานเพื่อแลกกับทรัพยากร
“กงเหลียงไป่ หลังจากงานนี้ ข้ามีเรื่องจะขอให้เจ้าช่วยอนุมาน ” เมี่ยวหมิงเฉินกล่าว
“เรื่องของหลิวกวนซื่อใช่หรือไม่ ? ข้าได้รับคำขอจากผู้คนมากมายให้อนุมานเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาทั้งหมดกำลังตามหาคนผู้นี้ ” กงเหลียงไป่กล่าว
“แน่นอนว่าไม่ ”
กงเหลียงไป่พยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี ข้าเคยอนุมานเกี่ยวกับคนผู้นี้มาแล้วห้าครั้งแต่กลับล้มเหลวทั้งหมด มีเบาะแสน้อยเกินไปขณะที่หลิวกวนซื่อมีวิธีป้องกันตัวจากการอนุมาน”
ฟางหยวนที่ฟังอยู่ด้านข้างรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยแต่ภายนอกการแสดงออกของเขายังไม่เปลี่ยน
หัวข้อนี้ดึงดูดความสนใจของทุกคน
ถูเทาเทาตะโกน “หลิวกวนซื่อผู้นี้กำลังโด่งดัง ทุกคนต่างให้ความสำคัญกับเขา !”
“ผู้อมตะระดับเจ็ดที่สามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปด คนเช่นนี้จะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ” ตงฮัวถอนหายใจ
“สามารถต่อต้านผู้อมตะระดับแปดด้วยการบ่มเพาะระดับเจ็ด นี่เป็นเป้าหมายที่ทุกคนต่างไล่ล่า ” เมี่ยวหมิงเฉินเผยรอยยิ้มขมขื่น “น่าเสียดายที่ข้าไม่มีโอกาสผูกมิตรกับคนเช่นนี้ ”
ฟางหยวนกล่าวอย่างไร้ความรู้สึก “ข้าได้ยินว่าหลิวกวนซื่อสามารถต่อต้านผู้อมตะระดับแปดเพราะเขาเป็นเจ้าของแม่น้ำหวนคืน แม้แม่น้ำหวนคืนจะเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ แต่มันมีพลังอำนาจมากพอที่จะต่อต้านผู้อมตะระดับแปดเลยงั้นหรือ ?”
ด้วยเหตุนี้หัวข้อสนทนาของกลุ่มผู้อมตะจึงเปลี่ยนจากหลิวกวนซื่อเป็นแม่น้ำหวนคืน
ฟางหยวนเปลี่ยนทิศทางของการสนทนา !
กลุ่มผู้อมตะพูดคุยกันจนถึงเวลากลางคืน
เมื่อดวงจันทร์ปรากฏ งานประชุมการค้าก็เริ่มขึ้น
ผู้อมตะอีกสองคนมาถึงแล้ว
ตงฮัวยืนอยู่บนแท่นด้านหน้า
“นี่คือพืชอสูรเดียวดาย ข้าพบมันในทะเลน้ำลึก สถานที่แห่งนั้นมืดมาก แต่ข้าเห็นแสงสว่างจากมัน เมื่อข้าพบแหล่งกำเนิดแสง ข้าต้องใช้เวลาหลายนาทีเพื่อไปถึงที่นั่น กล่าวได้ว่าที่นั่นเป็นสวรรค์บนเส้นทางแห่งแสงอย่างแท้จริง ”
“เดิมทีข้าคิดว่ามันเป็นแสงปะการัง แต่ไม่นานข้าก็พบราสีเขียวที่อยู่บนผิวปะการัง ราสีเขียวเหล่านี้เป็นพืชอสูรเดียวดายชนิดใหม่ที่ไม่มีผู้ใดเคยพบเห็นมาก่อน ข้าตั้งชื่อมันว่าราเรืองแสง ด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งแสง มันจึงสามารถปลดปล่อยแสงสว่างออกมา ”
ตงฮัวกล่าวถึงการค้นพบของนางและกระทั่งกระบวนการตั้งชื่อ
ฟางหยวนประหลาดใจเมื่อเขาพบบางสิ่งที่เขาต้องการตั้งแต่งานประชุมการค้าเริ่มขึ้น
ราเรืองแสง !
——————-