เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1298 แลกเปลี่ยนวิญญาณ
แปลโดย iPAT
งานประชุมการค้ายังดำเนินต่อไป
ในฐานะเจ้าภาพผู้จัดงาน เดิมทีเมี่ยวหมิงเฉินต้องเป็นคนสุดท้าย
แต่เนื่องจากฟางหยวนเป็นคนใหม่ ตามกฎเขาจึงกลายเป็นคนสุดท้าย
หากเมี่ยวหมิงเฉินไม่ปฏิบัติตามกฎ คนอื่นๆอาจไม่พอใจ
เมี่ยวหมิงเฉินเข้าใจเรื่องนี้และสามารถตอบสนองได้อย่างเหมาะสม
อย่างไรก็ตามความคิดของฟางหยวนไม่ได้อยู่ที่เมี่ยวหมิงเฉิน แต่สายตาของเขามองไปยังวิญญาณอมตะที่อยู่ในมือของเมี่ยวหมิงเฉิน
วิญญาณอมตะเต่าพยากรณ์ระดับเจ็ด !
ฟางหยวนถูกล่อลวงทันที
เพราะเหตุใด ?
เพราะฟางหยวนมีหลายสิ่งที่ไม่สามารถใช้งานเช่นท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาลหรือท่าไม้ตายอมตะเกราะหวนคืน หากเขาต้องการใช้ท่าไม้ตายอมตะเหล่านี้ เขาต้องแน่ใจว่าจะไม่มีผู้รอดชีวิต มิฉะนั้นเมื่อเบาะแสถูกแพร่กระจายออกไป ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาจะสามารถอนุมานเกี่ยวกับตัวเขา
เรื่องนี้ค่อนข้างน่าอึดอัดใจสำหรับฟางหยวน
ยิ่งแข็งแกร่ง ก็ยิ่งมีปัญหา
นิกายเงา วังสวรรค์ ถ้ำสวรรค์นิรันดร …ทั้งหมดล้วนเป็นกองกำลังใหญ่
นอกจากนั้นเขายังกลายเป็นศัตรูของปีศาจอมตะเซี่ยหู ผู้อมตะระดับแปดอันดับหนึ่งของภาคเหนือ
ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันมหาศาล
อาจมีเพียงการก้าวเข้าสู่ระดับเก้าเท่านั้นที่จะทำให้ฟางหยวนสามารถเปิดเผยตัวตน
ก่อนหน้านั้น แม้ฟางหยวนจะกลายเป็นผู้อมตะระดับแปด แต่วังสวรรค์และถ้ำสวรรค์นิรันดรก็ยังจะไล่ล่าและสร้างปัญหาให้เขา
‘การปลอมตัวเป็นวูอี้ไห่ยังมีจุดบกพร่องหรือกล่าวให้ถูกต้องกว่านั้นคือข้ามีข้อบกพร่อง…’
ฟางหยวนไม่สามารถต่อสู้ได้เมื่อเขาเป็นวูอี้ไห่
เพราะเขาไม่ใช่วูอี้ไห่ตัวจริง !
หลังจากค้นวิญญาณของวูอี้ไห่ ฟางหยวนพบว่าวูอี้ไห่มีท่าไม้ตายอมตะที่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นสามสิ่ง หนึ่ง ปะการัง สอง นกนางนวล สาม เต่า
ก่อนหน้านี้ระหว่างการต่อสู้ในกำแพงภูมิภาค วูอี้ไห่เคยเปลี่ยนร่างเป็นเต่าเพื่อป้องกันตนเอง
ฟางหยวนจำได้อย่างชัดเจนว่ามันเป็นเต่าศักดิ์สิทธิ์ สัตว์อสูรบรรพกาลที่มีพลังป้องกันเป็นสิบอันดับแรกท่ามกลางสัตว์อสูรบรรพกาลทั้งหมดของทะเลตะวันออก
แท้จริงแล้วสิ่งนี้สามารถเห็นได้จากมิติช่องว่างของวูอี้ไห่
มิติช่องว่างของวูอี้ไห่เป็นทะเล ภายในมีสิ่งมีชีวิตสามชนิดได้แก่ เต่าศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล ปะการังอสูรบรรกาล และนกนางนวลสีน้ำเงิน
ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงมักเลี้ยงสัตว์อสูรที่ตนเองแปลงเป็นเอาไว้
ประการแรก สิ่งมีชีวิตเหล่านี้เป็นทรัพยากรที่สามารถช่วยในการบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ตัวอย่างเช่นเต่าศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล หากเขาต้องการหลอมรวมวิญญาณอมตะในอนาคต เขาจะฆ่าเต่าตัวนี้เพื่อใช้มันเป็นวัสดุในการหลอมรวม
ประการที่สอง ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงต้องมีความเข้าใจอย่างชัดเจนเกี่ยวกับรูปแบบชีวิตที่ตนเองต้องการแปลงเป็น ด้วยวิธีนี้พวกเขาจะสามารถเพิ่มพลังการต่อสู้ การเลี้ยงรูปแบบชีวิตเหล่านั้นเอาไว้ในมิติช่องว่างจะทำให้พวกเขาสามารถสังเกตพฤติกรรมของพวกมันได้อย่างใกล้ชิด
สำหรับฟางหยวน ด้วยความสำเร็จที่เพิ่มสูงขึ้น มันส่งผลกระทบต่อทุกสิ่ง เขาสามารถตระหนักรู้ได้ตามสัญชาตญาณโดยไม่ต้องเสียเวลาสังเกตและฝึกฝนเป็นเวลาอันยาวนาน
‘หากข้ามีวิญญาณอมตะดวงนี้ มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อข้า ’
หลังจากไตร่ตรอง ฟางหยวนต้องการมันมากขึ้น
เต่าพยากรณ์เป็นสัตว์อสูรบรรพกาลบนเส้นทางแห่งปัญญา ความสามารถหนึ่งของมันคือป้องกันการอนุมานจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา
หากฟางหยวนเปลี่ยนร่างเป็นเต่าพยากรณ์ การเดินทางของเขาจะสะดวกสบายมากขึ้น
เขาสรุปว่าวิญญาณอมตะดวงนี้มีประโยชน์ต่อเขาอย่างมาก
หรือกล่าวให้ถูกต้องกว่านั้น มันมีประโยชน์มากเกินไป !
สำหรับคนอื่นๆ วิญญาณอมตะเต่าพยากรณ์ระดับเจ็ดอาจไร้ประโยชน์ ท้ายที่สุดมันก็ทำได้เพียงป้องกันเท่านั้น แต่หากเป็นคนที่มองหาความสามารถในการป้องกันการอนุมาน มันกลับมีประสิทธิภาพไม่เท่ากับวิธีอื่น
ดังนั้นประโยชน์ของมันจึงน้อยมาก นอกจากนี้มีกี่คนที่จะถูกอนุมานตลอดเวลา ? ทุกคนเป็นเหมือนหลิวกวนซื่องั้นหรือ ?
อย่างไรก็ตามฟางหยวนแตกต่างออกไป
ตอนนี้เขามีชื่อเสียงอย่างมากในทั้งห้าภูมิภาค กระทั่งตัวตนปลอมของเขาก็ยังเป็นภาระ
นอกจากนี้ฟางหยวนยังสามารถเปลี่ยนร่างเป็นเต่าพยากรณ์และใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าช่วยเพิ่มพลังอำนาจของมัน ด้วยวิธีนี้ความสามารถในการป้องกันการอนุมานของเต่าพยากรณ์จะเพิ่มสูงขึ้น
ฟางหยวนมองไปรอบๆและพบว่ามีผู้สนใจวิญญาณอมตะดวงนี้ไม่มากนัก
การทำธุรกรรมวิญญาณอมตะทำได้โดยการใช้วิญญาณอมตะในการแลกเปลี่ยนเท่านั้น
เนื่องจากวิญญาณอมตะทุกดวงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คุณค่าของพวกมันไม่สามารถกำหนดได้โดยง่าย กล่าวได้ว่าคุณค่าของวิญญาณอมตะขึ้นอยู่กับตัวของผู้อมตะแต่ละคน วิญญาณอมตะบางดวงอาจมีคุณค่าต่อผู้อมตะคนหนึ่งแต่ไร้ค่าสำหรับผู้อมตะอีกคน
“วิญญาณอมตะ ”
“ผู้ใดจะคิดว่าวิญญาณอมตะจะปรากฏตั้งแต่รอบแรก ”
กลุ่มผู้อมตะถอนหายใจ พวกเขาพึมพำแต่ยังไม่ตอบสนอง
เมี่ยวหมิงเฉินยิ้ม เขาคาดเดาสิ่งนี้ไว้แล้ว
ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงมักเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตรูปแบบอื่นเพียงสองหรือสามรูปแบบ มิฉะนั้นพวกเขาต้องมีวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์
อย่างไรก็ตามนี่เป็นความตั้งใจของเมี่ยวหมิงเฉิน
เขาเป็นเจ้าภาพจัดงาน หากข่าวเรื่องวิญญาณอมตะปรากฎขึ้นตั้งแต่รอบแรกถูกแพร่กระจายออกไป มันจะยกระดับงานประชุมการค้าของเขาและดึงดูดผู้อมตะคนอื่นๆให้เข้าร่วมมากขึ้น
“ข้ายินดีแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะดวงนี้ ” ฟางหยวนลุกขึ้นจากเก้าอี้
กลุ่มผู้อมตะหันหน้าไปทางฟางหยวนทันที
เมี่ยวหมิงเฉินมึนงงเล็กน้อยก่อนจะตอบสนองด้วยรอยยิ้ม
“ข้าสงสัยว่าท่านต้องการสิ่งใด ?” ฟางหยวนถาม
เมี่ยวหมิงเฉินหัวเราะ “ชูอิง นี่เป็นงานประชุมการค้าครั้งแรกของเจ้าและเจ้าเป็นผู้มีพระคุณของข้า นอกจากนั้นข้าก็ไม่ได้ใช้งานวิญญาณอมตะดวงนี้มากนัก ดังนั้นเจ้าสามารถใช้สิ่งใดก็ได้เพื่อแลกเปลี่ยนกับมัน ”
คราวนี้เป็นฟางหยวนที่มึนงง เขาไม่ได้คาดหวังการตอบสนองลักษณะนี้
แต่ถึงกระนั้นธุรกรรมวิญญาณอมตะก็สามารถทำได้ด้วยการใช้วิญญาณอมตะแลกเปลี่ยนเท่านั้น
ฟางหยวนคิดก่อนกล่าว “ข้ามีวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของหมีบิน …”
“ตกลง ” ก่อนที่ฟางหยวนจะกล่าวจบประโยค เมี่ยวหมิงเฉินกลับตอบตกลงโดยไม่ลังเล
ฟางหยวนมองเมี่ยวหมิงเฉินและตระหนักว่าเหตุใดคนผู้นี้จึงมีชื่อเสียงอย่างมากในทะเลตะวันออกและมีผู้อมตะหลายคนที่ภักดีต่อเขา
แต่บางเรื่องยังไม่ชัดเจน
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขื่น “สหาย ข้าชื่นชมในความตั้งใจของท่าน แต่ข้ายังกล่าวไม่จบ วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของหมีบินเป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับหกเท่านั้น”
การแสดงออกของเมี่ยวหมิงเฉินเปลี่ยนไป
การแสดงออกของคนอื่นๆก็เช่นกัน พวกเขามองฟางหยวนด้วยสายตาที่น่ากลัว
วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของหมีบินเป็นวิญญาณบนเส้นทางความแข็งแกร่งขณะที่วิญญาณอมตะเต่าพยากรณ์เป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งปัญญาและการเปลี่ยนแปลง
เส้นทางความแข็งแกร่งซบเซาขณะที่เส้นทางแห่งปัญญาและเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงยังได้รับความนิยม ชัดเจนว่าวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของหมีบินมีค่าน้อยกว่าวิญญาณอมตะเต่าพยากรณ์
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือมันเป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับหก
วิญญาณอมตะระดับหกจะสามารถแลกเปลี่ยนกับวิญญาณอมตะระดับเจ็ดได้อย่างไร?
มูลค่าของพวกมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง