Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – ตอนที่ 1329 การตอบสนองของฟางหยวน

เทพปีศาจหวนคืน  บทที่  1329 การตอบสนองของฟางหยวน

แปลโดย  iPAT   

พื้นที่ตระกูลจื่อ  ในห้องทำงาน

จื่อลิ่วถูกเรียกตัวเข้าพบและหลังจากได้รับคำสั่งจากจื่อซาน  เขากล่าวด้วยท่าทางอึดอัดใจ  “นายท่าน  นั่นจะดีหรือ ? ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลจื่อของเราและตระกูลวู …ยังค่อนข้างดี  อย่างน้อยในสถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลวู  ตระกูลจื่อก็ควรรักษาความเป็นกลางเอาไว้ ”

“แล้วอย่างไร ? ตระกูลอื่นสามารถเคลื่อนไหว  แล้วเหตุใดตระกูลจื่อจะไม่สามารถ !” จื่อซานเริ่มโกรธ

จื่อลิ่วคิด  ‘ท่านจื่อซานเป็นเหมือนข่าวลือจริงๆ  ข้าควรทำอย่างไร ?’

จื่อลิ่วกล่าวต่อด้วยความกังวล  “ข้าเข้าใจอารมณ์ของนายท่าน  แต่ที่นี่  เรามีภารกิจที่ต้องร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับตระกูลวู  หากเราตัดขาดอย่างกะทันหัน …”

จื่อซานตระหนักถึงบางสิ่ง

“โอ้ ”

“เจ้ากำลังกล่าวถึงธุรกิจซื้อขายโอกาสงั้นหรือ ?”

จื่อลิ่วพยักหน้า  “นายท่านฉลาดมาก ”

ตระกูลวูทำธุรกิจซื้อขายโอกาสเพื่อหารายได้  แต่เหตุใดตระกูลจื่อถึงมองข้ามการกระทำของพวกเขา ?

ค่ายกลวิญญาณนี้เป็นของกองกำลังใหญ่ทั้งหมดของภาคใต้  แต่มันถูกจัดตั้งขึ้นโดยผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลจื่อ

แม้ตระกูลจื่อจะสนับสนุนวิญญาณอมตะเพียงเล็กน้อย  แต่พวกเขายังมีอิทธิพลมากในค่ายกลวิญญาณนี้

ดังนั้นตระกูลวูจึงต้องนำตระกูลจื่อเข้าร่วมในธุรกิจซื้อขายโอกาส  หากพวกเขาไม่เข้าร่วม  ธุรกิจนี้จะไม่สามารถดำเนินการได้

จื่อซานลอบถอนหายใจและคิด  ‘ไม่แปลกใจเลยที่ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งเคยกล่าวว่าเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจจิตใจของผู้คน เห้อ …จื่อลิ่วเป็นคนของตระกูลจื่อ  แต่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว  เขายังไม่ยืนอยู่ข้างข้า ’

ใบหน้าของเขากลายเป็นมืดมน  เป็นเรื่องยากที่จะแก้ปัญหานี้

เขาต้องการล้มฟางหยวนในที่สาธารณะแต่เขาพบอุปสรรค์ตั้งแต่แรกเริ่ม  แล้วตอนนี้เขาควรทำอย่างไร ?

เขามาที่นี่อย่างกะทันหันและรู้จักผู้อมตะตระกูลจื่อน้อยมาก  โดยปกติเขาจะปิดประตูฝึนตนอยู่อย่างเงียบๆ  อิทธิพลในตระกูลจื่อของเขาค่อนข้างอ่อนแอและอาจกล่าวได้ว่าเขามีอิทธิพลน้อยที่สุดในบรรดาผู้อมตะระดับเจ็ดทั้งหมด

นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาที่นี่  แม้เขาจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด  แต่เขาก็ไม่สามารถออกคำสั่งจื่อลิ่วได้อย่างสมบูรณ์

อารมณ์ของจื่อลิ่วค่อนข้างแย่  การต่อต้านผู้อมตะระดับเจ็ดโดยเฉพาะคนที่เป็นความหวังของตระกูลในอนาคต นี่ทำให้เขารู้สึกไม่ดี

อย่างไรก็ตามคนระดับต่ำกว่ามักมีวิธีเอาตัวรอดเป็นของตนเอง

จื่อลิ่วคิดก่อนกล่าว  “นายท่าน  ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการทำเรื่องนี้ในนามของนายท่าน  มันเป็นเพียงว่าสถานะของท่านสูงส่งเกินไป  เรื่องนี้จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวง  ข้าคิดว่าเราควรแจ้งให้ท่านจื่อกุ้ยรับทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอันดับแรก เขาเป็นผู้นำของที่นี่  เราควรฟังความคิดเห็นของเขา  ท่านคิดอย่างไร ?”

น้ำเสียงของจื่อลิ่วอ่อนน้อมและสุภาพมาก

จื่อซานพยักหน้าเห็นด้วย  “เอาล่ะ  มาดูกันว่าท่านจื่อกุ้ยจะว่าอย่างไร ?”

จื่อกุ้ยขมวดคิ้วเมื่อได้รับรายงานจากจื่อลิ่ว  การทะเลาะวิวาทเพราะผู้หญิงไม่ทำให้ผู้ใดรู้สึกดี

แน่นอนว่ามันทำให้จื่อกุ้ยรู้สึกลำบากใจ

ด้านหนึ่ง  เขาต้องแสดงความเคารพต่อผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลจื่อที่อยู่เบื้องหลังจื่อซาน

ในทางกลับกัน  หากพวกเขาทำเรื่องนี้จริงๆ  มันจะไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอีกต่อไปแต่จะเป็นเรื่องการเมืองที่อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลวูกับตระกูลจื่อ

นี่คือโลกของผู้แข็งแกร่ง

ดังนั้นการเมืองจึงถูกกำหนดโดยบุคคล

จื่อซานและวูอี้ไห่มีสถานะสูงมากทั้งคู่  ความขัดแย้งระหว่างพวกเขาก็คือความขัดแย้งระหว่างตระกูล

นี่ไม่ใช่การกล่าวเกินจริง

‘โดยเฉพาะตระกูลวู  พวกเขากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก  หากตระกูลจื่อร่วมสร้างปัญหาให้กับพวกเขา  มันจะทำลายความเป็นกลางของตระกูลจื่อและมันจะทำให้ชื่อเสียงของเราตกต่ำลงด้วยการเตะขัดขาบางคนให้ล้มลง นี่จะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเลวร้ายลงไปอีกและจะส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของตระกูลจื่อ’

‘แต่ข้าก็ต้องเอาใจจื่อซานเช่นกัน …’

จื่อกุ้ยครุ่นคิดก่อนจะส่งข้อความถึงจื่อซาน  “เราไม่สามารถทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่  มิฉะนั้นผลกระทบของมันจะเลวร้ายมาก  แม้เราจะชนะ  แต่เราก็จะกลายเป็นตัวตลก  เราควรจัดการเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว  อย่างไรก็ตาม เจ้าสามารถบอกเทพธิดาซื่อหลิวเกี่ยวกับสถานการณ์ของวูอี้ไห่  หากเจ้าสามารถขอให้นางเป็นพยาน  วูอี้ไห่ย่อมไม่กล้ากระทำการไร้ยางอายอย่างแน่นอน ”

จื่อซานตบต้นขาของตนเองและตะโกน  “เป็นความคิดที่ดี !”

จื่อกุ้ยเผยรอยยิ้มพึงพอใจกับตนเองเล็กน้อย

จื่อซานเร่งส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลไปหาเฉียวซื่อหลิว

‘ตอนนี้เทพธิดาซื่อหลิวรู้เรื่องนี้แล้ว  นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างสุภาพบุรุษ ’

‘ข้าต้องรีบทำภารกิจของวูอี้ไห่ให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด !’

‘นี่คือความสามารถพิเศษของข้า  ข้าจะแพ้ไม่ได้ !’

แรงกดดันมหาศาลกลายเป็นแรงจูงใจที่ยิ่งใหญ่สำหรับจื่อซาน

เขาเริ่มจดจ่ออยู่กับปัญหา

‘นี่เป็นส่วนหนึ่งหรือไม่ ?’

‘มันมีความสัมพันธ์เล็กน้อยกับส่วนก่อนหน้านี้ ’

‘มีแนวโน้มว่าค่ายกลวิญญาณทั้งหมดจะถูกแบ่งออกเป็นส่วนๆ  หากข้าเห็นค่ายกลวิญญาณทั้งหมด  มันจะง่ายกว่านี้  ตอนนี้ข้าสามารถอนุมานได้จากสิ่งที่มีอยู่เท่านั้น ’

เราเริ่มปวดหัว

จื่อซานเริ่มใช้ทักษะของเขา

มันก็คือค่ายกลวิญญาณ !

เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกลที่ได้รับการสั่งสอนมาโดยผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลจื่อ

ค่ายกลวิญญาณนี้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งปัญญาเป็นแกนกลางขณะที่ใช้วิญญาณอมตะดวงหนึ่งเป็นส่วนหนุนเสริม

โดยทั่วไปไม่ว่าจะเป็นท่าไม้ตายอมตะหรือค่ายกลวิญญาณอมตะ  ทั้งสองจะใช้วิญญาณอมตะเป็นแกนกลางและวิญญาณระดับมนุษย์เป็นส่วนสนับสนุน อย่างไรก็ตามค่ายกลวิญญาณนี้กลับทำสิ่งตรงข้าม

วิญญาณอมตะที่ใช้สนับสนุนเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งวารีชื่อหยาดเหงื่อ

ชื่อของค่ายกลวิญญาณนี้คือหยาดเหงื่อแห่งปัญญา  มันค่อยๆทำงานหลังจากได้รับพลังงานอมตะจากจื่อซาน

แสงสว่างส่องประกายระยิบระยับขณะที่กลิ่นหอมและกลิ่นเหม็นลอยคละคลุ้งขึ้นพร้อมกัน

กลิ่นที่รุนแรงค่อยๆควบแน่นและกลายเป็นหมอกควันลอยปกคลุมใบหน้าของจื่อซานเอาไว้

เป็นเวลาสามวันสามคืนที่จื่อซานไม่ได้พักผ่อนและยังครุ่นคิดต่อไป

ในที่สุดกลุ่มหมอกควันก็สลายหายไปพร้อมกับค่ายกลวิญญาณ  วิญญาณส่วนใหญ่ถูกทำลาย  มันเหลือเพียงสิบส่วนเท่านั้น

ใบหน้าของจื่อซานกลายเป็นซีดขาว  ร่างกายของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

แต่ดวงตาของเขายังส่องประกายเจิดจ้า

เขาเงยหน้าขึ้นและหัวเราะเสียงดัง  “ฮ่าฮ่าฮ่า  ในที่สุดข้าก็แก้ปัญหานี้ได้สำเร็จ  ข้าจะดูว่าเจ้าจะแสดงออกอย่างไร  วูอี้ไห่ !”

หลังจากนั้นไม่นานฟางหยวนก็ได้รับจดหมาย

“โอ้  เขาฉลาดขึ้นแล้ว  ใช้เฉียวซื่อหลิวสร้างปัญหาให้ข้างั้นหรือ ?”

“น่าเสียดายที่เป้าหมายของข้าไม่ใช่นาง  การคุมคามเล็กน้อยนี้ไม่มีความหมายต่อข้า ”

ฟางหยวนชื่นชมอีกครั้ง

“น่าสนใจ  น่าสนใจ  วิธีแก้ปัญหานี้เป็นวิธีที่ดีจริงๆ ”

“แต่เหตุใดข้าถึงคิดไม่ออก ?”

เส้นทางแห่งค่ายกลกว้างใหญ่ไพศาล  มรดกที่ฟางหยวนได้รับเป็นเพียงมรดกระดับมนุษย์  เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่เข้าใจหลายสิ่ง

สำหรับตระกูลจื่อ  พวกเขาไม่ขาดแคลนมรดกบนเส้นทางแห่งค่ายกลระดับอมตะ  ยิ่งไปกว่านั้นด้วยการพัฒนาและส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น  พวกเขาจึงกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งค่ายกลอันดับหนึ่งของภาคใต้

“อย่างไรก็ตามแม้ข้าจะไม่มีมรดกอมตะ  แต่หากข้ากลายเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกล  ข้าจะสามารถแก้ปัญหานี้ ”

ระดับความสำเร็จคือความเข้าใจในแก่นแท้ของเต๋าอันยิ่งใหญ่

เรื่องนี้สามารถเปรียบเทียบกับปัญหาทางคณิตศาสตร์

ฟางหยวนต้องการเลข  5 เป็นคำตอบ  แต่เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ได้รับคำตอบนี้

แต่จื่อซานใช้วิธีการของเขาและบอกว่า  2+3=5

แม้ฟางหยวนจะไม่มีวิญญาณที่สามารถบอกสูตรคำนวณให้เขาได้โดยตรง  แต่หากระดับความสำเร็จของเขาสูงพอ  เขาจะสามารถพึ่งพาสัญชาตญาณเพื่อคาดเดาว่า  2+3=5 หรือ  10/2=5

โดยธรรมชาติแล้วค่ายกลวิญญาณไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น  มันมีวิญญาณจำนวนมากเข้ามาเกี่ยวข้องและเป็นเรื่องยากที่จะจัดการ

ในคืนวันที่สอง  จื่อซานที่รอคอยอย่างกระตือรือร้นก็ได้รับจดหมายตอบกลับจากฟางหยวน

“คราวนี้มีเทพธิดาซื่อหลิวเป็นพยาน  ข้าอยากเห็นว่าเจ้าจะทำตัวไร้ยางอายได้อย่างไร !?” จื่อซานคิดและเพ่งจิตเข้าไปในวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูล

ใบหน้าของเขาสว่างไสวขึ้นในไม่ช้า

เพราะฟางหยวนยอมรับความสามารถของเขาและกล่าวว่าเขาคู่ควรที่จะได้รับคำชื่นชมจากเทพธิดาซื่อหลิว แต่ฟางหยวนยังกล่าวว่าตระกูลวูมีคนที่สามารถแก้ปัญหานี้ได้เช่นกันและมันไม่ใช่เรื่องแปลกใดๆ

จื่อซานขมวดคิ้วแต่เขาไม่สามารถโต้แย้งเนื่องจากตระกูลวูมีคนที่สามารถแก้ปัญหาได้จริงๆ

ในส่วนท้ายฟางหยวนได้หยิบยกปัญหาใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง  นอกจากนี้เขายังสัญญาว่าหากจื่อซานสามารถแก้ปัญหานี้  เขาจะยอมรับว่าจื่อซานเหนือกว่าเขา  แม้กระทั่งต่อหน้าเทพธิดาซื่อหลิว  เขาก็จะยอมรับว่าตนเองด้อยกว่า

จื่อซานสูดหายใจลึก

เขาจินตนาการถึงสถานการณ์นั้นทันที  เมื่อเขาและวูอี้ไห่ปรากฏตัวต่อหน้าเฉียวซื่อหลิวพร้อมกันขณะที่วูอี้ไห่ป้องหมัดกล่าวว่า ข้าด้อยกว่าท่าน

คู่แข่งความรักยอมรับว่าตนเองด้อยกว่า !

ยิ่งจื่อซานคิดเรื่องนี้มากเท่าใด  เขาก็ยิ่งมีกำลังใจมากขึ้นเท่านั้น

“วูอี้ไห่มีสถานะสูง  เขาเป็นคู่แข่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้า ”

“ข้าสามารถชนะและเอาชนะเขาได้ !”

“สิ่งสำคัญกว่านั้นก็คือเทพธิดาซื่อหลิวจะเป็นพยานในเรื่องนี้  ข้าไม้ต้องกลัวว่าวูอี้ไห่จะผิดสัญญา !”

Reverend Insanity

Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบของวิญญาณซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา! Humans are the spirit of all living beings, Gu are the essence of heaven and earth. With his three views* unrighteous, a demon is reborn. Former days are but an old dream, an identical name is made anew. The story of a time traveller who keeps on being reborn. A unique world that nurtures, refines, and uses Gu. Spring Autumn Cicada, Moonlight Gu, Liquor Worm, Great Qi Golden Light Worm, Slender Black Hair Gu, Hope Gu… And a great demon of the world that acts as his heart pleases! A story of a villain, Fang Yuan who was reborn 500 years into the past with the Spring Autumn Cicada he painstakingly refined. With his profound wisdom, battle and life experiences, he seeks to overcome his foes with skill and wit! Ruthless and amoral, he has no need to hold back as he pursues his ultimate goals. In a world of cruelty where one cultivates using *Gu – magical creatures of the world – Fang Yuan must rise up above all with his own power. Notes : *Gu is a legendary venomous insect, often used in black magic practices. It can take on the form of several insects, usually snakes, crickets, worms etc. *Three views = one’s world view, values of worth, and philosophy on life.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset