ผู้อมตะวัยกลางคนปรากฏตัวต่อหน้าฟางหยวนและวูหยง
คนผู้นี้อยู่ในชุดสีแดงขาว เขายืนตัวตรงราวกับหอกหรือดาบ คิ้วของเขาแหลมคม ดวงตาส่องประกาย ใบหน้ามีรอยยิ้มที่อ่อนโยนแต่ปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมา
เขาเป็นผู้อมตะภาคกลางที่มีชื่อเสียงกระจายไปทั่วทั้งห้าภูมิภาค เขาเป็นเสาหลักของนิกายคฤหาสน์วิญญาณและเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่สามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปด
เขาก็คือฟงจิวเก้อ!
แล้วเขามาที่นี่เพราะเหตุใด?”
วูหยงและฟางหยวนประหลาดใจและประหลาดใจ
แม้วูหยงจะไม่เคยพบฟงจิวเก้อ แต่เขายังสามารถจดจำคนผู้นี้ได้ทันที
หลังจากทั้งหมดผู้อมตะระดับเจ็ดที่สามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปดแทบไม่เคยปรากฏขึ้นตลอดหนึ่งพันปีที่ผ่านมา
หากไม่มีหลิวกวนซื่อ ฟงจิวเก้ออาจยังเป็นคนเพียงผู้เดียวที่ประสบความสำเร็จในแง่นี้
วูหยงสงบจิตใจลงและเย้ยหยัน “ผู้อมตะภาคกลางกล้าปรากฏตัวต่อหน้าข้างั้นหรือ? ดี ดี”
ในการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝัน วังสวรรค์ฉกชิงผลประโยชน์จากจากฝ่ายธรรมะของภาคใต้
ตอนนี้ฟงจิวเก้อยังเข้ามาวุ่นวาย มันจึงกระตุ้นความเกลียดชังของวูหยง
ฟางหยวนมองไปที่ฟงจิวเก้อ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพบฟงจิวเก้อ
ในชีวิตแรกของฟางหยวน การปรากฏตัวของฟงจิวเก้อได้ทิ้งความประทับใจไว้ในหัวใจของฟางหยวนแล้ว เขาเปล่งประกายมากในสงครามห้าภูมิภาค น่าเสียดายที่เขาเสียชีวิตอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
ความตายของเขาทำให้เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่ ภาคกลางสั่นสะเทือนขณะที่อีกสี่ภูมิภาครู้สึกมีความสุข
กระทั่งหลังจากกำเนิดใหม่ ฟางหยวนก็ยังเคยพบฟงจิวเก้อ
ในด่านรับสืบทอดมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ฟางหยวนช่วยชีวิตฟงจิวเก้อเอาไว้โดยไม่คาดคิด
แม้ฟางหยวนจะไม่ได้ตั้งใจแต่ฟงจิวเก้อก็รอดชีวิตมาได้เพราะฟางหยวน
ฟางหยวนมองฟงจิวเก้อและตะโกนเสียงดัง “ฟงจิวเก้อ เจ้าเป็นคนที่วังสวรรค์ส่งมากำจัดข้างั้นหรือ?”
ฟงจิวเก้อชำเลืองมองวูหยงก่อนจะหันหน้าไปทางฟางหยวน
เมื่อเห็นฟางหยวนอีกครั้ง ฟงจิวเก้อลอบถอนหายใจอยู่ภายใน
ความก้าวหน้าของฟางหยวนรวดเร็วเกินไป
ครั้งแรกที่ฟงจิวเก้อรู้จักฟางหยวน ฟางหยวนตัดหน้าฟงจินฮวงและฉกชิงแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูไปจากนาง
เพราะบุตรสาวของเขา ฟงจิวเก้อจึงรู้สึกชื่อฟางหยวน
แต่เขาไม่เคยกังวลแม้แต่น้อย
เหตุผล?
เพราะเวลานั้นฟางหยวนเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ ความแตกต่างระหว่างผู้อมตะกับมนุษย์ไม่ต่างจากสวรรค์กับพื้นพิภพ พวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน
อย่างไรก็ตามพัฒนาการของฟางหยวนเหนือความคาดหมายของฟงจิวเก้อไปไกลมาก
ฟางหยวนมีส่วนร่วมในเหตุการณ์สำคัญครั้งแล้วครั้งเล่า เขาเป็นปีศาจต่างโลก เขาเป็นเจ้าของวิญญาณกาลเวลา เป็นผู้สืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะตะวันเดือดและอื่นๆ เขาก้าวจากขอบเขตมนุษย์สู่ขอบเขตอมตะอย่างรวดเร็วก่อนจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญท่ามกลางผู้มอตะทั้งหมด ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป
ผู้อมตะส่วนใหญ่จะไม่มีความสำเร็จดังกล่าวแม้จะพยายามอย่างเต็มที่ตลอดชีวิตก็ตาม
แต่ฟางหยวนทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย
‘ข้าไม่ได้คาดหวังว่าหลิวกวนซื่อจะเป็นฟางหยวน ยุคที่ยิ่งใหญ่กำลังจะมาถึง วีรบุรุษและผู้เชี่ยวชาญมากมายกำลังจะปรากฏตัวขึ้นและตอนนี้ดูเหมือนฟางหยวนจะเป็นหนึ่งในนั้น’ ฟงจิวเก้อคิด
ในเวลาเดียวกันเขาก็เปิดปากกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้ารีบร้อนเดินทางมาจากภาคกลางเพื่อไล่ล่าวิญญาณอมตะบางดวงที่เทพปีศาจปล้นสวรรค์เคยใช้ แต่ผู้ใดจะคิดว่าข้าจะมาพบกับเหตุการณ์นี้”
‘เขากำลังจะบอกว่าเขาไม่ได้ถูกส่งตัวมาโดยวังสวรรค์งั้นหรือ?’ ฟางหยวนขมวดคิ้ว
พิจารณาจากตัวตนของฟงจิวเก้อ เขาไม่จำเป็นต้องโกหก
อย่างไรก็ตามวูหยงไม่เชื่อ “ผู้ใดจะคิดว่าฟงจิวเก้อจะมีด้านที่แสแสร้งเช่นกัน เมื่อข้ากระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายเขตแดน เจ้าสามารถจากไปได้อย่างง่ายดายหากเจ้าไม่ต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องนี้”
ฟงจิวเก้อพยักหน้า “ถูกต้อง ข้าตั้งใจเข้ามา มันเป็นเพราะข้าติดหนี้ชีวิตต่อฟางหยวน ดังนั้นครั้งนี้ข้าจึงต้องช่วยเขา”
“กระไรนะ!?” วูหยงรู้สึกประหลาดใจ
ฟางหยวนมึนงงเล็กน้อย
วูหยงถามกลับด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “ข้าได้ยินสิ่งใดผิดไปหรือไม่? เจ้าติดหนี้ชีวิตเขา เจ้าจึงต้องการช่วยเขางั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า”
วูหยงหัวเราะเสียงดัง
ฟงจิวเก้อเป็นผู้อมตะภาคกลางที่ยิ่งใหญ่และจะกลายเป็นสมาชิกวังสวรรค์ในอนาคต
แต่เขากลับมาช่วยฟางหยวน?
ฟางหยวนคือผู้ใด? ปีศาจต่างโลก เป้าหมายอันดับต้นๆของวังสวรรค์
แต่ฟงจิวเก้อยังต้องการช่วยเขา?
นี่เป็นเรื่องที่น่าขันอย่างแท้จริง
วูหยงหัวเราะ แต่ฟงจิวเก้อก็เผยรอยยิ้มเช่นกัน
เสียงหัวเราะของวูหยงหยุดลงในที่สุด
เขารู้ว่าฟงจิวเก้อจริงจัง
เขาเป็นคนบ้า!
ผู้อมตะฝ่ายธรรมะต้องการช่วยผู้อมตะฝ่ายปีศาจ!
ฟงจิวเก้อไม่เพียงเป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะ แต่เขายังเป็นตัวตนที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก
ขณะเดียวกันฟางหยวนก็ไม่ใช่ปีศาจธรรมดา เขาเป็นปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์ เขาเป็นเจ้าของวิญญาณกาลเวลา เกราะหวนคืน มรดกที่แท้จริงของเทพอมตะตะวันเดือด มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ เขายึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู เขาทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง เขาขัดขวางแผนการท้าทายสวรรค์ของเทพปีศาจจิตวิญญาณ และเมื่อไม่นานมานี้เขายังแทรกซึมเข้าสู่ตระกูลวู สุดท้ายยังกลายเป็นผู้นำนิกายเงา
ฟงจิวเก้อต้องการช่วยคนเช่นฟางหยวนจริงๆงั้นหรือ?
วูหยงเป็นผู้อมตะระดับแปดฝ่ายธรรมะ แต่ฟงจิวเก้อยังต้องการเผชิญหน้ากับเขาเพื่อช่วยฟางหยวน!
‘ไม่ ฟงจิวเก้อแตกต่างจากข้า เขาไม่ได้เป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะตั้งแต่แรก ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นปีศาจอมตะ!’ วูหยงคิด
‘ปีศาจที่ไร้เหตุผล!’ วูหยงรู้สึกโกรธ
ฟางหยวนคิดถึงอดีตของฟงจิวเก้อ
ฟงจิวเก้อเคยเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษและไร้ชื่อเสียง
เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเสียงและมุ่งมั่นกับมันมาตลอดชีวิต
ครั้งหนึ่งเขาเคยร้องเพลงประสานเสียงกับผู้อมตะอีกสองคนอยู่ในหุบเขา
พวกเขาร้องเพลงตั้งแต่เวลากลางคืนจนถึงเช้า ทั้งสามหัวเราะและพูดคุยด้วยความปิติยินดี
หลังจากหลายปีฟงจิวเก้อได้เรียนรู้ว่าผู้อมตะทั้งสองเป็นปีศาจอมตะที่ฉกชิงวิญญาณอมตะมาจากเจดีย์สวรรค์สีดำและกำลังถูกไล่ล่าโดยนิกายโบราณทั้งสิบ
ฟงจิวเก้อรีบไปช่วยพวกเขา
ผู้อมตะทั้งสองประหลาดใจที่เห็นฟงจิวเก้อและเปิดปากถาม
ฟงจิวเก้อตอบว่า “เมื่อสองสามปีก่อน เราร้องเพลงด้วยกัน ข้าร้องเพลงเกี่ยวกับดวงจันทร์ขณะที่พวกท่านร้องเพลงเกี่ยวกับภูเขาสีเขียวและทะเลสาบสีขาว คนที่สามารถร้องเพลิงเช่นนี้จะเป็นคนใจแคบและปล้นชิงวิญญาณอมตะของผู้อื่นได้อย่างไร ข้าเชื่อใจพวกท่านทั้งสอง”
ผู้อมตะทั้งสองซาบซึ้งจนน้ำตาไหล
หนึ่งในนั้นกล่าว “ท่าน…เข้าใจเรา เราได้รับมรดกที่แท้จริงเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด แต่เราถูกกล่าวหาโดยนิกายเจดีย์สวรรค์สีดำ เจดีย์สวรรค์สีดำเป็นหนึ่งในสิบนิกายโบราณ ไม่ว่าเราจะอธิบายอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดเชือ”
อีกคนกล่าวกับฟงจิวเก้อ “เราเคยร้องเพลงด้วยกันเพียงครั้งเดียว เราเป็นคนแปลกหน้าอย่างสิ้นเชิง เราสองคนกำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายและไม่มีความหวังเหลืออยู่ มันยังไม่สายที่ท่านจะจากไป”
อย่างไรก็ตามฟงจิวเก้อกลับส่ายศีรษะและยืนยันที่จะช่วยพวกเขา
ผู้อมตะทั้งสองกล่าวด้วยความกังวล “หากท่านไม่จากไป ท่านจะถูกกล่าวหาว่าเป็นปีศาจเช่นเดียวกับพวกเรา”
ฟงจิวเก้อหัวเราะ “ไม่มีธรรมะหรือปีศาจ มีเพียงฟงจิวเก้อบนโลกใบนี้ จะอยู่หรือไป ข้าจะเป็นผู้กำหนดชีวิตและความตายของตนเอง”
ผู้อมตะทั้งสองหลั่งน้ำตาด้วยความชื่นชมและยินดี
ฟงจิวเก้อเอาชนะนิกายเจดีย์สวรรค์สีดำครั้งแล้วครั้งเล่า
เมื่ออีกเก้านิกายตระหนักถึงเรื่องนี้ พวกเขาเร่งส่งกำลังเสริมออกมา
ฟงจิวเก้อประกาศท้าทายผู้อมตะทั้งหมด แต่ผู้อมตะจากสิบนิกายโบราณกลับพ่ายแพ้อย่างยับเยิน
สิบนิกายโบราณพบกับความพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวช เรื่องนี้ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
ในที่สุดนิกายคฤหาสน์วิญญาณก็เคลื่อนไหว เทพธิดาไป่ชิงซึ่งเป็นผู้นำนิกายในเวลานั้นใช้ความรักเปลี่ยนแปลงฟงจิวเก้อและนำเขาเข้าสู่นิกายคฤหาสน์วิญญาณ
ย้อนกลับไปเพราะฟงจิวเก้อช่วยผู้อมตะแปลกหน้าสองคนที่ร่วมร้องเพลงกับเขาเพียงครั้งเดียว ดังนั้นเขาจึงถูกตราหน้าว่าเป็นปีศาจ
มันไม่ใช่เรื่องแปลกหากตอนนี้ฟงจิวเก้อจะช่วยปีศาจฟางหยวน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฟางหยวนเคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้
ฟงจิวเก้อยังเป็นคนเดิมไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบัน
ฟางหยวนตระหนักถึงความหมายที่อยู่เบื้องหลังการถอนหายใจของฟงจิวเก้อได้ในที่สุด
ฟงจิวเก้อต้องการช่วยฟางหยวนแต่เขายังต้องคิดถึงภรรยาและบุตรสาวตลอดถึงสถานะของตนเอง ดังนั้นเขาจึงต้องกระทำการอย่างลับๆ
แต่น่าเสียดายที่วูหยงตระหนักถึงการคงอยู่ของเขา
ฟงจิวเก้อไม่มีทางเลือกนอกจากต้องปรากฏตัวออกมา
เช่นเดียวกับในอดีต
ไม่มีธรรมะหรือปีศาจ มีเพียงฟงจิวเก้อบนโลกใบนี้
จะอยู่หรือไป ข้าจะเป็นผู้กำหนดชีวิตและความตายของตนเอง
ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายธรรมะหรือฝ่ายปีศาจ ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดข้า
เพราะข้าคือฟงจิวเก้อ
และจะเป็นฟงจิวเก้อตลอดไป!