ภาคเหนือ แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
ทำงานแม้ในเวลากลางคืน อยู่ในห้องหลอมรวมเป็นเวลาหลายเดือน แสงจากกองไฟส่องสะท้อนบนใบหน้าของผมที่หก
ดวงตาของเขาแดงก่ำขณะจ้องมองเปลวเพลิงที่ลุกโชนขึ้นอย่างรุนแรง
ผมที่หกกำลังถูกความร้อนแผดเผาแต่เขาไม่สนใจ เขายังตั้งสมาธิอยู่ที่งานของตนเท่านั้น
การหลอมรวมวิญญาณมาถึงขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่สุด
‘โชคมีประโยชน์จริงๆ ข้ามาถึงขั้นตอนนี้อีกครั้งและครั้งนี้ข้าต้องทำสำเร็จ!’
ผมที่หกกัดฟันแน่น
แต่ในเวลานี้…
“โอ้ ไม่ ร่างกายของข้าถึงขีดจำกัดแล้วงั้นหรือ? ไม่ เคลื่อนความคิด อสรพิษแดงโบยบิน!’ ผมที่หกคิดขณะที่รอยสักรูปอสรพิษสีแดงปรากฏขึ้นบนร่างกายของเขาและเคลื่อนตัวจากเอวไปที่หน้าอก
ในเวลาเดียวกันพลังงานลึกลับก็พุ่งพล่านออกมาจากร่างของผมที่หกราวกับบอลลูนที่พองตัวขึ้น
ผมที่หกกลับมามีพละกำลังอีกครั้ง
‘ข้าต้องใช้ท่าไม้ตายนี้อีกครั้ง เมื่ออสรพิษแดงขึ้นมาถึงศีรษะของข้า ข้าจะตาย’
‘แต่แล้วอย่างไร? ทั้งหมดที่ข้าต้องทำก็คือหลอมรวมวิญญาณอมตะดวงนี้เพื่อช่วยนิกายเงา!’
“เอาล่ะ ดำเนินการต่อ ด้ายวิญญาณพันลี้!”
ผมที่หกให้กำลังใจตัวเองขณะที่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนอีกคนที่อยู่ด้านหลังเร่งส่งทรัพยากรอมตะให้เขา
ด้ายวิญญาณพันลี้เป็นทรัพยากรอมตะที่มาจากร่างกายของอสูรวิญญาณบรรพกาล
สิ่งนี้เป็นสมบัติล้ำค่าที่มาจากนิกายหลางหยา
มันเป็นทรัพยากรอมตะกึ่งระดับแปดที่หายากแม้แต่ในสวรรค์สีเหลือง ดังนั้นมูลค่าของมันจึงเทียบเท่ากับทรัพยากรอมตะระดับแปด
แผนการหลอมรวมวิญญาณของฟางหยวนไม่ได้มีเพียงผมที่หก กระทั่งจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็ยังช่วย อาจกลาวได้ว่าทั้งนิกายหลางหยากำลังหลอมรวมวิญญาณให้ฟางหยวน
หลังจากได้รับมรดกของราชันภูเขาม่วง ฟางหยวนใช้ประสบการณ์การบ่มเพาะ ท่าไม้ตายอมตะ และเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะบางส่วนเพื่อแลกกับแต้มผลงานของนิกายหลางหยา
ต่อมาเขาจึงใช้แต้มผลงานเหล่านี้เพื่อขอให้นิกายหลางหยาหลอมรวมวิญญาณให้เขา
หลังจากวิญญาณอมตะรักตัวเอง เป้าหมายต่อไปของเขาก็คือวิญญาณอมตะล้างใจ
ผมที่หกกำลังหลอมรวมมันและมาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว
เขารับด้ายวิญญาณพันลี้มาอย่างระมัดระวัง
สิ่งนี้ดูเหมือนขนนก เขาต้องใช้วิธีการพิเศษบางอย่างเพื่อตัดมันออกมาบางส่วน
การหลอมรวมวิญญาณอมตะล้างใจต้องการมันเพียงเล็กน้อย ในความเป็นจริงเพียงด้ายวิญญาณร้อยลี้ก็เพียงพอแล้ว
แต่เพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จและเพื่อประหยัดเวลา ฟางหยวนจึงจ่ายด้วยราคามหาศาลเพื่อมัน
ด้ายวิญญาณพันลี้ถูกโยนเข้าไปในกองไฟ
ในเสี้ยวพริบตา
เปลวไฟลุกโชติช่วงขึ้นและส่งเสียงกรีดร้องที่น่าขนลุกออกมา
ผมที่หกสูดหายใจลึกและพยายามควบคุมอุณหภูมิของกองไฟ
หนึ่งชั่วโมงต่อมาในทะเลทรายตะวันตก
ค่ายกลวิญญาณอมตะขนาดใหญ่กำลังส่งเสียงดัง
เมื่อมันถูกกระตุ้นใช้งาน มันสร้างภาพลวงตาสีเขียวเข้มขนาดใหญ่ขึ้นในทะเลทรายสีเหลือง กล่าวได้ว่ามันดูโดดเด่นมาก
ไป่หนิงปิงและคนอื่นๆเฝ้าระวังอยู่รอบๆ
ฟางหยวนที่อยู่ในค่ายกลวิญญาณกำลังอนุมานบางสิ่ง
‘ความเร็วนี้ อีกสี่ชั่วโมงข้าจะประสบความสำเร็จในการกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ไม่พึงประสงค์ทั้งหมด’
‘ผู้อมตะจากวังสวรรค์จะมาในช่วงเวลานี้หรือไม่? ข้ากำลังกำจัดท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบของพวกเขา ไม่มีทางที่พวกเขาจะสัมผัสไม่ได้’
‘หือ ล้มเหลวอีกแล้วงั้นหรือ?’
ฟางหยวนขมวดคิ้วขณะที่เขาได้รับข้อความจากผมที่หกเกี่ยวกับความล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณอมตะล้างใจ
และครั้งนี้ผมที่หกได้รับบาดเจ็บจากผลกระทบย้อนกลับและต้องพักรักษาตัวระยะหนึ่ง
ผมที่หกเชื่อถือได้มากกว่าจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา เรื่องที่เขาต้องพักถือเป็นข่าวร้ายสำหรับฟางหยวน
‘รวมครั้งนี้ การหลอมรวมวิญญาณอมตะล้างใจก็ล้มเหลวมาแล้วถึงสิบครั้ง’
‘การหลอมรวมวิญญาณอมตะเหมือนหลุมลึก ขณะที่ข้าต้องใช้วิธีหลอมรวมวิญญาณของมนุษย์เท่านั้น’
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่การหลอมรวมวิญญาณอมตะล้างใจจะล้มเหลว มันไม่สามารถสั่นคลอนความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของฟางหยวน
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนเคยมีวิญญาณอมตะล้างใจมาแล้วในอดีต แต่เขาสูญเสียมันไป
ย้อนกลับไปวิญญาณอมตะล้างใจเป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตน แต่ตอนนี้ฟางหยวนไม่ได้พยายามหลอมรวมมันมาเพื่อท่าไม้ตายนี้
เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งของเขา
ร่างผีดิบอมตะของเขามีกับดักบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณที่ถูกทิ้งไว้โดยอิงอู๋เซี่ย
ตอนนี้ฟางหยวนกลายเป็นผู้นำของนิกายเงา เขามีวิธีกำจัดกับดักนี้ แต่วิธีนี้ต้องการวิญญาณอมตะล้างใจระดับเจ็ดเป็นแกนกลาง
ตราบเท่าที่เขามีวิญญาณอมตะดวงนี้ ฟางหยวนจะสามารถใช้ร่างผีดิบอมตะของเขาและจะสามารถใช้แสงแห่งปัญญาได้อีกครั้ง
“ทิศตะวันตกเฉียงใต้ มีศัตรู!” เป็นเพียงเวลานี้ที่เทพธิดาเมี่ยวหยินถ่ายทอดเสียงมาหาฟางหยวน
“โอ้ พวกเขาปรากฏตัวในที่สุด” ฟางหยวนไม่แปลกใจ เขายืนขึ้น
ค่ายกลวิญญาณอมตะยังทำงานอยู่ มันถูกควบคุมโดยจิตวิญญาณค่ายกล
มันค่อนข้างสะดวก ข้อบกพร่องเดียวของมันคือค่ายกลวิญญาณอมตะชำระล้างตัวเองต้องใช้พลังงานอมตะจำนวนมาก ฟางหยวนแทบไม่สามารถดูแลมัน ระหว่างการต่อสู้และหลบหนี พลังงานอมตะของฟางหยวนลดลงอย่างมาก โชคดีที่เขามีหินวิญญาณอมตะหนึ่งแสนก้อนที่ได้มาจากตระกูลวู
แต่ตอนนี้กระทั่งหินวิญญาณอมตะก็กำลังลดน้อยลงเรื่อยๆ
ครู่ต่อมา ผู้อมตะจากวังสวรรค์ก็มาถึง
มันคือฟงจิวเก้อ
“เหตุใดถึงมาเพียงผู้เดียว?” ฟางหยวนยิ้มขณะมองไปที่ฟงจิวเก้อ
ฟงจิวเก้อมองไปรอบๆแต่ไม่เห็นสมาชิกนิกายเงา เขายิ้ม “ไม่ใช่ว่าเจ้าก็อยู่เพียงผู้เดียวงั้นหรือ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นเป็นเพราะข้าเพียงผู้เดียวก็สามารถจัดการเจ้า ฟงจิวเก้อ เจ้าจะต้องเสียใจที่มาที่นี่” ฟางหยวนหัวเราะเสียงดัง
ฟงจิวเก้อขมวดคิ้วเล็กน้อย
นี่อยู่นอกเหนือจากความคาดหมายของเขา
ฟางหยวนมั่นใจเกินไป
‘แปลก เขาเอาความมั่นใจนี้มาจากที่ใด? เขามีแผนการบางอย่างใช่หรือไม่?’