เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1171 เสียงคำรามของวายุสายฟ้า
แปลโดย iPAT
ไป่ซูเหว่ยเปลี่ยนเป้าหมายเป็นหวังอู๋หมิงและไล่ล่าไปทั่วทุกหนทุกแห่ง
หวังอู๋หมิงในร่างสุนัขดาวตกเพลิงวิ่งและตะโกน “เหตุใดเจ้าถึงไล่ล่าข้า? ข้าไม่ได้นำรังอินทรีย์ไปแม้แต่รังเดียว! มันคือหลิวกวนซื่อ! เจ้าตาบอดหรือไร้สมอง!?”
“พวกเจ้าทั้งหมดต้องตาย!” ไป่ซูเหว่ยคำราม
เขาไม่พบร่างจริงของฟางหยวน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงไล่ล่าหวังอู๋หมิง
หวังอู๋หมิงแข็งแกร่งแต่เขาไม่กล้าสังหารไป่ซูเหว่ย
ต้องขอบคุณหวังอู๋หมิงที่ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของไป่ซูเหว่ย มันจึงทำให้ฟางหยวนประสบความสำเร็จในการเก็บเกี่ยวรังอินทรีย์
“อา…” ไป่ซูเหว่ยพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนอีกครั้งแต่ฟางหยวนยังใช้วิธีเดิม
ไป่ซูเหว่ยคำรามด้วยความโกรธและส่งเข็มทองคำจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกไปทุกทิศทุกทาง
ภูตมนุษย์จำนวนมากถูกทำลายแต่ฟางหยวนยังเติมเต็มพวกมันอย่างต่อเนื่อง
กลยุทธ์ที่ไร้ยางอายนี้ทำให้ไป่ซูเหว่ยยิ่งโกรธมากขึ้น
เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้อมตะเผ่าไป่ซูคนอื่นๆเดินทางมาถึง
“อา…รังอินทรีย์ของพวกเราอยู่ที่ใด?”
“ท่านเหว่ย ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
“คนชั่ว! คืนรังอินทรีย์ของพวกเรามา!”
ผู้อมตะเผ่าไป่ซูโกรธมากแต่ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร
ในเวลาเดียวกันหลี่ซื่อจุนก็ปรากฏตัวขึ้น
เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของกลุ่มผู้อมตะเผ่าไป่ซู เขาเข้าใจทันทีว่าเกิดสิ่งใดขึ้น
เขามองสุนัขดาวตกเพลิงหวังอู๋หมิงและกล่าวด้วยความอิจฉา “หวังอู๋หมิง เจ้าทำกำไรได้มากจริงๆ!”
สุนัขดาวตกเพลิงที่ได้รับบาดเจ็บได้ยินถ้อยคำเหล่านี้และระเบิดความโกรธออกมา “กำไรบัดซบใด! ข้าไม่ได้สิ่งใดทั้งสิ้น!”
หลี่ซื่อจุนกรอกตาและชี้นิ้วไปที่สุนัขดาวตกเพลิง “น่าขัน ดูว่าตนเองน่าสมเพชเพียงใด? คิดว่าข้าจะเชื่อเจ้างั้นหรือ?”
หวังอู๋หมิงแทบไม่สามารถระงับความโกรธ “บัดซบ! หากเจ้าไม่เชื่อข้า ทุกสิ่งจะถูกยึดครองโดยหลิวกวนซื่อ!”
หลี่ซื่อจุนตะลึงก่อนจะมองไปที่กองทัพภูตมนุษย์ด้วยดวงตาส่องประกาย “ที่รักหลิวช่างยอดเยี่ยมนัก เขาช่างเป็นตัวตนที่โดดเด่นจริงๆ”
ขณะที่เขากำลังกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ บางสิ่งพลันบังเกิดขึ้น
แสงสีเขียวปะทุขึ้นจากกลุ่มผู้อมตะเผ่าไป่ซูก่อนที่ร่างยักษ์เขียวจะก่อตัวขึ้น
“ไม่มีผู้ใดสามารถหลบหนี!” ยักษ์เขียวตะโกนเสียงดัง
หวังอู๋หมิงในร่างสุนัขดาวตกเพลิงเห็นสิ่งนี้และรีบวิ่งหนีอย่างสุดความสามารถ
หลี่ซื่อจุนกรีดร้อง “โอ้ สวรรค์ ค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณ ความโกรธเกรี้ยวของยักษ์เขียว!”
หลังกล่าวจบคำ เขาวหันหลังกลับและวิ่งหนีเช่นกัน
ค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณความโกรธเกรี้ยวของยักษ์เขียวมีพลังการต่อสู้ที่สามารถเทียบเคียงกับผู้อมตะระดับแปด หลังจากจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูยึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ของเผ่าไห่ต้องส่งมอบค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณนี้ให้กับเผ่าไป่ซู
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขานำมันออกมาใช้งาน
“บึม!”
ยักษ์เขียวปรบมือ
แสงสีทองพุ่งออกมาทำลายกองทัพภูตมนุษย์ทั้งหมดในสนามรบ
แต่ตอนนี้ฟางหยวนเปลี่ยนร่างเป็นอินทรีย์ตัวเล็กๆตัวหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในรังอินทรีย์รังหนึ่ง
‘ดังคาด เมื่อยักษ์เขียวปรากฏตัว กองทัพภูตมนุษย์ของข้าก็ถูกทำลายทันที แต่รังอินทรีย์ที่เหลือกลับไม่เป็นอันตราย น่าเสียดายที่พวกเขายังไม่พบข้า’
ใบหน้าที่คุ้นเคยมีประโยชน์มาก
โดยปราศจากวิธีตรวจสอบบนเส้นทางแห่งโชคหรือวิธีการพิเศษบางอย่าง มันเป็นเรื่องยากที่จะตรวจสอบใบหน้าที่คุ้นเคย
ดวงตาของยักษ์เขียวระเบิดแสงสีทองออกมา กลุ่มผู้อมตะเผ่าไป่ซูกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบพร้อมกันแต่พวกเขายังไม่พบฟางหยวน
ไป่ซูเหว่ยก่นเสียงเย็นก่อนจะบังคับยักษ์เขียวให้คว้ารังอินรทรีย์เก็บไว้ในมิติช่องว่างของเขา
“หือ? เขาฉลาดขึ้น” ฟางหยวนถอนหายใจก่อนกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนอีกครั้งและหลบหนีออกมา
เขาไม่สามารถเข้าไปในมิติช่องว่างของไป่ซูเหว่ยพร้อมกับรังอินทรีย์
แม้ที่นั่นจะเป็นจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ของไป่ซูเหว่ยแต่ฟางหยวนไม่มีวิธีทะลวงออกจากมิติช่องว่างของผู้อมตะ
สำหรับรังอินทรีย์สามรังที่เหลือ มันไม่คุ้มที่จะเสี่ยง
หลังจากทั้งหมดเขาคว้ารังอินทรีย์มาแล้วมากกว่าแปดสิบรัง!
“เขาอยู่ที่นี่!” ยักษ์เขียวกรีดร้องและโจมตีกองทัพภูตมนุษย์ทั้งหมด
ยักษ์เขียวสะบัดมือส่งดาบวายุเข้าโจมตีฟางหยวนขณะที่ฟางหยวนส่งกองทัพภูตมนุษย์ออกมาอย่างต่อเนื่อง
แต่ดาบวายุยังโจมตีเข้าเป้า ฟางหยวนพ่นเลือดคำโตออกมาจากปาก เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที
นี่คือพลังการต่อสู้ระดับแปด!
ดาบวายุจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าโจมตีร่างจริงของฟางหยวน
บุรุษคนก่อนหน้า!
ฟางหยวนกลับสู่สภาพปกติในเสี้ยวพริบตา
ยักษ์เขียวแสดงออกด้วยความโกรธเกรี้ยวเมื่อเห็นฟางหยวนไม่ได้รับบาดเจ็บ
ฟางหยวนตัดสินใจบินเข้าไปหาหวังอู๋หมิง
เห็นฟางหยวนล่อลวงยักษ์เขียวเข้ามา หวังอู๋หมิงตกใจมากและรีบวิ่งหนีเพื่อรักษาชีวิตรอด
ฟางหยวนเข้าใกล้หวังอู๋หมิงมากขึ้นเรื่อยๆ
ยักษ์เขียวไล่ล่าพวกเขามาอย่างไม่ลดละ
“โฮ่ง! อย่ามาทางนี้!”
“โฮ่ง! หลิวกวนซื่อ เจาฉกฉวยผลประโยชน์ทั้งหมดไปแล้ว ตอนนี้เจ้ายังต้องการลากข้าไปตายพร้อมกับเจ้า เจ้าจะโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”
“โฮ่ง! ปล่อยข้าไป พวกเราต่างเป็นสหายของจักรพรรดิอมตะ!”
ฟางหยวนไม่สนถ้อยคำเหล่านี้ เขายังมุ่งมั่นที่จะใช้หวังอู๋หมิงเป็นเหยื่อบูชายัญ
ความเร็วของยักษ์เขียวเหนือกว่าวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ
โดยปราศจากเหยื่อสังเวย ฟางหยวนจะไม่สามารถหลบหนีจากยักษ์เขียว
เห็นฟางหยวนกับยักษ์เขียวเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา หวังอู๋หมิงรู้สึกโกรธและปลดปล่อยเจตนาสังหารออกมาอย่างรุนแรง
เขาอาศัยอยู่ในภาคเหนือมานานหลายปี เขาไม่เคยพบกับความยากลำบากเท่ากับวันนี้ หลิวกวนซื่อไม่ได้สร้างความประทับใจที่ดีต่อเขาตั้งแต่แรก เมื่อเข้ามาในแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กเด็กหนุ่มผู้นี้ยังขโมยผลประโยชน์ทั้งหมดไปโดยที่หวังอู๋หมิงไม่ได้รับสิ่งใดเลย
สิ่งสำคัญที่สุดคือตอนนี้หลิวกวนซื่อยังต้องการใช้เขาเป็นเหยื่อบูชายัญ
หวังอู๋หมิงต้องการโจมตีฟางหยวนแต่เขาต้องหยุดความคิดนี้เอาไว้
เหตุผลชัดเจนมาก พวกเขาสร้างข้อตกลงพันธมิตรและไม่สามารถโจมตีสมาชิก
เนื่องจากฟางหยวน หลี่ซื่อจุน และคนอื่นๆไม่ได้สนิทกัน เมื่อพวกเขาต้องทำงานร่วมกัน พวกเขาจึงต้องสร้างข้อตกลงพันธมิตร
ผู้สร้างข้อตกลงไม่ใช่ผู้ใดนอกจากผู้อมตะนิกายชูที่ชูตู๋เลือกมา
‘อย่างน้อยเจ้าก็ยังฉลาด’ ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นชา
ฟางหยวนบินผ่านหวังอู๋หมิงแต่เขายังไม่สามารถหลบหนีจากยักษ์เขียว
ยักษ์เขียวถือเป็นค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณอันดับสามในประวัติศาสตร์ มันเป็นรองเพียงยักษ์สวรรค์ และผู้พิทักษ์สวรรค์เท่านั้น
หากฟางหยวนไม่วางแผน เขาจะถูกจับกุมในที่สุด
การทำเช่นนี้อาจทำให้ฟางหยวนได้รับผลกระทบย้อนกลับจากข้อตกลงพันธมิตร แต่ขอบเขตของมันยังไม่รุนแรงนักเพราะฟางหยวนไม่ได้โจมตีพันธมิตรของเขาโดยตรง
หวังอู๋หมิงกังวลมาก เขาตระหนักได้ถึงเจตนาสังหารที่รุนแรงจากยักษ์เขียว
“ช่วยข้าด้วย!” หวังอู๋หมิงตะโกนด้วยความสิ้นหวัง
“อย่าห่วงพี่หวัง พวกเรามาช่วยท่านแล้ว” ห่าวเจิ้นตะโกนมาจากระยะไกล
ข้างกายเขายังมีเชาเหลาอู๋
หวังอู๋หมิงดีใจมาก เขารีบตะโกน “หากข้ารอด ข้าจะตอบแทนพวกเจ้าอย่างแน่นอน!”
ห่าวเจิ้นพยักหน้าและกล่าวกับเชาเหลาอู๋เบาๆ “พี่เชามาเริ่มกันเถอะ”
“ได้เลย” เชาเหลาอู๋ระเบิดพลังออกมา พลังงานอมตะจำนวนมากของเขาถูกใช้ไปในกระบวนการนี้
สายลมสีเขียวควบรวมกันเป็นบอลอากาศขนาดมหึมา
“วายุ…” เชาเหลาอู๋คำราม
“สายฟ้า!” ห่าวเจิ้นตะโกนต่อขณะที่กระแสสายฟ้าปะทุออกมาจากร่างของเขา
ต่อมาเชาเหลาอู๋และห่าวเจิ้นก็อ้าปากตะโกนไปยังยักษ์เขียว
“เสียงคำรามของวายุสายฟ้า!”
บอลอากาศสีเขียวก่อตัวเป็นพายุหมุนขณะที่สายฟ้าพุ่งเข้าหลอมรวมกับมัน
ในเวลาสองหรือสามลมหายใจต่อมา พายุสายฟ้าก็พุ่งกระแทกหน้าอกของยักษ์เขียวด้วยพลังอำนาจอันน่าสะพรึงกลัว
พลังการต่อสู้ระดับเจ็ดบนจุดสูงสุด!
ยักษ์เขียวยกแขนขึ้นป้องกัน
หลังจากหลายลมหายใจพายุสายฟ้าก็อันตรธานหายไปขณะที่ยักษ์เขียวยังยืนอยู่อย่างมั่นคง
‘หากข้าถูกโจมตีด้วยเสียงคำรามของวายุสายฟ้า ข้าคงตายไปแล้ว!” ฟางหยวนบินหนีแต่ยังเฝ้ามองการต่อสู้ที่อยู่ด้านหลัง
หวังอู๋หมิงวิ่งหนีโดยไม่หันหลังกลับ
“ไม่แปลกใจเลยที่มันมีพลังการต่อสู้เทียบเคียงผู้อมตะระดับแปด ไปเถอะ!” ห่าวเจิ้นกล่าวด้วยใบหน้าซีดขาว
เชาเหลาอู๋ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีไปกว่าห่าวเจิ้น ดังนั้นทั้งสองจึงรีบล่าถอย
ยักษ์เขียวปิดกั้นเสียงคำรามของวายุสายฟ้าได้เกือบสมบูรณ์แบบ แต่ด้วยวิธีนี้มันจึงต้องหยุดเคลื่อนไหว
“มีบางอย่างแปลกๆ” ผู้อมตะเผ่าไป่ซูรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
สำหรับผู้บุกรุก พวกเขาทั้งหมดหนีไปไกลแล้ว
เป็นเพียงเวลานี้ที่ร่างของยักษ์เขียวเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงโดยไม่คาคดิด เศษชิ้นส่วนร่างกายของมันกระจัดกระจายออกไปทุกทิศทุกทางและอันตรธานหายไปในเวลาต่อมา
ผู้อมตะเผ่าไป่ซูทั้งหมดกระอักเลือดคำโตและล้มลงบนพื้นอย่างน่าอนาถ