มู่หลานชิงซื่อบินด้วยพลังทั้งหมดของนาง การเคลื่อนไหวของนางดึงดูดความสนใจของผู้อมตะคนอื่นๆ
“เกิดสิ่งใดขึ้น?”
“ท่าทางของชิงซื่อดูผิดปกติ!”
“ชิงซื่อ รอก่อน เหตุใดเจ้าถึงตื่นตระหนก?”
ผู้อมตะเผ่ามู่หลานตะโกนถามแต่มู่หลานชิงซื่อยังบินต่อไป หัวใจของนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความหวาดกลัวขณะที่นางพยายามตรวจสอบข้อเท็จจริง
“ตามนางไป”
“วันนี้เป็นวันที่หยุนเหลียงจะมาขอนางแต่งงาน มันเกิดสิ่งใดขึ้น?”
ในไม่ช้าผู้อมตะสามคนก็บินออกจากฐานทัพใหญ่ของเผ่ามู่หลานและตามมู่หลานชิงซื่อไป
ป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของหยุนเหลียงแตกสลายไปแล้ว ดังนั้นมู่หลานชิงซื่อจึงไม่สามารถพึ่งพาพวกมันเพื่อระบุตำแหน่งของหยุนเหลียง แต่นางรู้เส้นทางที่หยุนเหลียงใช้เดินทางมายังเผ่ามู่หลาน นางต้องไปตรวจสอบที่นั่น
หลังจากบินมาอย่างบ้าคลั่ง นางก็เห็นสนามรบที่พังพินาศ
ร่างของนางสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรงขณะที่นางบินลงไป
“หยุนเหลียง! หยุนเหลียง!”
“เจ้าอยู่ที่ใด?”
มู่หลานชิงซื่อร้องเรียกซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่มีเพียงเสียงลมที่ตอบกลับมาเท่านั้น
“โอ้ ไม่!”
“มีการต่อสู้ครั้งใหญ่เกิดขึ้นที่นี่!”
“เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?”
สามผู้อมตะเผ่ามู่หลานที่ตามมาด้านหลังเห็นฉากนี้และตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์
คนทั้งสี่ตรวจสอบสนามรบและค้นพบบางสิ่ง
วิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งข้อมูลถูกฝังไว้ใต้ดินและดูเหมือนมันจะเป็นข้อความที่ถูกทิ้งไว้ก่อนตายของหยุนเหลียง
“ชิงซื่อ เจ้าต้องเตรียมใจให้ดี” ผู้อมตะเผ่ามู่หลานมองมู่หลานชิงซื่อด้วยความกังวล
สภาพของนางไม่ดีนัก โดยเฉพาะเมื่อนางมองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูล จิตใจของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
แต่ในที่สุดนางก็ยังตรวจสอบมันด้วยมือที่สั่นเทา
หลังจากได้รับข้อมูล นางตะโกน “ฟางหยวน ข้าจะไม่ยกโทษให้เจ้า!”
เสียงของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความโศกเศร้าขณะที่หัวใจของผู้อมตะเผ่ามู่หลานสั่นสะท้านขึ้น
“พรวด!”
มู่หลานชิงซื่อกระอักเลือดออกมาและทรุดตัวลง แต่ความโกรธและความโศกเศร้าในใจของนางยังรุนแรงมากกระทั่งนางหมดสติลง
ผู้อมตะเผ่ามู่หลานเร่งเข้าไปช่วย
นางไม่ได้รับบาดเจ็บ มันเป็นเพียงความเจ็บปวดทางจิตใจที่รุนแรงเกินไปเท่านั้น
สามผู้อมตะเผ่ามู่หลานตัดสินใจตรวจสอบเนื้อหาที่อยู่ในวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูล
วิญญาณดวงนี้บันทึกฉากการต่อสู้ครั้งสุดท้ายในชีวิตของหยุนเหลียง คู่ต่อสู้ของเขาคือมังกรดาบบรรพกาล!
มังกรดาบบรรพกาลตัวนี้สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะและยังมีวิธีป้องกันที่สามารถสะท้อนการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม
ตัวตนของมันแทบจะระบุได้อย่างแน่นอนแล้ว ทั้งสามผู้อมตะนึกถึงชื่อของคนผู้หนึ่งขึ้นมาทันที
หลิวกวนซื่อ!
แต่หลิวกวนซื่อมีความสัมพันธ์กับฟางหยวนอย่างไร?
พวกเขาตรวจสอบต่อไปและตระหนักได้ในตอนท้ายของการต่อสู้เมื่อมังกรดาบบรรพกาลกลายเป็นมนุษย์ เขาคือหลิวกวนซื่อที่โจมตีหยุนหลียงอย่างเหี้ยมโหด
หยุนเหลียงสาปแช่ง “หลิวกวนซื่อ เราไม่มีความเกลียดชังหรือความคับข้องใจ แต่เจ้ากำลังทำลายชีวิตของข้า ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแม้ข้าจะกลายเป็นผี!”
หลิวกวนซื่อเย้ยหยัน “น่าเสียดายที่เจ้าจะไม่มีโอกาสกลายเป็นผี ไปตายซะ โอ้ ถูกต้อง หลิวกวนซื่อเป็นเพียงนามแฝงของข้าเท่านั้น ชื่อจริงของข้าคือฟางหยวน!”
“ฟางหยวน!” หยุนเหลียงประหลาดใจ
ฟางหยวนหัวเราะ “ฮืม! การได้รู้ชื่อจริงของข้าก่อนตายถือเป็นเกียรติของเจ้า เพราะในอนาคตชื่อของข้าจะโด่งดังไปทั่วทั้งสวรรค์พิภพ!”
สามผู้อมตะเผ่ามู่หลานปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมา
“แท้จริงแล้วหลิวกวนซื่อก็คือฟางหยวนและฟางหยวนก็คือหลิวกวนซื่อ พวกเขาเป็นคนๆเดียวกัน!”
“บัดซบ! หลิวกวนซื่อ ไม่ ฟางหยวน เขากล้าสังหารหยุนเหลียง เขาไม่แยแสเผ่ามู่หลานของข้าแม้แต่น้อย!”
หนึ่งในสามผู้อมตะกำหมัดแน่นและไม่สามารถระงับความโกรธ
แต่อีกสองคนกลับนิ่งเงียบ
“เหตุใดพวกเจ้าไม่กล่าวสิ่งใดบ้าง?” ผู้อมตะคนที่โกรธถาม
ผู้อมตะอีกสองคนถอนหายใจ หนึ่งในนั้นกล่าว “ฟางหยวนเป็นปีศาจต่างโลกที่ทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง เขายังเป็นหลิวกวนซื่อที่สามารถกำหราบแม่น้ำหวนคืนและครอบครองพลังการต่อสู้ระดับแปด เขาทำให้เผ่าเย่หลิวและเผ่าลั่วขุ่นเคือง แต่ลองดูว่าตอนนี้เผ่าเหล่านั้นเป็นอย่างไร?”
“แม้พวกเขาจะออกประกาศจับฟางหยวน แต่หลังจากการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน ทั้งสองเผ่าก็หยุดเคลื่อนไหวและไม่กล้าสร้างปัญหาให้ฟางหยวนอีก ข้าเกรงว่าเผ่ามู่หลานของเรา…”
ดวงตาของผู้อมตะที่โกรธเบิกกว้าง เขาตะโกน “จะกลัวสิ่งใด? เราเป็นทายาทของเทพอมตะตะวันเดือด พวกเรามีผู้อมตะมากมาย เราจะกลัวปีศาจต่างโลกได้อย่างไร? เราต้องแก้แค้น! เราต้องแสดงให้พวกเขาเห็นพลังอำนาจของฝ่ายธรรมะของภาคเหนือ!”
ผู้อมตะอีกสองคนมองหน้ากันด้วยความขมขื่น
“แม้จะผ่านไปหลายปีแต่มู่หลานชิงเฉิงยังเหมือนเดิม” ทั้งสองลอบสนทนากันอย่างลับๆ
“อย่าใส่ใจเขา เรื่องนี้ไม่ง่าย งานแต่งของชิงซื่อและหยุนเหลียงไม่ได้เป็นเรื่องของเผ่ามู่หลานเท่านั้น มันเกี่ยวข้องกับถ้ำสวรรค์นิรันดรเช่นกัน หากไม่จัดการอย่างเหมาะสม มันอาจสร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่! เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้อมตะระดับหกเช่นพวกเราจะสามารถเข้าร่วม หากไม่ระวัง เราอาจถูกกระแสน้ำวนกลืนกินและตายโดยปราศจากซากศพ!”
“เจ้าพูดถูก เรื่องเร่งด่วนตอนนี้คือรายงานสถานการณ์และเบาะแสสำคัญต่อผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง”
…..
แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เมืองเมฆา
ในห้องลับฟางหยวนนั่งไขว้ขาปิดเปลือกตาอยู่บนพื้น
เขากำลังเพ่งจิตเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
วิญญาณอมตะล้างใจลอยอยู่กลางอากาศและมีวิญญาณระดับมนุษย์อีกหลายดวงบินอยู่รอบๆ
วิญญาณเหล่านี้ปลดปล่อยแสงสีขาวออกมาหลังจากถูกกระตุ้นใช้งาน
รัศมีแสงส่องลงบนร่างผีดิบอมตะ
มันคือร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งของฟางหยวน
ร่างผีดิบอมตะไม่ส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่ฟางหยวนไม่แปลกใจเพราะเขายังไม่ได้ทำขั้นตอนสำคัญ
เขากำลังทำความคุ้นเคยกับท่าไม้ตายอมตะนี้และพยายามสร้างเสถียรภาพ
หลังจากไม่กี่นาทีฟางหยวนรู้สึกพึงพอใจ
เขานำดวงวิญญาณของผู้อมตะระดับเจ็ดออกมา
มันคือดวงวิญญาณของเย่หลิวชุนซิง ผู้อมตะระดับเจ็ดของเผ่าเย่หลิว
ดวงวิญญาณของเย่หลิวชุนซิงอาจรู้สึกถึงอันตราย ดังนั้นมันจึงดิ้นรนอย่างหนัก
แต่มันไร้ประโยชน์
โดยไม่ต้องกล่าวถึงฟางหยวนในปัจจุบันที่ครอบครองมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ กระทั่งก่อนหน้านี้เขาก็สามารถกำหราบดวงวิญญาณนี้ได้อย่างง่ายดาย
เย่หลิวชุนซิงทรงพลังเมื่อยังมีชีวิตอยู่ แต่นี่เป็นเพียงดวงวิญญาณ แล้วเขาจะทำสิ่งใดได้?