แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ทวีปเมฆา
ฟางหยวนอยู่เพียงลำพังบนลานกว้าง
เขาสูดหายใจลึกและสงบจิตใจก่อนจะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะ
‘ความคิดอุกกาบาตเพลิง’ ฟางหยวนกล่าวในใจ
ดวงตาของเขาส่องแสดงสีม่วงขณะที่หินอุกกาบาตขนาดเล็กปรากฏขึ้นรอบตัวเขา
หินอุกกาบาตเหล่านี้ลุกเป็นไฟแต่มันไม่มีความร้อน
“ไป” ฟางหยวนตะโกน หินอุกกาบาตที่ลอยอยู่รอบๆพุ่งออกไป
อุกกาบาตเพลิงขยายใหญ่ขึ้นนับร้อยนับพันเท่าในครั้งเดียว ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยหินเหล่านี้
ต่อมาพวกมันก็พุ่งลงบนพื้นเมฆและทำให้เกิดทุ่งเพลิงที่ไร้ความร้อนและไร้เสียง
หลังจากทั้งหมดพวกมันไม่ใช่หินอุกกาบาตที่แท้จริงแต่เกิดจากกลุ่มก้อนความคิด
นี่คือท่าไม้ตายอมตะสายโจมตีของราชันภูเขาม่วง ความคิดอุกกาบาตเพลิง
จากนั้นฟางหยวนก็ชี้นิ้วออกไป
เปลวเพลิงดับลงขณะที่ดอกไม้ผลิบานขึ้นจากหลุมอุกกาบาตและทำให้เกิดทุ่งดอกไม้หลากหลายสีสัน
มันคือท่าไม้ตายอมตะความคิดดอกไม้เบ่งบานของราชันภูเขาม่วง
“น่าเสียดายที่เป้าหมายของข้าไม่ใช่ผู้อมตะ ดินเมฆไม่มีความคิด ดอกไม้เหล่านี้ไร้ประโยชน์และมีไว้เพื่อตกแต่งเท่านั้น” ด้วยเจตจำนงของฟางหยวน ทุ่งดอกไม้หายไปทันที
ร่างของฟางหยวนสั่นเบาๆ
ท่าไม้ตายอมตะร่างแยกความคิด!
ทันใดนั้นร่างแยกจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้น
ภายในไม่กี่ลมหายใจ พวกมันก็เพิ่มขึ้นนับแสนร่าง
ร่างจริงของฟางหยวนซ่อนอยู่ท่ามกลางพวกมันและไม่สามารถตรวจพบหากปราศจากท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบที่ทรงพลัง
ท่าไม้ตายนี้คล้ายกับท่าไม้ตายดั้งเดิมของฟางหยวน
นั่นคือหมื่นตัวตนและใบหน้าที่คุ้นเคย
แต่ท่าไม้ตายอมตะของราชันภูเขาม่วงเหนือกว่าเพราะมันเกิดจากท่าไม้ตายเดียวขณะที่ส่งผลลัพธ์เทียบเท่ากับสองท่าไม้ตายอมตะของฟางหยวนและใช้พลังงานอมตะน้อยกว่า
ยังมีข้อได้เปรียบอีกหนึ่งประการ ท่าไม้ตายอมตะร่างแยกความคิดสร้างร่างแยกได้เร็วกว่าท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตน
แต่ข้อเสียของมันคือร่างแยกเหล่านี้ไม่มีพลังโจมตี พวกมันมีไว้เพื่อปกปิดร่างจริงเท่านั้น แต่ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนสามารถสร้างร่างแยกที่มีพลังโจมตีเป็นของตัวมันเอง
ฟางหยวนหยุดใช้ร่างแยกความคิดก่อนจะส่งหมอกออกจากฝ่ามือ
นี่คือท่าไม้ตายอมตะหมอกสับสน มันจะทำให้ผู้อมตะสูญเสียการรับรู้ทิศทาง
ต่อมาฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะเกราะความคิด
หลังจากนั้นเขายังใช้ท่าไม้ตายอมตะแสงแห่งปัญญาสีม่วง!
มันเป็นท่าไม้ตายที่ซับซ้อนที่สุดแต่ก็ทรงพลังที่สุดเช่นกัน
มันอนุญาตให้ผู้ใช้งานได้รับข้อมูลและเรียนรู้ท่าไม้ตายของศัตรู
เมื่อมันรวบรวมข้อมูลได้มากพอ ฟางหยวนจะสามารถใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาเพื่อจัดการท่าไม้ตายของศัตรูระหว่างการต่อสู้
สุดท้ายยังมีท่าไม้ตายอมตะสลายเจตจำนงที่สามารถคลี่คลายท่าไม้ตายของฝ่ายตรงข้าม
ฟางหยวนพยายามใช้มันแต่เขาประสบความสำเร็จหลังจากความพยายามครั้งที่สาม
ระหว่างกระบวนการนี้เขาได้รับบาดเจ็บ
แต่ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า เขาไม่กลัวอาการบาดเจ็บดังกล่าว
‘หลังจากฝึกฝนมาหลายวัน ข้าก็เข้าใจวิธีการของราชันภูเขาม่วงเกือบทั้งหมด’ ฟางหยวนคิด
ตอนนี้ผ่านมาครึ่งเดือนแล้วตั้งแต่เซี่ยเอ๋อมาหาเขา
ในช่วงเวลาเหล่านี้ฟางหยวนบ่มเพาะจิตวิญญาณและสามารถสะสมรากฐานได้ถึงระดับสิบล้านคนแล้ว
การพัฒนามิติช่องว่างเป็นไปอย่างราบรื่นและมั่งคง
นอกเหนือกจากนี้เขายังฝึกท่าไม้ตายอมตะ
การฝึกใช้ท่าไม้ตายอมตะเป็นเรื่องจำเป็น เนื่องจากการกระตุ้นใช้งานแต่ละครั้งมีความเสี่ยง หากมันล้มเหลว ตัวผู้ใช้งานจะได้รับอันตราย
ฟางหยวนมีมรดกจำนวนนับไม่ถ้วนและมีท่าไม้ตายอมตะอยู่มากมาย
อย่างไรก็ตามพื้นฐานของท่าไม้ตายอมตะคือวิญญาณอมตะ ฟางหยวนตัดสินใจฝึกฝนท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของราชันภูเขาม่วงเป็นอันดับแรกเพราะเขามีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาบางส่วนของราชันภูเขาม่วง
ราชันภูเขาม่วงเป็นร่างแยกรุ่นแรกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ วิธีการของเขาทรงพลังและสามารถแข่งขันกับราชันมังกร
แม้ฟางหยวนจะไม่ได้รับวิญญาณอมตะทั้งหมดของราชันภูเขาม่วง แต่เขายังสามารถใช้แสงแห่งปัญญาเพื่อดัดแปลงท่าไม้ตายเหล่านั้น
หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกฝนประจำวัน ฟางหยวนไปหาวิญญาณสติปัญญา
เขานั่งอยู่ด้านหน้าวิญญาณสติปัญญาและอาบแสงแห่งปัญญาเพื่อสรุปผลการฝึกฝนในครั้งนี้
ทุกครั้งหลังจากการฝึกฝน เขาจะทบทวนประสบการณ์ที่ได้รับและพัฒนาท่าไม้ตายให้ดีขึ้นไปอีก
โดยปกติแล้วการสร้างท่าไม้ตายขึ้นอยู่กับประสบการณ์ นิสัย และบุคลิกของผู้อมตะ
ท่าไม้ตายของผู้อื่นอาจไม่เหมาะสมกับตนเอง
ครู่ต่อมาฟางหยวนก็หยุดคิด ตอนนี้ไม่มีสิ่งใดที่เขาสามารถทำได้อีกต่อไป
‘หลังจากฝึกฝนและปรับเปลี่ยนมาหลายวัน ในที่สุดข้าก็ถึงขีดจำกัดแล้ว เพียงเมื่อความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของข้ายกระดับขึ้น ข้าจึงจะสามารถพัฒนาท่าไม้ตายเหล่านี้ได้อีกครั้ง’
ฟางหยวนไม่ฝืนตัวเอง
แต่การอนุมานในครั้งนี้ไม่ได้มุ่งเน้นที่เรื่องนี้ เขาพยายามสร้างท่าไม้ตายอมตะกินความแข็งแกร่ง
เดิมทีฟางหยวนมีวิญญาณอมตะกินความแข็งแกร่ง มันอนุญาตให้เขาดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าด้วยการกินเนื้อสัตว์อสูรบนเส้นทางควาแข็งแกร่ง แต่น่าเสียดายที่มันถูกทำลายไปแล้ว
แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ฟางหยวนมีวิญญาณอมตะมากมายและด้วยการพึ่งพาแสงแห่งปัญญา เขาสามารถคิดค้นท่าไม้ตายอมตะกินความแข็งแกร่ง
มันสามารถใช้ทดแทนวิญญาณอมตะกินความแข็งแกร่ง
‘การอนุมานประสบความสำเร็จในที่สุด!’ ฟางหยวนรู้สึกพึงพอใจมาก
เขาเริ่มอนุมานท่าไม้ตายนี้เมื่อหกวันก่อน สุดท้ายเขาก็ประสบความสำเร็จ
ท่าไม้ตายอมตะกินความแข็งแกร่งใช้วิญญาณอมตะอาหารว่างระดับหกเป็นแกนกลางและมีวิญญาณอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งอื่นๆเป็นส่วนสนับสนุนเพื่อทำให้มันกลายเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง
ประสิทธิภาพของมันเหนือกว่าวิญญาณอมตะกินความแข็งแกร่งระดับหก แต่มันมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะท่าไม้ตายนี้พึ่งพาวิญญาณอมตะหลายดวงขณะที่วิญญาณอมตะกินความแข็งแกร่งสามารถทำสิ่งนี้ได้ด้วยตัวมันเอง
สรุปแล้วมีข้อดีก็มีข้อเสีย
ในวันต่อๆมา นอกจากการฝึกท่าไม้ตายอมตะของราชันภูเขาม่วง ฟางหยวนยังใช้ท่าไม้ตายอมตะกินความแข็งแกร่งเพื่อเพิ่มร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งให้กับตนเองอีกด้วย
เขามีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด มันมีประมาณห้าหมื่นร่องรอย ตามมาด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งน้ำแข็งและหิมะ เส้นทางแห่งโชค เส้นทางแห่งพลังปราณ และเส้นทางแห่งเสียง พวกมันมีมากกว่าหมื่นร่องรอย
เขามีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งไม่มาก เขาไม่เคยเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่เกี่ยวกับเส้นทางความแข็งแกร่ง แดนศักดิ์สิทธิ์ที่เขากลืนกินเข้ามาก็ไม่ได้มาจากเส้นทางความแข็งแกร่ง
ดังนั้นเขาจึงต้องการแก้ไขปัญหานี้
หลังจากไตร่ตรอง ฟางหยวนเลือกเส้นทางความแข็งแกร่ง
ท่าไม้ตายที่ทรงพลังที่สุดของเขาคือเกราะหวนคืนและหมื่นมังกร เกราะหวนคืนเป็นการป้องกัน หมื่นมังกรเป็นการโจมตี แต่ทั้งสองล้วนเกี่ยวข้องกับเส้นทางความแข็งแกร่ง การเพิ่มร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งจะช่วยเพิ่มพลังการต่อสู้ของเขาอย่างชัดเจน
สำหรับท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของราชันภูเขาม่วง พวกมันจะช่วยเพิ่มความหลากหลายในการต่อสู้กับสถานการณ์ต่างๆ แต่สิ่งที่กำหนดความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขามีเพียงเกราะหวนคืน
ฟางหยวนฝึกฝนอย่างหนักและใช้เวลาทุกวินาทีเพื่อมุ่งสู่จุดหมาย
สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยเช่นนี้หาได้ยากมาก
ตั้งแต่กำเนิดใหม่ นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางหยวนมีโอกาสยกระดับความแข็งแกร่งและรากฐานของตนเองอย่างเต็มที่
พัฒนามิติช่องว่าง ฝึกฝนท่าไม้ตาย บ่มเพาะจิตวิญญาณ ฟางหยวนเติบโตขึ้นในทุกวัน
ความเร็วในการพัฒนาของเขาไม่มีผู้ใดเสมอเหมือน กระทั่งจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาายังลอบตกตะลึงอยู่อย่างลับๆ
นี่คือสิ่งที่วังสวรรค์ทำนายไว้ หลังจากได้รับมรดกของนิกายเงา รากฐานของฟางหยวนจะลึกเกินหยั่งถึง เมื่อเขาสามารถใช้มัน ความแข็งแกร่งของเขาจะพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตั้งแต่เซี่ยเอ๋อเข้ารับการทดสอบ นางทำหน้าที่อย่างเชื่อฟังและขยันหมั่นเพียร แม้พลังการต่อสู้ของนางจะไม่เพียงพอ แต่นางมีทักษะด้านการตรวจสอบที่โดดเด่น นางสามารถทำงานร่วมกับนิกายเงาและล่าวิญญาณให้ฟางหยวนได้มากมาย
ฟางหยวนแสดงทัศนคติที่เย็นชาต่อการแต่งงานทำให้เกิดความขัดแย้งภายในเผ่ามนุษย์หิมะ ปิงหยวนซึ่งเป็นยายของเซี่ยเอ๋อเสนอให้มอบของขวัญให้กับฟางหยวนเพื่อแสดงความปรารถนาดีอีกครั้ง แต่กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะที่นำโดยปิงเฟิงคัดค้าน พวกเขารู้สึกว่าราคาของการแต่งงานกับฟางหยวนสูงเกินไป
เนื่องจากภารกิจสำรวจไท่ชิวของนิกายหลางหยาดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงมีความสุขและพอใจกับฟางหยวนมาก
วันนี้ขณะที่ฟางหยวนกำลังดูแลมิติช่องว่าง เขาได้รับคำร้องขอความช่วยเหลืออย่างกะทันหัน
เมื่อเขาเปิดเปลือกตาขึ้น จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็มาหาเขา
“ผู้อาวุโสฟางหยวน รีบไปช่วยเร็วเข้า สัตว์อสูรแรกกำเนิดปรากฏตัวขึ้นในไท่ชิว ผู้อมตะหลายคนของนิกายกำลังเผชิญหน้ากับมัน!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเต็มไปด้วยความกังวล