เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1166 อสรพิษขาว
แปลโดย iPAT
“เข้ามา แม้ต้องตายข้าก็จะตายในสนามรบ!” เย่ฟานตะโกนด้วยดวงตาส่องประกาย
กลุ่มผู้ใช้วิญญาณปีศาจเลียริมฝีปากของตน พวกเขาต้องการพุ่งเข้าสังหารและหั่นร่างของเย่ฟานออกเป็นชิ้นๆ
แต่ไป่หนิงปิงกลับกล่าวว่า “ไม่ใช่ว่ามันน่าเบื่องั้นหรือหากสังหารเขาโดยตรง? เข้าไปทีละคน”
คำกล่าวเหล่านี้ช่วยชีวิตเย่ฟานเอาไว้ มันทำให้เวลาตายของเขาล่าช้าออกไป
หลังจากใช้เวลากับไป่หนิงปิงมาพอสมควร กลุ่มผู้ใช้วิญญาณปีศาจเริ่มเข้าใจบุคลิกของนาง บางคนประกาศ “เนื่องจากนายท่านปีศาจขาวต้องการชมการแสดงและอนุญาตให้พวกเราสังหารคนผู้นี้ ตราบเท่าที่นายท่านมีความสุข มันก็ถือเป็นเกียรติและวาสนาของข้าแล้ว”
ได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ ผู้ใช้วิญญาณปีศาจคนอื่นๆรู้สึกอิจฉามาก พวกเขาเสียโอกาสที่ดีที่สุดที่จะกล่าวประโยคประจบประแจงเหล่านี้ไปแล้ว
แต่ในไม่ช้าความคิดของพวกเขากลับเปลี่ยนแปลงไป
เย่ฟานที่ตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังสามารถปลดปล่อยพลังอันยิ่งใหญ่ออกมาสังหารผู้ใช้วิญญาณปีศาจทีละคน
“น่าสนใจ” ไป่หนิงปิงเฝ้ามองการต่อสู้ทั้งหมดขณะพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่ราวกับผู้คนเหล่านั้นไม่ใช่ลูกน้องของนางแต่เป็นคนแปลกหน้า
เย่ฟานรู้สึกรังเกียจ ‘ปีศาจขาวอาจดูงดงามแต่จิตใจของนางชั่วร้ายมาก นางไม่สามารถเปรียบเทียบกับท่านหญิงซินซื่อ ปีศาจดำที่อยู่กับนางก็คงไม่ใช่คนดีเช่นกัน!’
“อา…” ทันใดนั้นเย่ฟานกลับส่งเสียงกรีดร้องออกมา
ปรากฏว่าแขนขวาของเขาถูกแทงด้วยหอกน้ำแข็ง เลือดไหลทะลักออกมาแต่มันกลับถูกแช่แข็งอย่างรวดเร็ว
แขนขวาของเขาไร้ประโยชน์ไปแล้ว
“เอาล่ะ ต่อไป” ไป่หนิงปิงกล่าวเสียงเรียบ
ขวัญกำลังใจของกลุ่มผู้ใช้วิญญาณปีศาจพุ่งสูงขึ้น
ผู้ใช้วิญญาณปีศาจอีกสองสามคนเข้าสู่สนามรบและใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของเย่ฟาน
อย่างไรก็ตามแม้เย่ฟานจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็ยังต่อสู้โดยไม่สนใจชีวิต ในทางตรงข้ามผู้ใช้วิญญาณปีศาจทุกคนล้วนหวาดกลัวต่อความตาย พวกเขาไม่กล้าต่อสู้โดยตรงและเริ่มตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
บางคนพ่ายแพ้ขณะที่บางคนถูกสังหาร
“ไร้ประโยชน์!” ดวงตาของไป่หนิงปิงส่องประกายขึ้น
ผู้ใช้วิญญาณปีศาจที่พ่ายแพ้แต่ยังมีชีวิตอยู่ถูกแช่แข็งและตายในจุดเกิดเหตุ
ไป่หนิงปิงดุร้ายและโหดเหี้ยมมาก กระทั่งเย่ฟานยังรู้สึกหนาวสั่นอยู่ในหัวใจ
ไป่หนิงปิงกวักมือขวาเบาๆ มนุษย์หิมะทั้งสี่สังเกตเห็นและลดเก้าอี้ไม่ไผ่ลง
ไป่หนิงปิงยืนขึ้นอย่างช้าๆและมองไปที่เย่ฟานด้วยมือไพล่หลัง
กลุ่มผู้ใช้วิญญาณปีศาจดีใจมากเมื่อเห็นไป่หนิงปิงกำลังจะเข้าสู่การต่อสู้
เย่ฟานเผยรอยยิ้มขมขื่น ความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวของไป่หนิงปิงทำให้เขารู้สึกสิ้นหวัง “มีคนที่แข็งแกร่งกว่าเสมอ ข้ามั่นใจในตัวเองมากเกินไป ข้าสมควรพบกับชะตากรรมนี้และตายที่นี่ แต่ก่อนที่ข้าจะตาย เจ้าช่วยตอบคำถามของข้าได้หรือไม่?”
“โอ้” ไป่หนิงปิงประเมินเย่ฟานและกล่าวเสียงเรียบ “เจ้าค่อนข้างกล้าหาญ มีไม่กี่คนที่ไม่หวั่นไหวเมื่อเผชิญหน้ากับความตาย ดีมาก พูดมา”
“ข้าอยากรู้ว่าปีศาจดำเป็นคนเช่นไร?” เย่ฟานถามคำถามที่ฝังลึกอยู่ในหัวใจ
ไป่หนิงปิงขมวดคิ้ว เดิมทีการแสดงออกของนางเย็นชาตลอดเวลา แต่ตอนนี้การแสดงออกของนางกลับเปลี่ยนแปลงไป
“เขา…” ไป่หนิงปิงมองขึ้นไปบนดวงจันทร์
เย่ฟานตั้งใจฟัง
แต่ไป่หนิงปิงกลับเผยสายตาเย้ยหยันและเย็นชาในเวลาต่อมา
เย่ฟานจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้างขณะที่เขาถูกแช่แข็งในพริบตา
ไป่หนิงปิงมองท้องฟ้ายามค่ำคืนและดวงจันทร์ที่สว่างไสว หลังจากไม่กี่ลมหายใจนางก็ถอนสายตากลับมา
เย่ฟานถูกแช่แข็งอย่างสมบูรณ์ เขาตายแล้ว!
กลุ่มผู้ใช้วิญญาณปีศาจรู้สึกหวาดกลัวไปถึงขั้วหัวใจ
แต่เมื่อไป่หนิงปิงก้าวเท้าออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าว แสงสีดำกลับปรากฏขึ้นมาจากด้านหลังของนาง
“หือ?” รูม่านตาของนางหดเล็กลง นางเห็นร่างสี่ร่างปรากฏขึ้นด้านหลังเย่ฟาน
ท่ามกลางพวกเขามีผีดิบอมตะที่น่าเกลียดน่ากลัวผู้หนึ่งวางมือไว้บนไหล่ของเย่ฟาน
เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะที่แปลกประหลาดบางอย่าง
เส้นขนทั่วร่างของไป่หนิงปิงตั้งชันขึ้น เจตจำนงแห่งการต่อสู้ของนางปะทุขึ้นถึงจุดสูงสุด!
กลิ่นอายของผู้อมตะพุ่งออกมาจากร่างของนาง จากนั้นนางก็กลายเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาและสง่างาม
“ฮ่าฮ่า ไป่หนิงปิง มิติช่องว่างเทียมของเจ้าถูกมอบให้โดยนิกายเงาของข้า มันสามารถกำหราบร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงในร่างของเจ้าและทำให้เจ้าคืนสภาพเป็นผู้ชาย มันยังอนุญาตให้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะเทียมและสามารถผลิตองุ่นเขียวอมตะ เจ้าสามารถหลอมรวมและใช้วิญญาณอมตะได้เช่นกัน แต่ตอนนี้เจ้าต้องการใช้มิติช่องว่างเทียมเพื่อต่อสู้กับข้างั้นหรือ?” อิงอู๋เซี่ยหัวเราะเบาๆ
“สมาชิกนิกายเงา?” ไป่หนิงปิงมองอิงอู๋เซี่ยด้วยสายตาเย็นชา
ขณะที่เขากล่าวถ้อยคำเหล่านี้ เย่ฟานก็ฟื้นขึ้นอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือจากอิงอู๋เซี่ย น้ำแข็งรอบตัวเขาละลายกลายเป็นน้ำขณะที่เขาทรุดตัวลงบนพื้นด้วยความอ่อนแรง
ความรู้สึกฟื้นคืนจากความตายทำให้เย่ฟานรู้สึกสยดสยอง
สภาพจิตใจของเขาได้รับผลกระทบอย่างหนักและทำให้เขาไม่สามารถควบคุมตนเอง
“เจ้าไม่สามารถสังหารคนผู้นี้” อิงอู๋เซี่ยมองเย่ฟาน
เขามีวิญญาณอมตะตรวจสอบโชค เขาสามารถเห็นโชคดีของเย่ฟาน
ตั้งแต่หลบหนีออกจากทะเลตะวันออก อิงอู๋เซี่ยซ่อนตัวอยู่ในมิติช่องว่างของซื่อหนิวและวางแผนรับมือท่าไม้ตายสายตรวจสอบของฟางหยวนมาตลอด
อิงอู๋เซี่ยไม่มีความสำเร็จมากนัก แต่หลังจากอิงอู๋เซี่ยเห็นเย่ฟาน เขาตระหนักว่าโชคของเย่ฟานเชื่อมต่อกับพวกเขา
‘ฟางหยวนเป็นเจ้าของวิญญาณกาลเวลาและเป็นเครื่องมือของเจตจำนงสวรรค์ เขาย้อนเวลากลับมาและรู้ว่าผู้ใดโชคดี การฆ่าเย่ฟานจะเป็นอันตรายต่อโชคดีของข้า’
‘สำหรับไป่หนิงปิง เขาอยู่ภายใต้ข้อตกลงพันธมิตรของนิกายเงา ข้าไม่ต้องกลัวว่าเขาจะหักหลังพวกเรา นอกจากนี้เขายังมีร่างสุดยอดกายา เขาจะเป็นประโยชน์ในการช่วยร่างหลักของข้า’
อิงอู๋เซี่ยคิดเรื่องเหล่านี้ขณะที่เขาโยนวิญญาณระดับห้าออกไป
“อสรพิษขาว!” ไป่หนิงปิงรับมันไว้ด้วยความงุนงง
“นี่เป็นเบาะแสสำคัญในการเดิมพันครั้งเก่าของนักสำรวจห้าเซียง ไป่หนิงปิง เจ้าเป็นทายาทคนสุดท้ายของไป่เซียง เจ้ามีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมในการเดิมพัน” อิงอู๋เซี่ยกล่าวอย่างช้าๆ
ไป่หนิงปิงเงียบก่อนจะเปิดปากถาม “นี่คือเหตุผลที่นิกายเงาวางแผนผูกมัดข้างั้นหรือ?”
อิงอู๋เซี่ยไม่ตอบแต่เดินออกจากสถานที่แห่งนี้
ไห่ลั่วหลัน ซื่อหนิว และไท่เป่ยหยุนเฉิงติดตามไปอย่างใกล้ชิด
ไป่หนิงปิงกัดฟันแน่นแต่ยังเดินตามพวกเขาไป
เย่ฟานถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เขายังคุกเข่าอยู่บนพื้นและอ้าปากหอบหายใจอย่างหนักหน่วง
สำหรับผู้ใช้วิญญาณปีศาจทั้งหมด พวกเขากลายเป็นรูปปั้นก่อนที่สายลมจะพัดมาและทำให้พวกเขากลายเป็นโคลนสีดำที่เน่าเหม็นทิ้งไว้บนพื้น
…..
ภาคเหนือ เนินมังกรผงาด
“นายท่านมาช่วยพวกเราแล้ว นิกายชูของเรารู้สึกขอบคุณอย่างยิ่ง” ผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งทักทายฟางหยวนด้วยความเคารพ
ฟางหยวนพยักหน้าและมองคนผู้นี้
ก่อนที่ชูตู๋จะพบฟางหยวน เขาใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเลี้ยงดูผู้ใช้วิญญาณและช่วยให้พวกเขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะที่แดนน้ำแข็ง ด้วยวิธีนี้ชูตู๋จะสามารถฉกชิงความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง
เมื่อเวลาผ่านไปมีผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งถือกำเนิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ชูตู๋ปฏิบัติกับพวกเขาในฐานะสาวกและสร้างนิกายชูขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
‘แม้ชูตู๋จะสั่งสอนผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งเหล่านี้ แต่นี่ไม่ใช่เป้าหมายหลักของเขา ผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งที่ไม่มีวิญญาณอมตะไม่ถือเป็นภัยคุกคาม’ ฟางหยวนประเมินและกวาดตามองเนินมังกรผงาด
เนินดินแห่งนี้ไม่สูงนัก แต่มันเป็นดินแดนแห่งโชคลาภอย่างแท้จริง
เนินมังกรผงาดเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง มันทำให้สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ที่นี่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นสัตว์อสูรประเภทมังกร มีวิญญาณประเภทมังกรถือกำเนิดขึ้นมากมายเช่นวิญญาณมังกรทอง วิญญาณมังกรวารี วิญญาณมังกรพสุธา วิญญาณกรงเล็บมังกร วิญญาณลมหายใจมังกร วิญญาณไข่มุกมังกร และอื่นๆอีกมากมาย
น่าเสียดายที่หลังจากเผ่าไห่ถูกทำลาย สถานที่แห่งนี้ถูกกลุ่มผู้อมตะรื้อค้น
หลังจากไม่กี่เดือนเผ่าไป่ซูเข้าควบคุมสถานที่แห่งนี้อีกครั้ง พวกเขาส่งผู้อมตะบางคนมาปกป้องและคืนสภาพมันให้รุ่งโรจน์เช่นในอดีต
นี่เป็นหนึ่งในแหล่งทรัพยากรที่สำคัญของเผ่าไป่ซู
“ข้าตรวจสอบมาอย่างชัดเจนแล้วว่าเดิมทีสถานที่แห่งนี้อยู่ภายใต้การดูแลของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สี่ของเผ่าไห่ แต่ทรัพยากรทั้งหมดถูกยึดครองไปโดยผู้อมตะเผ่าไป่ซูเมื่อเร็วๆนี้”
“ฮ่าฮ่า ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สี่ของเผ่าไห่เป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่ผู้อมตะเผ่าไป่ซูกลับส่งเพียงผู้อมตะระดับหกมาที่นี่ มันถือเป็นเรื่องดีสำหรับพวกเราที่จะบุกโจมตีสถานที่แห่งนี้!”
“ทุกคนประจำตำแหน่ง เราจะบุกโจมตีและต่อสู้ในสนามรบแรก!”
“ตราบเท่าที่พวกเราสามารถสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ให้กับเผ่าไป่ซู จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจะระวังตัวและยอมแพ้ในการบุกถ้ำสวรรค์ไห่ฟานในที่สุด!”
ผู้อมตะนิกายชูกล่าวด้วยความตื่นเต้น
หากจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษเหมือนก่อนหน้า ชูตู๋อาจยอมแพ้ไปแล้ว
แต่ตอนนี้เขากลายเป็นผู้นำกองกำลังฝ่ายธรรมะ แม้เขาจะสามารถขยายอาณาเขต แต่มันก็เป็นจุดอ่อนของเขาเช่นกัน
เช่นเดียวกับกองกำลังพันธมิตรผีดิบในอดีตที่ต้องการแก้แค้นปีศาจอมตะเซี่ยหู นางมารผลาญสวรรค์ไม่กล้าต่อสู้กับเขาโดยตรงแต่นางใช้วิธีสร้างปัญหาให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา นั่นทำให้ปีศาจอมตะเซี่ยหูไม่สามารถอดทนและต้องยอมแพ้ต่อกองกำลังพันธมิตรผีดิบในที่สุด
ชูตู๋มีทั้งสมองและมัดกล้ามเนื้อ กลยุทธ์ของเขาเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู
อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงจะขึ้นอยู่กับความเสียหายที่ฟางหยวนและผู้อมตะนิกายชูสามารถทำได้